สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน - บทที่ 1573 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่ 1413
“คุณผู้หญิง ซื้อหน้ากากสักอันสิครับ” พ่อค้าร้านค้าแผงลอยข้างถนนเรียกติงยียี
ติงยียีเห็นตั้งแต่แรกแล้วว่าคนบนถนนมากมายต่างใส่หน้ากากกัน ในมือยังถือดอกกุหลาบหนึ่งดอก เจ้าของแผงยิ้มเล็กน้อย “พอเห็นก็ดูออกว่าคุณมาจากต่างถิ่น คนเมืองตงฟังมีตำนานเล่ากันว่า เมื่อก่อนเทพธิดาผู้ปกป้องตาน้ำลงมาที่เมืองตงฟัง จากนั้นก็รักกับพ่อหนุ่มคนหนึ่งที่นี่ เพราะว่านางฟ้าไม่สามารถเผชิญหน้ากับมนุษย์โลกได้ ดังนั้นนางฟ้าจึงต้องใส่หน้ากากมาพบกับมนุษย์เป็นการส่วนตัว”
“แล้วยังไงต่อคะ พวกเขาได้อยู่ด้วยกันหรือเปล่า”ติงยียีถามด้วยความสนใจ
พ่อค้าส่ายหน้า “นางฟ้าบอกกับชายหนุ่มว่าไม่ว่าอย่างไรก็ห้ามเปิดหน้ากากของเธอออก แต่ว่าเพื่อนของชายหนุ่มหัวเราะเยาะเขาอยู่ตลอด คิดว่าคนรักของเขานั้นหน้าตาอัปลักษณ์น่าเกลียดจึงไม่ยอมเปิดเผยใบหน้าที่แท้จริง ชายหนุ่มทนไม่ไหว สุดท้ายคืนวันหนึ่งเขาก็เปิดหน้ากากนางฟ้าออกในขณะที่เธอหลับสนิท
นางฟ้าจึงจำต้องจากไป หลังจากที่นางฟ้าจากไปแล้วทุกปีในเวลานี้ ชายหนุ่มก็จะถือดอกกุหลาบหนึ่งดอกเดินอยู่บนถนน ราวกับจะให้นางฟ้าที่อยู่บนสวรรค์มองเห็นความสำนึกผิดของตนเอง”
มีนักท่องเที่ยวที่อยู่ริมถนนฟังอย่างสนอกสนใจอยู่สองสามคน ในมือของติงยียีมีหน้ากากรูปแมวถูกยัดใส่ไว้ในมือหนึ่งอัน พ่อค้ามองเธอพลางยิ้ม ติงยียีเพิ่งจะจ่ายเงินเสร็จ จู่ๆแพนด้าที่เดิมอยู่ข้างๆอย่างเรียบร้อยเชื่อฟังก็เห่าขึ้นมา พอก้าวขาได้ก็วิ่งไล่ไปอีกทางของด้านหนึ่ง
“แพนด้า!” ติงยียีรีบเรียกเสียงดังด้วยความร้อนใจ แต่แพนด้าวิ่งห่างออกไปสองเมตรแล้ว มันหันหน้ากลับมามองติงยียีอย่างลังเล จากนั้นก็หันหน้ากลับไปวิ่งไล่ต่อไปอีก
คนบนถนนค่อยๆหลีกทางให้เจ้าทิเบตันมาสทิฟที่ใหญ่โตตัวนี้ ติงยียีจับหน้ากากวิ่งตามไปด้วยอาการเหนื่อยหอบ ในที่สุดก็เจอมันอยู่ที่ซอยเล็กๆซอยหนึ่ง มันกำลังแยกเขี้ยวยิงฟันให้กับซอยมืดเล็กๆ
“แพนด้า!” ติงยียีหอบหายใจพลางวิ่งไป มองไปตามสายตาของมันที่มองเข้าไปในซอย ในซอยมีชายแปลกหน้ายืนอยู่หนึ่งคน ชายหนุ่มดูเหมือนจะถูกแพนด้าไล่จนไม่มีทางไปแล้ว ได้แต่ยืนอยู่ที่มุมกำแพง
ติงยียีมองไปตามทางในซอย แน่ใจว่าตนเองไม่รู้จักเขา รีบขอโทษว่า “ขอโทษด้วยนะคะ ที่หมาของฉันสร้างความลำบากให้คุณ”
แพนด้าที่อยู่ข้างๆเห่าขึ้นมา กัดชายเสื้อเธอเบาๆ ติงยียีไม่รู้ว่ามันเป็นอะไร แต่ก็โกรธเล็กน้อย “ถ้าทำแบบนี้อีกต่อไปฉันจะไม่พาแกออกมาเที่ยวแล้วนะ!”
แพนด้าก้มหน้าร้องครางหงิงๆ ชายหนุ่มเดินออกมาจากซอยอย่างระมัดระวัง มองอย่างครุ่นคิดแล้วจึงจากไป แพนด้าก้มหน้าอย่างไม่เต็มใจ กรงเล็บครูดกับพื้น
ติงยียีหอบหายใจ หยิบหน้ากากมาพัด แล้วใส่หน้ากากเข้าไปเลย “ไปเถอะ พวกเราไปเที่ยวเล่นกัน!”
คนหนึ่งคนสุนัขหนึ่งตัวกลับมาเดินบนถนนใหม่อีกครั้ง เพราะสาเหตุทางด้านเวลา คนที่สวมใส่หน้ากากแต่ละแบบแต่ละลายมีมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะเวลาเป็นเหตุ พวกผู้ชายไม่เพียงแค่สวมหน้ากาก ในมือยังถือดอกไม้หนึ่งดอก เมื่อพบผู้หญิงที่ตนเองชอบก็จะส่งดอกไม้ให้เธอ
ติงยียีมองดูด้วยความสนใจ เธอยืนอยู่ด้านหน้าของแผงขายลูกชิ้นปลาหมึก คนหนึ่งคนกับสุนัขหนึ่งตัวที่กำลังคาบทาโกะยากิหนึ่งลูก ทันใดนั้นก็มีดอกกุหลาบสีสดยื่นมาจากข้างๆ เธอหันไปมองด้วยใบหน้าที่เลอะน้ำจิ้ม มองชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ที่กำลังมองตนเองอยู่อย่างอึ้งๆเล็กน้อย
ชายหนุ่มสวมหน้ากากรูปสุนัขหนึ่งอัน ร่างที่สูงเกือบหนึ่งเมตรเก้าสิบเซนติเมตร ยืนหันหลังให้กับแสงไฟ แสงไฟลากเงาของเขาให้ยาวมาก บางครั้งลมก็พัดผมหน้าม้าที่ปกอยู่บนหน้ากากของเขาขึ้นมา
ชายหนุ่มยืนอยู่เงียบๆ สายตาที่ทะลุผ่านหน้ากากออกมาลึกล้ำน่าหลงใหล ติงยียีสบตาเขาเพียงครั้งเดียวก็รีบเบนสายตาไปทางอื่น
จู่ๆแพนด้าก็สงบนิ่งลง นอนหมอบเชื่องๆอยู่ข้างติงยียีไม่เห่าไม่ซน ติงยียีเหล่มองชายหนุ่มแวบหนึ่ง แทบจะไม่มีคนแปลกหน้าคนไหนที่แพนด้ายอมให้เข้าใกล้ได้เลย
“พ่อหนุ่มหล่อ จะยอมมอบดอกกุหลาบในมือคุณให้ฉันได้มั้ยคะ” เสียงใสที่ดังมาจากด้านข้างของทั้งสองคน หญิงสาวร่างสูงสวมหน้ากากแบบครึ่งหน้า ตาโตเป็นประกาย มองดูชายร่างกำยำสวมหน้ากากสุนัข ในมือเธอกำดอกกุหลาบช่อใหญ่เอาไว้
พอสิ้นเสียง แพนด้าก็สะบัดตัวลุกขึ้น สายตาเยือกเย็นจ้องไปที่ผู้หญิงตรงหน้า หญิงสาวตกใจจนกรีดร้องพลางวิ่งหนีไป แม้แต่ดอกไม้ก็ไม่สนใจแล้ว
ติงยียีได้กลิ่นหอมอ่อนของดอกกุหลาบที่ปลายจมูก รับมาด้วยความเกรงใจ พูดเบาๆว่า“ขอบคุณค่ะ!”
แม้เธอจะไม่ได้เงยหน้าขึ้นมา แต่ก็สัมผัสได้ว่าผู้ชายที่อยู่ข้างๆน่าจะกำลังยิ้ม ทั้งสองคนเดินตามกันมาหน้าคนหลังคน ชายผู้นั้นยืนอยู่ด้านหลังไหล่ของเธอไปทางซ้ายเล็กน้อย ช่วยบังเธอจากฝูงชนที่ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
ทำไมเขาไม่พูดอะไรเลย ในใจติงยียีคิดอย่างแปลกใจ ตอนแรกคิดจะบอกลากับอีกฝ่ายแล้ว แต่ทำไมคำว่าลาก่อนจึงพูดไม่ออก ผู้ชายคนนี้มีกลิ่นไออะไรบางอย่างที่ทำให้เธอรู้สึกสบายใจ
คนยิ่งเยอะขึ้นเรื่อยๆ ตรงหน้าติงยียีมีวัยรุ่นคนหนึ่งพรวดพราดเข้ามา เขาเอาดอกไม้ในมือส่งให้ติงยียี เขาไม่ได้สวมหน้ากาก ดังนั้นติงยียีจึงมองเห็นเขาได้อย่างชัดเจน คนนี่น่าจะเป็นนักศึกษา หน้าหล่อทีเดียว ตัวเขาก็สูงมาก ย้อมผมสีน้ำตาล ต่างหูซ้ายของเขามีแสงแวบวับ เวลาที่เขายิ้มมีลักยิ้มลึกๆอยู่ที่แก้มซ้ายของเขา เขามองสำรวจติงยียี พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ผมคิดว่าคุณต้องเป็นสาวสวยคนหนึ่งแน่นอน”
ติงยียีอึ้ง ชี้มาที่หน้ากากที่เผยให้เห็นเพียงแค่ดวงตา“แค่นี่ก็มองออกเลยเหรอ”
“ดวงตาไม่สามารถโกหกได้” เด็กหนุ่มหัวเราะร่าพูดว่า เอาดอกไม้ในมือยื่นไปข้างหน้าอีกครั้ง “รีบรับไปสิครับ เพื่อนผมกำลังมองอยู่นะครับ!”
ติงยียีกำลังจะยื่นมือไป ทันใดนั้นแพนด้าที่อยู่ข้างๆสะบัดตัวลุกขึ้นแล้วคาบดอกกุหลาบในมือของเด็กหนุ่มไป ทุกคนตกตะลึง เด็กหนุ่มมองผู้ชายที่อยู่ด้านหลังติงยียีอย่างเงียบๆอย่างไม่ยอมแพ้
ถ้าเมื่อครู่เขาไม่ได้ตาฝาด ผู้ชายคนนั้นชี้นิ้วไปที่เขา จากนั้นสุนัขตัวนั้นก็ลุกขึ้นมาเลย เขาไม่ได้ตาฝาดแน่ๆ!
ติงยียีหันไปมองตามสายตาเขา ผู้ชายที่อยู่ข้างๆก้มหน้ามองเธอพอดี สายตาทั้งสองคนประสานกันพอดี ดวงตาของผู้ชายเป็นสีน้ำตาล ลึกล้ำจนทำให้คนอดไม่ได้ที่จะลุ่มหลง เขามองเธออย่างแผ่วเบา แฝงด้วยรอยยิ้ม
“โอ้ย!” จู่ๆก็มีเสียงร้องครวญครางดังออกมาจากด้านข้างทั้งสองคน ทุกคนต่างก็ค่อยๆหันมา หญิงตั้งครรภ์คนหนึ่งที่อยู่ห่างออกไปไม่กี่ก้าว ค่อยๆนั่งลง เธอกุมท้องเอาไว้พลางร้องว่า “ดูเหมือนว่าฉันจะคลอดแล้ว”
เด็กหนุ่มที่มอบดอกไม้ให้เธอหายไปไหนไม่รู้นานแล้ว คนรอบๆข้างก็โกลาหลวุ่นวาย ผู้คนหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาโทรกันไม่หยุด ชายหนุ่มด้านข้างพุ่งตัวไปตรงหน้าหญิงตั้งครรภ์เร็วปานจรวด ส่งสัญญาณให้ผู้คนหลีกทางเพื่อให้อากาศถ่ายเท
ติงยียียืนอยู่กับที่ มองท้องของผู้หญิงนั้นราวกับเป็นปิศาจ ความทรงจำที่ไม่อยากนึกถึงจู่ๆ ก็กลายเป็นเหมือนกระแสน้ำที่ทะลักออกมา อ้าวเสว่ท้องลูกของเย่เนี่ยนโม่ อย่างไรเธอก็ต้องคลอดลูกออกมา เหมือนกับหญิงตั้งครรภ์คนนี้
เธอจ้องมองหญิงตั้งครรภ์ที่อยู่บนพื้น ความตื่น
ตระหนกในใจยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ คนเดินถนนคนหนึ่งชนไหล่เธอ ดอกกุหลาบในมือเธอตกลงบนพื้น คนที่เดินผ่านมาก็เหยียบบนดอกไม้ ในหูของเธอเต็มไปด้วยเสียงโทรศัพท์และเสียงกรีดร้องของหญิงตั้งครรภ์
เธอตื่นตระหนกสุดขีด ถอยกรูดไปสองสามก้าว สุดท้ายก็ไม่กล้ามองอีก เธอวิ่งหนีไปอย่างไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ไม่เห็นว่าหลังจากที่เธอหมุนตัวไปอีกครั้งชายหนุ่มที่ใส่หน้ากากสุนัขก็ถอดหน้ากากออกอย่างเงียบๆ สีหน้าเศร้าโศกเสียใจ
ยามค่ำคืน เสียงพลุที่ดังขึ้นค่อยๆห่างออกไป เยป๋อเดินเข้าไปที่ห้องโถงของโรงแรมพร้อมความชื้นในอากาศ ผู้จัดการโรงแรมที่เตรียมต้อนรับอยู่นานแล้วก้าวเข้ามา “ประธานเย่เหรอครับ”
เย่ป๋อมองเขาอย่างขำๆ “ผมไม่ใช่ประธานเย่ครับ ประธานเย่มาถึงก่อนแล้ววันนี้”
ผู้จัดการโรงแรมตกใจมาก ในใจคิดว่าเจ้านายผู้อยู่เบื้องหลังของโรงแรมแห่งนี้ช่างทำตัวลึกลับเสียจริงๆ เขารีบพูดว่า “จริงเหรอครับ! ขอโทษด้วยนะครับ ผมไม่รู้เรื่องเลย!”
ภายในห้องเพรสซิเดนเชียลสวีท เย่เนี่ยนโม่กำลังทำงานอยู่ สีหน้าเขาอ่อนเพลียเล็กน้อย ด้านหน้ามีผู้ชายที่ถูกแพนด้าดักไว้ที่ปากซอยเมื่อครู่ยืนอยู่ ชายหนุ่มกำลังรายงานเบาะแสของติงยียีอย่างละเอียด
“เอาละ ไปได้แล้ว” เย่เนี่ยนโม่โบกมือ ขมวดคิ้วเบาๆ ความรู้สึกเหนื่อยล้าอย่างรุนแรงออกมาจากตัวเขา เย่ป๋อเดินเข้ามา เอาโทรศัพท์มือถือส่งให้เขา “โทรศัพท์ของท่านสวีครับ”
เขาพยายามฝืนตั้งสติหยิบโทรศัพท์มา “สวัสดีครับ คุณลุงสวี”
“เนี่ยนโม่ เธอยังสบายดีมั้ย” เสียงของสวีเห้าเซิงยิ่งแก่ลงไปมากขึ้น แฝงด้วยความอ่อนล้าอย่างเห็นได้ชัด
“ผมจะคอยอยู่เป็นเพื่อนเธอครับ” เย่เนี่ยนโม่พูดเบาๆ สายตามองไปยังท้องฟ้านอกหน้าต่าง ท้องฟ้ากลับมาสงบเงียบเป็นปกติแล้ว ความวุ่นวายในยามค่ำคืนจางหายไป ภายในห้องข้างๆ คนที่เขารักที่สุดกำลังหลับสนิท
สวีเห้าเซิงอ้าปาก รู้สึกการอ้าปากพูดกลายเป็นเรื่องยากลำบากเรื่องหนึ่ง นานพักใหญ่เขาจึงเอ่ยว่า “ลุงคิดว่าจะไปอยู่เยอรมันสักพัก”
“คุณลุงสวี!” ปลายสายอีกด้านนั้น เสียงเย่เนี่ยนโม่สูงขึ้นเล็กน้อย สวีเห้าเซิงพูดต่อไปว่า “สิ่งที่ลุงทำผิดต่อยียีมากมายเหลือเกินจริงๆ ลุงอยากจะยกทรัพย์สินทั้งหมดให้เธอ แต่เธอคงไม่มีทางยอมรับหรอก ลุงหวังว่าหลานจะช่วยได้”
เย่เนี่ยนโม่ถอนหายใจเบาๆจนแทบไม่ได้ยิน “ลุงสวี มีผมอยู่ เธอไม่จำเป็นต้องใช้สิ่งเหล่านั้นเลยครับ”
“นี่ถือว่าเป็นน้ำใจของพ่อแก่ๆคนหนึ่ง” สวีเห้าเซิงพูดอย่างอ่อนแรง น้ำเสียงแฝงด้วยความชรา
หลังจากวางสาย เย่เนี่ยนโม่ลุกขึ้นก้าวไปที่นอกระเบียง เพิ่งจะเดินมาก้าวเดียว เขาก็หยุดฝีเท้า ยืนอยู่เงียบๆตรงจุดบรรจบของระเบียงและประตู
ระเบียงข้างๆ เด็กสาวคนหนึ่งนั่งกอดเข่าบนเก้าอี้ตัวใหญ่ ชุดกระโปรงนอนตัวยาวห่อหุ้มตัวเธอไว้ แสงจันทร์ส่องมาที่ข้างใบหน้า เห็นถึงความเงียบเหงาและเศร้าหมอง เธอไม่มีวันรู้เลยว่าในคืนที่อ้างว้างโดดเดี่ยวนั้น ห้องข้างๆ เธอ มีผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่เป็นเพื่อนเธอทั้งคืน
ติงยียีถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงกริ่งประตู เธอพลิกตัว ในปากบ่นพึมพำว่า “แพนด้าแกไปเปิดสิ!”
พนักงานต้อนรับสาวนำอาหารเช้ามารออยู่หน้าประตูด้วยรอยยิ้ม ในใจรูสึกเศร้าอย่างยิ่ง ถูกใช้มาส่งอาหารเช้าตั้งแต่เช้าตรู่ แต่เธอเป็นพนักงานต้อนรับนี่ ทำไมให้เธอมาทำเรื่องพวกนี้
พอคิดได้ว่าผู้ชายรวยๆคนอื่นจะดีกับแฟนตัวเองขนาดนั้น แฟนตัวเองยังเอาเงินเดือนที่มีไม่กี่พันหยวนของตัวเองไปเที่ยวกับเพื่อนทุกเดือนเป็นประจำ เธอก็อดที่จะถอนหายใจไม่ได้
ประตูถูกเปิดเป็นช่องว่าง เธอรีบคลี่ยิ้มอย่างเป็นมืออาชีพ จากนั้นก็มองอุ้งเท้าสุนัขที่วางอยู่บนลูกบิดประตูอย่างแปลกใจ อุ้งเท้าข้างหนึ่งเปิดประตู