สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน - บทที่ 1550 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่ 1390
หันมาดูตัวเองซิ หุ่นเสียไปตั้งนานแล้ว อายุปูนนี้แล้วทำอะไรก็ไม่สำเร็จเลย ข้างกายไม่มีผู้ชาย ตอนนี้แม้แต่ลูกสาวที่เลี้ยงดูตัวเองตอนแก่ก็ตายไปแล้ว
เธอแค้นเคือง แค้นความไม่ยุติธรรมของฟ้าเบื้องบน แต่ตอนที่เธอยกฝีเท้าขึ้น ความเศร้าโศกของใบหน้าได้กลบอารมณ์อย่างอื่นไว้
มีชีวิตอยู่มาหลายสิบปี บางทีสิ่งที่เธอเรียนรู้คืออดทน
ในงานศพ เซี่ยชีหรั่นทนดูศพฝังโลงลงไปไม่ได้ เย่เชินหลินไม่อยากให้เธอเข้าใกล้ศพมากเกินไป จึงได้ให้เธอไปรออยู่ที่ข้างๆ
“ชีหรั่น”โม่เสี่ยวโนถือโอกาสก้าวมาข้างหน้า เห็นเซี่ยชีหรั่นหันหน้าไปอีกทางด้วยเบ้าตาแดงก่ำ เธอค่อนข้างอึ้ง แต่ในใจกับเมินใส่ ทั้งๆที่เคยเจอหน้ากันแค่ไม่กี่ครั้ง เธอเสียใจให้ใครดู
“ขอแสดงความเสียใจด้วยนะ”เซี่ยชีหรั่นทนความเศร้าและความเจ็บปวดไว้ พยายามฮึดสู้ขึ้นมา
โม่เสี่ยวโนได้ยินเธอพูดแบบนี้กลับร้องไห้คร่ำครวญขึ้นมา“ชีวิตฉันช่างอาภัพจริงๆ ลูกสาวคนเดียวก็มาตายไปแบบนี้ ต่อไปฉันจะทำยังไงดี”
เซี่ยชีหรั่นก็เช็ดน้ำตาด้วย“เธออย่าร้องไห้สิ ต่อไปมีปัญหาอะไรก็มาหาฉัน มีอะไรที่ฉันช่วยได้ฉันจะช่วยแน่นอน”
โม่เสี่ยวโนทำจมูกฟุดฟิด จมูกส่งเสียงอู้อี้ออกมา เธอพูดเสียงต่ำ:“ที่จริงตอนที่ลูกสาวฉันยังมีชีวิตอยู่ได้ติดหนี้ไว้ก้อนนึง ฉันไม่ดีเอง ไม่มีเงิน ถึงไม่มีปัญญาให้เธอมีชีวิตที่ดี”
เซี่ยชีหรั่นค่อนข้างประหลาดใจ จากนั้นได้ตามมาด้วยความเห็นใจ เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นสมัยสาวๆทำให้ความสัมพันธ์ของเธอกับโม่เสี่ยวโนตลอดมาไม่ดีเลย โม่เสี่ยวโนไม่เคยมาหาเธอเลย
เธอหยิบกระเป๋าสะพายข้างมาแล้วควักเช็คออกมาจากข้างใน จากนั้นได้เขียนตัวเลขแล้วยื่นให้โม่เสี่ยวโนด้วยสองมือ“เงินพวกนี้เธอเอาไปใช้ก่อน เอาไปใช้หนี้ใช้สินซะ ให้ลูกได้จากไปดีๆ”
โม่เสี่ยวโนมองตัวเลขบนเช็คแว๊บนึง หนึ่งแสนหยวน ในใจเธอยิ่งเคียดแค้นเข้าไปใหญ่ ตัวเองถึงขั้นก้มหัวมาขอร้องแล้ว เธอให้แค่หนึ่งแสนหยวนเนี่ยนะ?อย่างน้อยตอนนี้ทรัพย์สินของตระกูลเย่ก็มีเป็นร้อยล้านอยู่ เธอให้ตัวเองแค่หนึ่งแสนหยวน นี่คือให้ทานกับยาจกหรือไง!
เซี่ยชีหรั่นเห็นเธอจ้องมองเช็คแล้วกลัวเธอจะเข้าใจผิด จึงรีบเอ่ยว่า:“ไม่ว่ายังไงซวนหลินก็เป็นญาติของฉัน น้ำใจเล็กน้อยนี้ถือว่าฉันให้เด็กนะ เธอรับเอาไว้เถอะ”
“รับเอาไว้อะไร?”เย่เชินหลินเดินมา เขายื่นมือโอบเอวของเซี่ยชีหรั่นมาที่ข้างกาย พร้อมมองเช็คด้วยสายตาเฉียมคม
โม่เสี่ยวโนเงยหน้าขึ้นอย่างลนลาน ในใจค่อนข้างกลัว ที่จริงหลายปีมานี้เธอเคยไปหาเซี่ยชีหรั่นอยู่ไม่น้อยครั้งเลย แต่ระหว่างทางล้วนถูกคนของเย่เชินหลินดักไว้เงียบๆ ต่อมาเธอถึงได้ล้มเลิกความคิดที่จะไปหาเซี่ยชีหรั่น
ความหวาดกลัวทำให้นิ้วมือเธอสั่นเล็กน้อย เย่เชินหลินยื่นเช็คในมือเซี่ยชีหรั่นให้เธอและพูดอย่างเรียบเฉย:“ครั้งนี้ยกเว้นให้ คราวหน้าอย่าทำแบบนี้อีก”
เขาดูออกแล้ว!
โม่เสี่ยวโนรู้สึกอาบอายสุดๆ เธอก้มหน้าดูหุ่นที่อ้วนเหมือนหมูของตัวเอง จากนั้นได้ดึงสายตากลับอย่างรังเกียจ อย่างน้อยสมัยสาวๆเธอกับเย่เชินหลินยังเคยมีอดีตด้วยกัน แต่ตอนนี้ดูตัวเองและดูเขาสิ
เธอรับเช็คมาแล้ววิ่งหนีไปอย่างหัวซุกหัวซุน เซี่ยชีหรั่นถอนหายใจเบาๆทีนึง“คุณทำเธอตกใจแล้วค่ะ”
เย่เชินหลินเงียบกริบไม่พูดจา แค่เพิ่มแรงของแขนให้มากยิ่งขึ้น
งานศพได้เลิกลา บนโลกใบนี้ ผู้หญิงที่ชื่อโม่ซวนหลินได้หายไปจากสายตาของผู้คนโดยสิ้นเชิง
ผู้คนที่บางตาได้เริ่มแยกย้ายกันกลับ ติงยียียังจมปลักอยู่กับเรื่องที่เกิดขึ้นในห้องน้ำเมื่อครู่นี้ เย่ชูหวินได้ผลักเธอเบาๆ
เธอมองเขาอย่างสะดุ้งตื่นขึ้นมาทันที เย่ชูหวินโน้มตัวเล็กน้อยเพื่อสบตากับเธอ“กำลังคิดถึงเย่เนี่ยนโม่อยู่?”
เธอส่ายหัวอย่างซื่อตรง จู่ๆอารมณ์ของเย่ชูหวินดีขึ้นเยอะเลย เขากระพริบตาปริบๆ“จะไปที่ๆนึงกับผมมั้ย?”
เย่ป๋อที่อยู่ไม่ไกลเดินมาอีกครั้ง ตามด้วยเสียงฝีเท้าที่ยิ่งอยู่ยิ่งเข้ามาใกล้ของเขา หัวใจของติงยียีก็เริ่มตุ๊มๆต่อมๆขึ้นมา ความคิดที่อยากจะแก้แค้นได้ครอบงำสติของเธอ เธอดึงเย่ชูหวินไว้ก็จะหันหลังไปเลย
เธอหันมาอยากคุยอะไรกับเย่ชูหวินสักหน่อย วินาทีที่หันหน้ามากลับเห็นในป่าของรอบสุสานมีเงาคนแว๊บผ่าน และเงานั้นเหมือนจะคุ้นมาก
“เป็นอะไรไปครับ?”เย่ชูหวินถามด้วยความเป็นห่วง เธอรีบส่ายหัวแล้วมองเข้าไปในป่าอีกแว๊บนึง ยังมีเงาคนที่ไหนกัน เหลือแค่กิ่งไม้ที่แห้งฉาว
อ้าวเสว่ยืนอยู่หน้าป้ายสุสาน โม่ซวนหลินที่อยู่บนป้ายสุสานยิ้มได้สวยหวานไม่มีพิษไม่มีภัย เธอถอนหายใจทีนึงแล้วพูดอย่างเรียบเฉย:“ฉันไม่ได้จงใจทำร้ายเธอนะ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับฉัน ถ้าเธอตายตาไม่หลับก็ไม่ต้องมาหาฉันนะ”
สายลมเย็นพัดผ่านมา กระดาษเงินกระดาษทองที่ร่วงอยู่หน้าป้ายสุสานปลิวว่อนอย่างไม่ขาดสาย กระดาษเงินกระดาษทองใบนึงปลิวมาถึงบนป้ายสุสาน ได้บังใบหน้าข้างนึงของโม่ซวนหลินในรูปถ่ายไว้ เผยแค่ดวงตาโตๆของเธอออกมา
รูปถ่ายขาวดำมีความแปลกอยู่เสี้ยวนึง อ้าวเสว่รู้สึกสันหลังเย็นวูบ รอบๆเงียบสงัด ยิ่งทำให้ขนหัวลุกมากขึ้น
เธอหันหลังเดินกลับไปตามทางเดินที่ยาวเหยียดอย่างเร่งรีบ ทั้งสองข้างทางเป็นสุสานหมด จู่ๆเสียงใสๆดังแกร๊งเสียงนึง เธอตกใจจนรีบก้มหน้า ที่แท้คือไปอย่างเร่งรีบเกิน เธอไปเตะโดนแจกันที่วางอยู่หน้าสุสานของคนอื่น
ในแจกันเสียบดอกลิลลี่สดๆไว้ บนดอกลิลลี่ยังมีน้ำค้างอยู่ แจกันตกอยู่บนพื้น ไม่นานน้ำในขวดก็ซึมเข้าไปในถนนพลาสติก
เธอรีบก้มลงไปเก็บขวดขึ้นมา เอาขวดวางลงที่หน้าป้ายสุสานใหม่ เธอเงยหน้าขึ้นมา ผู้ชายในป้ายสุสานดูเป็นคนมีวิชาความรู้ลุ่มลึกและบุคลิกลักษณะสง่ามาก
“ไห่จื้อฉวน?”เธออ่านออกเสียงเบาๆ สายลมเย็นพัดผ่านมา เธอขนลุกซู่ไปทั้งตัว กำลังอยากจะไป จู่ๆโทรศัพท์ได้ดังขึ้น
“พ่อคะ!”เพราะทำเอาตกใจไม่เบาเลย น้ำเสียงของอ้าวเสว่เลยไม่ค่อยดี
“ตอนนี้ลูกอยู่ไหน พ่อจะต้องคุยกับลูก”เสียงของสวีเห้าเซิงปนด้วยความตึงเครียด อ้าวเสว่ได้ดูรูปถ่ายบนป้ายสุสานอีกแว๊บนึงอย่างเร่งรีบ ทีนี้ถึงได้จากไป
ในห้องVIP
อ้าวเสว่มองสีหน้าที่ดูแย่สุดๆของสวีเห้าเซิงแล้วถามอย่างมึนงง:“พ่อเป็นอะไรคะ?”
สวีเห้าเซิงได้ยินแล้วมองหน้าเธอด้วยสายตาเศร้าหมอง น้ำเสียงมีความโศกเศร้า“เสี่ยวเสว่ ลูกบอกพ่อมาตามตรง เด็กในท้องของลูกเป็นของเนี่ยนโม่หรือเปล่า”
“พ่อพูดอะไรคะ!”ทันใดนั้นอ้าวเสว่ได้พูดเสียงสูงเพื่อกลบความประหลาดใจของตัวเอง
สวีเห้าเซิงจ้องหน้าท้องแบนราบของเธอ ผ่านไปครึ่งค่อนวันถึงดึงสายตากลับอย่างเซื่องซึม เอารูปถ่ายออกมาจากกระเป๋าเอกสารปึกนึงมาวางที่บนโต๊ะ
ในรูปถ่าย เหยนหมิงเย้ายืนห่างจากอ้าวเสว่อยู่ในบ้านไม่เยอะ บางครั้งเป็นช่วงเช้า บางครั้งเป็นช่วงพลบค่ำ และที่มากกว่าคือช่วงกลางดึก
“มีอยู่วันนึงพ่อเห็นเขาอยู่ในบ้านลูก เหมือนลูกกับเขากำลังทะเลาะกัน?”สวีเห้าเซิงยิ่งพูดก็รู้สึกอกสั่นขวัญแขวนขึ้นมาเท่านั้น เขากลัวจะถามเรื่องที่ทำให้เธอเสียใจออกมา
อ้าวเสว่ได้กลับมาสงบนิ่งแล้ว เธอใช้สายตากวาดไปที่รูปถ่ายแล้วพูดอย่างเชิดใส่:“นั่นเป็นผู้ชายที่จีบหนู วันนั้นที่หนูทะเลาะกับเขาก็เพื่ออยากบอกเขาว่าอย่ามาตามตื๊อกหนูอีก ก็แค่นั้นเองค่ะ”
สวีเห้าเซิงจ้องตาเธอไว้ อยากแน่ใจว่าคำพูดของเธอจริงหรือเปล่า ผ่านไปสักพักไหล่ของเขาถึงผ่อนคลายลงมา ริ้วรอยบนหน้าผากก็ได้คลายออก“แบบนี้ก็ดี คนๆนั้นพ่อจะรับผิดชอบไปหาเขาเอง ต่อไปมีเรื่องแบบนี้ลูกต้องบอกพ่อนะ”
อ้าวเสว่ปฏิเสธด้วยจิตใต้สำนึก“ไม่ต้องค่ะ!”
เห็นแววตาประหลาดใจของสวีเห้าเซิง เธอรีบพูดต่อว่า:“ไม่ใช่เด็กตีกันสักหน่อย ทำไมยังต้องให้พ่อแม่ไปหาถึงที่ด้วย มีเวลาว่างขนาดนี้สู้ให้เย่เนี่ยนโม่รีบแต่งงานกับหนูโดยเร็วดีกว่า ไม่งั้นลูกโตแล้วจะทำยังไงคะ!”
สวีเห้าเซิงอึ้งเล็กน้อย ในใจเขาจะไม่รู้พวกนี้ได้ยังไง แต่พอนึกถึงทำแบบนี้ไม่ค่อยยุติธรรมกับลูกสาวคนเล็กเลย ความละอายใจของเขาก็ยิ่งอยู่ยิ่งเข้มข้นขึ้น
อ้าวเสว่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ เธอดึงมือของเขามาวางที่ท้องตัวเองแล้วพูดเสียงเบา“พ่อ พ่อฟังดูสิคะ ในนี้มีชีวิตน้อยๆอยู่ชีวิตนึง พอเขาคลอดออกมาจะเรียกพ่อว่าคุณตา แต่…เขาอาจจะไม่มีพ่อ”
สวีเห้าเซิงคอยสัมผัสความอบอุ่นของฝ่ามือ หลังจากในใจเต็มไปด้วยความขมขื่นและทรมาน เขาได้ตัดสินใจด้วยความเจ็บปวด แทนที่เจ็บปวดกันทั้งสามคน สู้ให้ลูกสาวคนโตได้สมปรารถนาดีกว่า
อ้าวเสว่เห็นเธอหวั่นไหวแล้ว ได้พูดเบาๆ:“ขอบคุณค่ะ พ่อ”
สวีเห้าเซิงดึงมือของเธอมา“ไปกันเถอะ วันนี้น้าเซี่ยของลูกตุ๋นซุปไว้ให้ลูกด้วย ตอนนี้ร่างกายของลูกต้องบำรุงเยอะๆ”
ตระกูลเย่
เย่ชูฉิงร่าเริงขึ้นเยอะเลย เล่าเรื่องสนุกสนานในฝรั่งเศสให้เซี่ยชีหรั่นฟังตลอด หลังจากได้เล่าเรื่องที่ตัวเองกับไห่โจ๋ซวน
ขับรถออกไปแล้วหลงทางเป็นชั่วโมง ผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างก็อดหัวเราะไม่ได้
“คุณท่าน คุณหญิง คุณชาย คุณหนู คุณสวีกับคุณอ้าวเสว่มาแล้วครับ”พ่อบ้านพูดอยู่ข้างๆ เย่เชินหลินพยักหน้าแล้วมองหน้าเขา“นายก็แก่แล้ว ต่อไปเรื่องพวกนี้ให้คนอื่นทำก็พอแล้ว”
พ่อบ้านมองเขาอย่างซาบซึ้งพร้อมส่ายหัว“คุณท่านครับ ผมอยู่ที่บ้านหลังนี้มานานมากแล้ว อยากทำจนกว่าจะทำไม่ไหว ผมจะให้พวกเขาเข้ามาเดี๋ยวนี้เลยครับ”
เซี่ยชีหรั่นมองพ่อบ้านที่หลังค่อมเล็กน้อยของเดินออกไป ได้ถอนหายใจแล้วพูดว่า:“เราควรจะให้รางวัลดีๆกับเขาสักอย่างถึงจะถูก”
เย่เนี่ยนโม่ที่อยู่ข้างๆได้พูดต่อว่า:“แม่ครับ วางใจเถอะครับ ผมให้คนซื้อบ้านหลังนึงให้พ่อบ้านที่นิวซีแลนด์แล้วครับ เขาอยากไปใช้ชีวิตหลังเกษียณเมื่อไหร่ก็ไปได้ตลอดครับ”
เซี่ยชีหรั่นพยักหน้า ในปากคอยพึมพำ:“แล้วหมอของชูหวินหาได้หรือยัง?”
เย่เชินหลินโอบเอวเพรียวบางของเธอมาอย่างเงียบสงบ อุณหภูมิของผิวและฝ่ามือทำให้เธอแอบหลงใหล เขาจูบหน้าผากของเธอทีนึง และพูดด้วยน้ำเสียงละมุน“เรื่องพวกนั้นปล่อยให้พวกเขาไปจัดการเถอะ”
คำพูดของเขาทำให้คนอดไม่ได้ที่อยากจะไปเชื่อ เซี่ยชีหรั่นพยักหน้าเบาๆ และถือโอกาสซุกเข้าไปในอ้อมอกเขา
เย่ชูฉิงกับเย่เนี่ยนโม่มองหน้ากันแล้วยิ้ม
สวีเห้าเซิงเพิ่งเข้ามาก็เห็นฉากนี้พอดี ฝีเท้าของเขาหยุดชะงักเล็กน้อย แววตาค่อนข้างซับซ้อน ผ่านไปนานหลายปีแล้ว เขาก็ยังลืมเซี่ยชีหรั่นไม่ได้อีกเช่นเคย เห็นเธอกับเย่เชินหลินรักกันขนาดนี้ หัวใจของเขาก็ยังเจ็บแปล๊บๆอยู่
อ้าวเสว่วิ่งมาที่ข้างกายของเย่ชูฉิงด้วยความสนิทสนมและอบอุ่น เซี่ยชีหรั่นลุกขึ้นมาอย่างเร่งรีบ“เด็กคนนี้นี่วิ่งได้ยังไง ไม่ระมัดระวังเลย”
เย่ชูฉิงเห็นอ้าวเสว่ใส่เสื้อตัวใหญ่ ก็นึกถึงภาพที่ก่อนเธอไปต่างประเทศเห็นอ้าวเสว่กับลูกชายของน้าจิ่วจิ่วทะเลาะกัน
เธอดึงแขนออกมาจากแขนของอ้าวเสว่อย่างค่อนข้างอึดอัด อ้าวเสว่อึ้งเล็กน้อย เวลานี้คนใช้ได้ยกน้ำซุปมาพอดี เธอได้หันหลังเดินกลับไปที่ข้างกายของเซี่ยชีหรั่น
“ทุกคนอยู่ตรงนี้พอดีเลย งั้นฉันขอประกาศเรื่องนึง”เย่เชินหลินลุกขึ้นใช้สายตามองดูทุกคน จากนั้นถึงพูดต่อ“เนี่ยนโม่กับอ้าวเสว่แต่งงานกันในเดือนหน้า”