สืบแค้นคุณหนูสวมรอย - ตอนที่ 53 กล่าวกระจ่าง
ตอนที่ 53 กล่าวกระจ่าง
ต้วนอวิ๋นเฉินมองรถม้าที่แล่นไปไกลพลางคิดถึงคำพูดของสาวใช้
น้องชิงนัดพบน้องจู๋?
เขามองไปรอบๆ ก็เห็นร้านน้ำชาที่แขวนธงร้านเรียกลูกค้า
เหตุใดน้องชิงนัดพบน้องจู๋ พอพบกันแล้วเกิดเรื่องอันใดขึ้น
ต้วนอวิ๋นเฉินพยายามหลบเลี่ยงน้องสาวลูกพี่ลูกน้องผู้นี้มาตลอด แต่พอเห็นเฉียวรั่วจู๋จากไปอย่างปวดร้าวใจ ความห่วงใยก็เหนือเรื่องอื่นใด ก้าวเข้าไปในร้านหนังสือชิงซงอย่างไม่ลังเลทันที
ร้านหนังสือเงียบสงบมาก แม้แต่ผู้ดูแลร้านก็ไม่มี มีเพียงคนงานนั่งเหม่ออยู่
พอได้ยินเสียงเคลื่อนไหว คนงานก็รีบเข้ามาต้อนรับอย่างกระตือรือร้น
“ข้ามาพบเจ้าของร้านของพวกเจ้า ข้าคือพี่ชายญาติผู้พี่ของนาง”
“อ้อ ท่านรอสักครู่ขอรับ” คนงานเข้าไปรายงานพลางบ่นในใจ วันนี้เหตุใดมีพี่ชายญาติเจ้าของร้านมากันเยอะจริง
“พี่ชายมาหาข้า?” ซินโย่วได้ยินคนงานรายงาน ความคิดแวบแรกก็คือต้วนอวิ๋นหลาง
คนงานรีบตามไปทันที “คนละคนกับคนก่อนหน้า”
เช่นนั้นก็คือต้วนอวิ๋นเฉิน
ซินโย่วก้าวเท้าไปด้านหน้า
ต้วนอวิ๋นเฉินรออยู่ไม่นานก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจึงหันกลับไปส่งเสียงเรียก “น้องชิง”
“พี่ใหญ่มีธุระกับข้าหรือเจ้าคะ”
ต้วนอวิ๋นเฉินพยักหน้า
“พี่ใหญ่มาคุยกันทางนี้เจ้าค่ะ” ซินโย่วเดินไปยังสุดชั้นหนังสือ
ต้วนอวิ๋นเฉินตามไปเงียบๆ
คนงานที่เฝ้าประตูอยู่ลูบคาง
เจ้าของร้านคล้ายว่าไม่ค่อยอยากต้อนรับพี่ชายญาติผู้พี่ท่านนี้นัก
“พี่ใหญ่เชิญเอ่ย” ซินโย่วยืนนิ่งหันหลังให้ชั้นหนังสือ
ต้วนอวิ๋นเฉินเป็นคนรับรู้ไว มองท่าทางของซินโย่วออกได้ทันทีว่าท่าทีนางระแวดระวังตนเอง แต่ในสายตาของเขาแล้วก็คือร้อนตัว
ต้วนอวิ๋นเฉินเงียบไปเล็กน้อย ก่อนจะถามขึ้นว่า“น้องชิงนัดพบน้องจู๋หรือ”
ซินโย่วเลิกคิ้วพยักหน้า
“ไม่ทราบว่านัดพบด้วยเรื่องอันใด…”
ซินโย่วตัดบทต้วนอวิ๋นเฉินน้ำเสียงเย็นเยียบ “พี่ใหญ่ไม่รู้สึกว่าคำถามนี้ละลาบละล้วงเกินไปสักหน่อยหรือ หากท่านพบคนผู้หนึ่ง ข้าถามว่าพวกท่านคุยอันใดกัน พี่ใหญ่จะคิดอย่างไร”
ต้วนอวิ๋นเฉินอึ้งไปทันที สีหน้าโมโหอยู่ไม่น้อย “หากเพียงแค่ไปมาหาสู่ทั่วไป ข้าย่อมไม่เอ่ยอันใด แต่น้องจู๋กลับร้องไห้จากไป ท่านแม่ทำเรื่องผิดต่อเจ้าจริง แต่ไม่เกี่ยวกับน้องจู๋ หากเจ้ายังไม่หายโมโหก็มาหาข้า…”
ซินโย่วฟังนิ่งเงียบ พอต้วนอวิ๋นเฉินพูดจบ มุมปากก็ยิ้มเยาะเอ่ยขึ้น “ที่แท้พี่ใหญ่คิดว่าข้ารังแกคุณหนูเฉียวจึงมาคิดบัญชีกับข้าหรือ”
“น้องชิง อย่าได้กล่าววาจายากรับฟังเช่นนี้…”
ซินโย่วแย้มยกมุมปาก “เช่นนั้นพฤติกรรมพี่ใหญ่ที่มาพูดเรื่องนี้ถึงที่นี่ ไม่ใช่มาคิดบัญชีแล้วคืออันใดเจ้าคะ”
ต้วนอวิ๋นเฉินพยายามใช้น้ำเสียงอ่อนโยนอย่างที่สุด “ข้าเพียงแค่หวังว่าน้องชิงกับน้องจู๋จะต่างคนต่างอยู่ อย่างไรวันหน้าพวกเจ้าก็คงไม่ค่อยได้มีโอกาสได้ข้องเกี่ยวกันอีก”
เอ่ยถึงตรงนี้ ต้วนอวิ๋นเฉินก็พลันปวดใจ ความขมขื่นลุกลามในแววตาส่วนลึก
วันหน้าจะไม่มีโอกาสได้ข้องเกี่ยวกันอีก อีกอย่างเขากับน้องจู๋ก็มิใช่ก้อนหินไร้ความรู้สึก ความผูกพันบางอย่างไม่ใช่บอกว่าจะตัดก็ตัดได้ทันที
ซินโย่วมองออก ต้วนอวิ๋นเฉินกับเฉียวรั่วจู๋รักกันแท้จริง
“ประการแรก ข้าไม่ได้ระบายโทสะกับผู้ไม่เกี่ยวข้องเพราะโมโหเฉียวไท่ไท ประการที่สอง ผู้อื่นล่วงล้ำเขตข้า ข้าก็จะไม่ทนกล้ำกลืน พี่ใหญ่เห็นเฉียวรั่วจู๋หลั่งน้ำตาก็ตัดสินว่าข้ารังแกนาง จะทำให้ผู้คนรู้สึกว่าร่ำเรียนมาเสียเปล่าหรือไม่ ดูโง่เง่าไปสักหน่อยหรือไม่”
ต้วนอวิ๋นเฉินมองสาวน้อยริมฝีปากบางปากคอเราะรายตรงหน้าอย่างตกใจ ลืมแม้กระทั่งความโมโห
นางไม่เหมือนน้องชิงในความทรงจำของเขา…สูญเสียความทรงจำจะทำให้คนผู้หนึ่งเปลี่ยนไปได้มากเพียงนี้จริงหรือ
ซินโย่วตัดสินใจถือโอกาสนี้กล่าวให้กระจ่าง
“ข้าสูญเสียความทรงจำไปแล้ว นึกเรื่องเมื่อก่อนไม่ออก กล่าวตามตรง ตอนนี้พี่ใหญ่สำหรับข้าก็คือคนแปลกหน้าอย่างสิ้นเชิง ดังนั้นพี่ใหญ่อย่าได้คิดว่าเพราะท่านหรือเฉียวไท่ไท ข้าจึงได้ตั้งใจหาเรื่องคุณหนูเฉียว”
ใบหน้าหล่อเหลาของต้วนอวิ๋นเฉินพลันฉายแววเก้กัง
ซินโย่วเห็นแล้วก็กระตุกมุมปากเล็กน้อย
พี่ใหญ่ตรงมาถามทันที คงเพราะรู้ว่าโค่วชิงชิงมีใจปฏิพัทธ์ต่อเขา ก็จำต้องยอมทนความลำเอียงของเขาหรือ
เพียงแต่น่าเสียดาย นางคือซินโย่ว
“ข้าน่าจะบอกกระจ่างแล้ว พี่ใหญ่เชิญ”
ต้วนอวิ๋นเฉินสบสายตากระจ่างนิ่งสงบคู่นั้นแล้วก็รู้สึกยิ่งเก้กังมากยิ่งขึ้น ออกจากร้านหนังสือในสภาพแทบไร้ความรู้สึก
ตลอดทางกลับเรือนตะวันออก เสี่ยวเหลียนรู้สึกว่าไม่ยุติธรรมอย่างมาก “คุณชายใหญ่ยังกล้ามาเอาเรื่องคุณหนู เหตุใดไม่ไปว่าคุณหนูเฉียวเล่า ทำเรื่องชั่วร้ายเพียงนั้น คุณหนูไม่ควรช่วยนางปกปิดนะเจ้าคะ!”
“ก็ถือเสียว่าให้โอกาสนางสักครั้ง” ซินโย่วเอ่ยน้ำเสียงนิ่งเรียบ
ความผิดบางอย่างทำลงไปแล้วก็ไม่อาจกลับตัว เช่นเฉียวซื่อ แม้คิดกลับตัว โค่วชิงชิงก็ไม่อาจพื้นคืน ไม่มีผู้ใดให้อภัยนางแทนโค่วชิงชิงได้
เฉียวรั่วจู๋เองก็ทำผิด แต่ไม่ว่าเพราะนางเข้ามาขวางหรือไม่ สุดท้ายจึงไม่ได้ก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรง นางไม่ถือสาหากจะต้องให้โอกาสอีกฝ่ายสักครั้ง
ผ่านไปสองสามวัน เฮ่อชิงเซียวก็ไม่ได้ยินข่าวเกี่ยวกับเฉียวรั่วจู๋ ก็เข้าใจแล้วว่าคุณหนูโค่วตั้งใจปล่อยอีกฝ่ายไป
ยามนั้นเอง เฮ่อชิงเซียวก็เหมือนได้รู้จักคุณหนูโค่วผู้เปิดร้านหนังสือในมุมใหม่ นอกจากอยู่ในสถานะพึ่งพาอาศัยญาติ นิสัยใจกว้างตรงไปตรงมา นางยังมีจิตใจเมตตา
เพียงแต่มีเรื่องหนึ่งที่ยังหาคำตอบไม่ได้ และเฮ่อชิงเซียวรู้สึกว่าน่าจะไม่มีวันรู้กระจ่างได้ ก็คือตอนพบกันครั้งแรก อีกฝ่ายมีกลิ่นศพติดตัวมาจากที่ใดกัน
เฮ่อชิงเซียวไม่มีวิสัยสืบความเรื่องราวที่ไม่มีเกี่ยวข้องกับงาน และตำแหน่งผู้บัญชาการสำนักเจิ้นฝู่ซือสังกัดกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินนี้ทำให้เขาคอยเตือนตนเองอยู่เสมอว่า อย่าได้ทำงานจนติดเป็นนิสัยน่ากลัวเช่นนั้น
อีกอย่างไปร้านหนังสือชิงซงก็พบบันทึกการเดินทางเล่มใหม่ออกวางบนชั้น ในใจเฮ่อชิงเซียวก็เกิดความคิดหนึ่งขึ้นมา รอไว้ให้คุ้นเคยกับคุณหนูโค่วมากอีกหน่อย บางทีอาจจะถามนางว่าขอยืมบันทึกการเดินทางที่นางซื้อไปได้หรือไม่
เฮ่อชิงเซียวออกจากร้านหนังสือ คนงานมาคุยกับผู้ดูแลร้านหู “ท่านผู้ดูแลร้านรู้สึกไหมว่าใต้เท้าเฮ่อมาถี่กว่าเมื่อก่อน”
ผู้ดูแลร้านหูพยักหน้า “เมื่อก่อนวางขายบันทึกการเดินทางแค่ไม่กี่เล่ม ตอนนี้วางถึงสองแถว ก็ย่อมมาถี่ไหม”
คนงานรู้สึกอยากรู้อยากเห็นขึ้นมา “เช่นนั้นเมื่อก่อนเหตุใดไม่นำออกมาวางมากอีกหน่อย”
“เจ้าจะเข้าใจอันใด” ผู้ดูแลร้านหูลูบเคราวางท่าทางลุ่มลึกยากคาดเดา
กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินวันๆ มาเดินไปเดินมา ร้านหนังสือนี้ยังคิดจะทำการการค้าอีกหรือ ช่วงเวลาเมื่อก่อนนั้นดีมาก แต่ตอนนี้เจ้าของร้านมีความสามารถเช่นนั้นยังไม่เอ่ยอันใด แล้วจะมีปัญหาอะไรได้
กวาดตามองร้านหนังสือว่างเปล่าแล้วผู้ดูแลร้านหูก็กระแอมไอ
แค็กๆ ที่สำคัญก็คือไม่มีการค้า คิดจะส่งผลกระทบก็คงไม่ได้
ผู้ดูแลร้านหูกำลังคิดหัวเราะในใจ ก็เหลือบเห็นคนผู้หนึ่งรีรออยู่หน้าประตูร้านหนังสือ
“สือโถว เจ้ามารีๆ รอๆ อันใดอยู่หน้าประตู มารดาเจ้าหายแล้วหรือ”
ที่แท้สือโถวก็คือเด็กหนุ่มที่มาขอเบิกเงินล่วงหน้าจากผู้ดูแลร้านหูเพื่อไปซื้อยาให้มารดาวันนั้น
สือโถวได้ยินผู้ดูแลร้านหูเอ่ยเช่นนี้ก็ทำใจกล้าเดินเข้ามา
“ท่านแม่ข้าดีขึ้นแล้ว ท่านผู้ดูแลร้าน ข้าได้ยินว่าร้านหนังสือเปลี่ยนเจ้าของร้านคนใหม่แล้ว”
“อืม ยังจำคุณหนูที่มอบเงินให้เจ้าสองตำลึงท่านนั้นได้หรือไม่ ท่านผู้นั้นก็คือเจ้าของร้านคนใหม่เรา”
สือโถวสายตาสว่างวาบ จากนั้นความตื่นเต้นในใจก็พลันสงบลง “ท่านผู้ดูแลร้าน เปลี่ยนเจ้าของร้านคนใหม่แล้ว ข้ายังทำงานที่ร้านหนังสือต่อได้หรือไม่”