สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน - บทที่ 1583 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่ 1423
เย่ป๋อก้าวไปด้านหน้าสะบัดมือของผู้ชายคนนั้นทิ้ง เขากล่าวอย่างเย็นชา :“อย่าแตะต้องเธอ”
ชิวไป๋สั่นไปทั้งตัว เธอรู้ว่าเย่เนี่ยนโม่สามารถทำทุกอย่างได้จริง ๆ ผู้ชาย ทั้งสองเห็นคุณชายเย่ไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ สบตากันครู่หนึ่งแล้วเดินมาด้านหน้าจับตัวเย่ป๋อไว้ สถานการณ์ค่อนข้างตึงเครียด
เย่เนี่ยนโม่นั่งด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง ราวกับสิ่งรอบข้างที่เกิดขึ้นไม่เกี่ยวข้อง กับเขา
“พอได้แล้ว!” ชิวไป๋เดินมาข้างหน้าผลักสองคนที่จับตัวเย่ป๋อไว้ แล้วตะคอกขึ้นมาว่า“ยียีไปอเมริกาแล้ว ส่วนไปเมืองไหนนั้นฉันไม่ทราบ แต่ว่าต่อให้คุณจะหาเธอเจอ ก็ใช่ว่าเธอจะกลับมาพร้อมกับคุณ”
เย่เนี่ยนโม่จ้องมองแววตาของเธอ สายตาเชือดเฉือน เย่ป๋อรู้ว่าคุณชายปล่อยชิวไป๋แล้ว เขารีบคว้าแขนของชิวไป๋แล้วเดินมุ่งไปด้านนอก หน้าประตูใหญ่บริษัทเย่ซื่อ ชิวไป๋สะบัดมือของเย่ป๋อทิ้งแรง ๆ “อย่ามาแตะต้องฉัน ไปหาคุณชายของคุณไป”
เย่ป๋อสีหน้าก็ดูแย่ “คุณรู้ไหมว่าสถานการณ์เมื่อสักครู่นั้นอันตรายแค่ไหน คนตระกูลเย่ไม่ใช่คนที่คุณจะไปมีเรื่องได้รู้ไหม”
ชิวไป๋โกรธจนตัวสั่น “ก็ได้ มีเรื่องกับคนตระกูลเย่ไม่ได้ อย่างนั้นฉันก็จะหลบไปให้พ้น พอใจยัง อีกอย่าง คุณก็แซ่เย่ อย่างนั้นฉันก็ต้องหลบคุณด้วย”
“คุณอย่าไร้เหตุผลซิ ใจเย็นก่อน” เย่ป๋อโกรธที่เธอสูญเสียสติ คิดไม่ถึงว่าคำพูดเช่นนี้จะยิ่งทำให้ชิวไป๋โมโห เธอถอยหลังรัว ๆ มองเขาด้วยแววตาที่ผิดหวัง หันหลังวิ่งหนี
มือของเย่ป๋อที่ยื่นออกมาได้ค้างอยู่กลางอากาศ เขามองแผ่นหลังของชิวไป๋ สุดท้ายก็ก้มหน้าลงอย่างอ่อนแรง
ชิวไป๋วิ่งไปอย่างไม่หยุด จนกระทั่งหมดแรง สมองของเธอเต็มไปด้วยการตำหนิตัวเอง เมื่อสักครู่เธอถึงกับทรยศติงยียีเพื่อเย่ป๋อ และก็เป็นเพราะเหตุนี้ เธอถึงได้กลายเป็นคนงี่เง่าไม่มีเหตุผล พาลโยนความผิดทั้งหมดไปที่ตัวของเย่ป๋อ
เธอรีบหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาติงยียี ฟังเสียงรอสายที่ไม่ว่าง ในใจเธอก็เต็มไปด้วยความลนลาน และทำการโทรอย่างต่อเนื่อง “ยียี รับสายสิ!”
ไม่มีคนรับสาย ชิวไป๋วางสายด้วยความผิดหวัง หวังเพียงแค่อย่าให้เย่เนี่ยนโม่ตามหาตัวติงยียีเจอ หากครั้งนี้ถูกตามหาเจอจริง ๆ ติงยียีก็คงจะหนีไม่พ้นอีกแล้ว
ณ ฝรั่งเศส ชายชราคนหนึ่งที่กระปรี้กระเปร่ากำลังฝึกรำไทเก๊กอยู่ในสวนดอกไม้ส่วนตัว เพียงแต่ว่าด้วยร่างกายที่ไม่เป็นใจ ทำให้การเคลื่อนไหวดูไม่สัมพันธ์กันอย่างเห็นได้ชัด
ทันใดนั้นการเคลื่อนไหวของเขาก็ค่อย ๆ เชื่องช้าลง จากนั้นครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ ก็ยังไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ ทำให้เขาโมโหจึงร้องตะโกนขึ้น :“แม่สาวจีน รีบเข้ามาที!”
ในน้ำเสียงของเขาโมโหสุดขีด ทำให้คนรับใช้ที่อยู่รอบข้างต่างอดขำไม่ได้ เจ้านายของพวกเขาไม่มีลูก เมื่อก่อนนิสัยแปลกประหลาดมาก ไม่มีใครกล้าไปขัดใจเขา เมื่อเห็นเขาก็รีบเดินหลบไปทันที แต่หลังกจากการปรากฏตัวของสาวจีนคนนั้น คฤหาสน์ก็เต็มไปด้วยเสียงของเขา ทำให้ครึกครื้นขึ้นไม่น้อย
ชายชรางึมงำอยู่สักพัก สาวน้อยคนหนึ่งที่มัดผมทรงหางม้า แต่งกายด้วยชุดยีนทั้งตัว วิ่งกระโดกกระเดกเข้ามาหา ด้วยใบหน้าที่เกลี้ยงเกลาไร้การแต่งแต้ม
“อาจารย์ ฉันมาแล้ว!” เมื่อติงยียีมาถึงฝรั่งเศส ก็ได้มาหาชายชราที่ถูกชะตากันตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอในงานเดินแบบแฟชั่น คิดไม่ถึงว่าเขาจะเป็นนักออกแบบเสื้อผ้า และก็เป็นทั้งนักออกแบบเครื่องประดับอัญมณี ทั้งคู่จึงได้กลายเป็นลูกศิษย์อาจารย์กัน
“แม่สาวจีน เธอฝึกให้ฉันดูอีกทีสิ ศิลปะการต่อสู้ของเมืองจีนนั้นช่างน่าสนใจมาก เพียงแต่ว่ายากเกินไป” ชายชรากล่าวอย่างขุ่นเคือง
ติงยียีกล่าวปลอบใจ :“เอาล่ะค่ะ หนูจะฝึกให้ดูอีกรอบหนึ่ง อาจารย์ดูนะ”
เธอสูดลมหายใจเข้าไป บรรเลงรำไทเก๊กเป็นชุดอย่างคล่องแคล่ว สิบนาทีต่อมา เธอก็หยุดลงด้วยจิตใจที่สบาย “อาจารย์เห็นชัดเจนหรือยังคะ อาจารย์ยังมีตรงไหนที่ไม่เข้าใจอีก”
Alinยิ้มตาหยีมองหน้าเธอ “เป็นอย่างไรบ้าง ตอนนี้จิตใจรู้สึกดีขึ้นบ้างไหม”
ติงยียีผงะ จากนั้นก็เข้าใจว่าเขากำลังพูดถึงอะไร Alinเดินไปที่ข้าง ๆ เธอแล้วหมุนข้อเท้า “ฉันไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงมาที่นี่ แต่ในเมื่อเธอยอมรับฉันเป็นอาจารย์ ฉันก็จะรับผิดชอบเธอ ขณะเดียวกันฉันก็หวังว่าเธอมาหาฉัน ฉันมาหาเธอ ตั้งใจเรียนตั้งใจฝึกฝน”
ติงยียียิ้มก็ไม่ได้ร้องไห้ก็ไม่ได้ “อาจารย์คะ สำนวนในภาษาจีนที่ว่าเธอมาหาฉัน ฉันมาหาเธอนี้ ไม่ได้ใช้กันแบบนี้ ต้องใช้ว่าดีมาดีตอบค่ะ”
Alinพ่นลมออกจมูกแล้วถลึงตา “ภาษาจีนนี่ซับซ้อนจัง!”
เอเลนวิ่งมาจากไม่ไกล แววตาของเขายังคงจ้องตรงไปที่ตัวติงยียี ทำให้เห็นถึงความรักในแววตาได้อย่างชัดเจน ชายชรากระแอมขึ้น “ช่างทำให้เสียหน้าคนฝรั่งเศสจริง ๆ ถ้ามองแบบนี้แล้วได้ครอบครอง คนในโลกใบนี้ก็คงกลายเป็นคู่กันหมดแล้ว”
เอเลนชินกับคำพูดประชดประชันของAlinแล้ว จึงได้กล่าวขึ้น :“อาจารย์ครับ มีคนจีนมาหาอีกแล้ว ตอนนี้รอท่านอยู่ที่ห้องประชุม” “บอกแล้วว่าจะไม่ทำการโฆษณาให้กับแบรนด์สินค้าของพวกเขา แกกลับไปปฏิเสธเลย” Alinยกเท้าขึ้นเดินอย่างรำคาญ เอเลนได้แต่ตามไป สบตากับติงยียีครู่หนึ่ง แล้วกระซิบเบา ๆว่า “ครั้งนี้เป็นคนตระกูลเย่จากเมืองตงเจียง”
คนของตระกูลเย่? Alinมองติงยียีที่ใจลอยและอยู่ห่างไม่กี่เมตรอย่างเงียบ ๆ เขาได้ยินมาคร่าวๆว่ามีคนตระกูลคนหนึ่งเคยทำไม่ดีกับลูกศิษย์ของตัวเอง เขาสบตากับเอเลนครู่หนึ่ง ในใจเกิดแผนการขึ้นมา
“ไป ไปดูกัน” Alinก้าวเดินได้สองสามเก้า แล้วก็หยุดชะงักขึ้นทันที เอียงศีรษะแล้วกล่าวเบาๆ “อย่าไปบอกแม่หนูน้อยคนนั้น”
“อย่าบอกอะไรกับฉัน?” ติงยียีงึมงำจากด้านหลังด้วยความสงสัย
“แม่หนูน้อย ในสำนวนจีนก็บอกอยู่แล้วว่า สิ่งใดที่ไร้คุณธรรมห้ามดู ห้ามฟัง ทำแบบนี้ไม่ดีนะ!” Alinถลึงตาใส่ เมื่อสักครู่เขาตกใจจนหัวใจแทบจะวาย
ความสนใจของติงยียีถูกเบี่ยงเบนไปจริง ๆ วัฒนธรรมจีนจะถูกทำลายแบบนี้ไม่ได้ เธอจึงได้กล่าวอย่างเคร่งขรึม “อาจารย์คะ ความหมายของประโยคนี้ในภาษาจีนคือ สิ่งที่สุภาพบุรุษไม่ควรมองก็จะไม่มอง ไม่ควรดูก็จะไม่ดู นี่คือการกระทำของสุภาพบุรุษ”
Alinสีหน้าราบเรียบ “เมื่อกี้ฉันก็หมายถึงแบบนี้”
ติงยียีตกใจกับคำโต้แย้งอย่างไม่มีเหตุผลของอาจารย์ เมื่อทั้งสองคนเดินจากไปไกลแล้ว ถึงได้รู้สึกตัวว่าสองคนเมื่อสักครู่ราวกับมีความลับปิดบังเธออยู่
ในห้องประชุม เย่ป๋อถอนหายใจ ตั้งแต่ที่จากกันไม่ดีกับชิวไป๋ครั้งก่อน อีกฝ่ายคงเกลียดตัวเองมากเลยสินะ เดิมทีเขาก็ไม่ใช่คนประเภทที่จะเริ่มเข้าไปทักทายก่อน ดังนั้นความสัมพันธ์ของทั้งคู่จึงเย็นชาและกระด้างเช่นนี้
เขาถอนหายใจเบา ๆ เมื่อนึกถึงคุณชายที่ออกตามหาในอเมริกาเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์แล้ว เพิ่งจะกลับมาถึงจีน คิ้วของเขาก็ยิ่งขมวดแน่น เมื่อหนึ่งสัปดาห์ก่อน คุณชายได้ไปที่อเมริกา ถึงขั้นที่ระดมกำลังของตระกูลเย่ด้วยซ้ำ แต่ก็หาไม่เจอ อเมริกามีรัฐเยอะขนาดนั้น การหาตัวติงยียีก็ประหนึ่งกับการงมเข็มในมหาสมุทร
ประตูถูกผลักออก เย่ป๋อลุกขึ้นในทันที ได้ยินมาตั้งนานแล้วว่าคนที่มีชื่อเสียงดังพอ ๆ กับคุณนายเซี่ยก็คือชายชราฝรั่งเศสคนนี้ เพียงแต่ว่านิสัยของชายชราคนนี้ค่อนข้างแปลกประหลาด คนที่มาหาเขาเพื่อต้องการร่วมมือนั้น ต่างถูกปฏิเสธให้อยู่นอกประตู แต่ทว่าผลงานของเขานั้นกลับพิเศษและดันเป็นที่นิยม บวกกับตอนนั้นที่คุณติงยียีก็เคยมาเดินแบบแฟชั่นอยู่ที่นี่ ดังนั้นคุณชายจึงรับสั่งให้สงวนบูธหลักของศูนย์การค้าสากลไว้สำหรับนักออกแบบชาวฝรั่งเศสที่ชื่อ Alin
ใช่แล้ว คุณติงยียีเคยเดินแบบแฟชั่นให้กับคนคนนี้ อย่างนั้นจะเป็นไปได้ไหมว่าคุณติงยียีอาจจะอยู่ในฝรั่งเศส ไม่ใช่อเมริกา เขาถูกความคิดของตัวเองทำให้ตกใจ สักพักก็ปฏิเสธความคิดนั้นทันที ชายชราคนนี้ช่างแปลกประหลาดมาก คุณติงยียีไม่มีทางที่จะติดต่อกับเขาได้
ด้านนอกประตู ชายชราได้เดินเข้ามาด้วยชุดสูทแฟชั่นสีแดง ด้านหลังของเขาชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่เดินตาม นัยน์ตาชายหนุ่มนั้นสีฟ้า ดูงดงามมาก ทำให้เห็นครั้งแรกก็ไม่อาจจะละสายตา
เย่ป๋อรู้สึกถึงความไม่เป็นมิตรในแวบแรกที่ทั้งสองเดินเข้ามา เขามั่นใจว่าก่อนหน้านี้ขาไม่เคยมีกาารติดต่อกับอีกฝ่ายมาก่อนอย่างแน่นอน เขาปรับน้ำเสียงแล้วกล่าวขึ้น “สวัสดีครับคุณAlin สบายดีไหมครับ”
“ไม่สบาย ไม่สบายเลยสักนิดเดียว ’’Alinพ่นลมออกจมูกแล้วถลึงตาใส่ ไม่ไว้หน้าแม้แต่นิดเดียว เอเลนที่อยู่ข้าง ๆ กล่าวแดกดันอย่างเย็นชา “ไม่เป็นไรครับ ผู้ที่มาเยือนจากแดนไกล ท่านสบายคนเดียวก็พอแล้ว”
เย่ป๋อรู้สึกมึนงงอย่างอธิบายไม่ถูก ระงับอารมณ์จากการยั่วยุของอีกฝ่ายไว้ แล้วเขาก็กล่าวขึ้นมาว่า “โครงการครั้งนี้ที่ทางเราต้องการจะเชื้อเชิญแบรนด์ของท่านเข้าสู่ศูนย์การค้าสากล ไม่ทราบว่าท่านได้ดูหรือยังครับ”
“ผมยังไม่ได้ดูเลย คุณพูดให้ผมฟังอีกครั้งหน่อยสิ” Alinกล่าวอย่างไม่เกรงใจ เอเลนสมทบต่อ “โปรดใช้ภาษาฝรั่งเศส ภาษาจีนพวกเราไม่เข้าใจหรอก ภาษาอังกฤษพวกเราก็ไม่ค่อยถนัด”
เย่ป๋อมั่นใจว่าสองคนนี้กำลังกลั่นแกล้งตัวเองอยู่ เมื่อสักครู่เลขาฯชาวฝรั่งเศสคนหนึ่งได้บอกแล้วว่าAlinได้ดูเอกสารแล้ว และถึงแม้ภาษาจีนของชายชราคนนี้จะไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ แต่ว่าภาษาอังกฤษนั้นดีมาก เนื่องจากบรรพบุรุษมีเชื้อสายอังกฤษ และยิ่งชายหนุ่มที่อยู่ข้าง ๆ เขานั้นอยู่ประเทศจีนมาหลายปี สองคนนี้ดูอย่างไรก็จงใจที่จะกลั่นแกล้งตัวเอง
เย่ป๋อโกรธในใจ แต่ว่าแบกภารกิจที่คุณชายได้มอบหมายไว้ ยังไงก็ต้องทำสำเร็จให้ได้ เขาจึงได้แต่อดทนอดกลั้น ข่มใจลงแล้วอธิบายโครงการตั้งแต่ต้นจนจบด้วยภาษาฝรั่งเศสหนึ่งรอบ เสร็จแล้วเขาได้กล่าวถามขึ้น “อย่างนั้นตอนนี้พวกเราก็สามารถเริ่มเจรจาเรื่องที่เกี่ยวข้องได้แล้วใช่ไหมครับ”
Alinยังอยากที่จะแกล้งเขา จึงพยักหน้าต่อ “คุณอธิบายโครงการตั้งแต่ต้นเมื่อสักครู่ด้วยภาษาอังกฤษอีกรอบหนึ่งสิ ผมแก่แล้ว หูไม่ค่อยดี อยากฟังอีกรอบ”
“คุณAlinครับ ครั้งนี้พวกเรามาหาท่านอย่างจริงใจ เพื่อต้องการร่วมมือกับท่าน เชื่อว่ามีแรงผลักดันของศูนย์การค้าสากล บวกกับอิทธิพลจากแบรนด์ของท่าน นี่จึงเป็นโอกาสที่ดีทั้งสองฝ่ายได้ผลประโยชน์ ครั้งหน้าผมค่อยมาใหม่ หวังว่าครั้งหน้าพวกเราจะสามารถเจรจาสื่อสารกันดี ๆ ได้ครับ”
เย่ป๋อเก็บเอกสาร เขาต้องกลับไปสืบอย่างละเอียดว่า เมื่อไหร่กันที่บริษัทเย่ซื่อไปทำให้ชายชาวฝรั่งเศสคนนี้ไม่ถูกใจ มิเช่นนั้นอยู่ที่นี่ต่อก็ไม่มีประโยชน์
มองดูชายหนุ่มจากไป Alinฮึมฮัม “คิดไม่ถึงว่าความอดทนของชายหนุ่มคนนั้นใช้ได้ทีเดียว ฉันนึกว่าจะถูกพวกเราทำให้โมโหแล้วหนีไปตั้งแต่ครั้งแรกเสียแล้ว”
“แบบนี้เขาได้เปรียบตายเลย หรือว่าให้หาของขวัญจากฝรั่งเศสให้สักหน่อย ส่งคนไปสั่งสอนเขาในระหว่างทางดีไหม” ในแววตาของเอเลนซ่อนด้วยความเจ้าเล่ห์
Alinมองเขาแวบหนึ่ง “นายยังอ่อนหัด ดูไม่ออกว่าชายหนุ่มคนนั้นมีวิชาที่ใช้ได้เลยทีเดียว ถึงตอนนั้นยังไม่รู้เลยว่าใครจะต่อยใคร” มองดูท่าทางสีหน้าที่ไม่พอใจของเอเลน แล้วเขาก็กล่าวต่อ “ถ้าอยากจะจีบลูกศิษย์ของฉัน ก็ให้เลิกนิสัยเจ้าชู้นั้นซะ”
เอเลนเม้มปาก และไม่ได้นำคำพูดของชายชรานั้นมาใส่ใจ ในหัวสมองเต็มไปด้วยการคิดหาวิธีที่สั่งสอนชายหนุ่มคนนั้น จากนั้นไปขอรางวัลจากติงยียี
เย่ป๋อขับรถมาได้ครึ่งทาง ก็รู้ว่ามีรถแต่งได้ตามรถตัวเองอยู่ด้านหลัง คนในรถแต่งเหล่านั้นล้วนดูกำยำ มีรอยสักเต็มตัว ในมือยังถือไม้เบสบอลไว้ วิ่งตามความเร็วรถของเขา แค่เขาเร่งความเร็ว รถเหล่านั้นก็จะเร่งความเร็วตาม