สุดยอดชาวประมง (极品小渔民) - บทที่ 111 ทุกสิ่งทุกอย่าง[รีไรท์]
ตอนนี้พวกเขาทั้งคู่ต่างอยู่ในวัย 40 มีทั้งครอบครัวและชีวิตที่ดี ตงเจี๋ยจับไก่ในวันนี้และซีเจี๋ยจะขโมยหมาในวันมะรืน ทำให้ชาวบ้านนั้นรู้สึกรังเกียจมาก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้
พวกชาวบ้านมองว่าการขโมยหมาขโมยไก่ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร อีกอย่าง ถ้าพวกเขาเข้าไปยุ่มย่าม นั่นก็อาจจะมีปัญหาทีหลังได้ ยังไงเสียพวกเขาก็เป็นแค่ชาวบ้านธรรมดา ๆ ที่ทำงานสุจริต ดังนั้นการไปมีปัญหากับเจ้าสองโจรนั่น มันก็คงไม่ดีสักเท่าไหร่ และเพราะเหตุนี้เองสองโจรจึงทำเรื่องพวกนี้กันจนเป็นปกติ
โชคดีที่นอกจากเรื่องที่ว่ามาแล้ว ทั้งสองคนนั้นก็ไม่ได้ทำความเดือดร้อนอะไรให้อีก แต่มีอีกคนหนึ่ง คนที่ชื่อว่าอู่จ่วนเย๋ ชายคนนี้เป็นอดีตทหาร คนอื่น ๆ จึงชอบเรียกเขาว่าโป๋อีกู่ หลังจากที่เขากลับมาจากการทำงาน อดีตทหารนายนี้ก็ถูกก่อกวนจนไม่สามารถใช้ชีวิตตามปกติได้เลย ในตอนแรกเขาเลือกที่จะไม่สนใจเจ้าโจร 2 คนนั้น แต่ตอนนี้เหมือนว่าพวกมันดูชักจะเหิมเกริมเกินไปหน่อยแล้ว
นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้โป๋อีกู่ต้องการจะสั่งสอนพวกเขาเอง ซึ่งชายหนุ่มก็หวังว่ามันอาจจะทำให้ทั้งสองคนกลัวได้บ้าง และด้วยเหตุผลนี้เอง โป๋อีกู่จึงมีอีกฉายาที่คนมักเรียกกันลับหลังว่า ซี๋ปาเที๋ยน! ชื่อนี้เขาได้มาเพราะว่าหลังจากกลับมาจากการรบ โป๋อีกู่ได้รับบาดเจ็บที่ขาอย่างรุนแรง ถึงแม้ว่าเขาจะยังเดินได้ก็ตาม ทว่ามันก็ทำให้เดินลำบากไม่ใช่น้อย ซึ่งชายผู้นี้ เขาก็ไม่เคยที่จะทำร้ายคนที่ด้อยกว่าเลยแม้แต่ครั้งเดียว!
พวกชาวบ้านต่างพากันพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น พวกเริ่มเข้ามาพบปะพูดคุยกันครั้งสองครั้งเพื่อวางแผนที่จะจับตัวคนคนหนึ่ง แต่พวกเขาก็พบว่ามันไม่ใช่สิ่งที่ดีสักเท่าไหร่ ซึ่งถ้ามันผิดพลาดขึ้นมาละก็ นั่นก็อาจทำให้โจรทั้ง 2 คนนั้นมีแต่จะลงมือรุนแรงมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ไม่กี่วันก่อน ในที่สุดโอกาสก็มาถึง นอกจากหมู่บ้านพวกเขาแล้วหมู่บ้านอื่น ๆ ในเป่ยป้าเทียน ทุกคนต่างรู้จักเขาในฐานะขาใหญ่ประจำหมู่บ้าน คน ๆ นี้ชื่อว่าเกาปู้ฟ๋าน เป็นคนว่างงาน และไม่ได้แข็งแรงเท่าโป๋อีกู่
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เกาปู้ฟ๋ายได้พบกับโจรทั้งสอง เขารู้สึกเหมือนกับว่าได้รับการเติมเต็มเมื่อพบตงปาเที๋ยนกับนันปาเที๋ยน พวกเขาทั้งสามได้วางแผนบางอย่างในบ้านหลังเล็ก ๆ จนดึกดื่น ก่อนจะแยกย้ายกลับบ้านของตน ถึงข่าวนี้จะไม่ได้ทำให้ชาวบ้านรู้สึกกดดันอะไรมาก แต่ใครจะรู้เล่า ว่านั้น… จะเป็นจุดเริ่มต้นของความวุ่นวายทั้งหมด
วันต่อมาด้านนอกเขตก่อสร้างของฉู่เหิน มีอาสาสมัครจากภายในหมู่บ้านมาทำงานกันมากมาย การทำงานล่วงเวลาจำเป็นต้องใช้คนจำนวนมาก หัวหน้าคนงานใช้ความคิดก่อนจะส่งคนช่วยงานมาให้ 3 คน ซึ่ง 3 คนนั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหนไกลนอกจากคนที่มีชื่อเสียงฉาวโฉ่พวกนั้น
เป็นเวลากว่า 1 เดือนแล้วที่พวกเขามาทำงานที่ไซต์ก่อสร้าง พวกเขาต่างทำงานหนักทุกวัน ทั้งสามคนทำงานหนักเสียจนได้รับคำชมจากหัวหน้างานมากมาย! และนั่นก็ทำให้พวกเขายิ่งขยันมากขึ้น ยิ่งเวลาผ่านไป หวงม่านอิ่งก็ยิ่งเชื่อใจพวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ สำหรับหวงม่านอิ่งแล้ว ทั้งสามคนนี้เป็นคนที่ซื่อสัตย์และฉลาด
แต่จะรู้ได้ไงว่าสิ่งที่ทั้งสามทำนั้นไม่ได้โกหก! วันนี้แผนการทุกอย่างถูกเตรียมเอาไว้แล้ว! เมื่อฉู่เหินลงไปยังบ่อที่เลี้ยงปลาเกล็ดขาว ทั้งสามก็เริ่มที่จะทำตามหน้าที่ของตัวเอง พวกเขาโกหกฉู่เหินเพื่อที่จะได้มีข้อแก้ตัวกับหวงม่านอิ่ง ก่อนที่จะทำให้เธอสลบ
หลังจากทำให้หวงม่านอิ่งสลบและจับใส่กระสอบ พวกเขาก็รีบแบกเธอขึ้นรถและขับไปที่หมู่บ้านอย่างรวดเร็ว ตอนนี้พวกเขาได้เตรียมทุกอย่างไว้พร้อมแล้ว ทั้งไวน์และเนื้อชั้นดี ซึ่งโป๋อีกู่เองก็ได้นั่งดื่มรอพวกเขาอยู่ในบ้านของตัวเองแล้ว
เป็นเรื่องแปลกที่ตามปกติโป๋อีกู่มักดื่มไวน์ได้มากถึง 1 ปอนด์ แต่ตอนนี้พอกินไปแก้วเดียว เขากลับรู้สึกกรึ่ม ๆ และเวียนหัวเสียแล้ว โป๋อีกู่พยายามทำให้ตัวเองตื่นตัวโดยใช้โอกาสนี้จัดการกับตัวเองแล้วโทรหาลูกพี่ลูกน้องของเขา จากนั้นก็กลับมาพูดคุยกับคนในบ้านต่อ!
อย่างไรก็ตามตอนที่กลับมา โป๋อีกู่ก็รู้ตัวว่าไม่ควรที่จะดื่มไวน์ไปมากกว่านี้ เขาตบหน้าหน้าตัวเองเพื่อแสร้งทำเป็นหมดสติ แล้วจากนั้นเขาก็แกล้งหลับไปในที่สุด
เมื่อเห็นว่าโป๋อีกู่ไม่รู้สึกตัว โจรทั้งสามคนก็แบกโป๋อีกู่ขึ้นมา และพาไปที่บ้านหลังอื่น หลังจากวางโป๋อีกู่ลงบนเตียงใหญ่แล้ว พวกเขาก็ถอนใจด้วยความโล่งอก จากนั้นพวกมันก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มกริ่มออกมาไม่ได้ ก่อนจะหันหลังจากไป
หลังจากมั่นใจว่าพวกนั้นออกไปแล้ว โป๋อีกู่ก็ลืมตาขึ้น แววตาของเขาเยือกเย็นทันทีที่ลืมขึ้นมา ตอนนี้เขามั่นใจแล้วว่าทุกอย่างถูกวางแผนไว้ แต่เขาอยากจะรู้นักว่าคนไหนกันที่มันต้องการจะทำร้ายเขา เขาส่งข้อความหาลูกพี่ลูกน้อง ก่อนจะแกล้งหมดสติและรอคอยพวกนั้นอย่างเงียบ ๆ
หลังจากที่พาโป๋อีกู่มาไว้ที่นี่ ในใจของหนึ่งในพวกมันก็รู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมา ชายคนนั้นคิดว่าคนที่ซื้อบ้านพักได้แบบนี้จะต้องรวยแน่ ๆ เห็นพูดกันว่าคน ๆ นั้นไม่ได้อยู่ที่บ้าน ดังนั้นโจรคนนั้นจึงกะว่าจะไปขโมยของที่บ้านของฉู่เหิน!
หลังจากคิดแบบนั้น เขารู้สึกร้อนรนและไม่อาจอยู่เฉยได้อีก ซึ่งเมื่อพร้อมแล้ว เจ้าหัวขโมยก็ขับรถไปยังหมู่บ้านชาวประมงทันที แม้ว่าระยะทางจะไม่ใกล้นัก แต่มันก็ใช้เวลานานในการที่จะไปยังที่หมายอยู่ดี พอไปถึงมันก็มืดแล้ว แต่ใครจะรู้เล่าว่าในเวลานี้ ฉู่เหินกำลังนอนหลับอยู่ในบ้านหลังนั้นเงียบ ๆ
หลังจากที่เข้าไปในสวนหน้าบ้านได้ หัวขโมยก็มองไปรอบ ๆ ด้วยท่าทีหวาดระแวง เขาหันหน้าเข้าทางกำแพงด้านนอก พอเห็นว่าทางสะดวก จึงเดินเข้าไปด้านใน โจรคนนั้นเดินจนไปเจอเข้ากับกระถางต้นไม้
ร่างเล็ก ๆ ในกระถางนั้นค่อย ๆ ขยับอย่างช้า ๆ เมื่อมองเข้าไปใกล้ ๆ ก็จะพบว่ามันเป็นเถาของต้นไม้ที่ยื่นออกตามสายลม แสงสลัว ๆ ของดวงจันทร์ทำให้คนที่เห็น รู้ได้ทันทีว่านี่ไม่ใช่พืชธรรมดา
ในใจของชายคนนั้นรู้สึกได้ถึงความสุขทันที อย่างน้อยเจ้านี่ก็น่าจะเป็นสายพันธุ์ที่หายาก ไม่แน่ว่าหากนำกลับไปด้วยแล้ว อาจจะขายได้ราคาดีก็ได้
ทันทีที่ร่างเขาเข้าใกล้กับเถาวัลย์กระหายเลือด เถาไม้ก็เข้ามาพัวพันทันที เจ้าเถาวัลย์กระหายเลือดใช้เถาไม้เข้ามารัดตัวเขาเอาไว้แน่น ผู้ที่ถูกรัดนั้นไม่สามารถตอบโต้อะไรได้เลยนอกจากตะโกนร้องเสียงดัง
“ช่วยด้วย! ช่วยด้วย!”
ฉู่เหินที่กำลังหลับลึกนั้นตื่นทันทีที่ได้ยินเสียงร้อง เขารีบวิ่งออกมาข้างนอกแล้วคิดในใจว่า ใครมาโหวกเหวกอะไรตอนนี้?
เมื่อออกมานอกบ้าน ภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้าก็ทำให้ฉู่เหินตกใจเล็กน้อย เพราะในตอนนี้ดูเหมือนว่า เจ้าเถาวัลย์กระหายเลือดกำลังจับใครบางคนอยู่ และแน่นอนว่ามันไม่ควรเกิดขึ้นในเวลาแบบนี้
“แกเป็นใคร? มาทำอะไรกันแน่?” ระหว่างที่ชายหนุ่มพูด เขาก็ไม่ได้สั่งให้เถาวัลย์ปล่อยโจรแต่อย่างใด ทว่ากับสั่งให้รับชายคนนั้นแน่นขึ้นไปอีก ซึ่งถ้าเขาสั่งให้แน่นขึ้นกว่านี้อีกหน่อยละก็ เจ้าหัวขโมยคนนี้คงได้ตายจริง ๆ แน่ ถึงเจ้าเถาวัลย์กระหายเลือดจะไม่มีความคิดที่จะจัดการอีกฝ่ายก็ตาม แต่หลังจากที่มันกลายเป็นสัตว์เลี้ยงของฉู่เหินแล้ว ตอนนี้เขาก็สามารถควบคุมการกระทำทุกอย่างของมันได้อย่างสมบูรณ์
ใบหน้าของหัวขโมยเริ่มที่จะซีดเผือดแล้ว เขาคิดว่าตัวเองจะตายเสียแล้ว! โชคยังดีที่เจ้าของบ้านออกมาเจอซะก่อน ไม่เช่นนั้นเขาอาจต้องทนทุกข์ทรมาน
“ฉันดื่มไปนะ พอเมาอยู่ดี ๆ รู้ตัวอีกทีก็มาอยู่ที่นี่แล้ว ปล่อยฉันไปเถอะ!” เขาพูดด้วยความรู้สึกผิด
“ถ้าคิดว่าฉันจะปล่อยไปละก็คงจะหยามกันไปหน่อยละมั้ง บอกความจริงมาซะ ถ้าไม่อยากโดนโยนลงน้ำ ฉันเชื่อว่าไม่มีใครรู้หรอก และพวกปลาคงชอบเนื้อของแกแน่ ๆ ” ฉู่เหินยิ้มเหี้ยมเกรียม ท่าทางชั่วร้ายราวกับปีศาจ
เดิมทีหัวขโมยกะว่าจะทำเป็นเงียบเพื่อกดดันอีกฝ่าย แต่ทันทีที่เห็นฉู่เหินหยิบก้อนหินขึ้นมา แล้วขยี้มันจนแหลกละเอียด ภาพที่เกิดขึ้น นั่นก็ทำให้เขากลัวจนหัวหดทันที