สุดยอดชาวประมง (极品小渔民) - บทที่ 72 วิกฤตบนรถไฟ
บทที่ 72 วิกฤตบนรถไฟ
ซ่างกวนเสี่ยวฟู๋ขึ้นรถไฟรอบเช้าเพื่อกลับบ้าน แต่เมื่อได้ขึ้นมาบนรถไฟ เธอกลับรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก เพราะเธอรู้สึกว่ามีกลิ่นแปลกประหลาดห้อมล้อมอยู่รอบตัวเธอ
บ้านของซ่างกวนเสี่ยวฟู๋อยู่ลึกเข้าไปในหยุนกุ้ย แม้เธอจะขึ้นรถไฟสายด่วนตลอดทางกลับบ้าน แต่ก็ยังต้องใช้เวลาถึง 2 วัน หรืออาจจะนานกว่านั้นหากเกิดอะไรขึ้นระหว่างทาง
ทันทีที่พวกเขาขึ้นรถ ฉู่เหินรู้สึกว่ามีชาย 3 คนกำลังเดินตรงเข้ามาหา ฉู่เหินไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพวกมันยังจะกล้าลงมือขณะอยู่บนรถไฟ ทั้ง ๆ ภายในขบวนมีผู้คนอยู่มากมาย แถมมีตำรวจคอยจับตามองอีกด้วย
ไม่นานนัก ชายทั้ง 3 คนก็นั่งลงไม่ไกลจากฉู่เหิน ชายสองในสามนั่น พวกเขาไม่มีตั๋วนั่งด้วยซ้ำ แต่ถึงเจ้าของที่จะเดินมาเจอ พวกนั้นก็คงก็คงจะใช้เงินฟาดหัวเป็นค่าที่นั่งละมั้ง
ฉู่เหินรู้สึกอึดอัดที่ถูกชาย 3 คนจ้องมองอยู่ตลอดเวลา เขาอยากให้เสี่ยวหงสาปพวกมันเสียเหลือเกิน แต่ตอนนี้เสี่ยวหงยังหลับใหลไม่รู้สึกตัว
ลืมบอกไป แท้จริงแล้วเสี่ยวหงก็คือกระต่ายหายนะที่ฉู่เหินจับมาได้นั่นเอง ดูเหมือนว่าเจ้ากระต่ายจะเหนื่อยจากการสาปคนไปถึง 2 ครั้งติด มันจึงหลับไป ฉู่เหินไม่รู้จะทำยังไง เขาจึงเอามันเข้าไว้อยู่ในแหวนของตน เพื่อปล่อยให้มันหลับตามสบาย
พอเงยหน้ามาเห็นชาย 3 คนนั้น ฉู่เหินก็ที่จะนับถือความอดทนของคนพวกนี้ไม่ได้ พวกมันเอาแต่จ้องฉู่เหินกับซ่างกวนเสี่ยวฟู๋ตาไม่กะพริบ ซึ่งนั่นก็ทำให้ฉู่เหินรู้สึกอึดอัดมากขึ้นไปอีก ตัวเขารู้สึกอึดอัดเสียจนคิดว่าถ้าทุกคนลงรถไฟไปหมดเมื่อไหร่ เขาคงต้องเข้าไปอัดชาย 3 คนนี้สักตั้งอย่างแน่นอน
ปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปก็ไม่ดี แต่ในระยะเวลาสั้น ๆ แบบนี้ฉู่เหินเองก็คิดแผนการไม่ออก เอาเป็นว่าดู ๆ ไปก่อนแล้วกัน! ถ้าคนพวกนี้ไม่ได้ลงไม้ลงมืออะไรก็ช่างมันเถอะ แต่ถ้าหากพวกมันกล้าละก็ เขาคนนี้นี่แหละจะสั่งสอนพวกมันเอง
“ฉู่เหิน ฉันอยากไปห้องน้ำหน่อยนะ” ซ่างกวนเสี่ยวฟู๋กระซิบกับฉู่เหิน
ถ้าในเวลาปกติแล้วเธอจะไม่บอกอะไรแบบนี้กับฉู่เหิน แต่ครั้งนี้ต่างจากครั้งอื่น ๆ ตอนนี้มีหลายคนที่จ้องจะทำร้ายพวกเขา ถ้าเธอไปคนเดียวอาจตกอยู่ในอันตราย ฉู่เหินเข้าใจเหตุผลของเธอทันที เขาพยักหน้าเล็กน้อย แล้วเดินไปส่งซ่างกวนเสี่ยวฟู๋ที่ห้องน้ำบนรถไฟ
ชาย 2 คนมองฉู่เหินแล้วลุกตามมาอย่างรวดเร็ว ซ่างกวนเสี่ยวฟู๋เดินอยู่ด้านหน้า ส่วนฉู่เหินเดินประกบตามมาข้าง ๆ เขาต้องระวังชาย 3 คนนี้เอาไว้ แต่สิ่งที่อยู่นอกเหนือความคาดคิดของฉู่เหินก็คือ พวกมันไม่ได้มีกันเพียง 3 คนเท่านั้น ยังมีพวกมันอีก 2 คนรออยู่ในห้องสูบบุหรี่อีกด้วย
เมื่อเห็นชาย 2 คนเดินเข้ามาหาซ่างกวนเสี่ยวฟู๋ ฉู่เหินไม่ได้พูดอะไรมาก แต่ยังเดินตามเธอมาติด ๆ และเมื่อชายทั้ง 2 คนเดินเข้ามาใกล้เสี่ยวฟู๋ ร่างกายของฉู่เหินก็เริ่มขยับทันที
มือของเขายื่นไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วจนปะทะเข้ากับฝ่ามือของชายทั้งสองที่อยู่ด้านหน้า มือและหมัดปะทะกันอย่างจัง ในเสี้ยววินาทีนั้น ฉู่เหินได้ยินเสียงกระดูกมือของชายทั้งสองที่อยู่ตรงหน้าเขาหักอย่างชัดเจน
แม้ชายทั้งสองจะมีร่างกายกำยำและมีฝีมือดี แต่หลังปะทะกับฉู่เหิน พวกเขาถึงกับต้องเหงื่อตกกันเลยทีเดียว ถึงตอนนี้ พวกมันมองฉู่เหินด้วยความหวาดกลัว พวกมันไม่นึกเลยว่าคนที่เดินตามหลังซ่างกวนเสี่ยวฟู๋จะมีฝีมือถึงเพียงนี้ ถ้ารู้อย่างนี้ พวกมันคงไม่รีบบุ่มบ่ามเข้ามาจัดการ
ชายอีก 3 คนที่เดินตามรีบยื่นมือเข้าช่วย พวกมันรู้ว่างานนี้ไม่หมูเสียแล้ว ถึงจะรู้ทั้งรู้ว่าการจัดการฉู่เหินไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ถึงอย่างไร พวกมันก็ต้องลอง
“ไอ้หนู ฉันไม่สนหรอกนะว่าแกเป็นใคร แต่แกอย่ามาแส่เรื่องคนอื่นดีกว่า รีบหนีไปซะถ้าแกไม่อยากตาย”
เมื่อฉู่เหินได้ยินเช่นนั้น เขาก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ มันเป็นเสียงหัวเราะที่มาพร้อมแววตาอันแสนเยือกเย็น
จริง ๆ แล้วเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับฉู่เหินเลยแม้แต่น้อย แต่ด้วยความที่ซ่างกวนเสี่ยวฟู๋ดีกับเขามากเมื่อตอนสมัยเรียนอยู่ ถึงแม้ตอนนี้เขาจะเรียนจบแล้ว แต่ความทรงจำที่ว่า เขายังจำได้ดี
“ฉันไม่สนว่าพวกแกจะหาเรื่องใคร แล้วก็ไม่ใช่หน้าที่อะไรของฉันด้วย แต่เสี่ยวฟู๋เป็นเพื่อนฉัน ถ้าพวกแกฉลาด ก็อย่ามายุ่งกับฉัน ไม่อย่างงั้นพวกแกรับผลที่ตามมาไม่ไหวแน่” หลังได้ยินเช่นนั้น พวกอันธพาลก็จ้องมองกลับมาที่ฉู่เหินอย่างเย็นชา
“อย่าคิดว่าแกมีฝีมือแล้วจะรอดนะ เรามีพรรคพวกฝีมือร้ายกาจอีกหลายคน ฉันว่าแกรีบหนีไปดีกว่า” ชายคนหนึ่งพูดด้วยท่าทางโอหัง
“ก็จริงที่กำลังของฉันคนเดียวอาจสู้กำลังของคนพวกนั้นไม่ได้ แต่กับพวกแกน่ะสบายมาก” เมื่อได้ยินฉู่เหินพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ สีหน้าของพวกอันธพาลก็เริ่มไม่สู้ดี
“ไอ้หนุ่ม แกนี่มันวอนตายจริง ๆ สินะ เดี๋ยวป้ายหน้าก็มีพวกของฉันที่มีฝีมือขั้นเทพขึ้นมาอีก 3 คน แกคิดว่าแกคนเดียวจะไหวงั้นหรอ?” เดิมทีฉู่เหินก็ไม่ได้อยากมีเรื่องกับคนพวกนี้ แต่พวกมันดูถูกเขาครั้งแล้วครั้งเล่า แล้วแบบนี้จะไม่ทำให้ฉู่เหินเริ่มโมโหได้ยังไง?
ฉู่เหินไม่สนใจพวกมันอีกต่อไป เขาเดินตรงเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว ซึ่งมันก็เร็วเสียจนพวกมันที่อยู่ใกล้ ๆ ยังไม่ทันจะได้ตอบโต้อะไร เมื่อได้จังหวะฉู่เหินก็กำหมัดแน่น ก่อนที่จะต่อยเข้าไปที่เอวของพวกมันคนหนึ่ง หมัดของฉู่เหินมีพละกำลังมหาศาลเสียจนทำให้กระดูกของชายคนนั้นหัก มันไม่ทิ้งบาดแผลไว้ให้เห็นภายนอกร่างกาย ไม่เพียงเท่านั้น คนที่โดนทำร้ายก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าโดนอัดเข้าที่ไหน
“แล้วจะหาว่าฉันไม่เตือน รีบกลับไปให้ลูกพี่แกรักษาซะ ถ้าแกไม่ได้รับการรักษาภายใน 3 ชั่วโมง แกคงต้องนอนหยอดน้ำข้าวต้มไปครึ่งปีแน่ ๆ” พวกมันเห็นสีหน้าราบเรียบของฉู่เหินแล้วก็ได้แต่มองหน้ากัน
เมื่อประตูห้องน้ำเปิด ฉู่เหินปรายตามองพวกอันธพาล แล้วหันกลับไปมองซ่างกวนเสี่ยวฟู๋
“ฉู่เหิน ขอโทษนะที่นายต้องมาลำบากด้วย ฉันนึกว่าขึ้นรถจากที่นี่แล้วพวกมันจะไม่รู้ แต่ฉันประมาทเอง ฉันกลัวว่าเราจะยังไม่ปลอดภัย เพราะงั้นฉันเลยโทรไปบอกพ่อแล้ว”
หลังได้ยินอย่างนั้น ฉู่เหินก็นิ่งเงียบไปสักพักแล้วถามว่า “ดูเหมือนว่าพวกมันไม่ได้ต้องการตัวเธอ แต่พวกมันต้องการสิ่งของบางอย่างที่เธอมี นี่เธอไปเอาอะไรของพวกมันมา ?”
เดิมทีเขาตั้งใจจะไม่ถามเรื่องนี้ แต่ฉู่เหินรู้ว่าถ้าไม่ถามให้แน่ชัด เขาคงไม่มีทางส่งเสี่ยวฟู๋กลับบ้านอย่างปลอดภัยได้แน่
เมื่อได้ยินคำถาม เสี่ยวฟู๋ก็ถึงกับตัวสั่น เธอพยักหน้าก่อนจะหยิบกล่องไม้เล็ก ๆ ออกมา กล่องไม้ที่ว่ามีลายแกะสลักอย่างประณีตงดงาม ฉู่เหินรู้สึกสะดุดตากับอะไรบางอย่าง เดี๋ยวก่อน บนกล่องไม้มันมีพลังแห่งดวงดาวอยู่ด้วยนี่น่า!
“นี่คือสิ่งที่พวกมันต้องการจะมาปล้น เมื่อ 2-3 วันก่อน พวกเราไปโบราณสถานด้วยกันและได้กล่อง ๆ นี้มา จริง ๆ แล้วฉันไม่ควรจะต้องมาเก็บรักษาของล้ำค่าเช่นนี้ แต่เพราะฉันเป็นลูกคนสุดท้องของบ้าน ครอบครัวจึงให้ฉันนำมาเก็บรักษาเพื่อลวงให้พวกมันหลงกล”
ฉู่เหินเอง ตัวเขาก็เริ่มสนใจกล่องไม้เล็ก ๆ กล่องนี้เช่นกัน ถึงแม้เขาจะไม่ได้เปิดดู แต่เขาก็รู้สึกได้ว่ามันเอ่อล้นไปด้วยพลังแห่งดวงดาว ด้านในนี้ต้องมีบางสิ่งบางอย่างที่ล้ำค่าอย่างแน่นอน ไม่อย่างนั้นพลังแห่งดวงดาวคงไม่สามารถเปล่งออกมาอย่างแรงกล้าเช่นนี้ได้
แต่ในเมื่อกล่องไม้กล่องนี้ไม่ใช่สมบัติของเขา ดังนั้นฉู่เหินจึงไม่ต้องการเปิดดู แม้สมบัติที่บรรจุอยู่ภายในจะมีค่าล้นฟ้า แต่เขาก็จะไม่เปิดดูเด็ดขาด ฉู่เหินมีจุดยืนที่ชัดเจนในเรื่องนี้ อะไรที่ไม่ใช่ของเรา เราก็ไม่ควรไปยุ่ง ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งนี้ยังเป็นสมบัติของเพื่อนรักของเขาอีกด้วย เพราะงั้นเขาจะทำแบบนั้นได้ยังไงถูกไหม?