สุดยอดชาวประมง (极品小渔民) - บทที่ 59 การออกแบบตกกระป๋อง
บทที่ 59 การออกแบบตกกระป๋อง[รีไรท์]
ความตระหนี่ถี่เหนียวที่ถูกปลูกฝั่งแต่เด็กจนพัฒนาเป็นนิสัยในช่วงเวลาหลายปี ไม่มีทางเปลี่ยนได้ในเวลาข้ามคืน
ณ ตอนนี้ คนที่ทุกข์ใจที่สุดคือหวงลี่ลี่ เธอไม่รู้ว่าพ่อของเธอบาดเจ็บแค่ไหน ถ้าฉู่เหินมีเวลาว่างเธอก็คงอ้อนให้ฉู่เหินพามาเยี่ยมนานแล้ว
“พี่ชาย พี่สะใภ้ อาการเป็นยังไงบ้างครับ?” ฉู่เหินถามด้วยความห่วงใยเมื่อเดินเข้ามา
“พ่อคะ พ่อเป็นยังไงบ้าง?” ที่จริงหวงลี่ลี่อยากเข้มแข็งกว่านี้ แต่ทันทีที่เดินเข้ามา เด็กสาวก็กลั้นน้ำตาไม่ไหวอีกต่อไป
“ร้องไห้ทำไมล่ะ? ไม่ต้องห่วงพ่อไม่เป็นไรหรอก ดูสิแผลเล็กนิดเดียวเอง นั่งกันก่อนสิ หมอบอกว่าเดี๋ยวก็หายแล้ว อีก 2 เดือนก็กลับบ้านได้แล้ว ใครเขาจะอยากอยู่นาน เสียเงินเสียทองเปล่า ๆ” หวงเจี้ยนหมิงกล่าวอย่างเสียอารมณ์
นี่เพิ่งผ่านไปไม่ถึงเดือน แต่หวงเจี้ยนหมิงกลับเสียเงินไปกว่า 70,000 หยวนแล้ว รักษาเท่าไหร่ก็ไม่เห็นปลายอุโมงค์สักที
“พี่ไม่ต้องห่วงเรื่องเงินเลยนะ ครั้งนี้ฉันเอาเงินมาให้ 300,000 หยวน จะใช้เท่าไหร่ก็ใช้ไป แต่รักษาตัวให้หายพอ ถ้าต้องจ่ายค่ารักษาอะไรก็จ่ายเลย ไม่มีปัญหา”
เมื่อพูดจบ ฉู่เหินก็ไม่รอให้พี่ปฏิเสธ เขารีบพูดต่อว่า “พี่ชาย พี่สะใภ้ ผมมีคนอยากแนะนำให้รู้จัก” แล้วฉู่เหินก็เรียกเสี่ยวชิงให้เข้ามาใกล้ ๆ ตอนนี้เธออายหน้าแดงอย่างน่ารักมาก
“พี่ชาย พี่สะใภ้ ผมมีคนอยากแนะนำให้รู้จักเธอชื่อเสี่ยวชิง มาจากต้าหางจวง เธอเป็นแฟนผมเอง” วันนี้เขาพาเธอมาหาพี่ชาย
“สวัสดีค่ะ ฉันชื่อหลิวเสี่ยวชิง เรียกว่าเสี่ยวชิงก็ได้นะคะ” เสี่ยวชิงยิ้มอย่างอ่อนโยน มันทำให้หวงเจี้ยนหมิงและภรรยาดีใจมาก แต่ดูเหมือนพวกเขาจะคิดอะไรได้บางอย่างจึงหันไปมองค้อนฉู่เหิน
เมื่อเห็นอย่างนั้นฉู่เหินรู้ทันทีว่าเพราะอะไร ในโลกนี้คนที่รู้จักพี่ชายของเขาดีที่สุดก็คือฉู่เหิน
“พ่อกับแม่ยังไม่รู้ หึ พอพูดถึงเจี่ยถงถงแล้วก็อารมณ์เสีย ตอนพ่อมาเข้าโรงพยาบาล เธอพาผู้ชายมาส่งการ์ดแต่งงานที่บ้าน ในการ์ดบอกจะแต่งงานเดือนหน้า แล้วแบบจะไม่ให้โกรธได้ยังไง”
หวงลี่ลี่เป็นเด็กฉลาด เธอเห็นสีหน้าพ่อแม่แล้วก็รู้ว่าเพราะอะไร ก่อนที่ฉู่เหินจะได้อธิบาย เธอก็รีบเล่าความเป็นมาให้พ่อแม่ฟัง
เมื่อได้ยินหวงลี่ลี่เล่า สีหน้าของหวงเจี้ยนหมิงและซูวี่เหมยก็โกรธหนักกว่าเก่า พวกเขาเคยโดนหยามมาก็มาก แต่ไม่เคยโดนหยามถึงขนาดนี้ นี่น้องชายของพวกเขาต้องอดทนมากแค่ไหนกัน
“แม่นั่นน่ะสู้เสี่ยวชิงไม่ได้สักนิด”
เมื่อเห็นสีหน้าโกรธแค้นของพี่ชายและพี่สะใภ้ ฉู่เหินก็รู้สึกซาบซึ้ง นี่แหละคือความหมายของครอบครัว คนในครอบครัวจะเจ็บแค้นแทนกันแบบนี้แหละ
ขณะที่ฉู่เหินกำลังแนะนำแฟนสาวให้คนในครอบครัวรู้จัก เวลาเดียวกันที่บ้านของนักชีววิทยาชื่อหวงเทียนเหาและศาสตราจารย์หวงก็เกิดเรื่องบางอย่างขึ้นนิดหน่อย
หวงม่านอิ่งหลานสาวที่เพิ่งกลับมาจากไปเรียนเมืองนอกได้นำภาพวาดที่เธอออกแบบมาที่บ้านปู่ด้วย
หวงม่านอิ่งคือหลานสาวของศาสตราจารย์หวง และเป็นลูกสาวของลูกชายคนโตของเขา ตั้งแต่เธอเริ่มเข้าเรียนเธอก็มีความสามารถที่จัดเป็นเด็กระดับหัวกะทิ พอเรียนจบเธอก็ไปเรียนเมืองนอก
เธอเรียนที่มหาวิทยาลัยเทคนิคเดรสเด็นแล้วไปต่อที่สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ เธอคว้าปริญญาโทและเอกจากทั้ง 2 แห่งนี้ในระยะเวลา 5 ปี
หลังจบการศึกษา เธอก็ปฏิเสธโอกาสเรียนต่อต่างประเทศ และเลือกจะกลับมาพัฒนาประเทศที่เมืองจีน ด้วยความสำเร็จด้านการศึกษาและพรสวรรค์ของเธอนี่เอง นี่จึงทำให้หวงม่านอิ่งกลายเป็นบุคลากรที่หลายบริษัทต้องการตัว บริษัทก่อสร้างหลายแห่งต่างก็ต้องการที่จะจ้างให้เธอออกแบบ
หวงม่านอิ่งเป็นคนที่จริงจังมาก เธอนำวัฒนธรรมจีนและตะวันตกมาผสมผสานกัน ผนวกกับความคิดสร้างสรรค์ของเธอเอง เธอได้ออกแบบบ้านพักสไตล์วิลล่า แต่สิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกแย่ก็คือผลงานที่เธอพยายามตั้งใจออกแบบกลับไม่มีบริษัทไหนให้ความสนใจเลยแม้แต่น้อย บริษัทเหล่านั้นบอกว่ามันไม่สามารถอยู่อาศัยได้จริง อีกบริษัทบอกว่าถ้าทำตามแบบใครจะกล้าอยู่ในวิลล่าหลังเล็ก ๆ แบบนี้ มันเป็นเพียงจินตนาการไม่สามารถใช้งานได้จริง
ว่าง่าย ๆ ก็คือไม่มีใครมองเห็นฝีมือของเธอเลย แต่เธอเชื่อว่าการออกแบบของเธอจะเผยตัวให้เป็นที่ประจักษ์สายตาแก่คนที่คู่ควร ทว่าเธอนำเสนอแบบที่ว่านี้มาหลายเดือนแล้ว แต่ก็ยังไม่มีใครยอมทำตามแบบของเธออยู่ดี หวงม่านอิ่งเลยตัดสินใจกลับมาพักบ้านคุณปู่ที่เมืองเหลียวโค่วสัก 2-3 วัน
เมื่อศาสตราจารย์หวงเห็นผลงานของเธอ เขาก็รู้สึกตื่นเต้นมาก อันที่จริงตัวเขาก็ไม่รู้หรอกว่ามันดีหรือไม่ดี แต่เขาคิดว่ามันน่าสนใจ ดังนั้นศาสตราจารย์หวงจึงวางแผนที่จะนำแบบร่างมาให้ฉู่เหินดู
ฉู่เหินที่กำลังคุยกับพี่ชายอยู่ในโรงพยาบาล จู่ๆ มือถือของเขาก็ดังขึ้น เขาจึงรีบกดรับ
“พี่หวง เป็นอะไรรึเปล่า? มีอะไรเหรอครับ?” ตอนฉู่เหินรับสาย เขามองชื่อของสายเรียกเข้าว่ามาจากพี่หวง จึงรีบถาม
“น้องฉู่ ตอนนี้อยู่ที่ไหนน่ะ?” อีกฝ่ายรีบตัดเข้าเรื่อง ฉู่เหินก็รับรู้ได้ว่าเขากำลังร้อนใจ
“ตอนนี้ผมอยู่ในโรงพยาบาล มาเยี่ยมพี่ชายนะครับ” ฉู่เหินตอบ
“น้องฉู่ รอฉันอยู่นั่นนะ อย่าเพิ่งไปไหน ฉันกำลังจะไปหาเดี๋ยวนี้แหละ” ศาสตราจารย์หวงรีบโทรหาหลานสาวแล้วบึ่งไปโรงพยาบาล
10 นาทีต่อมา ทั้งสองก็ยืนอยู่หน้าแผนกผู้ป่วยวิกฤติ ก่อนที่ทั้งสองจะเคาะประตู ฉู่เหินก็เปิดออกมาหาพวกเขา
“พี่หวง เกิดอะไรขึ้น? ทำไมถึงดูกังวลแบบนี้ละ?” ฉู่เหินมองที่พี่หวง เขารับรู้ได้ว่าเกิดอะไรบางอย่างขึ้น
“น้องฉู่ อย่าเพิ่งพูดอะไรดูแบบอันนี้ก่อน” เมื่อสิ้นเสียง ศาสตราจารย์หวงก็มองหน้าหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้าง ๆ แล้วรีบนำแบบออกมาจากในกระเป๋าเพื่อส่งให้ฉู่เหินดู
นี่คือผังการออกแบบกราฟิกที่มีทั้งด้านหน้า ด้านข้างและแปลนภายในวิลล่า ด้านบนมีคำสั่งกำกับไว้ที่สามารถอธิบายภาพเขียนนี้ได้ดีที่สุด ฉู่เหินดูเพียงครู่เดียวก็รู้สึกว่าความแปลกแหวกแนวของมันช่างน่าดึงดูด
หวงลี่ลี่กับหลิวเสี่ยวชิงก็รู้สึกสนใจภาพที่อยู่ในมือของฉู่เหินเช่นกัน ทั้งสามคนดูเหมือนจะสนใจภาพวาดนี้มาก พวกเขานิ่งเงียบไปนานถึงครึ่งชั่วโมง
ถึงแม้หวงเจี้ยนหมิงกับซูวี่เหมยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พวกเขาก็เลือกที่จะเงียบในเวลาแบบนี้ ไม่นานนักฉู่เหินก็ยิ้มและหัวเราะออกมา
“พี่หวง พี่ช่วยผมได้มากเลย การออกแบบนี้มันยอดมาก มีทั้งความลึกลับของประเพณีจีน และสีสันของความเป็นตะวันตก ทั้งสวยสง่าและงดงามโดยไม่ทิ้งความบริสุทธิ์เอาไว้ คนออกแบบต้องเคยไปเรียนต่อที่ยุโรปแน่ ๆ เพราะไม่อย่างนั้นคงไม่สามารถผสมผสานวัฒนธรรมจีนและตะวันตกได้ดีขนาดนี้”
“มันเหมาะกับผมมากเลยพี่หวง พี่ไปเอาแบบมาจากไหนผมอยากคุยกับเขา ผมอยากสร้างวิลล่าหน้าตาแบบนี้เลย” ฉู่เหินถือแบบด้วยความตื่นเต้น นี่คือสไตล์สถาปัตยกรรมในฝันของเขา
“น้องฉู่ ภาพการออกแบบนี้เป็นฝีมือของหลานสาวฉันเอง ถ้าอยากสร้างวิลล่าตามแบบนี้ก็คุยกับเธอเองได้เลย”