หนึ่งกำเนิดสองสมบัติ : รักแสนหวานของมหาเศรษฐี - ตอนที่ 8
ตอนที่ 8 ประสบการณ์ชีวิตของหยุนซือซือ
ความจริงแล้วครอบครัวของเขามีฐานะร่ำรวย เขามีทรัพย์สินในตลาดที่สร้างผลกำไรที่มั่นคง อย่างไรก็ตามในช่วงต้นปีจู่ๆก็เกิดความวุ่นวายทางการเงินทั่วโลกทำให้ครอบครัวของเขาต้องตกอยู่ในความโกลาหล บริษัทของเขาขาดทุนซ้ำแล้วซ้ำเล่า ผู้ถือหุ้นหลายรายถอดถอนหุ้น เมื่อเห็นว่าบริษัทกำลังจะล้มละลาย ภรรยาของเขาก็ชี้นิ้วไปที่หยุนซือซือและกล่าวโทษเธอ นั่นเป็นเพราะเมื่อปีก่อนเขาทุ่มเงินที่ตั้งไว้สำหรับการลงทุนเพื่อส่งเธอไปเรียนในโรงเรียนและอยู่หอพักมัธยมชั้นสูง เพื่อให้เธออยู่ห่างจากบ้านที่น่าเบื่อนี้
ภรรยาของเขาเชื่อว่าหากไม่ใช่เพราะตอนนั้น บริษัทคงไม่ต้องเผชิญกับวิกฤตนี้และตระกูลหยุนจะไม่ตกอยู่ในสภาพเช่นนี้
เรื่องนี้ทำให้เกิดการทะเลาะวิวาทในครอบครัวอย่างรุนแรง และเมื่อหยุนซือซือกลับบ้านในช่วงวันหยุด คู่แม่ลูกจะปิดประตูขังเธอและทุบตีเธอในขณะที่เขาไม่อยู่ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เขาเกือบจะหัวใจวาย
เขามองประตูที่ให้เปิดออกด้วยความวิตกกังวล เลขาเป็นคนเปิดประตู หยุนซือซือก็ค่อยๆเดินเข้ามา เมื่อเห็นพ่อดวงตาของเธอก็ขยับและมัวไปด้วยน้ำตา แต่เธอทำให้ตัวเองสงบลงในทันที พ่อของเธอลุกขึ้นยืนทันทีและเหลือบมองไปที่เลขาด้วยความสงสัย
เลขาเข้าใจในสถานการณ์จึงรีบออกไปและปิดประตูให้พวกเขา
“ซือซือ!” พ่อของเธอเดินไปจับไหล่อย่างกังวลแและตรวจดูเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า “สองเดือนที่ผ่านมาลูกไปอยู่ที่ไหนมา? รู้ไหมว่าสองเดือนนี้พ่อเป็นห่วงลูกมากแค่ไหน? “
เธอเงยหน้ามองพ่อด้วยความรู้สึกละอายใจ เวลาผ่านไปเพียงสองเดือน ผมของเขากลับกลายเป็นสีเทาทั้งหมดและริ้วรอยบนใบหน้าก็เด่นชัดมากขึ้น เขาเป็นห่วงเธอมาตลอด การทิ้งกองเอกสารไว้ที่บริษัทและหาเวลาว่างเพื่อตามหาข่าวคราวของเธอ เขาแยกความสนใจทั้งให้เธอและบริษัท ทั้งสองอย่างมันหนักเกินไป
“พ่อไม่ต้องห่วงหนูนะคะ หนูสบายดี” หยุนซือซือพูดพลางพยุงเขานั่งลง “ตอนนี้บริษัทเป็นยังไงบ้างคะ?”
“ลูกฝากเงินก้อนนั้นเองหรือเปล่า”
เขาตรงไปที่ประเด็น
หยุนซือซือสะดุ้งและไม่รู้จะตอบอย่างไร ความลุกลี้ลุกลนแวบเข้ามาในดวงตาของเธอ เขาจึงหลังมือเธอไว้แน่น “ เด็กดี พูดความจริงเถอะอย่าโกหกพ่อ อย่าปล่อยให้พ่อต้องเป็นห่วงลูกอีกต่อไป โอเค? ” จู่ๆเขาก็นึกถึงบางสิ่งที่น่ากลัว จึงถามอย่างรีบร้อน” ลูกคงไม่ทำอะไรโง่ๆใช่ไหม! “
เมื่อเห็นเธอก้มหน้าลงและไม่พูดอะไรเขาค้นหาร่องรอยจากใบหน้าของเธอ แต่ก็ไม่พบอะไร เขาชี้ไปที่ประตูด้วยความสงสัย “ผู้หญิงคนเมื่อกี้เป็นใคร?!”
หยุนซือซือเงียบอยู่นาน แล้วก็สารภาพด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลว่า “หนู … ฉันเป็นคุณแม่อุ้มบุญ….”
ทันใดนั้นห้องก็เงียบสนิท
ม่านตาของเขาตีบตันและจ้องมองเธอด้วยความไม่น่าเชื่อ “ ลูก…เป็นไปได้ยังไง….”
“พ่อ……”
ก่อนที่เธอจะพูดจบก็ได้ยินเสียง “เพี๊ยะ -” เขาตบหน้าเธอด้วยความโกรธ ใบหน้าของเธอบิดไปด้านข้างจากแรงตบ ด้วยความงุนงงเธอสัมผัสไปที่แก้มอันร้อนผ่าว เขาถามเธอด้วยความโกรธ “ ทำไมลูกต้องทำให้ตัวเองเสื่อมเสียแบบนี้! การอุ้มบุญ…นั่นคือสิ่งที่ลูกสามารถทำได้งั้นเหรอ!”
เธอยังเด็กอายุยังน้อย แต่กลับต้องมาเป็นคุณแม่อุ้มบุญ! รู้ไหมว่าการทำเช่นนั้นมันทำลายชีวิตเธอ!
ในสายตาของเธอเขาเป็นพ่อที่ไร้ประโยชน์งั้นหรือ? แม้กระทั่งปกป้องลูกสาวตัวเองยังทำไม่ได้?
“ ฉันจะไม่แตะเงินนี้แม้แต่สตางค์แดงเดียว! ฉันหยุนเย่เฉิงไม่จำเป็นต้องมาถึงขั้นนี้!”
หยุนซือซือก้มหน้าของเธออย่างตกตะลึงและกำชายเสื้อไว้แน่น….