สุดยอดชาวประมง (极品小渔民) - บทที่ 73 พลังแห่งกลไก
บทที่ 73 พลังแห่งกลไก
จะว่าไปก็น่าแปลก อันธพาลพวกนั้นไม่กลับมาอีกเลย ก่อนหน้านี้พวกมันรีบหนีหัวซุกหัวซุน ฉู่เหินคิดว่าสถานีต่อไปจะต้องมีพวกยอดฝีมือขึ้นมาแน่ ๆ คงต้องต่อสู้กันดุเดือด แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดคือไม่มีใครขึ้นมาเลย
มาคิดดูอีกที ฉู่เหินก็รู้สึกโล่งอก ถ้าเขาต้องต่อสู้กับอันธพาลระดับหัวหน้าจริง ๆ ละก็ คงไม่มีทางแน่ ๆ ที่จะเป็นไปอย่างราบรื่น ถ้าต่อสู้กันบนรถไฟก็คงต้องมีคนสักคนได้รับบาดเจ็บ แต่ถ้าลงไปตีกันนอกรถไฟ แบบนั้นมันก็เสี่ยงมากกว่าเดิมอีก เพราะงั้นการนั่งรถไฟไปแบบนี้จึงช่วยเลี่ยงหายนะและอันตรายไปได้อย่างหวุดหวิด
อีกวันกว่า ๆ ก็ถึงเวลาที่ซ่างกวนเสี่ยวฟู๋ต้องลงรถไฟแล้ว เธอบอกกับฉู่เหินว่านอกสถานีรถไฟจะมีครอบครัวของเธอมารับ เพียงแต่ว่า คนที่มารอก็ใช่จะมีแต่ญาติมิตร เพราะไอ้พวกนั้น มันก็คงต้องมาด้วยแน่ ๆ
ถ้าพวกเขาลงรถไฟที่สถานีตามเวลา ฉู่เหินคิดว่ามันน่าจะอันตรายมากกว่าเดิม เพราะถึงแม้บ้านซ่างกวนจะมากันทั้งครอบครัว แต่มันก็คงไม่คุ้มที่จะต้องเผชิญหน้ากับศัตรูของพวกเขา สิ่งเดียวที่ทำให้ฉู่เหินรู้สึกมีความสุขก็คือในโลกของศิลปะป้องกันตัวนั้น ได้มีกฎที่ไม่ได้เขียนไว้ แต่ใคร ๆ ก็รู้อยู่ว่า
สมบัติใดก็ตาม ตราบใดที่ส่งถึงมือคนในครอบครัวนั้นแล้ว ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ห้ามแย่งชิง นี่คือกฎเหล็กที่มีไว้เพื่อปกป้องคนในวงการศิลปะป้องกันตัวโดยเฉพาะ
รถไฟกำลังจะแล่นเข้าจอดที่สถานีหยุนหลิน ขณะที่รถไฟชะลอความเร็วลงก่อนถึงสถานี นี่คือจังหวะที่ฉู่เหินเฝ้ารอ
“เสี่ยวฟู๋ ไปห้องน้ำกันเถอะ ปีนขึ้นไปบนรถจากหน้าต่างห้องน้ำแล้วหาจังหวะกระโดดหนีกัน ไม่อย่างนั้น พวกเราไม่มีทางชนะแน่”
เมื่อเสี่ยวฟู๋ได้ยิน เธอก็พยักหน้า หญิงสาวรู้ดีว่าถึงเธอจะอยู่กับพ่อก็ตาม แต่ถึงอย่างนั้นการนำสมบัติกลับไป ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ อยู่ดี แม้วิธีนี้จะเสี่ยง แต่มันก็เป็นทางออกเดียวที่พวกเขามีในตอนนี้
หลังผ่านไปไม่กี่นาที เมื่อรถไฟลดความเร็วลงไปมาก พวกเขาสองคนรีบเดินไปที่ห้องน้ำ แต่สิ่งที่พวกเขาไม่รู้ก็คือ จริง ๆ แล้วนั้นทั้งสองคนกำลังถูกจับตามองอยู่ตลอดเวลา เพราะงั้นตอนที่ทั้งคู่กำลังเดินไปเข้าห้องน้ำ ที่มุมหนึ่งของรถไฟก็ได้มีตาแก่คนหนึ่งยิ้มอย่างมีเลศนัยพร้อมกับจ้องมองอย่างไม่วางตาไปที่ฉู่เหินและซ่างกวนเสี่ยวฟู๋
เวลาผ่านไปนานกว่า 10 นาที รถไฟเริ่มหยุดจอดช้า ๆ แต่ฉู่เหินกับสาวน้อยก็ยังไม่ออกมา ชาย 2 คนที่ยืนอยู่นอกห้องน้ำเริ่มแสดงสีหน้าไม่สบอารมณ์
หลังจากมองหน้ากัน พวกเขาก็ผลักประตูเข้าไป ก่อนจะกลับพบว่าประตูถูกล็อกจากด้านในและไม่สามารถเปิดเข้าไปจากด้านนอกได้ ดังนั้นพวกเขาจึงรีบลงจากรถไฟ เพื่ออ้อมกลับไปปีนเข้ามาในห้องน้ำทางหน้าต่างอีกครั้ง แต่แล้วชายคนนั้นก็ต้องทำสีหน้าหงุดหงิด เป็นเพราะห้องน้ำนั้นว่างเปล่า พวกมันหายไปไหนกันนะ เขาปิดประตูห้องน้ำด้วยสีหน้านิ่งเฉยและรู้สึกว่าปัญหานี้กำลังจะใหญ่ขึ้นทุกทีแล้ว
วัยรุ่นสองคนหนีลูกพี่ระดับหัวหน้าไปได้ พวกเขาจะต้องเสียหน้าแน่ถ้าเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป แต่ปัญหาได้เกิดขึ้นแล้วเพราะงั้นพวกเขาก็ทำอะไรไม่ได้ เมื่อทั้งสองแจ้งข่าว พรรคพวกที่รออยู่นอกสถานีก็เริ่มโวยวาย แค่คนสองคน ดันปล่อยหนีไปซะได้ แต่ใช่ว่าเรื่องจะจบเพียงแค่นี้ พวกมันยังไม่ยอมรามือง่าย ๆ ในตอนนี้นั้นพวกมันได้ส่งลูกสมุนออกไปตามล่า และได้ส่งคนกลุ่มหนึ่งไปตามหาครอบครัวซ่างกวนแล้ว
หลังจากฉู่เหินและซ่างกวนเสี่ยวฟู๋ออกจากรถไฟไปได้ พวกเขาก็รีบวิ่งหนีเข้าป่าลึกและหายลับไปในเวลาอันรวดเร็ว หลังจากทั้งสองคนหนีเข้าป่าได้ไม่ถึง 20 นาที ก็มีคนกลุ่มหนึ่งก็ตามมาจนพบร่องรอยของทั้งคู่เข้าจนได้
“นี่มันร่องรอยของแม่นั่น พวกมันต้องวิ่งหนีเข้าไปในป่าลึกแน่ ๆ สั่งให้ทุกคนไล่ตามเข้าป่าไป!” ชายวัย 40-50 ดูมีท่าทีทรงอำนาจออกคำสั่งในทันทีที่เขาได้รับรู้ข้อมูลนี้
ฉู่เหินกับซ่างกวนเสี่ยวฟู๋เดินเข้าไปในป่าลึกอย่างระมัดระวัง แต่เมื่อเดินไปได้สักพัก ฉู่เหินก็เริ่มรู้สึกว่ากำลังมีคนไล่ตามมา พวกเขาไม่สามารถออกจากป่าได้อย่างปลอดภัยแน่ถ้าสลัดคนที่ตามมาไม่พ้น
“เสี่ยวฟู๋ อย่าไปไหนนะ ฉันจะวางกับดัก” เมื่อสิ้นเสียง ฉู่เหินก็หายตัวไป ไม่กี่นาทีต่อมา เขาก็กลับมาพร้อมกิ่งไม้ เถาวัลย์และสิ่งของต่าง ๆ ในมือ
ฉู่เหินง่วนกับการทำอะไรบางอย่างอยู่นานกว่า 10 นาที เมื่อทั้งสองออกจากที่นั่น ซ่างกวนเสี่ยวฟู๋ก็มีสีหน้ายิ้มแย้มเป็นพิเศษ จนถึงตอนนี้เธอยังไม่อยากเชื่อสายตากับสิ่งที่เธอเห็น
เธอเห็นฉู่เหินประกอบกิ่งไม้ต่าง ๆ เป็นรูปร่างของเธอและวางกับดักไว้รอบ ๆ หุ่นหลอม ในสายตาของเธอมันคือกับดักชั้นดี แต่แท้จริงแล้ว มันเป็นเพียงแค่กลไกพื้น ๆ เท่านั้นเอง กลไกเหล่านี้สามารถสร้างได้ง่าย ๆ ด้วยดอกไม้ พืชและต้นไม้ ส่วนผลลัพธ์ของมันนะเหรอ บอกได้คำเดียวว่าร้ายกาจยิ่งนัก
ถ้าใช้เวลากับกลไกพวกนี้อีกหน่อย มันจะสามารถใช้สร้างการเชื่อมต่อระหว่างสวรรค์กับโลกได้ สำหรับพลังของกลไกนี้มีอานุภาพขนาดนั้น แม้แต่สวรรค์และโลกก็อาจถูกทำลายได้ด้วยซ้ำไป
หลังยืนอยู่นาน ชายวัยกลางคนก็ชี้ไปข้างหน้าแล้วพูดว่า “รีบตามไป มันอยู่ข้างหน้านี่แหละ” เมื่อลูกน้องได้ยินคำสั่ง พวกมันก็ไม่รอช้า รีบวิ่งไปข้างหน้าตามคำสั่งของลูกพี่อย่างรวดเร็ว
แต่พอเดินไปได้ไม่นาน พวกเขาก็เห็นร่างของหญิงสาวนั่งคุกเข่าอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ มันจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเสี่ยวฟู๋อย่างแน่นอน!
พวกเขาเห็นสีหน้าของเสี่ยวฟู๋ซีดเซียวราวกับบาดเจ็บสาหัส ชายที่อยู่กับเธอก่อนหน้าก็หายไปแล้ว ดูจากสภาพการณ์แล้ว ทั้งสองน่าจะมีปากเสียงกัน
ชายทั้ง 20 คนรีบวิ่งไปหาเสี่ยวฟู๋อย่างไม่รีรอ พวกเขามุ่งมั่นจะจับเธอให้ได้โดยไม่ทันระแวดระวังอันตรายใดๆ
ชายวัยกลางคนที่เป็นหัวโจกยังยืนดูลูกสมุนอยู่ที่เดิม สำหรับเขาแล้ว ในกลุ่มนี้มีลูกพี่ระดับหัวหน้าอยู่ถึง 3 คน มันพอเสียมากกว่าพอสำหรับการจับผู้หญิงเพียงคนเดียว และอีกอย่างเขาเองก็ไม่ต้องเอาตัวเข้าไปยุ่งเกี่ยวอะไรกับเรื่องพวกนี้อีกด้วย
“สาวน้อย ส่งของมาซะดี ๆ ถ้าไม่อยากตาย ถ้าไม่ส่งมาละก็ อย่าหาว่าผู้ใหญ่รังแกเด็กล่ะ” เสี่ยวฟู๋ทำเหมือนไม่ได้ยิน เธอยังนั่งนิ่ง
พวกเขาหมดความอดทน จึงพุ่งเข้าไปหาเสี่ยวฟู๋ แต่แล้วพวกเขาก็ได้ยินเสียงที่กำลังจะคร่าชีวิตพวกเขา ต้นไม้หนาทึบเริ่มเหวี่ยงกิ่งก้านไปตามลม ลูกธนูดอกยาวมากมายพุ่งลงมาจากต้นไม้ใส่กลุ่มคนเหล่านั้นด้วยความเร็วสูง มีเพียงคนเดียวที่รอดจากปลายลูกธนู และนั่นก็คือลูกพี่วัยกลางคนที่เป็นหัวโจกนั่นเอง
แต่ถึงแม้จะรอดจากลูกธนู ลูกพี่หัวโจกก็รู้สึกว่าดินใต้เท้าช่างร่วนซุย ก่อนที่จู่ ๆ จะปรากฏหลุมขนาดใหญ่ เขาได้แต่ร้องเสียงหลงเมื่อได้เห็น มือไม้ทำท่าตะกุยคว้าขอบหลุมเอาไว้สุดชีวิต
ตอนแรกชายวันยกลางคนคิดว่านี่เป็นเพียงกับดัก ถ้าตัวเขาไม่ตกลงไป แค่นั้นก็คงจะปลอดภัยแล้ว แต่น่าสมเพชนักที่พวกเขาคิดผิดถนัด กับดักของฉู่เหินไม่ใช่กับดักธรรมดา ๆ แต่มันกลับเปรียบเสมือนเครื่องส่งสัญญาณต่างหาก
ฉู่เหินมีความรู้ด้านกลไก เขาจึงใช้รากไม้และดึงเอาพลังอันร้ายกาจของธรรมชาติออกมา และนั่นก็คือก้อนหินอันแสนคมที่เมื่อมันถูกเหวี่ยงออกไปอย่างแรง มันก็จะไม่ต่างอะไรกับสุดยอดอาวุธดี ๆ นี่เอง