สุดยอดชาวประมง (极品小渔民) - บทที่ 11 เก้าอี้มงคล
บทที่ 11 เก้าอี้มงคล
ด้วยระดับความร้อนขนาดนี้ ถ้าขืนยังเป็นแบบนี้ต่อไป เขาเชื่อว่าภายในเวลาไม่นานตัวเขาก็คงจะโดนเผาจนเกรียมอย่างแน่นอน ขณะที่ฉู่เหินกำลังตื่นตระหนกอยู่นั้นเอง เขาก็ได้เห็นพลังพิเศษบางอย่างไหลออกมาจากตัวเขา มันค่อย ๆ รวมเข้ากับแสงของพระอาทิตย์นี้
เมื่อเห็นดังนั้นฉู่เหินก็รีบผสานเขากับพลังที่ว่าอย่างรวดเร็ว เขาปล่อยให้พลังนั่นโคจรภายในร่างกาย พลังสายใหม่นี้โคจรไปทั่วตัวเขาอยู่ตลอดเวลา ฉู่เหินรู้สึกได้เลยว่า ในเวลานี้เขาดูเหมือนจะก้าวหน้าไปกว่าเมื่อคืนนี้มาก
“วิชาพลังแห่งดวงดาวเมื่อได้รับพลังของดวงอาทิตย์และดวงจันทร์จึงนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของร่างกาย ตอนนี้ร่างกายของผู้ถือครองได้รับการอัปเกรดไปอีกขั้น เริ่มเข้าสู่การฝึกขั้นแรก!” ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงของระบบอีกครั้ง
ฉู่เหินไม่คิดเลยว่าการฝึกอย่างสะเปะสะปะของเขาจะกลายเป็นการอัปเกรดให้กับการฝึกวิชาพลังแห่งดวงดาวจนเข้าสู่ ขั้นแรกได้ในที่สุด ด้วยการฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง มันจะต้องเป็นประโยชน์ต่ออนาคตของเขาอย่างแน่นอน!
หลังจากลองฝึกท่าหมัดและเท้าไปอีกหนึ่งรอบ ฉู่เหินก็รู้สึกว่ายิ่งเขารับพลังของพระอาทิตย์เพิ่มขึ้นเท่าไหร่ ระดับความร้อนที่เขาได้รับเองก็เพิ่มสูงขึ้นเช่นเดียวกัน แต่เมื่อผ่านไปหนึ่งชั่วโมง เขาก็ไม่ได้รับพลังงานจากแสงอาทิตย์อีก ฉู่เหินหยุดการฝึกของวันนี้ทันที และแม้ว่าจะไม่ได้นอนทั้งคืน ฉู่เหินก็ไม่ง่วงเลยสักนิด กลับรู้สึกหิวเสียมากกว่า หลังจากยืดร่างกายอีกสักพักหนึ่ง เขาก็รีบกลับไปที่ห้องเพื่อเตรียมอาหารเช้า
วันนี้ฉู่เหินวางแผนว่าจะออกไปหาปลาในตอนเช้า เนื่องจากความสามารถของระบบเชื่อมโลกาที่เขามีอยู่นั้นได้ส่งผลกระทบแก่เขาอย่างมหาศาล ดังนั้นเขาจึงอดใจไม่ไหวและอยากเห็นว่าจะได้รับอะไรในวันนี้ หลังจากกินอาหารเช้าอย่างเร่งรีบ ฉู่เหินจึงรีบเก็บมังกรทะเลทั้งสามตัวไว้ที่ห้องใต้ดินของเขา และเพื่อความปลอดภัยฉู่เหิน จึงวางทับประตูห้องใต้ดินด้วยตู้เสื้อผ้าไว้อีกชั้น
ด้วยวิธีการนี้ เมื่อมองจากภายนอกก็จะไม่มีใครเห็นร่องรอยของห้องใต้ดินได้อีก หลังจากเห็นฉากนี้แล้ว เขาก็พยักหน้าอย่างพึงพอใจ ก่อนที่จะหยิบสิ่งของจำเป็นและมุ่งหน้าไปที่ชายหาด มังกรทะเลทั้งสามตัวนี้เป็นเงินที่จะช่วยชีวิตพี่ชายของเขา หากไม่ใช่เพราะกลัวว่าจะไม่ปลอดภัยที่จะพาพวกมันไปที่ทะเล ฉู่เหินก็คงจะพาพวกมันติดตัวไปด้วยแล้ว
เมื่อเขามาถึงที่ ที่กำหนดไว้ก่อนหน้านี้ ฉู่เหินก็โยนแหจับปลาด้วยแหดักปลาธรรมดาเพื่อฆ่าเวลา หลังจากจับปลาทะเลทั่วไปได้หลายสิบตัว เมื่อเหลือบไปตัวเลขบนหน้าจอโทรศัพท์ ในที่สุดก็สิบโมงแล้ว เมื่อได้เวลา ฉู่เหินก็รีบโยนแหไหมเงินของเขาออกไปอย่างรวดเร็ว แต่โชคไม่ดีที่วันนี้เขาไม่ได้รับภารกิจสุดโหดอีก
ณ ราชวงศ์แห่งหนึ่งในทวีปหงฮวง ภายในจวนขุนพลหลังหนึ่ง เจ้าของจวนกำลังหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
“ท่านพ่อ อะไรที่ทำให้ท่านอารมณ์ดีขนาดนี้?” หลังจากเสียงดังขึ้น ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาอายุราวยี่สิบปีก็เดินเข้ามา เขาแต่งกายด้วยผ้าไหมปักลายเสือดูท่าทางสง่างามเป็นอย่างยิ่ง
“อวี้เอ๋อ คราวนี้ดูท่าพ่อจะได้เลื่อนขั้นแล้ว ดูสินี่คือสมบัติที่พ่อจะมอบให้กับฝ่าบาทในวันนี้” ขณะที่พูดเขาก็ดึงมือของลูกชายเดินเข้าไปด้านในของห้องโถง
เมื่อพวกเขาเข้าไปในห้องโถง พวกเขาก็เห็นเก้าอี้มงคลขนาดสองเมตรที่วางอยู่ในห้องโถง เก้าอี้มงคลนี้ทำจากต้นสนสีน้ำตาลชนิดหนึ่งซึ่งมีมาตั้งแต่สมัยโบราณ
ต้นสนสีน้ำตาลนั้นเป็นไม้ยืนต้นที่หายากมาก เพราะไม้สีน้ำตาลต้นนี้สามารถทำให้ผู้คนจิตใจสงบ เมื่อนั่งบนเก้าอี้ที่ทำจากไม้ชนิดนี้จะทำให้กล้ามเนื้อผ่อนคลายและกระตุ้นเลือดลมเดินสะดวกมากขึ้น ดังนั้นการที่คนพบต้นสนนี้เมื่อไหร่ ก็มักจะนำมาซึ่งการเกิดสงครามแย่งชิงอยู่เสมอ
เหตุผลที่ขุนพลท่านนี้ได้รับต้นสนสีน้ำตาลมาก็เป็นเรื่องบังเอิญด้วยเช่นกัน ซึ่งหลังจากได้รับมันมาเขาไม่คิดจะเก็บมันไว้เพื่อตัวเอง แต่กลับเชิญช่างฝีมือมาประดิษฐ์ต้นสนนี้ให้กลายเป็นเก้าอี้แทน ทั้งหมดนี้ก็เพราะว่าคนเห็นจักรพรรดิแห่งราชวงศ์จินของพวกเขา ต้องตรวจฎีกาอย่างเหนื่อยยากทุกวัน
จะดีหรือไม่ที่ได้นั่งบนเก้าอี้ตัวนี้ในขณะตรวจฎีกา! แม้ราชวงศ์จินที่ยิ่งใหญ่ของพวกเขาจะอยู่มาตั้งแต่สมัยโบราณ แต่ก็มีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับกองกำลังระดับห้าเท่านั้น ต้องรู้ว่าขุนพลท่านนี้เองก็มีอายุมากแล้ว เขาหวังว่าด้วยความช่วยเหลือจากการถวายสมบัติในครั้งนี้จะทำให้จักรพรรดิมอบรางวัลเป็นยาอายุวัฒนะให้แก่เขา ถึงเวลานั้นไม่แน่ว่าการฝึกตนของเขาอาจจะเลื่อนไปอีกขั้น ตราบใดที่การพลังของเขาเพิ่มขึ้น ตำแหน่งของเขาก็จะเพิ่มขึ้นตามอย่างแน่นอน
ถ้าสำเร็จขึ้นมาจริง ๆ เขาก็อยากจะดูสีหน้าของพวกขุนพลที่คอยดูหมิ่นตัวเขาว่าจะทำสีหน้าออกมายังไง โดยเฉพาะขุนพลหลี่ที่ทำตัวใจซื่อมือสะอาดนั้น ที่จริงแล้วไอ้หมอนั่นก็แค่ไม่รู้จักวิธีทำเงินเท่านั้น เพราะถึงแม้ว่าขุนพลหลี่จะเป็นขุนพลระดับกลางเหมือนกับเขา แต่ความมั่งคั่งของเขานั้นเป็นกลับมีมากกว่าร้อยเท่าเมื่อเทียบกับขุนพลหลี่
ถ้าไม่ใช่เพราะขุนพลหลี่คอยจ้องจับผิดเขาอยู่เสมอ เขาเชื่อว่าชีวิตของตัวเขาจะต้องดีขึ้นกว่านี้แน่นอน ! ดังนั้นเขาจึงต้องใช้โอกาสนี้เพื่อก้าวไปอีกขั้นหนึ่ง แล้วพอเวลานั้นมาถึงเจ้าขุนพลหลี่จะต้องได้เห็นดีแน่!
ในเวลานั้นเองชายหนุ่มที่ชื่อว่า “อวี้เอ๋อ” ก็กำลังมองไปที่เก้าอี้มงคลตรงหน้าอย่างโง่งม เพราะเก้าอี้มงคลตัวนี้นอกจากจะสวยงามมากแล้ว และถึงแม้ว่าจะปราศจากอัญมณีตกแต่งใด ๆ ก็ตาม แต่เพียงแค่การจ้องมองมันให้ความรู้สึกสูงส่งไม่ธรรมดาออกมาแล้ว
ไม่ว่าจะเป็นลวดลายธรรมชาติบนเก้าอี้ หรืองานแกะสลักที่ละเอียดอ่อน ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นถึงความสวยงามเหนือกาลเวลา! อวี้เอ๋อสัมผัสเก้าอี้มงคลเบา ๆ พร้อมกับความคิดชั่วแวบหนึ่งที่อยากจะเก็บมันไว้เอง แต่หลังจากคิดเกี่ยวกับผลได้ผลเสียแล้ว เขาก็ได้แต่เก็บฝังความคิดนี้ไว้ในใจ
“อวี้เอ๋อ เสียแรงที่เจ้าเป็นนายทหารระดับสูง ช่างไม่มองการณ์ไกลเสียบ้างเลย ขอเพียงพวกเราพ่อลูกมีอำนาจ เงินทอง แบบไหนที่จะหามาไม่ได้อย่าได้เห็นแก่สมบัติเพียงชิ้นเดียว!” จางจิ้งเป็นคนระดับไหนแล้ว เขาเป็นขุนพลระดับกลาง ด้วยสายตาของเขาแค่มองก็เห็นสิ่งที่ลูกชายของเขาคิดได้ ดังนั้นเขาจึงรีบดุว่าทันที!
“ท่านพ่อ อวี้เอ๋อทราบแล้ว เป็นเพราะลูกคิดตื้นเอง” แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้นแต่ความโลภในดวงตาของเขาก็ยังคงอยู่ จางจิ้งไม่พูดอะไรต่อ เมื่อเขาเห็นเก้าอี้นี้เป็นครั้งแรก เขาก็คิดอย่างนั้นเช่นกัน แต่ในที่สุดเหตุผลก็สามารถเอาชนะความโลภของตัวเขาเองได้
“ข้าสั่งให้คนส่งรายการของขวัญไปยังพระราชวังแล้ว ตราบใดที่จักรพรรดิพยักหน้ารับ ของชิ้นนี้ก็สามารถจัดส่งได้ในทันที จากนั้นเราสองพ่อลูกก็จะมีวันที่ดีอย่างแน่นอน” หลังจากพูดจบ เขาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะอีกครั้ง
ผ่านไปไม่นานก็ได้รับข่าวมาจากในวัง จักรพรรดิอนุญาตให้จางจิ้งส่งเก้าอี้มงคลเข้าไปในพระราชวัง หลังจากนั้นจางจิ้ง จึงรีบเรียกผู้ใต้บังคับบัญชาหลายคนช่วยกันยกเก้าอี้มงคลขึ้นบนรถม้า ก่อนที่จะขับรถม้ามุ่งหน้าไปยังพระราชวังด้วยตนเอง
เก้าอี้มงคลวางอยู่บนแคร่ได้รับการกระแทกอย่างต่อเนื่อง แต่การกระแทกของรถม้านั้น ก็ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้เก้าอี้มงคลร่วงลงมาได้ ยิ่งไปกว่านั้นจางจิ้งเองก็เป็นยอดฝีมือ เขาสามารถใช้พลังของเขาเพื่อครอบคลุมเก้าอี้อยู่ตลอดเวลา
ขณะที่จางจิ้งกำลังจะขับรถม้าเข้าไปในวัง ทันใดนั้นก็มีแหดักปลาปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่า แหดักปลาที่เปร่งประกายสีม่วงทองอยู่ ๆ มันก็บินไปที่เก้าอี้ที่วางอยู่บนแคร่
หลังจากนั้นแหดักปลาก็ครอบลงบนเก้าอี้ แม้ว่าแหดักปลานี้จะปรากฏขึ้นมาด้วยความเร็วสูง แต่ก็ยังไม่รอดจากจิตสำนึกของจางจิ้ง
จางจิ้งใช้เท้าถีบพื้นและทะยานตัวขึ้นมา ในเวลาเดียวกันก็มีดาบวงพระจันทร์สีเงินปรากฏขึ้นในมือของเขา