หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting - ตอนที่ 615
บทที่ 615 อ่อนแอ!
ซุนไห่คาดไม่ถึงว่าหวังเป่าเล่อจะกล้าโจมตีเขา เพราะเขาเป็นถึงผู้ถึงตนขั้นจุติวิญญาณ แม้ว่าหวังเป่าเล่อจะปลดปล่อยพลังที่เทียบเท่าขั้นจุติวิญญาณในระหว่างการทดสอบ แต่ผู้ฝึกตนขั้นกำเนิดแก่นใน…ก็ยังคงเป็นผู้ฝึกตนขั้นกำเนิดแก่นในอยู่นั่นเอง ไม่ว่าการฝึกปราณจะรุดหน้าไปเพียงใด เขาเองก็ยังไม่อาจจะเป็นคู่มือซุนไห่ได้หากยังไม่บรรลุขั้นจุติวิญญาณเสียก่อน
“หวังเป่าเล่อ เจ้ารนหาที่เสียแล้ว!” ซุนไห่หัวเราะอย่างบ้าครั้ง ชายชรายกมือขึ้นวาดเป็นผนึกก่อนจะส่งออกไปข้างหน้า ปลาหมึกสีดำทมิฬปรากฏขึ้น ก่อนจะพ่นหมึกสีดำสนิทใส่หน้าหวังเป่าเล่อก่อนจะส่งหนวดพุ่งตามเข้ามา
สิ่งนี้ไม่ใช่ปลาหมึกยักษ์ธรรมดา แม้ว่าจะเป็นภาพมายา แต่พลังที่มันแผ่ออกมานั้นก็เทียบเท่าผู้ฝึกตนขั้นจุติวิญญาณเลยเชียว แม้ว่าจะไม่อาจจะเทียบได้กับผู้ฝึกตนจริงๆ แต่ก็ยังมีพลังมากกว่าผู้ฝึกตนขั้นกำเนิดแก่นในขั้นสูงสุดเสียอีก หากอีกฝ่ายเป็นผู้ฝึกตนขั้นกำเนิดแก่นในธรรมดาๆ การโจมตีเพียงครั้งเดียวนี้ก็จะจบการต่อสู้ได้ทันที!
พลังปราณของซุนไห่ยังเข้าไปทำให้มิติในบริเวณนั้นบิดเบี้ยว ราวกับว่ามีพลังลึกลับได้ปรากฏตัวออกมาจากเบื้องบน ผู้ใดก็ตามที่พลังปราณไม่แข็งกล้าเท่าซุนไห่ก็จะต้องทรุดเพราะแรงกดดันจากพลังปราณจากของเขา!
ทุกๆ สิ่งเกิดขึ้นในพริบตา การโจมตีของซุนไห่พุ่งสวนมาทันทีที่หวังเป่าเล่อเข้ามาใกล้ แต่นั่นไม่ใช่จุดจบของการโจมตีจากซุนไห่ ชายชราตั้งใจจะทำให้หวังเป่าเล่อได้รู้ซึ้งถึงราคาของการเข้าโจมตีผู้ฝึกตนขั้นจุติวิญญาณ
หากข้าทำลายพลังปราณของเจ้าเสียคงจะเป็นการลงโทษที่สาสม! ประกายแห่งจิตสังหารสะท้อนอยู่ในดวงตาของซุนไห่ พลังปราณของเขาเริ่มหมุนวน และพลังของผู้ฝึกตนขั้นจุติวิญญาณก็ครั่นครืนก็ก่อนจะระเบิดขึ้น ชายชราประสานมือเข้าด้วยกันก่อนเป็นผนึกมือ และวาดกวาดออกไปรอบกาย!
น้ำทะเลปริมาณมหาศาลไหลบ่าเข้ามารายล้อมพวกเขาเอาไว้ ราวกับว่าจะท่วมกลบทั้งสวรรค์และพื้นพิภพ ก่อตัวกลายเป็นคลื่นยักษ์ที่มุ่งตรงเข้าหาหวังเป่าเล่อ ราวกับจะกลืนชายหนุ่มเข้าไป!
“เป็นแค่ผู้ฝึกตนขั้นกำเนิดแก่นในกลับไม่เจียมตัว เห็นพลังนี้หรือไม่ นี่คือพลังของผู้ที่อยู่ในขั้นจุติวิญญาณอย่างไรเล่า!” เสียงของซุนไห่ดังก้องขึ้นมาปกคลุมความว่างเปล่า ราวกับว่าซุนไห่กลายเป็นเทพยดา ชายชราได้กลายเป็นมหาสมุทรคลั่งที่กำลังจะกลืนหวังเป่าเล่อลงไป
ผู้ฝึกตนขั้นกำเนิดแก่นในที่รายล้อมอยู่เฝ้ามองอย่างตื่นเต้น พวกเขาจ้องฉากตรงหน้าตาไม่กะพริบ มีความเสียดายฉายวับอยู่บนแววตา สำหรับพวกเขาแล้ว หวังเป่าเล่อนั้น…ได้ตายไปแล้วอย่างแน่แท้
ประมุขสำนักสวีโมโหเป็นอย่างยิ่ง เขาต้องการจะช่วย แต่พลังปราณขั้นจุติวิญญาณก็กดเอาพลังปราณของเขาเอาไว้ คงเข้าไปช่วยได้ไม่ทันการเป็นแน่
ดูเหมือนว่าจะไม่มีสิ่งใดสามารถหยุนซุนไห่ได้อีก แต่ทว่า สีหน้าของชายชรากลับแสดงอาการตกใจ หวังเป่าเล่อ ผู้ซึ่งถูกหนวดปลาหมึกจับแถมยังโดนคลื่นถาโถม กลับเปล่งรัศมีอันน่าตื่นตะลึงออกมา!
จุดตันเถียนสีโลหิตและเศษกระดูกสีขาวโพลนพวยพุ่งออกมาด้านนอก ในพริบตาเดียว เกราะจักรพรรดิก็ออกมาห่อหุ้มหวังเป่าเล่อเอาไว้ จุดตันเถียนสีโลหิตและกระดูกขาวโพลนทำให้ชายหนุ่มดูน่าสะพรึงกลัว ผู้ชมโดยรอบพากันตกตะลึง หวังเป่าเล่อไม่ใส่ใจการโจมตีของปลาหมึก ชายหนุ่มยกมือขวาขึ้นจับมันเอาไว้
หวังเป่าเล่อไม่ได้สนใจหนวดที่เหวี่ยงสะเปะสะปะอย่างสิ้นหวังนั้นไม่ เขากำหมัดแน่นขึ้น สีหน้าไร้ซึ่งอารมณ์ ปลาหมึกแห่งเฉาและถูกบีบจนสลายกลายเป็นหมอกแล้วก็จางหายไป
การต่อสู้ทั้งหมดดูง่ายดายยิ่ง ปลาหมึกยักษ์ดูราวกับว่าอ่อนแอ เหมือนดั่งกระดาษที่ชายหนุ่มจะขยี้ทิ้งเสียเมื่อใดก็ย่อมได้ หวังเป่าเล่อเงยศีรษะขึ้นจ้องมองซุนไห่ ขณะที่รัศมีที่แข็งแกร่งปะทุออกมาจากเกราะจักรพรรดิของเขา!
รัศมีนั้นเข้าปะทะกับแรงกดดันจากซุนไห่ เป็นการต่อสู้ที่มองไม่เห็น
แต่การต่อสู้นั้นก็ก่อให้เกิดเสียงกัมปนาทดังต่อเนื่อง ราวกับว่ายักษ์ล่องหนสองตนกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือดกระนั้น ขณะที่หวังเป่าเล่อปล่อยพลังออกมา ลมหายใจของผู้อาวุโสซุนไห่ก็เริ่มขาดห้วง เขากำลังพยายามจะหายจากอาการตื่นตะลึง จิตสังหารฉาบเคลือบอยู่ในแววตา ก่อนจะใช้ผนึกมืออีกครั้ง น้ำทะเลที่รายล้อมอยู่ไหลมารวมตั้วกันก่อเป็นรูปปั้นขนาดยักษ์ที่สูงร่วมร้อยเมตร!
รูปปั้นยักษ์นั้นเป็นรูปซุนไห่ มันพยายามจะเข้ามาล้มหวังเป่าเล่อด้วยพละกำลัง
ชายหนุ่มโคลงศีรษะ สีหน้าของเกราะจักรพรรดินั้นดูจะผิดหวังอยู่เล็กน้อย ขณะที่รูปปั้นนั้นเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ ชายหนุ่มก็ก้าวขาออกมาข้างหน้า ก่อนจะยกกำปั้นขึ้นส่งออกไป
พลังของเขานั้นรุนแรงขึ้นเป็นสามเท่า และยิ่งรุนแรงขึ้นอีกด้วยพลังของเกราะจักรพรรดิ ยิ่งไปกว่านั้น ความแข็งแกร่งที่เพิ่มพูนขึ้นมาการจากบรรลุขั้นการฝึกตนก็แปลว่าหมัดที่หวังเป่าเล่อเพิ่งจะส่งไปนั้นรุนแรงกว่าที่เขาได้แสดงให้เห็นในการทดสอบอีกมากมายนัก อากาศสะเทือนเลื่อนลั่นเมื่อกำปั้นของเขาพุ่งออกไป และเกิดเป็นเสียงกัมปนาทดังราวกับสายฟ้าฟาดเมื่อมันกระทบเป้าหมาย มีเสียงแตกดังสนั่นตามมา
รอยแตกเริ่มจะปรากฏขึ้นบนรูปปั้นของซุนไห่ เพียงสองลมหายใจ รูปปั้นนั้นก็แตกสลาย ใบหน้าของซุนไห่ซีดขาว ก่อนจะล่าถอยไปอย่างรวดเร็ว สายตาเขาแสดงความไม่อยากจะเชื่อออกมา แต่ชายชราก็ยังไม่ยอมแพ้ ขณะที่ลอยตัวอยู่กลางอากาศ เขาก็ยกมือขวาขึ้นทุบหน้าผากตนเองอย่างแรง มีลำแสงพวยพุ่งออกมาจากหน้าผากสร้างขึ้นเป็นกระจกบานหนึ่งตรงหน้าเขา
กระจกนั้นหันหน้าไปทางหวังเป่าเล่อและเงาสะท้อนของเขาก็ปรากฏขึ้น ซุนไห่ตะโกนก่อนจะซัดฝ่ามือใส่กระจกอย่างจัง เมื่อกระจกแตกสลายไป หวังเป่าเล่อก็ตัวสั่น มีประกายประหลาดสะท้อนอยู่ในแววตาก่อนที่เขาจะพุ่งเข้าใส่ซุนไห่ทันที
ไม่ได้ผลงั้นหรือ เป็นไปไม่ได้! สีหน้าของซุนไห่แสดงความตกใจสุดขีด เขาถอยร่นไปพลางพยายามจะเรียกกระจกอีกบาน เขากำลังจะใช้การโจมตีจากกระจกอีกครั้งแต่หวังเป่าเล่อพุ่งออกมาก่อนที่กระจกจะได้ขโมยเงาของเขาไป ชายหนุ่มยกมือขวาขึ้นหยิบเอาหอกสีดำออกมา สายฟ้าแลบแปลบปลาบปกคลุมท้องฟ้า และสายฟ้าขนาดใหญ่ก็ฟาดลงมาพอดีกับที่เขาซัดหอกออกไป
เสียงระเบิดดังสะเทือนเลื่อนลั่นอยู่ในอากาศ เป็นเสียงของหอกที่ผ่าท้องฟ้าออกเป็นซีก มันพุ่งเข้าไปใส่กระจกด้วยพลังที่รุนแรงจนสามารถทำลายทุกสิ่งที่ขวางหน้าได้ ซุนไห่นัยน์ตาเบิกโพลง พยายามอย่างยิ่งที่จะดึงกระจกกลับมา แต่ก็สายไปเสียแล้ว หอกพุ่งทะลุกระจกก่อให้เกิดเสียงระเบิดรุนแรง ก่อนที่กระจกจะแตกเป็นเสียง ซุนไห่ลอยละลิ่วไป หลบแรงกระแทกได้แบบเส้นยาแดงผ่าแปด เขาปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งที่อีกด้านหนึ่งของจัตุรัสสาธารณะ ชายชราจ้องมองหวังเป่าเล่ออย่างไม่เชื่อสายตา
“ผู้ฝึกตนขั้นจุติวิญญาณ ทำได้เท่านี้เองน่ะหรือ” หวังเป่าเล่อหันไปจ้องมองซุนไห่ ชายหนุ่มโคลงศีรษะอีกครั้งราวกับหมดความอดทน เขาไม่ได้อยากจะสู้กับผู้ฝึกตนขั้นจุติวิญญาณที่อ่อนแอ หวังเป่าเล่อย่างสามขุมเข้าไปที่หม้อหลอมโอสถ ที่เจ้าลาของเขาถูกกักขังอยู่ภายใน
ซุนไห่ลอยตัวอยู่กลางอากาศ สีหน้าของเขาทั้งหม่นหมองและเปี่ยมไปด้วยโทสะเข้มข้น แต่ทว่าเขาก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าหวังเป่าเล่อนั้นแข็งแกร่งเกินไป
ความสามารถทางการยุทธและสมบัติเวทของเขานั้นเทียบเท่าผู้ฝึกตนขั้นจุติวิญญาณแล้ว ไม่แตกต่างกันเลย อันที่จริงแล้วความสามารถในการป้องกันของเขาน่าจะก้าวไปไกลกว่าขั้นจุติวิญญาณเสียอีก ชายหนุ่มสามารถจะป้องกันแรงกดดันของซุนไห่แถมยังโจมตีกลับได้รุนแรงยิ่งกว่า!
แต่ทว่า ถ้าหวังเป่าเล่อมาเอาลากลับไปได้ง่ายๆ ซุนไห่กลัวว่าหากเรื่องนี้แพร่งพราวออกไปในสำนัก เขาก็จะต้องอับอายเป็นยิ่งนัก เขาเสียใจที่ไม่ยอมยั้งมือไว้เมื่อยังมีโอกาส แต่ขณะที่ชายชรากำลังครุ่นคิดอยู่นั่นเอง ตาเขาก็เป็นประกายขึ้นมา
ไม่ใช่สิ เจ้านี่ยังมีจุดอ่อนเหลืออยู่อีก…เขาเคลื่อนย้ายไม่ได้!
เมื่อคิดได้เช่นนั้น ซุนไห่ก็หรี่ตาลง เขายกมือขวาขึ้นใช้ผนึกมือจำนวนมากอีกครั้ง น้ำทะเลมหาศาลปรากฏขึ้นทันตาและแปรสภาพกลายเป็นหอกพุ่งตรงเข้าใส่หวังเป่าเล่อ
ผู้อาวุโสหายตัวไปปรากฏอยู่ข้างๆ หวังเป่าเล่อ ใช้นิ้วมือทิ่มชายหนุ่มไปหนึ่งครั้งก่อนจะเคลื่อนย้ายหายไปโดยไม่รอดูผลจากการโจมตี
“น่ารำคาญเสียจริง” หวังเป่าเล่อไม่ต้องการจะสู้อีกต่อไป แต่ซุนไห่ที่ยังโจมตีไม่หยุดก็ทำให้ชายหนุ่มต้องขมวดคิ้ว ก่อนจะหยิบเอาประคำออกมาหนึ่งกำมือ…พวกมันก็คือประคำปิดมิติที่สามารถจะสร้างผนึกมิติชั่วคราวได้!
เพียงประคำลูกเดียวก็สามารถสร้างผนึกมิติออกมาได้ หวังเป่าเล่อเป็นคนมีน้ำใจ เขาจึงใช้ประคำไปนับสิบ ผลปรากฏว่า…มิติเวลารอบกายเขาหยุดนิ่ง ซุนไห่ ผู้ซึ่งก่อนหน้านี้เคลื่อนย้ายอยู่ไปมา ก็ถูกจับให้หยุดนิ่งอยู่กับที่!
ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ซุนไห่ไม่อาจจะตอบสนองได้ทัน มีความหวาดกลัวฉายขึ้นในแววตาเมื่อหวังเป่าเล่อเอื้อมมือขวาไปคว้าเอาศีรษะของซุนไห่ไว้
แต่ก่อนที่หวังเป่าเล่อจะได้โจมตี ก็มีคลื่นรัศอีกสองอันมุ่งตรงมาจากทางเกาะหลักอย่างเร่งรีบ เป็นพลังที่แข็งแกร่งเกินกว่าขั้นจุติวิญญาณ ถึงกับอยู่ในขั้นเชื่อมวิญญาณก็ว่าได้
เสียงของเมี่ยเลี่ยจื่อสะท้อนก้องไปบนท้องฟ้า ส่งผลให้เกิดคลื่นกระแทกระเบิดขึ้นระหว่างตัวชายหนุ่มกับซุนไห่
“หยุดเดี๋ยวนี้!”