สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน - บทที่ 1612 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่ 1452
รอจนมองไม่เห็นแล้ว อ้าวเสว่ถึงได้หยิบโทรศัพท์มือถือในมือออกมา เมื่ออ่านข้อความในโทรศัพท์มือถือแล้วก็เหม่อลอย ภายในร้านกาแฟ ซือซือมองท้องของเธอแล้วลุกขึ้นเดินมาข้างกายเธอ เสียงรองเท้าส้นสูงกระทบลงกับพื้นดังกังวาน เธอโค้งตัวลงเล็กน้อย ทาบมือลงบนท้องของอ้าวเสว่ “ล้วนพูดกันว่าท้องกลมๆ เป็นผู้ชาย ท้องแหลมเป็นผู้หญิง ฉันว่าในท้องของเธออาจจะเป็นเด็กผู้ชาย”
มือของเธอค่อยๆกดลงบนหน้าท้องของอ้าวเสว่แรงมากขึ้นเรื่อยๆ อ้าวเสว่อดไม่ได้ที่จะปกป้องท้องเอาไว้ ร่างของเธอเอนไปด้านหลัง คิดจะสลัดให้หลุดจากแรงที่กดอยู่บนหน้าท้อง
ซือซือยืดตัวขึ้น “ฉันว่าสมควรแก่เวลาแล้ว”
อ้าวเสว่หน้าซีดเผือด “พวกเราสามารถรอให้คลอดออกมาแล้วมอบให้กับครอบครัวอื่นได้” แววตาของเธอเต็มไปด้วยความลังเล ความรู้สึกหวาดกลัวที่ผิวหนังหน้าท้องขยับเขยื้อนเป็นครั้งแรกค่อยๆปรากฏชัดเจนขึ้นมา
ซือซือคาดการณ์ได้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเธอจะลังเล เธอกลับไปยังที่นั่ง “คิดให้ดีๆเถอะ ถ้าหากว่าคลอดเด็กออกมาแล้วถูกพบว่าไม่ใช่สายเลือดตระกูลเย่ เธอคิดว่าเธอยังจะมีโอกาสเข้าไปในตระกูลเย่อีกไหม”
“แม้ว่าหนูจะไม่คลอดเด็กออกมา เย่เนี่ยนโม่ก็จะไม่ให้หนูอยู่ที่ตระกูลเย่อยู่แล้ว” อ้าวเสว่กล่าวเสียงเรียบ
ซือซือหมุนแหวนหยกที่สวมไว้บนนิ้วหัวแม่มือไปมา แสงไฟภายในร้านกาแฟสาดกระทบลงบนแพขนตาของเธอเล็กน้อย ทำให้คนมองไม่เห็นสีหน้าความรู้สึกที่ชัดเจนของเธอ เห็นเพียงแค่มุมปากของเธอโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มคล้ายมีคล้ายไม่มีบางๆ “ถ้าหากว่าคนที่ทำให้เด็กตายคือติงยียี อย่างนั้นเธอคิดว่า ด้วยนิสัยของฝู้เฟิ่งหยีจะยังเก็บติงยียีไว้อีกไหม เธอยังจะชดเชยให้เธอ บังคับให้เย่เนี่ยนโม่แต่งงานกับเธอด้วย”
นัยน์ตาอ้าวเสว่มีประกายตกตะลึงอยู่บ้าง แต่เธอพิจารณาไปไกลยิ่งกว่านั้น คนที่กระทั่งลูกสาวแท้ๆของตัวเองก็ยังสามารถดีดลูกคิดเล่นงานได้นั้นน่ากลัวมากเพียงใด คนถัดไปจะเป็นตัวเองหรือไม่
ซือซือเอ่ยเสียงเบา คล้ายกับรู้ว่าเธอกำลังคิดสิ่งใดอยู่ “วางใจเถอะ ฉันจะไม่ลงมือกับเธอหรอก ฉันยังต้องพึ่งเธอเพื่อแบ่งสมบัติครึ่งหนึ่งของตระกูลเย่หลังจากที่แต่งงานกับเย่เนี่ยนโม่” ภายใต้แสงไฟ LED สีเหลืองส้ม ใบหน้าของซือซือนั้นบิดเบี้ยวอย่างน่าประหลาด
เมื่อกลับไปที่ตระกูลเย่ อ้าวเสว่ก็นั่งลงบนโซฟาด้วยสภาพจิตใจสับสนวุ่นวาย เธอเอามือกุมท้องเอาไว้อย่างอดไม่อยู่ ข้างในนั้นมีสิ่งมีชีวิตที่สดใสดำรงอยู่ แต่ก็น่าเสียใจเช่นกัน
จู่ๆพ่อบ้านก็รีบร้อนเดินออกมาจากห้องโถงด้านข้าง หลังจากเห็นเธอแล้วก็พยักหน้าเล็กน้อย และเบนสายตาวิตกกังวลไปทางด้านนอก ผ่านไปครู่หนึ่ง เย่ป๋อก็ประคองเย่เนี่ยนโม่เดินเข้ามาจากด้านนอก
เย่เนี่ยนโม่สีหน้าเคร่งขรึม ฝีเท้ามั่นคง แต่แววตากลับไม่แจ่มใส “คุณชาย!” พ่อบ้านรีบก้าวขึ้นไปต้อนรับ “กลับไปที่ห้องก่อนเถอะครับ ชาสร่างเมาชงเอาไว้เรียบร้อยแล้ว”
“เนี่ยนโม่!” อ้าวเสว่ก้าวขึ้นไปด้านหน้า คิดจะประคองเขาเอาไว้ เย่ป๋อหลบเลี่ยง “คุณอ้าวเสว่ ให้ฉันจัดการเองเถอะค่ะ คุณตั้งท้องอยู่ ตอนนี้อย่าขยับไปมาสุ่มสี่สุ่มห้าจะดีกว่า”
วาจาของเธอไม่ได้ทำให้อ้าวเสว่พอใจ แต่กลับทำให้เธอชักสีหน้า เย่ป๋อมีความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างดีกับติงยียี ดังนั้นเมื่อครู่ถึงได้ขวางตัวเอง ไม่อยากให้ติงยียีมีโอกาสได้เห็นใช่ไหม
จู่ๆเย่เนี่ยนโม่ที่ยืนตัวตรงอยู่อีกด้านก็เบิกตามองอ้าวเสว่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ผลักเย่ป๋อออก เขาก้าวเดินมาตรงหน้าเธออย่างมั่นคง และยื่นแขนโอบเธอเข้าไปในอ้อมกอด
อ้าวเสว่ร่างสั่นสะท้าน ความรู้สึกนี้แปลกประหลาดมากเกินไป อ้อมกอดของเขาอบอุ่นขนาดนี้ เห็นอยู่ชัดๆว่าไม่ได้ดื่มเหล้า แต่รู้สึกว่าตัวเองเมาแล้ว
เย่ป๋อคิดจะเอ่ยปากพูดอะไร ก็เห็นติงยียีเดินลงบันไดมา ทุกครั้งที่เธอก้าวบันไดขั้นหนึ่ง สายตาก็จับจ้องอยู่ที่ร่างของคนสองคนที่กอดกันอยู่
พ่อบ้านมองไปทางคุณชายด้วยความกังวลเล็กน้อย คุณติงยียีเป็นคนที่ตัวเองไปเรียกมาเป็นพิเศษ คิดอยากจะให้เธอโน้มน้าวคุณชายที่ดื่มเหล้าจนเมา ตอนนี้ดูเหมือนว่าสถานการณ์จะย่ำแย่ยิ่งกว่าเดิมเสียแล้ว
อ้าวเสว่หันหลังให้ติงยียี ใจเธอเต็มไปด้วยความปีติยินดี กำลังคิดจะยื่นมือออกไปกอดตอบ แต่กลับได้ยินเสียงงึมงำแผ่วเบาที่ต้นคอ
“ยียี!”
เขาจำผิดแล้ว เขาเห็นเธอเป็นติงยียี เขากอดเธอเพราะผู้หญิงอีกคนหนึ่ง แต่อ้อมกอดนี้อบอุ่นและอิ่มเอมขนาดนี้ คล้ายกับสามารถป้องกันอุปสรรคทั้งหมด และกำจัดความเศร้าโศกเสียใจทั้งหมดได้
เธอค่อยๆยกมือโอบกอดเขาเอาไว้ เสพสุขไปกับความอบอุ่นที่ไม่ได้เป็นของตัวเอง ติงยียีอยู่ห่างจากทั้งสองคนไม่กี่ก้าว ในใจเธอเจ็บแปลบขึ้นมาอย่างเลือนราง “พ่อบ้าน ดูเหมือนว่าจะไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ฉันขอตัวก่อนนะคะ”
“คุณยียี!” เย่ป๋อเรียกอย่างอดไม่ได้ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไร
ภายในห้อง เย่เนี่ยนโม่ขมวดคิ้วมองไปที่อ้าวเสว่ ผู้หญิงตรงหน้ามีใบหน้าที่คุ้นเคย แต่กลิ่นอายบนร่าง ดวงตารวมไปถึงความรู้สึกเร่าร้อนในนัยน์ตากลับไม่สามารถทำให้เขาเกิดความกำหนัดได้
เย่ป๋อจากไปแล้ว อ้าวเสว่มองเขาที่นั่งขมวดคิ้วอยู่บนเตียง เธอปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตเม็ดบนตรงลูกกระเดือกให้เขา เขาเพียงแค่ขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ไม่ได้ยับยั้ง
“ก๊อกๆๆ” เสียงเคาะประตูดังขึ้นจากด้านนอก ต้าต้าถือน้ำขิงชามหนึ่งยืนอยู่นอกประตู “พ่อบ้านให้ดิฉันยกน้ำขิงขึ้นมาค่ะ”
ต้าต้าถูกสายตาดุร้ายราวกับจะกินคนของอ้าวเสว่ทำให้ตัวสั่นและหวาดกลัว แววตานั้นเจือไปด้วยประกายยั่วยุ ไม่แยแส และความโหดเหี้ยมของหญิงสาว
“เข้ามาสิ” อ้าวเสว่ลุกขึ้นจากเตียง เธอถอยออกไปเล็กน้อย และสั่งว่า “ไปถอดรองเท้าให้คุณชาย”
ต้าต้ารับคำเสียงเบา ก้มหน้าเดินไปข้างเตียงอย่างรวดเร็ว เพื่อช่วยถอดรองเท้าให้เย่เนี่ยนโม่ อ้าวเสว่ยืนดูอยู่อีกด้าน โทสะในใจก็มากขึ้น ทำไมทุกคนถึงต้องมาแย่งเย่เนี่ยนโม่กับเธอ
“พอแล้ว!” อ้าวเสว่เอ่ยด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด เธอเดินไปข้างกายชายหนุ่มที่เธอรักด้วยท่าทางสบายๆ ห่มผ้าห่มให้เขาอย่างอ่อนโยน เธอคิดจะก้มหน้าจูบเขา แต่ควบคุมเอาไว้ได้ ตอนนี้เธอมีเรื่องสำคัญกว่าที่ต้องทำ
“หยิบน้ำแกงถ้วยนั้นแล้วตามฉันมา” เธอเดินนำออกไปนอกประตู พลางเอ่ยเสียงเบา
ต้าต้าไม่กล้ารีรอ รีบยกน้ำแกงเดินตามเธอกลับไปที่ห้อง ภายในห้อง อ้าวเสว่ส่องกระจกขณะจัดแต่งเส้นผมตัวเอง หลังจากนั้นก็ยกน้ำขิงที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาดื่มคำหนึ่ง
เธอดื่มช้ามาก ริมฝีปากสีเชอรี่เปื้อนไปด้วยของเหลวสีน้ำตาล กลิ่นน้ำหอมเบาบางผสมปนเปไปกับกลิ่นน้ำขิง เธอวางช้อนตักน้ำแกงลง เสียงช้อนกระทบเข้ากับขอบชามจนเกิดเสียงดังกังวาน
เธอค่อยๆเดินมาถึงข้างกายต้าต้า ทันใดนั้น เธอก็ชูมือขึ้นสูงสาดน้ำขิงชามนั้นลงบนร่างของต้าต้า
เสียงตกใจจนทำอะไรไม่ถูกที่ดังขึ้นในห้องนั้นชัดเจนจนน่าหวาดเสียว ผิวขาวเนียนของต้าต้าถูกลวกจนเป็นตุ่มเล็กๆสีแดงหลายตุ่ม เธอหมุนตัวคิดจะหนีออกไป แต่ประตูก็มีเสียง “คลิก” ดังขึ้น
เธอหันกลับมามองอ้าวเสว่ที่ถือรีโมทล็อกประตู พลางส่งยิ้มให้เธอ “คุณอ้าวเสว่ ฉันทำอะไรผิดไปหรือคะ”
“เธอคิดว่าเธอทำอะไรผิดล่ะ” อ้าวเสว่เล่นรีโมทในมือ น้ำเสียงเฉียบขาด
ต้าต้าตัวสั่นเทาด้วยความตึงเครียด “ฉันไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้นค่ะ” เธอเครียดจนตัวสั่นเทา มิน่าตอนนี้ถึงได้อยากจะเปิดประตูหนีออกไปทันที
อ้าวเสว่ค่อยๆเดินเข้าไปใกล้เธอ เอ่ยทีละคำทีละประโยคว่า “เธอคิดว่าดวงหน้าเล็กๆของเธอจะสามารถยั่วยวนเย่เนี่ยนโม่ได้หรือ เธอคิดว่าเธอจะชนะติงยียีที่มีตำแหน่งในใจเขาได้หรือ”
ต้าต้ามองเธอด้วยท่าทางตกตะลึงและสงสัย แววตาเผยความหวาดกลัวออกมา เธอรีบร้อนคิดจะอธิบาย “คุณอ้าวเสว่ ฉันไม่ได้สนใจในตัวคุณชายนะคะ ฉันเพียงแค่อยากจะอยู่ในตระกูลเย่ทำหน้าที่ของตัวเองเงียบๆเท่านั้นเอง”
ผิวที่ถูกน้ำขิงลวกบวมแดงขึ้นมา ทำให้ดูน่าสงสารมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด อ้าวเสว่หัวเราะเสียงเบา เธอโน้มตัวไปใกล้เธอช้าๆ นิ้วมือที่ตัดแต่งมาอย่างดีไล้ผ่านดวงหน้ารูปไข่ของต้าต้า เพื่อรับรู้ถึงความละเอียดนุ่มลื่นภายใต้นิ้วมือ “ซางหัวบอกฉันหมดแล้ว เธอว่าฉันจะเก็บเธอเอาไว้เพื่อให้เธอดำเนินแผนการโจมตีทั้งในและนอกไปพร้อมกันดีหรือไม่”
ทันใดนั้นนิ้วมือก็จิกลงไปบนใบหน้าของต้าต้าจนเป็นรอยพระจันทร์เสี้ยว เธอผวาผลักอ้าวเสว่ออก อ้าวเสว่ถอยหลังไปหลายก้าว พลางมองเธออย่างเย็นชา
“คุณอ้าวเสว่ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะผลักคุณ” ต้าต้ายืนอยู่ในมุมหนึ่งของห้อง พยายามอธิบาย “พี่ซางหัวบอกว่าอยากจะหาโอกาสขอร้องคุณ ดังนั้นฉันถึงได้รับปาก”
อ้าวเสว่ยิ้ม “ไม่เป็นไร แม้ว่าพวกเธอจะร่วมมือกัน ฉันก็ไม่กลัว วันนี้ก็พอแค่นี้แล้วกัน เธอออกไปเถอะ”
ต้าต้ามองเธออย่างหวาดกลัวเล็กน้อย เมื่อได้ยินเสียง “คลิก” ที่ประตูดังขึ้น เธอก็หมุนตัวหนีไปทันทีโดยไม่มีเวลามาสนใจอะไรอีก
อ้าวเสว่มองเงาร่างที่พุ่งตัวออกนอกประตูไป เธอค่อยๆเดินตามอยู่ด้านหลังเธอ ยืนอยู่นอกประตู มองต้าต้าวิ่งไปยังทิศทางของห้องโถงด้านข้างด้วยความร้อนรนอย่างไม่เลือกเส้นทาง จนกระทั่งเงาร่างนั้นหายลับไปถึงได้หมุนตัวเดินไปยังห้องของเย่เนี่ยนโม่
ภายในห้อง เย่เนี่ยนโม่ขมวดคิ้วพึมพำเสียงเบา เธอเดินเข้ามาใกล้เขา “ทำไมถึงได้มีคนมากมายต้องการจะแย่งเธอไปจากฉัน ฉันจะไม่ยอมให้พวกเขาแย่งเธอไปได้ ไม่มีทาง!”
เธอก้มหน้า ประทับริมฝีปากสั่นระริกลงบนความอ่อนนุ่มที่คิดถึงตลอดเวลา ทันใดนั้น คนที่สมควรจะหลับไปแล้วก็ลืมตาขึ้นมา แววตาไม่แจ่มใส
มือของเขาคว้าหมับเข้าที่ต้นคอเธอ บังคับให้เธอเข้าใกล้เขาไม่หยุด เขาบดคลึงขบเม้ม รับรู้ได้ถึงแรงสั่นจากฝ่ายตรงข้ามแล้วก็เคลื่อนไหวให้ช้าลงตามจิตใต้สำนึก
โลกพลิกกลับไปชั่วขณะ ทั้งสองคนเปลี่ยนตำแหน่งกัน เย่เนี่ยนโม่ทาบทับอยู่บนร่างเธอ เขาเขยิบตัวออกเล็กน้อย คล้ายกับไม่สบายตัวจากการถูกหน้าท้องของอ้าวเสว่ขวาง ทว่าสายตากลับจดจ้องอยู่ที่หญิงสาวบนเตียง
จู่ๆเขาก็หัวเราะขึ้นมา “นานมากแล้วที่เธอไม่ได้อยู่ข้างกายฉันนิ่งๆและว่านอนสอนง่ายขนาดนี้”
อ้าวเสว่เอนตัวนอนราบลงบนเตียงอย่างเชื่อฟัง เธอลูบเรือนผมสีดำที่แผ่กระจายอยู่บนผ้าปูที่นอนสีขาว และเอ่ยขึ้นว่า “เย่เนี่ยนโม่ พูดว่ารักฉัน”
เย่เนี่ยนโม่ก้มหน้าซุกอยู่ระหว่างซอกคอเธอ กลิ่นสุราเบาบางปกคลุมไปทั่ว เขาค่อยๆเขยิบเข้าไปใกล้ใบหูข้างซ้ายของเธอ “ฉันรักเธอ ยียี”
เธอตัวสั่น ในใจก็ถูกคนที่ชื่อว่าติงยียีทำร้ายจนเป็นพ่ายแพ้เป็นรูพรุน แต่กลับดื้อดึงที่จะฟังอีกรอบ “พูดว่ารักฉัน ฉันต้องการให้คุณพูดว่าคุณรักฉัน”
เขาเขยิบเข้ามาใกล้ใบหูข้างซ้ายของเธอ เอ่ยคำว่าฉันรักเธอนับครั้งไม่ถ้วนด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน เพียงแต่หลังคำว่าฉันรักเธอล้วนเต็มไปด้วยหญิงสาวที่อยู่ในความทรงจำอย่างลึกซึ้ง…ติงยียี
แสงอาทิตย์เจือไปด้วยกลิ่นอายเนือยๆส่องเข้ามาในห้อง ฮีตเตอร์ที่เปิดทำงานอย่างเต็มที่ ทำให้ผู้คนหลงผิดว่าอยู่ในฤดูใบไม้ผลิ เย่เนี่ยนโม่ส่งเสียงคราง เขาขมวดคิ้วแล้วตื่นขึ้น สีหน้าท่าทางยังแฝงไปด้วยความสับสนงงงวยจากการเพิ่งตื่นนอน
ในความทรงจำ เขาพูดว่า ‘ฉันรักเธอ’ กับติงยียีไปหลายครั้ง แต่ดูเหมือนว่าเธอจะร้องไห้ ทำไมถึงร้องไห้ เธอไม่ยินยอมให้เขารักเธอหรือ
จนกระทั่งที่โต๊ะทานอาหาร คนที่คิดถึงในใจคนนั้นก็ยังไม่ปรากฏตัวขึ้น อ้าวเสว่นั่งกินโจ๊กอยู่ทางด้านซ้ายมือเขาเงียบๆ หน่วยตาเธอแดงก่ำ แต่ไม่มีใครสนใจ เขาวางหนังสือพิมพ์ลง ขมวดคิ้วขณะสั่งพ่อบ้านว่า “เวลาอาหารเช้าวันนี้เลื่อนไปชั่วโมงหนึ่ง”
พ่อบ้านรับคำ หลังจากอาหารเช้า คนคนนั้นก็ยังไม่ปรากฏตัวขึ้น เย่เนี่ยนโม่ยืนอยู่ที่หน้าประตู กวาดตามองผ่านบันไดไป ปกติเธอมักจะยืนอยู่ตรงนั้นไม่ใช่หรือ วันนี้ไปที่ไหนเสียแล้ว คงจะไม่ได้ป่วยหรอกนะ