สูตรโกงฉบับเด็กเรียน - บทที่ 295 โอกาสมาถึงแล้ว
บทที่ 295 โอกาสมาถึงแล้ว
หลังจากที่ไป๋เยี่ยเกิดความคิดที่จะจัดตั้งสถาบันวิจัยกระดูกขึ้น เขาก็ไม่อาจหยุดยั้งมันได้อีกต่อไป
เพราะไป๋เยี่ยยิ่งคิดว่าการสร้างสถาบันดังกล่าวนั้นจำเป็นมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งวันหนึ่ง เขาก็ได้รับสายจากใครบางคน และในที่สุดเขาก็ตัดสินใจครั้งสุดท้ายจนได้
เช้าวันนั้น ระหว่างที่ไป๋เยี่ยกำลังเรียบเรียงความคิดตนเองอยู่นั้น จู่ๆ โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น
“สวัสดีครับ คุณไป๋ใช่ไหมครับ ผม ‘จ้าวเฉิน’ จากมหาวิทยาลัยเป่ยหางครับ”
ทันทีที่รับสาย ไป๋เยี่ยก็สัมผัสได้ถึงความกังวลที่แฝงอยู่ในน้ำเสียงของอีกฝ่าย
จ้าวเฉิน?
ทันใดนั้นไป๋เยี่ยก็นึกออก จ้าวเฉินคืออาจารย์ที่ปรึกษาระดับปริญญาเอกที่อายุน้อยที่สุดในมหาวิทยาลัยเป่ยหาง เขาคืออาจารย์วัยสามสิบสามปีที่เพิ่งกลับมาจากเมืองนอกคนนั้นนั่นเอง
ทั้งสองคนได้พบกันที่งานเลี้ยงวันเกิดของเมิ่งอวิ๋นซี ซึ่งตอนนั้นจ้าวเฉินกำลังวิจัยแขนกลของหุ่นยนต์ผ่าตัดอยู่
ไป๋เยี่ยยิ้ม “สวัสดีครับ ศาสตราจารย์จ้าว”
เขาได้แต่ยิ้มโดยไม่ได้เอ่ยปากถามว่าอีกฝ่ายต้องการทำอะไร เขาคิดว่าอย่างไรอีกฝ่ายก็ต้องพูดมันออกมา
จ้าวเฉินเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา “คุณไป๋ ผมจำได้ว่าคุณสนใจแขนกลมาก ตอนนี้คุณสะดวกมาดูสักหน่อยไหมครับ”
ไป๋เยี่ยเห็นว่าตอนนี้ตนเองไม่มีธุระสำคัญอะไร อีกทั้งเขายังสนใจงานวิจัยของจ้าวเฉินมากด้วยจึงตอบตกลงอีกฝ่ายไป
ทั้งสองคนตกลงเวลานัดหมายกันเรียบร้อยแล้ว ไป๋เยี่ยก็ขอให้คนขับรถที่น่าย่าพาเขาไปส่งที่ฐานทดลองของมหาวิทยาลัยเป่ยหางทันที
เมื่อมาถึงก็พบจ้าวเฉินยืนรออยู่ที่ชั้นล่าง แววตาของจ้าวเฉินเป็นประกายทันทีที่เห็นไป๋เยี่ยก้าวขาลงมาจากรถไมบัค
โครงการวิจัยหยุดชะงักไประยะหนึ่งเนื่องจากขาดเงินทุนจำนวนมาก แต่ถ้าหากจ้าวเฉินพับโครงการนี้ไปก่อนแล้วค่อยนำมาสานต่อภายหลัง คุณค่าของโครงการชิ้นนี้ก็ย่อมเปลี่ยนแปลงไปด้วย
องค์ความรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว มีโอกาสสูงที่งานวิจัยเดิมๆ จะถูกด้อยค่าลงไปหลังจากที่มีผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เกิดขึ้น
“สวัสดีครับคุณไป๋ ยินดีต้อนรับนะครับ” จ้าวเฉินเป็นชายหนุ่มรูปร่างผอม มีส่วนสูงราวๆ หนึ่งร้อยเก้าสิบเซนติเมตร เขาไว้สวมแว่นตาเก่าๆ และไว้ผมยาวปรกหน้าปรกตาคล้ายกับไม่ได้ตัดผมมานานแล้ว
เมื่อไป๋เยี่ยตามจ้าวเฉินเข้าไปในห้องวิจัย เขาก็พบว่าสถานที่ใหญ่โตขนาดนี้กลับไม่มีใครอยู่เลยสักคน
ในนั้นมีเครื่องจักรที่ยังประกอบไม่เสร็จจัดแสดงอยู่เพียงไม่กี่เครื่อง ด้านบนยังมีเครื่องตัดโลหะขนาดใหญ่และชิ้นส่วนเครื่องกลที่ถูกแยกออกเป็นประเภทๆ อีกจำนวนมาก
ไหนจะมีแขนกลและแปลนหลายชิ้น รวมถึงอาหารเดลิเวอรี่ที่กินไม่หมดวางกองอยู่บนเครื่องตัดโลหะด้วย
ไป๋เยี่ยเอ่ยถามด้วยความสับสน “ทำไมไม่มีใครอยู่ที่นี่เลยครับ”
จ้าวเฉินยิ้มแหย “ออกไปกันหมดแล้วน่ะ มหา’ลัยกำลังจะยกเลิกโครงการนี้แล้ว เพราะว่าทุ่มทุนลงไปเยอะแต่กลับไม่ได้ผลลัพธ์เลย ทุกคนเองก็คิดว่าขืนทำต่อไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว ก็เลยพากันออกหมด”
ไป๋เยี่ยได้ยินเช่นนั้นก็เงียบไป ดูเหมือนว่าเขาจะต้องคิดให้รอบคอบแล้วว่าโครงการนี้มีคุ้มค่าต่อการลงทุนต่อหรือไม่
มีการวิจัยมานานแล้วแต่กลับไม่มีผลลัพธ์ใดๆ เลย เพียงแค่นี้ก็พอจะอธิบายปัญหาได้เยอะแล้ว
เราไม่ได้โง่ แล้วเราก็ไม่ใช่พวกคนใจบุญสุนทานด้วย เรื่องบางเรื่องก็ทำได้แค่ในความฝัน ใช่ว่าจะลงมือทำได้จริงๆ
ไป๋เยี่ยคิดแล้วก็ตัดสินใจขออีกฝ่ายดูผลิตภัณฑ์ก่อน
ไป๋เยี่ยเดินตรงไปที่เครื่องตัดโลหะและสังเกตดูอย่างละเอียด
จ้าวเฉินเห็นว่าไป๋เยี่ยกำลังสังเกตก็รีบอธิบาย “คุณไป๋ นี่เป็นแขนกลที่ยังประกอบไม่เสร็จครับ คุณเห็นไหมว่าส่วนประกอบแต่ละชิ้นของเราทำงานโดยอาศัยโปรแกรมพิเศษ…ถ้า…จะพูดถึงข้อดีที่สุดของมัน ก็คงเป็นเรื่องความแม่นยำ เจ้าแขนกลนี่นำไปประยุกต์ใช้กับการทำงานที่ต้องอาศัยความแม่นยำในพื้นที่แค่ 0.1 ไมโครเมตรได้นะครับ…ถึงจะเอาไปใช้ในอุตสาหกรรมไม่ได้ แต่ก็ลองใช้กับวงการแพทย์ได้นะครับ”
ไป๋เยี่ยพยักหน้า ขณะที่เขากำลังเพ่งพินิจแขนกลตรงหน้าอยู่นั้น จู่ๆ ก็มีข้อความจากระบบปรากฏขึ้น
[คุณต้องการตรวจสอบวัตถุดังกล่าวหรือไม่]
ไป๋เยี่ยตกตะลึง ในที่สุดเขาก็เจอสิ่งที่ระบบตรวจสอบได้แล้ว ดูเหมือนว่าแขนกลชิ้นนี้จะอาศัยเทคโนโลยีขั้นสูงใช้ได้
ไป๋เยี่ยตื่นเต้นมากและเลือกตรวจสอบมันทันที!
[ติ๊ง! ค้นพบแขนกลกึ่งสำเร็จรูป เลเวลปัจจุบันของผลิตภัณฑ์ดังกล่าวคือ เลเวล 4 ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวเป็นผลิตภัณฑ์กึ่งสำเร็จรูปที่มีคุณค่าต่องานวิจัยสูง หากต้องการวิจัยผลิตภัณฑ์ดังกล่าว ต้องมีทักษะระบบเครื่องกลอัตโนมัติ เลเวล 5, ทักษะวิศวกรรม เลเวล 5…ทักษะวิเคราะห์วัสดุ เลเวล 5, ทักษะคอมพิวเตอร์และการเขียนโปรแกรม เลเวล 5 และทักษะการควบคุมระดับไมโคร เลเวล 6]
[ติ๊ง! แขนกลสำเร็จรูปคือแขนกลที่มีความแม่นยำสูงมาก นำไปประยุกต์ใช้กับหุ่นยนต์ผ่าตัดทางการแพทย์และงานแกะสลักที่ต้องอาศัยความแม่นยำ…เลเวลของผลิตภัณฑ์ดังกล่าวคือ เลเวล 6]
ทันทีที่ไป๋เยี่ยอ่านข้อความแจ้งเตือนจากระบบ เขาก็เบิกตากว้าง ดวงตารอบรู้ใช้งานแบบนี้นี่เอง!
ไป๋เยี่ยปรึกษากับระบบอย่างรอบคอบ ถ้ามีทักษะพวกนั้นแล้วก็จะเริ่มวิจัยแขนกลนี่ได้เลยใช่ไหม
[ติ๊ง! ตามหลักแล้ว ถ้าคุณมีทักษะเหล่านี้แล้วความเป็นไปได้ในการทำงานวิจัยดังกล่าวจะสูงถึง 99%]
ไป๋เยี่ยเข้าใจดีว่าไม่มีสิ่งใดที่สามารถวิจัยได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ทั้งหมดล้วนเป็นเรื่องของความน่าจะเป็น แต่ถึงกระนั้นแค่โอกาสที่ระบบประเมินออกมาก็เพียงพอแล้ว แถมระบบเองก็ยังประเมินออกมาว่ามันมีคุณค่าแก่การวิจัยด้วย
นอกจากนี้ไป๋เยี่ยยังมีแปลนหุ่นยนต์ศัลยกรรมกระดูกอยู่กับตัว ซึ่งในแปลนนั้นก็มีส่วนแขนกลสำเร็จรูปด้วย
ซึ่งไป๋เยี่ยจะช่วยเหลือจ้าวเฉินในการวิจัยแขนกลผ่านการวิจัยหุ่นยนต์ศัลยกรรมกระดูกได้
ต้องรู้ว่าแขนกลนั้นถือเป็นวัสดุสิ้นเปลืองที่จำเป็นสำหรับการประกอบหุ่นยนต์ผ่าตัด จึงแทบไม่ต้องสงสัยเลยว่าเหตุใดมันถึงเป็นอุตสาหกรรมระดับแนวหน้าและเป็นสาขาที่กำลังเติบโต
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการผ่าตัด มีโอกาสสูงมาที่จะนำแขนกลที่มีความแม่นยำสูงมาใช้ร่วมด้วย
ยิ่งไปกว่านั้น แค่แขนกลสำเร็จรูปเพียงอย่างเดียวก็เป็นผลิตภัณฑ์เลเวลหกเหมือนกับหุ่นยนต์ของไป๋เยี่ยที่ได้มาจากการจับรางวัลระดับหกดาว
ถือว่าผลิตภัณฑ์ทั้งสองอย่างมีระดับที่เทียบเคียงกันได้
แขนกลของหุ่นยนต์จะมีการใช้งานที่เฉพาะทางมากกว่า เพราะมันเป็นแค่แขนกลชิ้นเดียว ในขณะที่หุ่นยนต์ศัลยกรรมกระดูกนั้นถือเป็นเครื่องจักรทั้งเครื่อง
เพียงแค่นี้ก็พอจะสื่อความหมายได้แล้ว
จู่ๆ จ้าวเฉินก็เอ่ยขึ้น “อันที่จริงจุดเด่นของแขนกลนี้คือใช้งานมันได้ในพื้นที่ระดับไมโครเมตรน่ะครับ มันทำงานได้อย่างแม่นยำและละเอียดผ่านการคำนวณ แถมต้นทุนของมันยังต่ำมากด้วย”
จ้าวเฉินพูดถึงเรื่องนี้แล้วก็ถอนหายใจ “จริงๆ ถ้าผมวิจัยมันต่อไปได้ก็คงจะมีโอกาส แต่ตอนนี้ผมจนมุมจริงๆ ผมไม่เจอข้อผิดพลาดของมัน เลยวิจัยต่อไปไม่ได้”
พูดจบจ้าวเฉินก็เดินขึ้นไปนั่งบนเครื่องตัดโลหะด้วยความสิ้นหวัง “คุณไป๋ ผมเล่าให้คุณฟังหมดแล้ว ถ้าคุณสนใจล่ะก็…ช่วยผมทีนะครับ แต่ถ้าคุณไม่สนใจ ผมคิดว่ามันคงยากเกินกว่าที่จะทำต่อไปได้…”
ไป๋เยี่ยมองตามร่างสูงของจ้าวเฉินด้วยสายตาที่บ่งบอกว่าเขาสนใจ ก่อนจะใช้ดวงตารอบรู้ตรวจสอบอีกครั้งหนึ่ง
[ติ๊ง! จ้าวเฉิน: มีทักษะการควบคุมระดับไมโคร เลเวล 5, ทักษะระบบเครื่องกลอัตโนมัติ เลเวล 4]
ไป๋เยี่ยเห็นดังนั้นก็ชะงักไปครู่หนึ่ง เขาไม่คิดเลยว่าคนหนุ่มอย่างจ้าวเฉินจะมีเลเวลทักษะการควบคุมระดับไมโครและทักษะระบบเครื่องกลอัตโนมัติที่ค่อนข้างสูง นี่มันระดับปรมาจารย์ชัดๆ
ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดเขาถึงได้เป็นอาจารย์ที่ปรึกษาระดับปริญญาเอกที่มหาวิทยาลัยเป่ยหางตั้งแต่ยังอายุน้อย
ไป๋เยี่ยถามกลับด้วยท่าทีสบายๆ “ทีมวิจัยของคุณดีไหมครับ ความรู้ของพวกเขาอยู่ในระดับเดียวกันกับคุณหรือเปล่า”
จ้าวเฉินไม่คาดคิดว่าไป๋เยี่ยจะถามคำถามนี้เลย เขาจึงพยักหน้ารับ “ตอนแรกโครงการนี้เป็นที่น่าสนใจมาก ผมได้ทุนวิจัยมาก้อนใหญ่ ในทีมก็มีผู้เชี่ยวชาญเก่งๆ อยู่หลายคนเลยแหละ”
ไป๋เยี่ยถามต่อ “แล้วมีผู้เชี่ยวชาญด้านความแม่นยำไหมครับ มีใครเชี่ยวชาญกว่าคุณอีกไหม”
จ้าวเฉินส่ายหัว “ไม่เลยครับ การควบคุมระดับไมโครเป็นวิชาจากต่างประเทศ อาจารย์ที่ปรึกษาของผมสมัยเรียนปริญญาเอกเป็นผู้เชี่ยวชาญสาขาฟิสิกส์ที่มหาวิทยาลัยในรัฐแมสซาชูเซตส์และเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมระดับไมโครด้วย ในขณะที่สาขาการควบคุมระดับไมโครในจีนยังล้าหลังอยู่มากครับ”
ไป๋เยี่ยพยักหน้า ดูเหมือนเขาจะเข้าใจถึงประเด็นสำคัญแล้ว อาจจะเป็นเพราะทักษะการควบคุมระดับไมโครของสมาชิกในทีมนั้นยังไม่เพียงพอต่องานวิจัยชิ้นนี้ การทดลองจึงต้องหยุดชะงักลง!
บางที เราควรจะลองลงสนามเองดูสักตั้ง!
ไป๋เยี่ยคิดแล้วก็ยิ้มออกมา “ผมสนใจงานวิจัยของคุณมากจริงๆ ถ้างั้นเรามาคุยเรื่องรายละเอียดกันดีกว่าครับ”