สืบแค้นคุณหนูสวมรอย - ตอนที่ 88 ซื้อดอกไม้
ตอนที่ 88 ซื้อดอกไม้
เฮ่อชิงเซียวมองริมฝีปากยิ้มเยาะของซินโย่วออก พลันชะงักไป
ซินโย่วดื่มน้ำชาไปคำหนึ่ง
น้ำชาเย็นเล็กน้อยแล้ว แต่กลับไม่อาจระงับไฟโทสะในใจนางลงได้ “กล่าวเช่นนี้ ฝ่าบาทรับวังหลังก็เพราะถูกผู้อื่นบีบบังคับ”
พอได้สบตาไม่รู้จะตอบอย่างไรของอีกฝ่ายแล้ว ซินโย่วก็สะอึกกึกและใจเย็นลง “แค็กๆ เป็นสตรีเหมือนกัน พอได้ยินก็โมโหอยู่บ้าง ใต้เท้าเฮ่อเล่าต่อเถอะเจ้าค่ะ”
“เรื่องราวความจริงก็ยากจะกระจ่างชัด เพียงแต่ได้ยินว่าฤดูหนาวปีที่สามในรัชศกซิ่งหยวน ฮองเฮาได้เห็นองค์ชายใหญ่และเสด็จแม่องค์ชายครั้งแรก และได้พบว่าฮ่องเต้ทรงรับสตรีมากมายมาไว้ที่อี๋หยวน ไม่นานฮองเฮาก็พาคนสนิทสองสามคนแอบออกจากวังไป ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่กลับมาอีก ว่ากันว่า…”
“ว่ากันว่าอันใด” ซินโย่วแอบกำมือแน่น สีหน้าพยายามรักษาท่าทีนิ่งสงบไว้
“ว่ากันว่าตอนฮองเฮาออกจากวังไปยังทรงตั้งครรภ์ด้วย”
เฮ่อชิงเซียวคิดถึงที่น้ากุ้ยเล่าเรื่องนี้ยังโมโหและเสียดาย
การจากไปของฮองเฮาเป็นที่ฮือฮาไปทั่วราชสำนัก หลายปีนั้นไม่รู้มีคนมากมายเท่าใดที่แอบหัวเราะฮองเฮาว่าปล่อยวางไม่เป็น ตอนเขายังเด็กก็เคยได้ยินคำวิจารณ์เหล่านี้ จนกระทั่งกาลเวลาค่อยๆ ทำให้เรื่องราวทั้งหมดเลือนหายไป
“เพราะการจากไปของฮองเฮา หลายปีนี้ฝ่าบาทจึงเย็นชาต่อองค์ชายใหญ่และเสด็จแม่องค์ชายใหญ่ จนกระทั่งองค์ชายใหญ่ได้รับการแต่งตั้งเป็นซิ่วอ๋อง เสด็จแม่องค์ของพระองค์จึงเพิ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นพระสนมอันผิน[1]”
“ดังนั้นฝ่าบาทจึงทรงให้ความสำคัญกับองค์ชายรองชิ่งอ๋องมากกว่าหรือ” พอได้ยินว่าองค์ชายใหญ่ถูกละเลยเพราะเกี่ยวกับมารดาตนเอง ซินโย่วก็ไม่ได้คิดว่าคนผู้นั้นจะมีใจผูกพันลึกซึ้งในมารดาตนสักเท่าไร
ก็แค่หาที่ระบายอารมณ์เท่านั้น
ท่านแม่เดินจากไปก็เพราะองค์ชายใหญ่สองแม่ลูกหรือ เห็นชัดว่าเพราะคนผู้นั้นผิดคำสัญญาว่าจะอยู่กันจนแก่เฒ่าเพียงสองคน เป็นคนไม่รักษาคำพูด
“องค์ชายรองอายุน้อยกว่าองค์ชายใหญ่ไม่กี่เดือน หลายปีมานี้พระสนมซูเฟยเสด็จแม่องค์ชายรองคุมอำนาจการจัดการวังหลังมาตลอด”
เดิมคำพูดเหล่านี้ไม่ควรเอ่ย แต่เฮ่อชิงเซียวมีลางสังหรณ์ หากไม่เตือนให้มาก สาวน้อยตรงหน้าคงกล้าลงมือ “เพราะชิ่งอ๋องราบรื่นมาตลอด ทำอันใดก็มักจะตามอำเภอใจ คุณหนูโค่วพยายามหลบเลี่ยงเขาดีกว่า”
ซินโย่วพยักหน้าเล็กน้อย จึงถามขึ้นด้วยน้ำเสียง “การจากไปของฮองเฮา ฝ่าบาททรงมีท่าทีเช่นไรเจ้าคะ”
เฮ่อชิงเซียวนิ่งจ้องมองนาง
ซินโย่วยิ้ม “แค่อยากรู้…”
“ตอนฮองเฮาเพิ่งจากไป เคยออกตามทั่วแผ่นดิน แต่หลายปีนั้นไม่ได้ออกค้นหาอย่างเปิดเผย”
ซินโย่วชะโงกไปด้านหน้าเล็กน้อย เพื่อจับตาสีหน้าของอีกฝ่ายมิให้พลาดแม้แต่น้อยนิด “มีแอบค้นหาหรือไม่”
เฮ่อชิงเซียวยกน้ำชาขึ้นจิบไปคำหนึ่ง ขยับตัวเว้นระยะห่างระหว่างสองคน “กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินประจำแต่ละพื้นที่ค้นหาอยู่ตลอด แต่หลายปีมานี้ไร้ร่องรอยของฮองเฮา น่าจะนับว่าใกล้จบภารกิจแล้ว ส่วนท่าทีของฝ่าบาท พระทัยยากคาดเดา ไม่ใช่เรื่องที่ข้าจะคาดเดาได้”
ก็หมายความว่าการตามหาฮองเฮาเพราะต้องการชดเชยที่ติดค้างหรือเพราะโมโหที่จากไปไม่อำลา ก็ไม่อาจรู้ได้
ซินโย่วยกแก้วชาขึ้น “ขอบคุณใต้เท้าเฮ่อที่บอกเล่าเรื่องราวเหล่านี้เจ้าค่ะ”
ยกแก้วน้ำชาเพื่อแสดงการส่งแขก เฮ่อชิงเซียวย่อมรู้
ซินโย่วส่งเฮ่อชิงเซียวออกจากร้านหนังสือ
ด้านนอกแสงอาทิตย์กำลังพอดี มีสาวน้อยคล้องตะกร้าขายดอกจวี๋ฮวา[2] มีคนหาบเร่ตะโกนขายของเล็กๆ น้อยๆ
เฮ่อชิงเซียวหยุดริมทาง คำพูดที่เก็บไว้ในใจยังคงเอ่ยออกมา “คุณหนูโค่วมีสนใจอันใดเกี่ยวกับจวนกู้ชางป๋อหรือ”
ซินโย่วนิ่งอึ้งไปทันที
อ้างเหตุชิ่งอ๋องกับบุตรชายกู้ชางป๋อมาร้านหนังสือแล้ว ยังทำให้เฮ่อชิงเซียวสงสัยอีกหรือ
คนผู้นี้มีความระวังตัวมากไปหรือไม่
แต่คำพูดที่เฮ่อชิงเซียวเอ่ยต่อมาทำให้ซินโย่วเข้าใจสาเหตุ “หากคุณหนูโค่วว่างออกมาเดินเล่น ก็ไปที่ริมทะเลสาบหรือร้านค้า ทางจวนกู้ชางป๋อไม่มีทิวทัศน์งามแต่อย่างใด”
ซินโย่วอดเบิกตาจ้องมองไม่ได้
สะกดรอยตามนางอีกแล้วหรือ!
คล้ายคาดเดาความคิดซินโย่วได้ เฮ่อชิงเซียวกระแอมไออธิบายว่า “ระยะนี้มีคดีหนึ่ง เกี่ยวข้องกับจวนกู้ชางป๋อ จึงบังเอิญเห็นคุณหนูโค่ว”
ซินโย่วนิ่งเงียบไป
ระยะนี้เฮ่อชิงเซียวดูจะไม่ราบรื่น
การนิ่งเงียบของนางทำให้เฮ่อชิงเซียวเลิกส่งสายตาคมกริบมองอย่างค้นหาคำตอบ เอ่ยน้ำเสียงอ่อนโยน “คุณหนูโค่ว ไม่ว่าทำไปเพื่ออันใด อย่างไรก็ต้องปลอดภัยไว้ก่อน”
เขาพูดจบก็ก้าวไปด้านหน้าปะปนเข้ากับคลื่นฝูงชน
บนท้องถนนมีคนเดินไปมาขวักไขว่ ไม่นานร่างชุดแดงก็หายลับตาไป
ซินโย่วเม้มปากยืนนิ่งอยู่ที่เดิมเป็นนาน
“พี่สาวซื้อดอกไม้ไหมเจ้าคะ” เสียงเด็กสาวกระจ่างใสดังขึ้น
ซินโย่วตั้งสติ มองสาวน้อยถือตะกร้าสาน
ตะกร้าสานอัดแน่นไปด้วยดอกจวี๋ฮวา สีแดง สีชมพู สีม่วง สีเหลือง…
“ดอกจวี๋ฮวาเด็ดมาใหม่ๆ ไม่ว่าใช้ปักแจกกันหรือว่าทำขนมดอกจวี๋ฮวาก็ดี พี่สาวไม่เอาสักสองสามดอกหรือ”
“อ้อ ดี” เดิมซินโย่วคิดว่าตนเองไม่มีอารมณ์จัดดอกไม้ แต่พอเห็นดอกไม้ในตะกร้าหลากสีสัน ก็พยักหน้าไม่รู้ตัว
นางซื้อดอกจวี๋ฮวามาทั้งตะกร้า ถือกลับร้านหนังสือ
หลิวโจวเห็นเจ้าของร้านถือตะกร้าเดินเข้ามา ก็หลุดปากออกไปว่า “ใต้เท้าเฮ่อให้ดอกไม้ท่านหนึ่งตะกร้าหรือ ดอกไม้สวยจริงขอรับ”
ทั้งตะกร้าเลยนะ!
ซินโย่วส่งดอกไม้ให้ไปด้วยสีหน้าปกติ “ข้าซื้อมาเอง เลือกที่สวยๆ ปักแจกันไว้ในโถงร้านหนังสือกับห้องรับรอง ที่เหลือข้าจะเอากลับเรือนตะวันออก”
“อา ใช่” หลิวโจวอยากตบปากตัวเอง รับตะกร้าดอกไม้มาแล้วก็รีบวิ่งไปทันที
พอซินโย่วถือดอกจวี๋ฮวาครึ่งตะกร้ากลับเรือนตะวันออก ผู้ดูแลร้านหูก็ดึงหูหลิวโจว “เจ้าลูกกระต่าย วันหน้าปากเปราะอีก ก็ไปทำงานแบกไม้ที่โรงพิมพ์”
“เจ็บ เจ็บ เจ็บ ท่านผู้ดูแลร้าน ปล่อยเร็ว!” คนงานคลำใบหู ท่าทางเหมือนโดนใส่ความ “ผู้ใดจะไปคิดเล่า ก็เห็นอยู่ว่าออกไปด้วยกัน…”
ใต้เท้าเฮ่อได้ ‘วาดหนัง’ ไปหนึ่งเล่มไม่จ่ายเงิน ยังให้เจ้าของร้านควักเงินตนเองซื้อดอกไม้!
เฮ่อชิงเซียวเดินอยู่บนท้องถนนก็เจอเด็กสาวขายดอกไม้เช่นกัน
“คุณชายซื้อดอกไม้ไหมเจ้าคะ ปักแจกกันได้ มอบให้สหายก็ได้…”
เฮ่อชิงเซียวไม่ค่อยใช้จ่ายเงินนอกบ้านมากนัก พอเห็นดอกจวี๋ฮวาสวยสด ก็อดควักเงินออกมาซื้อไม่ได้
“ขายดอกไม้จ้า ดอกจวี๋ฮวาเด็ดมาใหม่ๆ…” เด็กสาวขายดอกไม้ถือตะกร้าเดินออกไปไกลแล้ว
เฮ่อชิงเซียวมองดอกจวี๋ฮวาในมือ ไม่อาจนำกลับที่ทำการ ได้แต่นำกลับจวนโหว
เห็นเฮ่อชิงเซียวถือดอกจวี๋ฮวากลับมา น้ากุ้ยก็ตกใจ “ท่านโหว เหตุใดกลับมายามนี้เจ้าคะ”
“ซื้อดอกจวี๋ฮวามา ไม่มีที่วางจึงได้นำกลับมาก่อน รบกวนน้ากุ้ยหาแจกันมาปักหน่อย”
น้ากุ้ยรับดอกจวี๋ฮวา มองประเมินหนุ่มน้อยที่นางเลี้ยงดูมาแต่เล็กจนโต
หนุ่มน้อยคนนี้โตเป็นหนุ่มแล้ว!
แท้จริงเป็นคุณหนูตระกูลใด
รู้ว่าถามไม่ได้ความอันใด น้ากุ้ยก็หอบดอกจวี๋ฮวาเดินงุนงงออกไป
วันที่หนึ่งเดือนเก้า ซินโย่วต้องกลับจวนรองเจ้ากรมไปรับมือต่อ องค์ชายที่ออกไปพำนักนอกวังก็ได้เวลาเข้าวังไปถวายคำนับฮ่องเต้แล้ว
ชิ่งอ๋องกับซิ่วอ๋องพบกันที่ประตูวัง
เทียบกับชิ่งอ๋องที่สีหน้าเบิกบานสบายๆ แล้ว ซิ่วอ๋องนิ่งสุขุมกว่ามาก แต่เล็กไม่ได้รับการเหลียวมอง ทำให้เขากลายเป็นคนเงียบขรึมอยู่มาก
“เสด็จพี่ บังเอิญจริง” ชิ่งอ๋องเอ่ยทักทายท่าทีสบายๆ
“น้องรอง”
สองพี่น้องไม่มีอันใดสนทนากันอีก พากันตรงไปตำหนักเฉียนชิงกง
“ฝ่าบาท ซิ่วอ๋องกับชิ่งอ๋องเสด็จมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้เหลือบสายพระเนตรขึ้น “ให้พวกเขาเข้ามา”
ไม่นานสองหนุ่มน้อยก็เดินเข้ามาถวายคำนับพร้อมกัน “ถวายบังคมเสด็จพ่อ”
“ลุกขึ้น” ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ตรัสสุรเสียงนิ่งเรียบ
ชิ่งอ๋องลุกขึ้นเผยรอยยิ้มกำลังคิดจะทูล แต่พอสบพระพักตร์ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ก็นิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง
[1] ตำแหน่งในวังหลัง ชั้นเฟย สูงกว่า ชั้นผิน ดังนั้นพระสนมซูเฟยจึงสถานะสูงกว่าพระสนมอันผิน
[2] ดอกเบญจมาศเอามาทำชาเก๊กฮวยได้