สืบแค้นคุณหนูสวมรอย - ตอนที่ 74 เตือน
ตอนที่ 74 เตือน
สีหน้าเคร่งเครียดของซินโย่วทำให้โจวหนิงเยวี่ยยิ่งเป็นห่วง “พี่โค่ว เป็นอันใดไปหรือ”
“หากข้าพูดออกไป น้องโจวอาจรู้สึกว่าข้าประหลาดมาก…”
“พี่โค่ว ท่านว่ามา” ความเป็นห่วงของโจวหนิงเยวี่ยกลายเป็นความอยากรู้
นางมาจากแดนใต้ ก็นับว่าเป็นคนเดินทางมานับหมื่นลี้ มีอันใดจะทำให้นางประหลาดใจได้อีกหรือ
“ความจริง…ข้าดูนรลักษณ์เป็น”
สีหน้าโจวหนิงเยวี่ยตะลึงพรึงเพริดขึ้นมาในทันที
ดู…ดูนรลักษณ์?
พี่โค่วที่ดูเหมือนอายุใกล้เคียงกับนาง ดูนรลักษณ์เป็น น่าประหลาดจริง…
ซินโย่วเห็นปฏิกิริยาโจวหนิงเยวี่ย แววตาก็พลันเคร่งเครียด “หลายวันก่อนท่านป้าโดนไฟลวกใช่หรือไม่”
โจวหนิงเยวี่ยเบิกตาโพลงตกใจ หลุดปากออกไปว่า “พี่โค่วรู้ได้อย่างไร”
ปฏิกิริยาแรกของนางก็คือจี้ไฉ่หลันบอกซินโย่ว แต่ไม่นานก็นึกได้ว่านางไม่ได้บอกเรื่องมือของท่านแม่ที่ถูกไฟลวกบาดเจ็บในคืนนั้นกับพี่หลัน
ซินโย่วยิ้มทีหนึ่ง สีหน้าเคร่งเครียดผ่อนคลายลงไม่น้อย “เมื่อครู่ไม่ได้บอกกับน้องโจวไปแล้วหรือว่าข้าดูนรลักษณ์เป็น”
ดวงตาโจวหนิงเยวี่ยยังคงฉายแววตกใจ นิ่งอึ้งตั้งสติไม่ทัน
ซินโย่วเปลี่ยนน้ำเสียง “แต่ไฟลวกท่านป้าไม่รุนแรงใช่หรือไม่”
“ใช่” โจวหนิงเยวี่ยพยักหน้าด้วยสัญชาตญาณ
“น่าจะโดนลวกเล็กน้อย”
โจวหนิงเยวี่ยพยักหน้าทันที “ใช่!”
“ข้าเห็นท่านป้าแล้วนิ่งงัน ไม่ใช่เพราะรู้ว่าท่านป้าโดนไฟลวกมา แต่…”
“แต่อันใด” ถึงตอนนี้ โจวหนิงเยวี่ยเชื่อคำพูดซินโย่วสนิทใจ น้ำเสียงเคร่งเครียดโดยไม่รู้ตัว
“ข้ามองดูใบหน้าท่านป้า เคราะห์เลือดตกยางออกจะเกิดในอีกไม่นานนี้”
“อะไรนะ” โจวหนิงเยวี่ยผุดลุกขึ้นยืนทันที
จี้ไฉ่หลันเดินเข้ามาพอดี เห็นสภาพในห้องก็อดแปลกใจไม่ได้ “เกิดเรื่องอันใดขึ้นหรือ”
หรือว่าทะเลาะกัน?
โจวหนิงเยวี่ยคว้าข้อมือซินโย่ว “พี่หลันนั่งก่อน ข้าไปห้องน้ำกับพี่โค่ว”
จี้ไฉ่หลันทอดถอนใจลงนั่งมองตามหลังทั้งสองคนไป
น้องเยวี่ยกับน้องโค่วไปห้องน้ำด้วยกันหรือ
ห้องน้ำตระกูลโจวก็คือห้องเตี้ยๆ ห้องหนึ่งที่สร้างแยกไว้ด้านหลังบ้าน โจวหนิงเยวี่ยพาซินโย่วไปยืนห่างจากห้องน้ำไกลมาก รีบถามนางทันที “พี่โค่ว ท่านว่าท่านแม่ข้าจะมีเคราะห์เลือดตกยางออก คืออันใดหรือ”
“แค่คำพูดทายทักเท่านั้น หากไม่ป้องกันก็อาจเกิดเหตุเลือกตกยางออกได้”
“แล้วควรทำอย่างไร”
ซินโย่วนิ่งเงียบ
“พี่โค่ว พี่ว่าอย่างไร” โจวหนิงเยวี่ยน้ำตาใกล้ร่วงแล้ว
“ข้าต้องการคุยกับท่านป้าสักหน่อย แต่ก็กลัวว่าท่านป้าฟังแล้วจะรู้สึกว่าไร้สาระ ไม่แน่อาจไม่ยอมให้พวกเราเป็นสหายกันอีกก็ได้”
“ไม่หรอก ท่านแม่ข้าเป็นคนอ่อนโยน” โจวหนิงเยวี่ยคิดแล้วก็เอ่ยว่า “เช่นนั้นข้าไปคุยกับท่านแม่ข้าก่อน”
ซินโย่วกลับไปอยู่เป็นเพื่อนจี้ไฉ่หลัน โจวหนิงเยวี่ยไปเรือนกลางพบมารดา
“เหตุใดจึงไม่อยู่กับเพื่อนๆ” เห็นบุตรสาวเข้ามา มารดาโจวหนิงเยวี่ยก็ยิ้มถาม
โจวหนิงเยวี่ยเขยิบเข้ามาใกล้คล้องแขนมารดาไว้เอ่ยว่า “ท่านแม่ ท่านรู้ไหม พี่โค่วรู้วิชานรลักษณ์ด้วย”
“วิชานรลักษณ์?” มารดาโจวหนิงเยวี่ยได้ยินก็อดเคร่งเครียดขึ้นมาไม่ได้ “ข้าจำได้ว่าหลายปีก่อนเจ้าได้อ่านนิยายเรื่องหนึ่ง ยังบอกว่าเจ้าทำนายฝันได้อยู่เลยนะ”
“ท่านแม่!” โจวหนิงเยวี่ยค้อนใส่มารดาขวับหนึ่ง “ข้าก็แค่คลั่งไคล้ไปชั่วขณะ แต่พี่โค่วมีความสามารถแท้จริง พี่โค่วเห็นท่านแม่ก็มองออกว่าหลายวันก่อนท่านแม่ถูกไฟลวก”
“จริงหรือ” มารดาโจวหนิงเยวี่ยหุบยิ้ม สีหน้ามีความนัย
“อีกอย่าง เรื่องที่มือท่านแม่โดนไฟลวก ข้าไม่ได้บอกพวกท่านป้า หากพี่โค่วไม่รู้วิชานรลักษณ์ จะรู้ได้อย่างไร”
“เช่นนั้นเจ้ามาหาแม่ด้วยเรื่องใดกัน” มารดาโจวหนิงเยวี่ยไม่ได้ใสซื่อเหมือนบุตรสาว พลันเข้าใจทันทีว่าโจวหนิงเยวี่ยมานางเพราะเรื่องอื่น
“พี่โค่วบอกว่าอีกสองสามวันท่านแม่จะมีเคราะห์เลือดตกยางออก”
มารดาโจวหนิงเยวี่ยขมวดคิ้ว เอ่ยน้ำเสียงเข้มเล็กน้อย “เยวี่ยเอ๋อร์ เจ้าไปเชิญคุณหนูโค่วมา เจ้าอยู่กับพี่หลันที่เรือนตะวันตกไปก่อน”
“เอ่อ” โจวหนิงเยวี่ยไม่คิดว่ายังไม่ทันเอ่ย มารดาก็เอ่ยว่าต้องการพบซินโย่วด้วยตนเอง จึงรีบรับคำกลับไปเรือนตะวันตก
“พี่โค่ว ท่านแม่ข้าเชิญท่านไปพบสักครู่” โจวหนิงเยวี่ยส่งซินโย่วไปที่เรือนกลางแล้วก็กลับไป
“น้องเยวี่ย ท่านน้าหาน้องโค่วทำไมหรือ”
โจวหนิงเยวี่ยสีหน้าใสซื่อไม่รู้เรื่อง “ข้าเองก็ไม่รู้”
ห้องฝั่งตะวันออกในเรือนกลาง ซินโย่วยอบกายคำนับมารดาโจวหนิงเยวี่ย “ท่านน้า”
มารดาโจวหนิงเยวี่ยประเมินมองสาวน้อยท่าทางมีสง่าราศีตรงหน้า แววตาวิเคราะห์ลุ่มลึก
“คุณหนูโค่ว เชิญนั่ง”
ซินโย่วนั่งลงบนเก้าอี้กลมปักลายอย่างไม่รอช้า
“ได้ยินเยวี่ยเอ๋อร์บอกว่าเจ้าเชี่ยวชาญวิชานรลักษณ์”
“แค่ผิวเผินเท่านั้นเจ้าค่ะ”
เห็นซินโย่วยอมรับทันที แววตามารดาโจวหนิงเยวี่ยก็มองประเมินลุ่มลึกยิ่งขึ้น “คุณหนูโค่วเห็นว่าข้าจะมีเคราะห์เลือดตกยางออกหรือ”
ซินโย่วพยักหน้า “ใช่ และยังเป็นเคราะห์ถึงแก่ชีวิตอีกด้วย ข้ามีวาสนาได้รู้จักกับน้องโจว แม้รู้ว่าคำพูดเหล่านี้อาจยากจะเชื่อ แต่ก็ทนเห็นน้องโจวเสียใจไม่ได้เจ้าค่ะ”
“คุณหนูโค่วบอกข้าเป็นรูปธรรมหน่อยได้หรือไม่ ข้าจะประสบเคราะห์เลือดตกยางออกเช่นใดหรือ และควรหลบเลี่ยงอย่างไร” มารดาโจวหนิงเยวี่ยน้ำเสียงนุ่มนวล ทำให้คนมองทีท่าแท้จริงไม่ออก
ซินโย่วส่ายหน้าเล็กน้อย “ข้ามองออกแค่ว่าเคราะห์เลือดตกยางออกของท่านป้าจะเกิดในระยะอันใกล้นี้ รายละเอียดอย่างไรไม่กระจ่างชัด แต่เกี่ยวข้องกับคนใกล้ชิด”
ได้ยินซินโย่วบอกว่าเกี่ยวข้องกับคนใกล้ชิด แววตามารดาโจวหนิงเยวี่ยก็วูบไหว สีหน้าท่าทางพลันแปรเปลี่ยนอยู่ไม่น้อย
ซินโย่วทำเหมือนไม่เห็น เอ่ยด้วยสีหน้าลังเลสงสัย “ส่วนว่าจะหลีกเลี่ยงอย่างไร ท่านน้าต้องพยายามระมัดระวังอย่าได้มีปากเสียงกับผู้ใด ก็น่าจะหลบเลี่ยงเคราะห์นี้ไปได้”
“ขอบคุณคุณหนูโค่วที่เตือน” มารดาโจวหนิงเยวี่ยยิ้มบางพลางเอ่ยขอบคุณ
ซินโย่วมองความคิดแท้จริงของอีกฝ่ายไม่ออก แต่ก็มิได้ฝืนใจบังคับ
นางเตือนมารดาโจวหนิงเยวี่ยแล้วก็นับว่าได้แสดงมนุษยธรรมแล้ว ไม่อยากให้มารดาโจวหนิงเยวี่ยตายด้วยน้ำมือบิดาตนเองแล้วจะทำให้การสืบหาความจริงต่อจากนี้เกิดความยุ่งยากมากยิ่งขึ้น
และความตั้งใจแท้จริงของนางก็คือ รอให้ถึงวันเทศกาลกลางฤดูใบไม้ร่วงวันนั้นก็จะลอบเข้ามาในตระกูลโจว หากได้ยินสาเหตุที่มารดาโจวหนิงเยวี่ยมีเหตุทะเลาะเบาะแว้งกับบิดาโจวหนิงเยวี่ยได้ก็ยิ่งดี
นางแน่ใจได้ว่า สาเหตุทะเลาะเบาะแว้งที่จะนำภัยถึงแก่ชีวิตมาสู่มารดาโจวหนิงเยวี่ยจะต้องเกี่ยวข้องกับมารดานางอย่างแน่นอน
“คุณหนูโค่วไปคุยกับพวกเยวี่ยเอ๋อร์เถอะ”
พอซินโย่วไปแล้ว สีหน้ามารดาโจวหนิงเยวี่ยก็เคร่งเครียดขึ้นมาทันที
สหายใหม่ของบุตรสาวเป็นวิชานรลักษณ์จริงหรือ หรือว่ามีแผนการอื่น
หากเรื่องที่เด็กสาวผู้นั้นพูดมาเป็นความจริง เคราะห์เลือดตกยางออกใดที่จะเกี่ยวข้องกับคนใกล้ชิด?
ในใจมารดาโจวหนิงเยวี่ยพลันกระตุกวาบ นึกสงสัยจุดประสงค์ของซินโย่ว ครุ่นคิดทันทีว่าเคราะห์เลือดตกยางออกคืออันใด กอปรกับหลายวันมานี้ถูกความละอายแก่ใจบีบคั้นจนทรมานกินไม่ได้นอนไม่หลับ ยิ่งคิดก็ยิ่งสับสนวุ่นวายใจ ถึงกับรู้สึกอยากจะอาเจียนออกมา
ตอนกลางวัน มารดาโจวหนิงเยวี่ยกินข้าวได้ไม่กี่คำ โจวหนิงเยวี่ยทางเรือนตะวันตกเองก็กลืนไม่ลง รอจนส่งซินโย่วกับจี้ไฉ่หลันกลับไป ก็ทนไม่ไหววิ่งไปหามารดา
“ท่านแม่ พี่โค่วบอกอันใดท่านแม่หรือ”
“บอกแค่ว่าให้ระวังตัวสักหน่อย อย่าได้มีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกับผู้อื่น”
“เช่นนี้ก็จะหลบเลี่ยงได้แล้วหรือ”
มารดาโจวหนิงเยวี่ยยกมือจัดปอยผมรุ่ยให้บุตรสาว ยิ้มอ่อนโยนเอ่ยว่า “ใช่ เช่นนี้ก็จะหลบเลี่ยงได้แล้ว ดังนั้นเจ้าอย่าได้คิดเหลวไหลไป”
โจวหนิงเยวี่ยถอนหายใจผ่อนคลาย “เช่นนั้นก็ดี ข้ายังเป็นห่วงว่าท่านจะไม่ยอมฟังคำพี่โค่ว”
“ไม่หรอก คุณหนูโค่วเจตนาดี” มารดาโจวหนิงเยวี่ยชะงักไปครู่หนึ่ง กำชับบุตรสาวด้วยสีหน้าไร้พิรุธ “อย่าได้เอ่ยถึงคำพูดคุณหนูโค่วกับท่านพ่อเจ้า”