สืบแค้นคุณหนูสวมรอย - ตอนที่ 20 เชื้อเชิญ
ตอนที่ 20 เชื้อเชิญ
ท้องฟ้ายิ่งมืดลงแสงโคมไฟสีส้มสาดส่องใบหน้าของรองเจ้ากรมต้วน ทำให้ใบหน้ายิ่งแลดูเหลืองคล้ำ
แต่ความจริง ใบหน้าของรองเจ้ากรมต้วนยามนี้กำลังซีดขาว
เขาก้าวเท้ายาวไปหยุดข้างรถม้า ตลอดเส้นทางกลับอารมณ์ในใจก็ขึ้นลงรุนแรง
“นายท่านใหญ่กลับมาแล้ว…”
รองเจ้ากรมต้วนไม่แม้แต่จะเหลือบมองคนเฝ้าประตู ตรงไปยังเรือนหย่าซินย่วนทันที
เรือนหย่าซินย่วนจุดโคมไปสว่าง นายหญิงใหญ่เฉียวซื่อนั่งอยู่ข้างเตียง สีหน้าเคร่งเครียดดำทะมึน
นางได้ยินข่าวลือภายนอกมาบ้างแล้ว แต่ยังไม่กล้าให้นายหญิงผู้เฒ่ารู้ ตามผู้คุ้มกันที่ติดตามออกไปด้วยวันนั้นมาซักถามแต่ต้นจนจบรอบหนึ่ง ที่แท้ปัญหาเกิดที่เสี่ยวเหลียน
สาวใช้นั่นร่ำไห้ต่อหน้าทุกคน แท้จริงตั้งใจหรือไม่ตั้งใจกันแน่
คิดถึงตรงนี้ สีหน้าเฉียวซื่อก็เริ่มบิดเบี้ยว เกิดความคิดวู่วามจะกำจัดเสี่ยวเหลียนทิ้งตัดไฟแต่ต้นลม
ตั้งแต่บงการให้บุตรสาวอนุไปผลักโค่วชิงชิงตกหน้าผา สำหรับเฉียวซื่อแล้วก็เหมือนได้ทะลายฉากกำบัง ปลดปล่อยมารร้ายในใจออกไปแล้ว
แต่ไม่ได้
เฉียวซื่อยังคงมีสติอยู่ นางส่ายหน้า
ภายนอกมีข่าวลือเช่นนี้ ไม่ว่าโค่วชิงชิงหรือเสี่ยวเหลียนสาวใช้คนสนิทนาง ล้วนแตะต้องไม่ได้
หรือว่าต้องทำตามนายหญิงผู้เฒ่า ยอมให้เฉินเอ๋อร์แต่งกับโค่วชิงชิง?
ในใจเฉียวซื่อเกิดความรู้สึกยอมรับไม่ได้อย่างรุนแรง
เด็กหญิงกำพร้าดวงข่มบิดามารดาจนตาย เฉินเอ๋อร์แต่งกับนางจะได้รับแรงสนับสนุนช่วยเหลืออันใด ส่วนทรัพย์สมบัติกองโตนั่น เห็นอยู่ว่าหากโค่วชิงชิงตาย ก็จะตกเป็นของจวนรองเจ้ากรมแล้ว
บ้านนางเป็นบ้านบุตรชายคนโตที่ถือกำเนิดจากภรรยาเอก รอให้นายหญิงผู้เฒ่าอายุร้อยปีผ่านไป สมบัติกองโตนี้ก็ย่อมตกอยู่ในมือนางอย่างไม่ต้องสงสัย บ้านสองอย่างมากก็ได้แบ่งแค่น้ำแกงคำเดียว
แต่โค่วชิงชิงกลับไม่ตาย ยังทำให้ทั้งเมืองหลวงหันมาสนใจจวนรองเจ้ากรมที่ปกติอยู่อย่างสงบเสงี่ยมมาตลอด
เฉียวซื่อรู้ว่าหากนางปฏิเสธการหมั้นหมายนี้ แม้ในใจนายหญิงผู้เฒ่าไม่ยินดี แต่สุดท้ายก็คงได้แต่ปล่อยไป
แต่นางไม่อาจเสี่ยงภัยนี้
การแต่งงานของโค่วชิงชิงล้วนอยู่ในอำนาจจัดการของนายหญิงผู้เฒ่า เห็นชัดว่านายหญิงผู้เฒ่าไม่ต้องการให้สมบัติตระกูลโค่วตกอยู่ในมือคนนอก หากนางเอ่ยปากปฏิเสธการแต่งงานนี้ นายหญิงผู้เฒ่าอาจหันไปจับคู่ต้วนอวิ๋นหลางบุตรชายบ้านสองกับหลานสาวตนเองแทน
ถึงตอนนั้นสมบัติกองโตก็จะเป็นสินออกเรือนของโค่วชิงชิง ตกเป็นของบ้านสองทั้งหมด ไม่มีผู้ใดได้กินสมบัติกองโตนี้ลงไปแล้วจะคายออกมาอย่างแน่นอน วันหน้านางคิดจะยื่นมือเข้าแทรกก็คงไม่ง่าย
ดูท่าได้แต่ทำใจยอมรับการแต่งงานนี้ ได้แต่ให้เฉินเอ๋อร์ต้องทนกล้ำกลืนแล้ว
เฉียวซื่อพลันสงสารบุตรชาย สายตาวาวดุดันขึ้นมาทันที
คิดถึงว่าหากอยากให้วันหน้าราบรื่น ยังมีเรื่องที่ต้องจัดการอีก
คล้ายว่าโค่วชิงชิงใกล้จะนึกออกแล้ว ทันทีที่ความทรงจำฟื้นคืน ต้องรู้ว่าผู้ใดผลักนางตกลงไป ถึงตอนนั้นยืนยันกันขึ้นมา นังเด็กนั่นจะต้องทนไม่ไหวเปิดโปงนางอย่างแน่นอน เช่นนั้นก็คงยุ่งยากใหญ่โตแล้ว
มีเพียงคนตายที่จะไม่ปริปาก
“นายท่าน”
ด้านนอกมีเสียงสาวใช้เอ่ยคำนับดังเข้ามา
เฉียวซื่อมีเวลาเพียงแค่เก็บงำสีหน้า รองเจ้ากรมต้วนก็เดินอ้อมฉากกำบังลมเข้ามาแล้ว
กลิ่นสุราโชยแรง เฉียวซื่อยิ้มเข้ามารอต้อนรับ “ท่านพี่…”
รองเจ้ากรมต้วนคว้าข้อมือนางไว้ ถามน้ำเสียงดุดันขึ้นว่า “ข่าวลือภายนอกมันเรื่องอันใดกัน”
สาวใช้หน้าประตูตกใจจนลืมไปหมดสิ้น ถูกสายตาคมกริบของเฉียวซื่อกวาดมองมา “ออกไปให้หมด!”
พริบตาในห้องก็เหลือเพียงแค่สองสามีภรรยา เฉียวซื่อขมวดคิ้ว “ท่านพี่ดื่มมากไปหรือ”
“ดื่มมากอันใด! เจ้าไม่ได้ยินข่าวลือข้างนอกหรือ” รองเจ้ากรมต้วนจ้องมองเฉียวซื่อเขม็ง
เฉียวซื่อฝืนยิ้ม “ได้ยินมาแล้ว ล้วนเป็นวาจาเหลวไหล หรือท่านพี่เชื่อ”
“ย่อมเป็นวาจาเหลวไหล แต่มีข่าวลือเช่นนี้แพร่ออกไปได้อย่างไร” รองเจ้ากรมต้วนแค่คิดถึงคำพูดยากรับฟังเหล่านั้นแล้วก็เดือดดาลขึ้นมาทันที
ชิงชิงนำทรัพย์สมบัติติดตัวมาทำให้ทุกคนหวั่นไหวนั่นก็เป็นเรื่องจริง แต่ขอเพียงบุตรชายแต่งกับนาง ก็มิใช่ว่าเรื่องราวจบสมบูรณ์ดีหรอกหรือ คนเหล่านี้พูดจาเหลวไหลว่าเขาจะทำร้ายหลานสาวตนเอง ไม่ใช่เรื่องไร้สาระสิ้นดีหรือ!
“ล้วนเกิดเพราะม้าตื่นตกใจ…”
เอ่ยถึงม้าตื่นตกใจ รองเจ้ากรมต้วนสีหน้ายิ่งย่ำแย่ “เจ้ารู้ไหมผู้ใดช่วยชิงชิงไว้”
เฉียวซื่อส่ายหน้า “ท่านผู้กล้าท่านนั้นไม่ได้แจ้งนามไว้ เรื่องราวทั้งหมดท่านแม่ได้สอบถามแล้ว”
“เขาก็คือเจิ้นฝูสื่อกองกำลังองครักษ์จิ่นหลิน ฉางเล่อโหว เฮ่อชิงเซียว!”
เฉียวซื่อตกตะลึง จากนั้นสีหน้าพลันแปรเปลี่ยน
“วันนี้ดื่มสุราเสร็จออกมาพบเขาเข้าพอดี เขาเข้ามาถามถึงชิงชิงโดยเฉพาะ…”
รองเจ้ากรมต้วนยิ่งพูดต่อไป สีหน้าเฉียวซื่อก็ยิ่งย่ำแย่
“ท่านแม่ยังไม่ได้ยินข่าวลือข้างนอกกระมัง”
“ตอนนี้ยังไม่กล้าให้ท่านแม่รู้”
“เช่นนั้นก็ปิดบังไปก่อน ให้ทุกคนในบ้านปิดปากตนเองให้สนิทด้วย”
“ทราบแล้วเจ้าค่ะ”
รองเจ้ากรมต้วนน้ำเสียงอ่อนลง เอ่ยน้ำเสียงตักเตือนเบาๆ “น้องหญิงดูแลตระกูล ต้องดูแลชิงชิงให้ดี จะได้ไม่ทำให้ข่าวลือยิ่งกระพือเลวร้าย พลอยทำลายชื่อเสียงจวนรองเจ้ากรมเราไปด้วย”
“ท่านพี่วางใจ ข้าทราบแล้ว”
รองเจ้ากรมต้วนพยักหน้า ก่อนจะล้างหน้าบ้วนปากเข้านอน
เพราะมีเฉียวซื่อคุมข่าวลือไว้ ข่าวลือภายนอกจึงไม่ได้มาถึงหูนายหญิงผู้เฒ่า ควรมาคำนับก็มาคำนับไปตามปกติ ดูท่าคลื่นลมสงบลงแล้ว
ตอนกลับจากเรือนหรูอี้ถัง ซินโย่วหยุดเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า
“คุณหนูกำลังมองอันใดหรือเจ้าคะ” เสี่ยวเหลียนถามอย่างอยากรู้
“วันนี้อากาศดี”
แม้ยังเช้าอยู่ แต่ท้องฟ้ากระจ่างใส แสงแดดงามตา
เสี่ยวเหลียนเองก็เงยหน้ามองท้องฟ้า ยิ้มรับคำ “เจ้าค่ะ แต่เริ่มร้อนกว่าเดิมแล้ว”
สายตาซินโย่วมองไปยังแผ่นหลังในชุดสีรากบัวที่เดินอยู่ด้านหน้า
หลายวันนี้มองดูอยู่ พบว่าสภาพต้วนอวิ๋นหว่านเลวร้ายลงกว่าเดิมแล้ว ไม่อาจเก็บงำสีหน้าอีกแล้ว
ซินโย่วจำได้ว่าหลายวันก่อน ต้วนอวิ๋นหว่านกับต้วนอวิ๋นหลิงยังไปไหนมาไหนด้วยกัน ตอนนี้นางกลับไม่มีกะจิตกะใจจะจูงมือต้วนอวิ๋นหลิงออกมาแสดงท่าทีพี่น้องรักใคร่ ปล่อยให้ต้วนอวิ๋นหลิงเดินนำไปแล้ว
ซินโย่วรีบเร่งฝีเท้า ไล่ตามต้วนอวิ๋นหว่านไป
“พี่หว่าน”
สาวน้อยเอ่ยเรียกน้ำเสียงอ่อนโยน แต่กลับทำให้ต้วนอวิ๋นหว่านตัวแข็งทื่อ
“น้องชิงมีธุระหรือ” ต้วนอวิ๋นหว่านฝืนยิ้มให้นาง
ซินโย่วยิ้มบาง “มีธุระเล็กน้อย อยากคุยกับพี่หว่านสักหน่อย พี่หว่านไปดื่มน้ำชาที่เรือนหว่านฉิงกัน”
ต้วนอวิ๋นหว่านเกร็งตัวแข็ง “วันหน้าเถอะ วันนี้ยังมีงานต้องทำ …”
ซินโย่วยิ้มเอ่ยว่า “เหมือนข้านึกบางเรื่องขึ้นมาได้ พี่หว่านไม่มีเวลามานั่งสักครู่จริงหรือ”
ต้วนอวิ๋นหว่านสีหน้าแปรเปลี่ยน มองซินโย่วด้วยอาการริมฝีปากสั่นเทา เอ่ยอันใดไม่ออกแม้แต่คำเดียว
ซินโย่วยิ้มหวานกล่าวว่า “วันนี้พี่หว่านมีเวลาว่างเมื่อใดก็ไปหาข้าหน่อย ข้ารอพี่ที่เรือนหว่านฉิง”
กล่าวจบ นางก็พาเสี่ยวเหลียนค่อยเดินไป
ทิ้งต้วนอวิ๋นหว่านกลับห้องอย่างเหม่อลอย แม้แต่ต้วนอวิ๋นหลิงที่อยู่เรือนเดียวกันส่งสายตาประหลาดใจมาก็ยังไม่รู้สึกตัว
“คุณหนู ท่านว่าคุณหนูใหญ่จะมาหรือไม่”
“นางจะมา” ซินโย่วน้ำเสียงมั่นใจ
“แต่หากนางไปบอกนายหญิงใหญ่ว่าความจำท่านฟื้นคืนแล้วเล่า”
ซินโย่วไม่ใช่โค่วชิงชิง ความทรงจำย่อมไม่อาจฟื้นคืน ก็แค่แสร้งทำท่าทางหลอกต้วนอวิ๋นหว่าน
เทียบกับความกังวลของเสี่ยวเหลียน ซินโย่วท่าทางสบายใจกว่ามาก “วางใจ นางไม่กล้า แม้นางไปพูดจริง นายหญิงใหญ่รู้ว่า ‘ข้า’ นึกเรื่องราวตอนตกหน้าผาได้ จะทำอันใดข้าได้”
ข่าวลือเหล่านั้นคือเกราะปกป้องนาง เป็นดังกระบี่คมกริบที่แขวนเหนือศีรษะนายหญิงใหญ่
เป็นดังที่ซินโย่วคาดไว้ ไม่นานต้วนอวิ๋นหว่านก็มาเงียบๆ