สูตรโกงฉบับเด็กเรียน - ตอนที่ 121 บุกเบิกการแพทย์แผนจีน
ตอนที่ 121 บุกเบิกการแพทย์แผนจีน
ผู้อำนวยการมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนหนานจิงกล่าวในเวยป๋อ [หลังจากที่ได้รู้จักไป๋เยี่ย ผมก็รู้สึกมั่นใจในอนาคตของการแพทย์แผนจีนมากขึ้นอีกร้อยเท่า คนที่มีจิตใจบริสุทธิ์เช่นเขาจะต้องมีอนาคตที่ไม่สิ้นสุดอย่างแน่นอน]
อาจารย์ของไป๋เยี่ย จางเสวียเวิ่น [เมื่อไม่นานมานี้ ระหว่างการแข่งขันความรู้แพทย์แผนจีน เหลาสวี่และผมเคยถามไป๋เยี่ยว่าเขาอยากจะมาเรียนหลักสูตรปริญญาโทควบเอกที่มหาวิทยาลัยของเราหรือไม่ ทว่าเขากลับปฏิเสธ ผมไม่ทราบว่าเพราะเหตุใด ต่อมาพวกเราได้เสนอว่าจะช่วยหาอาจารย์ที่ปรึกษาให้ก่อน แต่เขาก็ปฏิเสธอีกตามเคย เด็กคนนี้มีหลักยึดมั่นของตนเอง เขาเป็นคนที่ลงมือปฏิบัติจริง ผมได้อ่านหนังสือที่เขาเขียนแล้ว พวกผมร่วมกันเขียนคำนำให้เขาเอง เป็นหนังสือชี้แนะแนวทางการแพทย์แผนจีนที่ดีมากเล่มหนึ่ง แนะนำนะครับ หนังสือชื่อ ‘บุกเบิกการแพทย์แผนจีน’]
ปรมาจารย์แพทย์แผนจีน สวี่โฮ่วเต้า [เขาคืออัจฉริยะด้านการแพทย์แผนจีน อัจฉริยะผู้มีจิตใจบริสุทธิ์ ‘บุกเบิกการแพทย์แผนจีน’ เป็นหนังสือการแพทย์แผนจีนที่ดีมาก พวกเราร่วมกันเขียนคำนำให้กับเขา ในฐานะที่เป็นอาจารย์ของไป๋เยี่ย ผมรู้สึกละอายใจที่ไม่ได้ช่วยเขาเมื่อเขาอยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุด แต่ในฐานะแพทย์แผนจีน ผมมีความสุขมาก เพราะทุกครั้งที่มองเขา ผมจะเห็นอนาคตที่สดใสของการแพทย์แผนจีน!]
หลังจากที่ข่าวเกี่ยวกับการเขียนหนังสือของไป๋เยี่ยแพร่ออกไป ก็มีสำนักพิมพ์จำนวนมากเข้ามาติดต่อไป๋เยี่ย
ไม่เพียงแต่สำนักพิมพ์เท่านั้น แต่บนเวยป๋อของไป๋เยี่ยยังปักหมุดคอมเมนต์จองหนังสือไว้ด้วย
หวังว่าไป๋เยี่ยจะได้รับหนังสือหลังจากที่ตีพิมพ์เสร็จโดยเร็ว…
ยิ่งไปกว่านั้น ไม่เพียงแค่บรรดาแฟนคลับเท่านั้น แต่ทั้งสำนักพิมพ์และร้านหนังสือต่างก็กำลังตามหาไป๋เยี่ยเพื่อรับหนังสือเช่นกัน
แต่ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ไม่พบร่องรอยของไป๋เยี่ยเลย
ณ ร้านอินเทอร์เน็ตแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจิ้นซี ไป๋เยี่ย พ่างจื่อ ต้วนเย่ว์ และลู่เผยอี้กำลังใส่หูฟังเล่นเกมกันอย่างเมามัน
“โอ๊ย เยี่ยจื่อ ทำไมเล่นแข็งแบบนั้นล่ะ! โดนล้วงตายหลายครั้งแล้วนะ…เลนล่างแตกอีกแล้วนั่น…”
“เยี่ยจื่อ ในป่ามีความเคลื่อนไหว ในนั้นมีกับดัก! แม่งโกงนี่หว่า…”
“อ้าว…ไป๋เยี่ยไหนบอกว่าป่าฝั่งนั้นเพิ่งจะเวลห้า แล้วมันมีอัลติได้ไงวะ มันเอาอัลติมาจากไหนวะนั่น! หา นายไม่รู้เหรอว่าปูเกิดตรงแม่น้ำอะ…โอ๊ย…ไอ้เวรนี่!”
หลังจากที่ไป๋เยี่ยล็อกอินเข้ามาก็พบว่ามันเป็นช่วงรีแรงก์แล้ว…ก่อนหน้านั้นแรงก์ของเขาคือแรงค์โกลด์หนึ่งกับอีกเจ็ดสิบห้าแต้ม ไหนๆ วันนี้เขาก็ว่างแล้วจึงชวนทุกคนออกมาเล่นเกมด้วยกัน
จู่ๆ เพื่อนร่วมทีมอีกคนที่ใช้ชื่อว่า ‘ป้างป้างปิง’ ก็พิมพ์มา: [พวกแกบอกว่าเทพนักเทพหนาไม่ใช่เหรอ เทพก็แย่ละ…ฉันโชว์เทพให้แฟนดูอยู่นะว่าเกมนี้มันอีซี่แค่ไหน!]
ไป๋เยี่ย: [โทษที…ไม่ได้เล่นมาตั้งเกือบครึ่งปี มือแข็งหมดแล้ว…โทษที …]
อีกฝ่ายดูจะโกรธมาก: [เล่นโง่ก็ยอมรับซะ ยังมีหน้ามาโม้ว่าเก่งอีก…เฮ้อ รู้ตัวไหมว่าเล่นซัพได้โคตรป๊อดเลย…แรงก์โกลด์จริงปะเนี่ย เอาไอดีแรงก์โกลด์มาเล่นสิท่า! จะสอนให้นะ…อย่าไปกลัว! รู้ไหมว่าถ้าตำแหน่งอื่นยืนไม่ไหวก็ไม่มีคนมาเติมไฟต์อะ!]
หลังจบเกม ไป๋เยี่ยก็ลองแวะไปเช็กประกาศดูก่อนจะกดเริ่มเกมถัดไป
แมตช์นี้เละยิ่งกว่าเดิมอีก เพราะว่าโทรศัพท์ของไป๋เยี่ยจะดังขึ้นมาทุกๆ สองถึงสามนาทีตลอด…
ระหว่างที่ต้วนเย่ว์ใช้อามู่มู่ฟาร์มบัฟฟ้าอยู่นั้น เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ก่อนจะเหลือบไปเห็นว่าไป๋เยี่ยที่เล่นตำแหน่งซัพพอร์ตได้แย่งบัฟฟ้าไปแล้ว…
พอจะไฟต์กันที่เลนล่าง โทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีก…ทำให้ทีมตรงข้ามเก็บดับเบิลคิลไปได้…
พอจะเปิดแมพในป่า โทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกแล้ว…
โอเค ไม่ต้องเล่นมันแล้วเกม…
ไป๋เยี่ยยิ้มแห้งเมื่อเห็นว่าทุกคนกำลังจ้องมาทางเขาด้วยแววตาที่แฝงไปด้วยจิตสังหาร
มันไม่ใช่ความผิดของไป๋เยี่ยเลย เขาไม่รู้ว่าใครเป็นคนเอาเบอร์โทรศัพท์ของเขาไปแจกให้สำนักพิมพ์พวกนั้น พวกเขาติดต่อไป๋เยี่ยมาเพราะอยากให้ไป๋เยี่ยเลือกตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์ของพวกเขา บ้างก็โทรมาขอซื้อลิขสิทธิ์จากไป๋เยี่ย…
ทว่าไป๋เยี่ยกลับปฏิเสธไปอย่างสุภาพ โดยบอกพวกเขาไปว่าเขากำลังยุ่ง…
พอเล่นเกมต่อไม่ได้ ทั้งสี่คนก็พากันกลับหอพัก
ตอนนี้ไป๋เยี่ยกำลังวุ่นอยู่กับการทำสัญญา หนังสือของเขามีจำนวนคำไม่เยอะมาก แค่ราวๆ สองแสนสามหมื่นคำเท่านั้น ไป๋เยี่ยลองประเมินดูและคิดว่าจะตีพิมพ์มันออกมาในรูปแบบหนังสือเล่มเล็กๆ ที่มีความหนาปานกลาง
ทันทีที่กลับมา ไป๋เยี่ยก็ได้รับสายจากหูเฟิงอวิ๋นให้ไปเจอันที่ห้องผู้อำนวยการ
เวลาสี่โมงเย็น ไป๋เยี่ยเดินทางไปอาคารบริหารด้วยตนเอง เขายังรู้สึกตกใจเล็กน้อยเมื่อรู้ว่าหูเฟิงอวิ๋นถูกสั่งย้าย
แต่พอเขรู้ว่าหูเฟิงอวิ๋นถูกย้ายไปเป็นเลขาธิการคณะบริหารของโรงพยาบาลผู่เจ๋อ ไป๋เยี่ยก็ยิ้มออก สำหรับเขาแล้วนี่เป็นเรื่องที่ดีมาก!
ไม่นานนักไป๋เยี่ยก็มาถึงห้องผู้อำนวยการ เขาเคาะประตูก่อนจะได้คำอนุญาตจากหูเฟิงอวิ๋นว่า “เข้ามาเลย” เขาผลักประตูเข้าไปและพบว่าในห้องยังมีคนอีกหนึ่งคน
หูเฟิงอวิ๋นอดยิ้มไม่ได้เมื่อเห็นว่าคนที่เข้ามาคือไป๋เยี่ย “เสี่ยวเยี่ยมาแล้ว เข้ามาเร็วๆ สิ ป้าจะแนะนำหนูให้รู้จักกับอาจารย์หยาง เขาเป็นผู้อำนวยการกองบรรณาธิการของสถานีโทรทัศน์มณฑลจิ้นซี”
ไป๋เยี่ยเหลือบมองชายผู้นั้น เขาน่าจะมีอายุประมาณสี่สิบปีได้ เขาสวมชุดสูทเรียบหรู มีท่าทีอ่อนน้อมดูมีการศึกษาคล้ายกับจางจี๋เซียน แต่ดูจะหล่อกว่าจางจี๋เซียนนิดหนึ่ง!
ไป๋เยี่ยกล่าวทักทาย “สวัสดีครับ อาจารย์หยาง ผมชื่อไป๋เยี่ย”
ชายคนนั้นยิ้มเล็กน้อยก่อนจะยื่นมือออกมา เขาสุภาพมาก “ผมชื่อหยางจ่าน จะเรียกผมว่าอาจารย์หยางหรือลุงหยางก็ได้นะ”
เมื่อเห็นว่าชายคนนั้นดูเป็นคนใจดีมาก ไป๋เยี่ยก็ยิ้มและเรียกเขาว่าลุงหยาง
หยางจ่านพูดขึ้น “วันนี้ต้องขอรบกวนผอ.หูให้เชิญคุณมาหน่อยนะครับ พอดีผมมีเรื่องอยากคุยกับคุณสักสองเรื่อง”
ไป๋เยี่ยชะงัก ทำไมบรรณาธิการของสถานีโทรทัศน์ถึงอยากคุยกับเขา เกิดอะไรขึ้นกันแน่
หยางจ่านเห็นท่าทีสับสนของไป๋เยี่ยก็เอ่ยขึ้น “ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรหรอกครับ ก็แค่เป็นคำขอจากสำนักงานยาจีนแห่งชาติกับกรมสุขภาพน่ะ…ทางสถานีโทรทัศน์จึงอยากจัดรายการสุขภาพชื่อว่า ‘ใกล้ชิดสุขภาพ ใส่ใจสุขภาพ’ เลยอยากจะเชิญอาจารย์มหาวิทยาลัย ไม่ก็อาจารย์หมอในโรงพยาบาลมาบรรยายน่ะ”
ไป๋เยี่ยเดาจากคำพูดของหยางจ่านได้ว่าคนที่ได้รับคำเชิญนั้นคงจะเป็นผู้เชี่ยวชาญหรือศาสตราจารย์มากกว่า หรือว่าเขาก็จะ…คิดได้ดังนั้นไป๋เยี่ยก็อดเบิกตากว้างไม่ได้
หยางจ่านยิ้ม “ถูกต้อง! คุณอยู่ในรายชื่อคำเชิญของเราด้วย! ไม่ต้องกังวล ไม่ได้ไปบรรยายภายในสองสามวันนี้หรอก แต่จะเป็นช่วงปลายเดือนพฤษภาคมน่ะ หวังว่าคุณจะเข้าร่วมนะ”
หูเฟิงอวิ๋นกล่าวทั้งรอยยิ้ม “เสี่ยวเยี่ย ถ้าไม่ติดอะไรก็ไปเถอะ ไปแค่ครึ่งบ่ายเอง ไม่นานเกินไปหรอก”
ไป๋เยี่ยพึมพำแต่ก็พยักหน้าตอบตกลงไป
เมื่อหยางจ่านเห็นว่าไป๋เยี่ยตกลงก็ยิ้มออกอีกครั้งหนึ่ง “เรื่องที่สองคือเรื่องที่คุณจะตีพิมพ์หนังสือ ผมช่วยติดต่อกับสำนักพิมพ์จิ้นซีได้นะ…เราจะเสนอราคาที่เป็นมิตรให้กับคุณ แถมทางสถานีโทรทัศน์จะช่วยโปรโมทให้คุณด้วย…”
ไป๋เยี่ยได้ยินดังนั้นก็เบิกตากว้างทันที!