สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน - บทที่ 1536 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่ 1376
แช่ถิงถิงเห็นเย่เนี่ยนโม่ ก็เป็นฝ่ายทักทายเขาก่อน “คุณเป็นแขกรับเชิญที่คาดไม่ถึงที่สุดของรายการนี้เลย
เย่เนี่ยนโม่ยืนอยู่ตรงข้ามกับติงยียี แล้วมองมาที่เธออย่างกำเริบเสิบสาน “หวังว่าจะไม่ดึงเรตติ้งลงมานะ”
แช่ถิงถิงหัวเราะเบาๆ ออกมา ทางฝั่งของหูเพ่ยเพ่ยกับหลินกึ่ง ก็มองมาตรงนี้อย่างสนอกสนใจ ติงยียีรู้สึกว่าฝั่งตรงข้ามมีสายตาที่ร้อนแรงมองมา สายตานั้นดูเผด็จการและเต็มไปด้วยความปรารถนาที่จะครอบครอง
เธอเงยหน้าขึ้น หลังจากนั้นก็นิ่งค้าง ระหว่างพวกเขาห่างกันโดยมีเพียงโต๊ะสามตัวกั้นไว้ เขายืนอยู่ตรงนั้น มองด้วยสายตาอึมครึม ทำให้สมองของเธอว่างเปล่า แม้กระทั่งพูดไม่ออกไปสักพัก
“อันหรัน อันหรัน มาเซ็นชื่อให้ฉันหน่อย!” ตามมาด้วยเสียงตะโกนออกมาอย่างตื่นเต้น ความคิดของติงยียีย้อนกลับมา ถึงพบว่าตนเองจ้องเย่เนี่ยนโม่แบบไม่ละสายตาอยู่ตั้งนาน ส่วนเขาก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร เธอแสร้งทำเป็นนิ่งเงียบและเบือนสายตาออกไป แต่เท้ากลับยังคงอ่อนแรงเล็กน้อย ได้เพียงกดมืออยู่บนแท่นพิธีกรใช้เป็นที่ค้ำยัน
ที่ตรงนั้นเกิดความโกลาหลเล็กน้อย พนักงานเร่งให้เริ่มถ่ายทำ หูเพ่ยเพ่ยกับหลินกึ่งกล่าวทักทาย สามารถสร้างความประทับใจให้กับนักแสดงได้มากยิ่งขึ้น สิ่งนี้มีประโยชน์สำหรับการแสดงอย่างแน่นอน อันหรันกล่าวทักทายทั้ง2คน แล้วเดินตรงเข้าไปหาติงยียีบนใบหน้าของเขาปรากฏรอยยิ้มอบอุ่น “สวัสดี คุณติง ยอดขายตั๋วของเวทมนตร์ได้รับการตอบรับที่ดีเลยนะ ผู้กำกับหวูอยากจะเลี้ยงข้าวคุณมาโดยตลอด”
เห็นได้ชัดว่าติงยียีสัมผัสได้ถึงสายตาของเย่เนี่ยนโม่ที่จ้องมองมาที่ตัวเอง สายตานั้นทำให้เธอประหม่าอย่างควบคุมไม่ได้ แม้แต่อันหรันพูดกับเธออย่างเหินห่างทว่าเธอก็ไม่ได้สังเกต
อันหรันกวาดตามองเย่เนี่ยนโม่อย่างเงียบๆ แกล้งทำเป็นจับมือกับติงยียี ถือโอกาสตอนที่สองคนเข้าใกล้กันมากขึ้นพูดเสียงอู้อี้ “ยัยบ้า ไม่ต้องมองแล้ว ชอบเขามากฉันจะช่วยแย่งเขากลับมา”
ในที่สุดติงยียีถูกเขาทำให้หัวเราะแล้ว เย่เนี่ยนโม่ขมวดคิ้วอยู่ไม่ไกล ในตอนนี้ไฟในกลุ่มผู้ชมดับลงหมดแล้ว คนที่แผงควบคุมที่อยู่ในมุมมืดตะโกนออกมาเพื่อปรับไฟ
ท่ามกลางความมืดติงยียีก็รู้สึกว่ามีคนเข้ามาใกล้ เดินเข้ามาอย่างใจเย็น พร้อมด้วยกลิ่นอายของความอันตราย แขนของเธอถูกแรงในเงามืดดึงฉุดไป เธอทำได้เพียงแค่ก้าวตามแรงที่ฉุดเธอไปไม่กี่ก้าว ผู้กำกับตะโกนออกมาจากด้านข้าง “อีก10วิ!”
ทันใดนั้นแรงดึงที่แขนก็หายไปแล้ว ความร้อนหายไปแล้ว ใจของเธอหล่นวูบ ทันใดนั้นริมฝีปากสัมผัสได้ถึงเหมือนมีขนนกพาดผ่าน
เธอได้ยินเสียงอย่างชัดเจนว่าข้างกายเธอมีคนเดินไปมา แช่ถิงถิงกับหูเพ่ยเพ่ยกำลังคุยกันเรื่องการถ่ายทำอยู่ ผู้กำกับที่อยู่ด้านข้างก็ตะโกนออกมา “5”
“4”
แสงไฟทั้งหมดก็สว่างขึ้น ติงยียีตกใจจนแทบกรีดร้อง หูเพ่ยเพ่ยที่อยู่ไม่ไกล มองไปบนร่างที่ติงยียีที่อยู่ไกลจากอันหรันที่สุดอย่างแปลกประหลาด รู้สึกแปลกใจอยู่ในใจ เมื่อกี้ไม่ใช่ว่าเธออยู่ด้วยกันกับอันหรันหรอกหรือ งั้นเสียงฝีเท้าที่เธอได้ยินคือของใครกันล่ะ?
แร็ปเปอร์บอยยิ่งแปลกกว่าอีก คุณชายเย่เมื่อกี้ก็เห็นชัดๆ ว่ายืนอยู่ข้างตนเองไม่ผิดแน่ ทำไมถึงไปอยู่ข้างแช่ถิงถิงได้ล่ะ?
อันหรันที่อยู่ด้านข้างยิ้มอย่างมีเลศนัยมายังเย่เนี่ยนโม่ เย่เนี่ยนโม่ยกยิ้มขึ้นเบาๆ ทั้งสองคนสบตากัน สายตาเคลื่อนไปทางอื่นเพราะผู้หญิงคนเดียวกัน
พร้อมกับเสียงดนตรีอันร่าเริงก็ดังขึ้น แรปเปอร์ บอยถือไมโครโฟนกระโดดเข้ามาพูดกลางไลฟ์ “ท่านสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี ทั้งผู้ใหญ่และเด็ก ทั้งหญิงทั้งชาย แล้วยังมีเพศที่3ทุกคน ยินดีต้อนรับเข้าสู่รายการ Games!ดารา! ก่อนอื่นเลยตอนนี้มาทำความรู้จักคู่หูคนใหม่ของผม ดาวรุ่งในวงการโฆษณา ติงยียี”
ไฟส่องไปยังติงยียี เธอรีบหยิบไมโครโฟนขึ้นมาแล้วทำตามที่ชิวไป๋สอนตนเอง “ฉันไม่ได้เป็นเพียงเด็กใหม่ในวงการบันเทิง ยังเป็นเด็กใหม่ในรายการGames!ดารา!อีกด้วย หวังว่าทุกคนจะช่วยชี้แนะนะคะ”
“ยียีถ่อมตัวเกินไปเล้ว แต่คนที่ผมเชิญมาในวันนี้คือแขกรายใหญ่” แร็ปเปอร์บอย จงใจที่จะลดเสียงลง
ความตลกของเขาทำให้ติงยียีผ่อนคลายลงไม่น้อย ความรู้สึกก็เริ่มผ่อนคลาย เธอก็พูดตามน้ำไป “หรือคะ? มีใครบ้างหรือคะ?”
แร็ปเปอร์บอย กระโดดไปยังเวทีของแขกรับเชิญ กล้องก็เคลื่อนไหวไปตามการเคลื่อนไหวของเขา “เทพธิดาสาวน้อยแสนหวานหูเพ่ยเพ่ย ทุกคนมีความสุขกันมั้ย!”
ตอนนี้มีเสียงปรบมืออย่างเป็นเอกฉันท์จากผู้ชม แสงไฟด้านบนส่องมาที่การเคลื่อนไหวของ แรปเปอร์ บอยก็ส่องไปที่ผู้ชม “หนุ่มน้อยที่ฮอตฮิตที่สุดในกลุ่มนักเรียนสาวมัธยม หลินกึ่ง”
หลินกึ่ง โบกมือไปทางผู้ชมอย่างเขินอาย แร็ปเปอร์บอยก็เดินมาอยู่ข้างเขาอย่างรวดเร็ว เขาลากน้ำเสียงให้ยาว “คนต่อไปเป็นคนที่จะต้องทำให้เรตติ้งรายการในวันนี้พุ่งสูงขึ้นอย่างแน่นอน นักแสดงนำของละครเกี่ยวกับมายากลที่มาใหม่ล่าสุด《โล่วิเศษ》 ผู้ชนะรางวัลช่อดอกไม้ถึงสองครั้ง ขอเชิญนักแสดงของพวกเรา อันหรัน!”
เมื่อเสียงของเขาเบาลง เสียงตะโกนของที่ตรงนั้นก็ยิ่งดังขึ้น อันหรันนั่งลงอย่างดีอกดีใจ ใบหน้าเจือไปด้วยความอบอุ่นอยู่เสมอ
แร็ปเปอร์บอย ใช้มือส่งสัญญาณอยู่นาน เสียงปรบมือถึงจะซาลง เขาพูดอย่างลึกลับ “แขกรับเชิญคนสุดท้ายเป็นแขกที่ได้รับความนิยามที่สุดอย่างแน่นอน อาจจะมีเพียงตอนเดียวที่Games!ดารา!จะเชิญคนที่ไม่ใช่นักแสดงมาได้ แต่ทำให้ตกใจยิ่งกว่านักแสดงซะอีก! ตอนนี้พวกเราให้ยียีมาประกาศกันเลย!”
แสงไฟส่องมายังร่างของติงยียี เธอยืนกลั้นใจ คำ3คำติดอยู่ที่ลำคอของเธอ รอบตัวเธอเงียบ แร็ปเปอร์บอยขยิบตาส่งไปให้เธอ
ติงยียีดึงรอยยิ้มออกมา ค่อยๆ พูดเน้นทีละคำช้าๆ “แขกรับเชิญคนสุดท้ายก็คือ เย่ เนี่ยน โม่”
นานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้เรียกชื่อเขา? จริงๆ แล้วก็ไม่นานเท่าไหร่ ปฏิทินยังคงอยู่ในหน้าเดิม แต่ว่าพอพูดออกมาอีกครั้ง ปากของเธอสั่น พูดคำสั้นๆ แต่กลับรู้สึกคุ้นเคย
เย่เนี่ยนโม่หันไปทางผู้ชมแล้วพยักหน้าลง สุดท้ายแล้วสายตาของเขาก็มองไปที่ร่างของติงยียี เจือไปด้วยความคิดถึง ขณะที่ผู้ชมกำลังมองมานั้น เขาเพียงแค่ส่งสายตาไปทางพิธีกรอย่างมีมารยาท
แร็ปเปอร์บอยเดินกลับมายังเวที ถือซูชิจานใหญ่ออกมาจากด้านล่างเวที บนซูชิราดด้วยวาซาบิ “เขาว่ากันว่าดารามักให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์มากที่สุด วันนี้ผู้ชมที่นี่จะได้เห็นเป็นบุญตาจะได้เห็นว่าคนชื่อดังกินวาซาบินั้นเป็นยังไง!”
ติงยียีรีบประกาศกติกาอยู่ด้านข้าง “ดาราทุกท่านมายืนข้างจานหมุนขนาดใหญ่นี้ จานหมุน หมุนไปที่ใครคนนั้นต้องกินวาซาบิ”
“ทุกคนยืนอยู่ที่ด้านข้างของจานหมุนตามลำดับ เมื่อพิธีกรออกคำสั่ง จานหมุนก็ค่อยๆ ขยับหมุน หลังจากนั้นไม่กี่วินาที ร่างหูเพ่ยเพ่ยก็สั่นเบาๆ เพราะว่าความเร็วของจานหมุนมันช้าลง อีกทั้งเป็นไปได้มากที่จะมาหยุดอยู่ข้างหน้าเธอ
จานหมุนเล็กไปหน่อย เธอกับอันหรันอยู่ใกล้กันมาก เธอเลยค่อยๆ เอนไปทางที่อันหรันอยู่เงียบๆ ในใจคิดว่าให้อันหรันเป็นผู้ชาย จะต้องช่วยเธอได้อย่างแน่นอน กำลังคิดที่จะลงมือทำ พอหันหน้าไปมอง ไม่รู้ว่าอันหรันยืนห่างออกไปจากข้างกายตนเองตั้งแต่เมื่อไหร่กลับไปยืนพิงอยู่ด้วยกันกับแช่ถิงถิง
แปลก อันหรันพึ่งจะแตะแขนของตนเองไม่ใช่หรือ? หรือว่าเขาจะจงใจอยู่ห่างกับตนเอง หูเพ่ยเพ่ยมองเขา อีกฝ่ายก็ส่งยิ้มอบอุ่นมาให้เธอเหมือนเธอ เธอยิ้มตอบ ในใจก็ล้มเลิกความคิดของตนเอง ไม่ แต่อันหรันมีชื่อเสียงด้านความอ่อนโยน เมื่อกี้เธอจะต้องคิดผิดไปเองแน่ๆ
จานหมุนยิ่งหมุนยิ่งช้าลง หูเพ่ยเพ่ยมองไปยังเย่เนี่ยนโม่อย่างน่าสงสาร หวังว่าฝ่ายตรงข้ามจะสามารถแลกที่กับตนเองชั่วคราว
เย่เนี่ยนโม่ยืนอยู่ด้านข้าง ด้วยสีหน้าเย็นชา ความรู้สึกที่ไม่เอาตัวเองเข้าไปในเรื่องของคนอื่น โดยไม่สนใจสายตาของเธออย่างสิ้นเชิง เธอนำสายตากลับมา และมองไปยังผู้ชายที่อยู่ด้านหลังสุดหลินกึ่ง
หลินกึ่งคิดจะช่วยเธอนิดหน่อย มองไปยังแร็ปเปอร์บอย ที่ยิ้มพลางถือซูชิที่เต็มไปด้วยวาซาบิสีเขียวขนาดใหญ่เข้ามาใกล้ เขากลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก แล้วเลือกที่จะเงียบ
หูเพ่ยเพ่ย เผ็ดจนไม่เหลือภาพลักษณ์ จานหมุนเริ่มหมุนใหม่ ใจของติงยียีและแร็ปเปอร์บอยล้วนเต้นแรงขึ้น ความคิดของติงยียีคือไม่สามารถให้เย่เนี่ยนโม่กินวาซาบิได้ ความคิดของแร็ปเปอร์บอยคือไม่สามารถให้ทุกคนกินซูชิได้
จานหมุนหมุนไปยังหูเพ่ยเพ่ยอีกครั้ง อีกฝ่ายน้ำตาซึมมองมายังแร็ปเปอร์บอย แร็ปเปอร์บอยทนไม่ได้ เลยเลือกชิ้นที่วาซาบิค่อนข้างเล็กยื่นให้เธอ
ในที่สุดเกมจานหมุนก็จบลง ทุกคนล้วนถอนหายใจออกมายาวๆ หูเพ่ยเพ่ยกับแช่ถิงถิงนั้นกินซูชิวาซาบิไปคนละ2คำ เผ็ดมากจนน้ำมูกน้ำตาไหล
แร็ปเปอร์บอยกลับมาบนเวทีใหม่อีกครั้ง พูดอย่างยิ้มๆ : “ต่อไปเป็นการตอบคำถามของภาพยนตร์ คนที่ได้คะแนนน้อยสุด จะต้องกินซูชิวาซาบิ!”
แช่ถิงถิงที่เผ็ดจนหน้าแดง ในตานั้นเต็มไปด้วยแววตาที่มุ่งมั่นสู่ชัยชนะอย่างหาดูได้ยาก ติงยียีกังวลนิดหน่อย เธอเป็นคนติดคอมพิวเตอร์ แต่เย่เนี่ยนโม่กลับไม่ชอบดูภาพยนตร์
เธอยังคงคิดฟุ้งซ่านอยู่ แร็ปเปอร์บอยกดปุ่มเริ่มคำถามไปแล้ว บนหน้าจอขนาดใหญ่ มีผู้ชายคนหนึ่งในมือถือปืนเล็งไปทางตุ๊กตาโทรมๆ เสียงร้องไห้เด็กผู้หญิงคลอไปพร้อมกับดนตรีที่ค่อยๆ ดังขึ้นมาอย่างช้าๆ
แวบเดียวติงยียีก็เดาออกแล้วว่าเป็น《ตุ๊กตา》หนังที่อันหรันแสดงนำ เธอใจเต้น เธอวิ่งไปที่หน้าโต๊ะของเย่เนียนโม่อย่างไม่คาดคิด แล้วกดปุ่ม
บรรยากาศเต็มไปด้วยความอึ้งทึ่ง แร็ปเปอร์บอยพูดอย่างจนปัญญา : “ยียี ถึงแม้ว่าเธอจะอยากตอบมาก ก็ทำได้แค่รอครั้งหน้าที่ถ่ายทำ แต่วันนี้เธอเป็นแขกรับเชิญนะ”
สีหน้าติงยียีแดงก่ำ ด้านหลังมีสายตาที่ลึกซึ้งมองมาทำให้เธอไม่กล้าหันหน้ากลับไป เธอพูดกระซิบเบาๆ ว่า : “ฉันก็แค่ลองดูว่าปุ่มกดนี้ดีรึเปล่า”
“งั้นกดปุ่มแล้วก็กลับมาเถอะ” แร็ปเปอร์บอยพูด แล้วเธอก็พยักหน้า แต่ก็ยังไม่กล้าหมุนตัวไป เดินกลับที่แท่นพิธีกรแบบแข็งทื่อ
ทันใดนั้นเสียงระฆังก็ดังขึ้น สายตาของทุกคนล้วนจ้องมองไปยังเย่เนี่ยนโม่ เขาพูดอย่างไม่ใส่ใจ “ตุ๊กตา”
เสียงดนตรีจากจอขนาดใหญ่ก็ดังขึ้น ตุ๊กตาที่ถูกปืนยิงจนพังแล้วถูกโยนทิ้งไว้ในถังขยะ เด็กน้อยหยิบมันออกมาจากถังขยะอีกครั้ง ช่วงสุดท้าย ตัวอักษรขนาดใหญ่ว่า《ตุ๊กตา》 ก็ปรากฏออกมา
ไม่นาน การตอบคำถามรอบนี้ก็ตอบจบลงไปแล้ว แช่ถิงถิง อันหรัน เย่เนี่ยนโม่ ล้วนมีข้อที่ตอบถูก หลินกึ่ง กับหูเพ่ยเพ่ยเลยต้องกินซูชิวาซาบิ
เกมก็มาถึงในช่วงสุดท้ายอย่างรวดเร็ว แร็ปเปอร์บอยหันหน้าไปพูดกับติงยียีว่า : “เมื่อกี้ไม่ใช่ว่าอยากจะสัมผัสความรู้สึกตื่นเต้นในการกดปุ่มหรือ อีกไม่นานก็จะเป็นจริงแล้วนะ”
ติงยียีสับสน “เรื่องอะไรกันเนี่ย?”
แร็ปเปอร์บอยแนะนำกฎกติกาให้เธอ “รายการต่อไปต้องใช้คน2คนในการกดปุ่มตอบคำถาม แล้ววันนี้ก็มีเพียงห้าคน ดูเหมือนว่าต้องเอาพิธีกรที่น่ารักของพวกเราออกไป ต่อไปจับกลุ่มได้ตามสบาย”
แช่ถิงถิงเดินเข้าไปข้างๆ ของเย่เนี่ยนโม่ “สนใจมาร่วมทีมด้วยกันมั้ย?” ผู้คนรอบๆ ล้วนดูออกว่าแช่ถิงถิงรู้สึกสนใจเขา ต่างก็แยกย้ายกันโดยอัตโนมัติ
ติงยียียืนอยู่ อันหรันเดินมาข้างหน้าเธอ แล้วเอื้อมมือออกมาหาเธอ “ไม่รู้ว่ายียีจะยินดีคู่กับฉันมั้ย?” เขากะพริบตาปริบๆ แม้ว่าน้ำเสียงจะเต็มไปด้วยความเป็นสุภาพบุรุษ แต่ในมุมที่ทุกคนไม่เห็นคือสายตานั้นผ่อนคลายและปลิ้นปล้อน