สุดยอดชาวประมง (极品小渔民) - บทที่ 35 การลงนามในสัญญา
บทที่ 35 การลงนามในสัญญา[รีไรท์]
ฉู่เหินเดินเข้าไปเพื่อดึงพี่จางให้ลุกขึ้นมา พี่จางยิ้มเล็กน้อยอย่างเขินอาย หากคนทั้งสองมีฝีมือสูสีกัน เขาคงมีความกล้าที่จะขอสู้อีกครั้ง อย่างไรก็ตามความแตกต่างระหว่างเขากับฉู่เหินนั้นมากเกินไป ดังนั้นเขาจึงไม่คิดที่จะสู้อีกครั้ง
“พี่จางครับ จริง ๆ แล้วการเคลื่อนไหวของคุณดีมาก เพียงแต่คุณฝึกแต่วิชาภายนอกเท่านั้น แต่ไม่ได้ฝึกกำลังภายในไปด้วย หากคุณสู้กับคนธรรมดาทั่วไปมันก็โอเค แต่ถ้าคุณเจอกับยอดฝีมือที่ฝึกฝนกำลังภายในคุณย่อมไม่สามารถต่อสู้กับพวกเขาได้ ถ้าคุณสนใจล่ะก็ คืนนี้ตอนผมฝึกซ้อม คุณสามารถดูอยู่ข้าง ๆ ได้นะครับ ส่วนคุณจะเรียนรู้ได้เท่าไหร่ก็ขึ้นอยู่กับโชคของของคุณแล้วล่ะพี่จาง”
เมื่อได้ยินคำพูดของฉู่เหิน พี่จางก็ตื่นเต้นมาก เขาก็รีบขอบคุณฉู่เหินทันที! อย่าล้อเล่นน่า ยอดฝีมือทั่วไปต่างพากันเก็บรักษาวิชากำลังภายในของตัวเองราวกับเป็นสมบัติวิเศษ ใครจะเต็มใจสอนให้กับผู้อื่นเช่นเดียวกับฉู่เหิน เพียงแค่ความคิดเช่นนี้ก็ทำให้ฉู่เหินแตกต่างจากคนธรรมดาทั่วไปแล้ว
เมื่อเสี่ยวชิงได้ยินว่าฉู่เหินจะสอนวิชากังฟูให้ เธอก็ดีใจเป็นอย่างมาก หลังจากนั้นฉู่เหินก็สอนเสี่ยวชิง พี่จางและผู้อาวุโสจางว่าจะดูดซับพลังของดวงดาวได้อย่างไร ฉู่เหินบอกรายละเอียดทั้งหมดโดยที่ไม่ได้ปกปิดอะไรเลย แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ขึ้นอยู่กับพวกเขาเองว่าจะได้รับการยอมรับจากดวงดาวและจะสามารถดูดซับพลังของดาวได้หรือไม่!
ยี่สิบนาทีต่อมาเสี่ยวชิงก็ได้รับการยอมรับจากดวงดาวดวงหนึ่งบนท้องฟ้า มันคือหนึ่งในดาวเหนือทั้งเจ็ด ซึ่งถือได้ว่าเป็นดาวที่ค่อนข้างใหญ่ดวงหนึ่งในกาแลคซี ฉู่เหินไม่คิดว่าเด็กหญิงคนนี้จะโชคดีขนาดนี้ ! จากนั้นเขาก็สอนเสี่ยวชิงถึงท่าหมัดและท่าเตะที่ช่วยดึงพลังของดวงดาวเข้าสู่ร่างกาย
ผู้อาวุโสจางกับพี่จางใช้เวลาและพลังงานไปจนแทบจะหมดสิ้น แต่น่าเสียดายที่พวกเขาไม่ได้รับการยอมรับจากดวงดาว อย่างไรก็ตามพวกเขารู้ดีว่าตัวเองนั้นแก่เกินไป ถึงได้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น ! แต่ตอนนี้ฉู่เหินกำลังสอนท่าหมัดและท่าเท้าอยู่ ทั้งสองที่ไม่อยากพลาดโอกาสนี้ จึงเลิกพยายามที่จะดูดพลังจากดวงดาวและหันไปดูฉู่เหินแทน
มันง่ายมาก! ตั้งแต่ต้นจนจบมีทั้งหมด สิบแปดท่าเท่านั้น แต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับพวกเขาที่จะเลียนแบบมันได้อย่างสมบูรณ์ แต่ขอเพียงพวกเขาฝึกฝนมันอย่างหนักโดยไม่ย่อท้อ ในอนาคตพวกเขาเชื่อว่าจะต้องประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน
ต้องบอกว่าเสี่ยวชิงถือเป็นอัจฉริยะที่เหมาะแก่การส่งเสริมคนหนึ่ง ฉู่เหินสอนแค่เพียงสองครั้ง เธอก็สามารถจดจำเคล็ดสำคัญได้ เมื่อเธอร่ายรำหมัดไปถึงรอบที่แปด ทั้งร่างกายและจิตใจต่างก็จดจ่ออยู่ในสมาธิไปจนหมดสิ้น
จากนั้นฉู่เหินก็เลิกสนใจเธอและเริ่มการฝึกฝนของตัวเอง ในที่สุดพระอาทิตย์ก็ขึ้นและพระจันทร์ก็ลับหายไปเวลาไหลผ่านไปเหมือนชั่วกะพริบตา! หลังจากการรำมวยมาทั้งคืน เขาก็รู้สึกว่าร่างกายได้รับการเติมเต็ม เนื่องจากผ่านการฝึกฝนมาอย่างยาวนาน ตอนนี้ร่างกายของเขาก็ไม่ได้ขับสิ่งตกค้างจำนวนมากอีกต่อไป
แต่ไม่นานหลังจากที่เขาฝึกซ้อมเสร็จเขาก็ได้ยินเสียงเสี่ยวชิงร้องอุทาน มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร หลังจากผ่านการรำมวยมาตลอดทั้งคืน ร่างกายของเธอก็ขับสิ่งตกค้างออกมาเป็นจำนวนมาก นี่ทำให้หญิงสาวที่รักความสะอาดและความสวยความงามอย่างเสี่ยวชิงยอมรับไม่ได้ โชคดีที่บ้านของผู้อาวุโสจางมีห้องน้ำ ดังนั้นเพียงแค่ไปอาบน้ำมันก็โอเคแล้ว
อย่างไรก็ตามหลังจากเสี่ยวชิงอาบน้ำเสร็จ เธอก็ยังรู้สึกอึดอัดใจที่ต้องสวมเสื้อผ้าชุดเดิมอยู่ดี เนื่องจากการขับสิ่งตกค้างเมื่อคืนนี้ทำให้เสื้อผ้าของเธอเปรอะเปื้อนอยู่ไม่น้อย ดังนั้นฉู่เหินจึงต้องพาเสี่ยวชิงออกไปซื้อชุดใหม่ในเมืองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ทั้งด้านในและด้านนอก เสี่ยวชิงก็รู้สึกสบายใจสบายตัวมาก หลังจากที่รู้ว่าสาวน้อยคนนี้ใส่เสื้อผ้าแบบไหน ฉู่เหินจึงกลับไปที่ร้านขายเสื้อผ้าอีกรอบเพื่อซื้อเสื้อผ้าแบบเดียวกันมาอีกสามชุด ด้วยวิธีนี้ถ้าหากเสี่ยวชิงจะต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าอีก เขาก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอึดอัดใจเช่นนี้อีก
เมื่อเห็นว่าฉู่เหินให้ความใส่ใจตัวเองมากถึงเพียงนี้ หญิงสาวก็เต็มไปด้วยความสุข ก่อนที่เธอจะเก็บเสื้อผ้าไว้ในกระเป๋าอย่างทะนุถนอม แน่นอนว่ากระเป๋าใบนี้ก็ถูกซื้อโดยฉู่เหินเช่นกัน มังกรทะเลทั้งสองตัวทำเงินให้เขาทั้งหมด สองแสนเจ็ดหมื่นหยวน ฉู่เหินมอบเงินสองแสนหยวนให้พี่สะใภ้และยังเหลือเงินอีกเจ็ดหมื่นหยวนอยู่กับตัว ซึ่งมันมากเกินพอที่จะซื้อเสื้อผ้าสำหรับหญิงสาวตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง
หลังจากทานอาหารเช้าแล้ว ฉู่เหินก็เตรียมตัวกลับ เขาตั้งใจจะไปเยี่ยมพี่ชายของเขาที่โรงพยาบาล จากนั้นก็ไปที่โรงเรียนเพื่อดูว่าหวงลี่ลี่เป็นยังไงบ้าง อย่างไรก็ตามโรงเรียนของลี่ลี่เข้มงวดมาก จึงเป็นเรื่องยากที่จะเข้าไปเยี่ยมเธอ โชคดีที่ผู้อาวุโสจางรู้จักกับครูใหญ่ของโรงเรียน ในช่วงอาหารเช้าเขาจึงช่วยโทรคุยกับทางโรงเรียนให้กับฉู่เหิน
“น้องชาย เธออย่าเพิ่งไป อีกเดี๋ยวคนที่จะเซ็นสัญญาก็จะมาถึงแล้ว รอให้เซ็นสัญญาเสร็จแล้วค่อยไปก็ยังไม่สายหรอก” ผู้อาวุโสจางบอกกับฉู่เหินหลังทานอาหารเช้าเสร็จ
“ได้ครับ” เนื่องจากทั้งสองคนเป็นผู้ที่ร่างข้อตกลงเรื่องนี้ร่วมกัน จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่จะเป็นคนลงนามในสัญญา ยิ่งไปกว่านั้นการเซ็นสัญญาให้เสร็จสิ้นมันก็เป็นประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่าย อย่างน้อยก็มีสิ่งรับประกันอยู่ในใจ
ตอนนี้ฉู่เหินตัดสินใจขายปลาเกล็ดขาวให้กับกองทัพจำนวนห้าร้อยตัวภายหลังการเซ็นสัญญาแล้ว ปลาเกล็ดขาวอีกห้าร้อยตัวที่เหลือนั้น เขาตั้งใจว่าจะเลี้ยงและขยายพันธุ์มันต่อไป หากไม่ใช่เพราะบ่อปลาของเขานั้นเล็กจนทำให้ปลาเกล็ดขาวไม่สามารถว่ายน้ำได้อย่างอิสระละก็ ฉู่เหินคงยังไม่ยอมขายปลาในตอนนี้
เดิมทีฉู่เหินวางแผนว่าจะพาเสี่ยวชิงไปที่โรงเรียน จากนั้นก็ไปโรงพยาบาลด้วยกัน และเมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้วค่อยกลับบ้านพร้อมกัน แต่หญิงสาวคิดอยู่สักพักแล้วกลับไม่เห็นด้วย ! ตามความคิดของเธอขณะที่ขายปลากลับไม่มีคนทางฝ่ายเขาอยู่ด้วยมันเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ยิ่งไปกว่านั้นมันเป็นการขายปลาตัวละคือห้าพันหยวน! ในเมื่อตอนนี้เขามีธุระ เธอก็จะกลับไปดูให้เอง
ฉู่เหินจึงไม่มีทางเลือกได้แต่ทำตามความคิดของหญิงสาวเท่านั้น ยอมให้เสี่ยวชิงเป็นคนพาทหารไปจับปลา หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จไม่นาน ชายวัยกลางคนที่สวมเครื่องแบบทหารก็เดินเข้ามา หลังจากเห็นผู้อาวุโสจาง ชายคนนั้นก็ทำความเคารพตามแบบของทหารทันที จากนั้นเขาก็ยื่นสัญญามาตรงหน้าฉู่เหิน เมื่อฉู่เหินอ่านดูเนื้อหาในนั้นแล้วว่าเหมือนกับที่เขาและผู้อาวุโสจางตกลงกันเมื่อวานนี้ เขาก็เซ็นชื่อลงไปอย่างไม่ลังเลในทันที
หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายลงชื่อแล้วก็มีการมอบสัญญาให้อีกฝ่ายเก็บไว้คนละฉบับ สัญญาฉบับนี้ถือว่ามีผลใช้ทันที กองทัพช่างจัดการเรื่องราวได้รวดเร็วราวกับกดปุ่ม! แต่นี่ก็เข้ากับนิสัยฉู่เหินด้วยเช่นกัน
เมื่อมองดูเสี่ยวชิงและคนของทางกองทัพที่อยู่ไกลออกไป ฉู่เหินก็ค่อนข้างลังเลใจ แต่เขาก็รู้ว่าตอนนี้เป็นช่วงเวลาสำคัญของพี่ชายเขาดังนั้นเขาควรต้องไปเยี่ยมอีกสักครั้ง โชคดีที่หลังจากลงนามในสัญญาแล้ว ทางกองทัพก็โอนเงินค่าปลาทั้งห้าร้อยตัวไปยังบัญชีของเขาในทันที
เมื่อมองไปที่ข้อความที่ส่งโดยธนาคารมาที่โทรศัพท์มือถือของเขา ฉู่เหินก็รู้สึกเหมือนฝัน ต้องรู้ว่าไม่กี่วันที่ผ่านมาเขายังต้องวิ่งหาเงิน หนึ่งแสนหยวนอย่างยากลำบาก แต่ภายในไม่กี่วันเขากลับมีมากกว่าสองล้านหยวนในบัญชีของเขา ทำให้เขารู้สึกราวกับว่าทุกอย่างเป็นเหมือนภาพลวงตา
ฉู่เหินเรียกรถแท็กซี่ให้พาไปส่งที่โรงพยาบาลในเมือง เนื่องจากบ้านของผู้อาวุโสจางอยู่ค่อนข้างห่างไกล แต่เขาก็พอเข้าใจ ด้วยสภาพแวดล้อมโดยรอบที่ดีขนาดนี้ เขาคิดว่าเหตุผลที่ผู้อาวุโสจางเลือกสร้างบ้านอยู่ที่นี่ก็น่าจะเป็นเพราะความเงียบสงบนั่นเอง!
ยี่สิบนาทีต่อมาฉู่เหินก็มาถึงโรงพยาบาลประจำเมือง เนื่องจากฉู่เหินมาค่อนข้างเช้าตอนนี้ในโรงพยาบาล จึงยังมีคนไม่มากนัก เขาขึ้นลิฟต์ไปถึงชั้นสิบห้าในเวลาเพียงไม่กี่นาที
พี่ใหญ่ของเขาพักอยู่ในห้องผู้ป่วยพิเศษบนชั้นสิบห้า ตอนนี้สิ่งที่เขารอคอยที่จะเห็นก็คือภาพพี่ชายของเขาเห็นเงินในบัญชีธนาคารของเขา ไม่รู้ว่าพี่ใหญ่จะประหลาดใจมากแค่ไหน
อย่างไรก็ตามเมื่อเขาเพิ่งเดินมาถึงหน้าห้องไอซียู เขาก็ได้ยินเสียงคนทะเลาะกันดังลั่น มีพยาบาลและแพทย์หลายคนกำลังมุงดูอยู่ที่ทางเดิน ในตอนนั้นเองเงาร่างที่คุ้นเคยเป็นพิเศษก็ปรากฏขึ้นในสายตาของเขาอีกครั้ง นั่นคือนางพยาบาลสาวสวยที่เขาเคยเห็นที่โรงพยาบาลประจำมณฑลนั่นเอง