สืบแค้นคุณหนูสวมรอย - ตอนที่ 46 จับไว้
ตอนที่ 46 จับไว้
คบไฟลุกไหม้ถูกโยนเข้าไปในห้องเก็บแม่พิมพ์ เสียงตวาดดังของผู้ดูแลร้านหู หลี่ลี่ใช้ก้อนหินทุบผู้ดูแลร้านหู เสี่ยวเหลียนร้องตกใจ…หลายเรื่องเกิดขึ้นในเวลาพร้อมกัน
เสี่ยวเหลียนปิดหน้าตามสัญชาตญาณ พอได้ยินเสียงร้องโหยหวนก็แหวกนิ้วมองลอดออกไป จากนั้นก็ปล่อยมือลงอย่างแทบไม่อยากจะเชื่อ
เหตุใดคนร้องโหยหวนคือคนร้าย
“หลี่ลี่? เป็นเจ้าได้อย่างไร!” ผู้ดูแลร้านหูตกใจจ้องมองคนร้ายที่กุมมือที่เจ็บกระโดดไปมา
หลี่ลี่หันหลังคิดหนี
“เจ้าหยุดนะ!” ผู้ดูแลร้านหูคว้ามือเขาไว้
ผู้ดูแลร้านหูแม้อายุมาก แต่แรงไม่น้อยไปกว่าหลี่ลี่ที่ค่อนข้างผอม พอกระชากกันไปมา ซินโย่วก็มาถึงตรงหน้ายกเท้าถีบข้อพับเข่าหลี่ลี่
หลี่ลี่เข่าอ่อนล้มลง คิดได้ตะกายขึ้นมาก็พบว่าแผ่นหลังถูกกดไว้แล้ว
ซินโย่วยกเท้าเหยียบหลังหลี่ลี่ สั่งการเสี่ยวเหลียน “รีบดับไฟ!”
ไม่รอให้เสี่ยวเหลียนขยับ สีหน้าผู้ดูแลร้านหูก็แปรเปลี่ยน ลมพัดเข้าประตูห้องเก็บของที่กลอนถูกกระแทกพังไปแล้ว พบว่าตอนนี้มีผ้ากันไฟคลุมไว้ คบไฟที่ลุกไหม้อยู่นั้นทำอันใดไม่ได้ แน่นิ่งหล่นอยู่บนพื้นเผาไหม้เดียวดาย
ผู้ดูแลร้านหูรีบเก็บคบไฟขึ้นมา วิ่งออกไปนอกห้องเก็บของตะโกนเสียงดังว่า “ใครก็ได้รีบมาเร็ว มีคนวางเพลิง!”
ค่ำคืนเงียบสงัด เสียงดังออกไปไกล ไม่นานก็มีเสียงเคลื่อนไหวดังไปทั่วที่พัก
ตอนนี้ผู้ดูแลร้านหูจึงหันมาสนใจคนที่มาช่วยเขา ก็เห็นเจ้าของร้านยกเท้าเหยียบหลังคนร้ายไว้
“ท่านเจ้าของร้าน?” ผู้ดูแลหูร้านตกใจร้องเสียงหลง
“ผู้ดูแลร้านไม่เป็นอันใดกระมัง” ซินโย่วยิ้มถาม
ผู้ดูแลร้านหูก้มหน้ามองคนร้ายที่ถูกเหยียบอยู่บนพื้น ก่อนจะหันไปมองสาวน้อยสีหน้าสบายๆ พลันรู้สึกว่าหัวใจเหมือนจะทนรับไม่ไหว “มะ ไม่เป็นอันใด…”
ท่าทางเจ้าของร้านเช่นนี้ทำให้เขาตกใจยิ่งกว่าตอนเห็นหลี่ลี่วางเพลิงเสียอีก!
“ผู้ดูแลร้านไม่เป็นอันใดก็ดี”
เสี่ยวเหลียนเห็นว่าไม่ต้องการให้นางทำอันใดแล้ว ก็ยกเท้าไปเหยียบหลี่ลี่แทน คนที่เดิมดิ้นรนอยู่ก็ขยับไม่ได้อีก
มุมปากผู้ดูแลร้านหูกระตุกทีหนึ่ง
เสี่ยวเหลียนรีบอธิบาย “คุณหนูจะได้ไม่เปลืองแรงอยู่คนเดียว”
ผู้ดูแลร้านหู “…”
“เมื่อครู่ท่านเจ้าของร้านช่วยข้า?” ผู้ดูแลร้านหูตั้งสติได้แล้วก็ถามขึ้น
“ตอนข้ากับเสี่ยวเหลียนมาทางนี้ก็เห็นคนผู้นี้จะทำร้ายท่านอยู่พอดี อารามร้อนใจจึงได้เขวี้ยงก้อนอิฐใส่” ซินโย่วอธิบาย
ผู้ดูแลร้านหูก้มหน้าหาก้อนอิฐ ก็พบอิฐครึ่งก้อน โคมไฟหนึ่ง คบไฟอีกหนึ่ง
ข้าวของไม่น้อยจริงๆ…
“ท่านเจ้าของร้านมาที่นี่ในยามนี้ได้อย่างไร…”
ซินโย่วชี้ไปที่คนบนพื้น “ไว้รอจัดการคนผู้นี้เสร็จก่อนค่อยว่ากัน”
“อ้อ อ้อ ท่านกล่าวได้ถูกต้อง”
เจ้าของร้านเป็นคุณหนู เหตุใดค่ำคืนดึกดื่นมาโรงพิมพ์ เหตุใดยังพกก้อนอิฐครึ่งก้อนมาด้วย และเหตุใดปาได้แม่นยำเพียงนี้
มีคำถามที่อยากรู้มากมาย แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคุยเรื่องพวกนี้จริงๆ
ยามนี้มีคนไม่น้อยพากันมาถึง เห็นสภาพการณ์นี้แล้วก็อดตกใจไม่ได้
“ท่านเจ้าของร้าน ท่านผู้ดูแลร้าน เกิดเรื่องอันใดขึ้น”
ซินโย่วแอบชักเท้ากลับเงียบๆ เสี่ยวเหลียนเองก็แอบชักเท้ากลับเช่นกัน
พอแผ่นหลังหลี่ลี่เบาลง ก็เห็นคนมามุงกันแน่นขนัด ยามนี้หมดแรงไม่คิดขยับอีกแล้ว
ผู้ดูแลร้านหูตวาดอย่างโมโหว่า “เจ้าเด็กนี่วางเพลิงห้องเก็บของ ถูกข้าพบเข้าพอดี ยังคิดฆ่าข้าปิดปากอีก!”
อะไรนะ?
ทุกคนได้ยินก็โมโห แย่งกันด่าทอขึ้น
“ไม่ต้องด่าแล้ว พวกเจ้าไปตรวจสอบในห้องเก็บแม่พิมพ์ ส่วนพวกเจ้าไปตรวจรอบๆ โรงพิมพ์ อีกสองคนจับเจ้าบัดซบนี่มัดไว้ คุมตัวไปที่ห้องโถง”
ผู้ดูแลร้านหูสั่งการรวดเดียว ทุกคนก็รีบแยกย้ายกันไปปฏิบัติ
“ท่านเจ้าของร้าน ยามนี้ดึกมากแล้ว หรือท่านกลับห้องไปพักก่อน”
ซินโย่วส่ายหน้า “สอบถามสาเหตุให้กระจ่างก่อนดีกว่าว่าเหตุใดคนผู้นี้จึงวางเพลิง ไม่เช่นนั้นคงนอนไม่หลับ”
พอไปถึงห้องโถง ผู้ดูแลร้านหูก็ยกเท้าถีบหลี่ลี่ทีหนึ่งเอ่ยว่า “ว่ามา เจ้าทำเช่นนี้ทำไมกัน!”
หลี่ลี่ก้มหน้าไม่ยอมเอ่ยอันใด
หัวหน้าจ้าวรับหน้าที่ดูแลโรงพิมพ์ก็ถีบตามไปอีกทีหนึ่ง ส่งเสียงด่าทออย่างเดือดดาล “เจ้าหลี่ลี่ตัวดี ปกติทำงานก็ไม่ขันแข็ง ถึงกับกล้าวางเพลิง ข้าจะฟาดเจ้าเดรัจฉานชั่วนี่ให้ตาย!”
หลี่ลี่หลบไม่พ้น เจ็บจนส่งเสียงร้องดังหลายที แต่ยังคงปิดปากแน่นไม่ยอมบอกสาเหตุที่วางเพลิง
ซินโย่วเอ่ยว่า “ในเมื่อเขาไม่พูด เช่นนั้นก็ไปนอนกันเถอะ วางเพลิงเป็นโทษอาญาหนัก พรุ่งนี้เช้าพวกเราก็ไปแจ้งทางการ”
พอได้ยินว่าแจ้งทางการ ในที่สุดหลี่ลี่ก็มีปฏิกิริยา
“ท่านเจ้าของร้านปล่อยผู้น้อยไปเถอะขอรับ ผู้น้อยเลอะเลือนไปชั่วขณะ…”
“เช่นนั้นเจ้าบอกมาก่อนว่า เหตุใดเจ้าจึงเลอะเลือนเช่นนี้” ซินโย่วถามน้ำเสียงเรียบ
“ผู้น้อย…” หลี่ลี่สายตาสับสบ พลันมองไปทางหัวหน้าจ้าว “ก็เพราะหัวหน้าจ้าว!”
หัวหน้าจ้าวโมโหเดือด “เจ้าลูกสุนัข เจ้าหมายความว่าอย่างไร”
หลี่ลี่ท่าทางเหมือนทุ่มสุดตัว “หลายวันก่อนหัวหน้าจ้าวด่าข้าว่าไม่ขยันทำงานอีกแล้ว ข้าโมโหจึงได้คิดวางเพลิง ให้หัวหน้าจ้าวถูกท่านเจ้าของร้านดุด่าบ้าง…”
หัวหน้าจ้าวได้ยินก็โมโหแทบตาย “ถูกด่าไม่กี่คำเจ้าก็คิดวางเพลิง เจ้ายังเป็นคนอีกหรือไม่…”
ซินโย่วมองหลี่ลี่ด้วยสีหน้าเรียบเฉย เอ่ยคำเดียวว่า “แล้ว?”
หลี่ลี่ไม่เข้าใจ มองนางอย่างงุนงง
“เจ้าบอกว่าหลายวันก่อนหัวหน้าจ้าวด่าเจ้าอีกแล้ว เช่นนี้แปลว่าถูกหัวหน้าจ้าวด่าประจำหรือ”
หลี่ลี่รู้สึกว่าไม่ถูกต้อง จึงไม่เอ่ยอันใดอีก
ซินโย่วมองไปทางหัวหน้าจ้าว
หัวหน้าจ้าวสีหน้าอึดอัดทำอันใดไม่ถูก
ผู้ดูแลหูผลักเขา “น้องจ้าว ท่านเจ้าของร้านถามเจ้า เจ้าก็ตอบไปตรงๆ”
หัวหน้าจ้าวสะกดความวิตกตนเองลง โมโหจนแทบทนไม่ไหว “เจ้าเด็กนี่มักชอบแอบขี้เกียจ ไม่ดุด่าไม่ได้…”
ได้ยินหัวหน้าจ้าวกล่าวเช่นนี้ ซินโย่วก็ถามหลี่ลี่ “ในเมื่อเจ้าโดนดุด่าประจำ เหตุใดอยู่ๆ จึงคิดแก้แค้นขึ้นมา”
“คือ…” หลี่ลี่ถูกถามจนพูดไม่ออก
“ดูท่าเจ้าไม่คิดพูดความจริง เสี่ยวเหลียน อุดปากเขา”
“เจ้าค่ะ” เสี่ยวเหลียนรับคำ แต่จะใช้ผ้าเช็ดหน้าไม่ได้ กวาดตามองซ้ายขวา ก็คว้าผ้าเช็ดโต๊ะมาอุดปากหลี่ลี่
“อือ อือ อือ…” เห็นซินโย่วเอาจริง หลี่ลี่ก็ร้อนใจ ดิ้นรนแสดงสีหน้าว่าอยากพูดต่อ
“ท่านเจ้าของร้าน เจ้าเด็กนี่คล้ายว่าต้องการพูดอันใดอีก”
ซินโย่วกวาดตามองหลี่ลี่ น้ำเสียงเย็นเยียบ “อย่างไรก็คงไม่พูดความจริง ก็ไม่ต้องเสียเวลากันแล้ว ผู้ดูแลร้านจัดคนมาเฝ้าเขาไว้ พรุ่งนี้ส่งทางการ”
“อือ อือ อือ…” หลี่ลี่ได้ยิน สีหน้าก็กระตุกรุนแรง แต่ก็ได้แต่จ้องมองซินโย่วก้าวเท้าออกไป
“ท่านผู้ดูแลร้าน…” หัวหน้าจ้าวลังเลเล็กน้อย
ไม่ถามแล้ว?
ผู้ดูแลร้านหูรีบตอบ “ทำตามท่านเจ้าของร้านว่า”
ด้วยเหตุที่เจ้าของร้านมาช่วยเขาไว้ยามค่ำคืนดึกดื่น เขาก็รู้ว่าหญิงสาวไม่ใช่คนธรรมดา!
จัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ในที่สุดผู้ดูแลหูก็มีเวลาถามความสงสัยที่อัดแน่นอยู่เต็มท้อง
“ท่านเจ้าของร้าน เหตุใดท่านมาโรงพิมพ์ค่ำคืนดึกดื่น”
ซินโย่วสีหน้านิ่งเป็นการเป็นงาน “ท่านเชื่อวิชานรลักษณ์หรือไม่”
“หา?” ผู้ดูแลร้านหูสีหน้านิ่งอึ้ง
“วิชานรลักษณ์”
ดูท่าทางผู้ดูแลร้านหูตกใจยิ่ง
ซินโย่วถอนหายใจในใจ
ท่าทางตอนผู้ดูแลร้านหูได้ยินเช่นนี้ ต่างจากตอนเอ่ยอ้างกับใต้เท้าเฮ่อผู้นั้นมาก
แต่นอกจากอ้างวิชานรลักษณ์แล้วก็อธิบายยากมากจริงๆ ซินโย่วทำสีหน้าจริงจัง “ข้าดูหน้าผากของท่านดำคล้ำ กลิ่นอายเภทภัยน่าจะเกิดคืนนี้ จึงไม่วางใจคิดไปพบท่าน ไม่คิดว่าจะเห็นท่านถือโคมไฟเดินมาทางโรงพิมพ์…”
ผู้ดูแลร้านหู “!”
เจ้าของร้านคนใหม่ถึงกับเป็นวิชานรลักษณ์!