หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting - ตอนที่ 662
บทที่ 662 จักรพรรดิพินาศ!
หวังเป่าเล่อต้องลองดูสักตั้ง ไม่มีทางอื่นอีกแล้วในยามหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้!
ชายหนุ่มไม่ใช่คนขลาด สิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตนับครั้งไม่ถ้วนในสหพันธรัฐยืนยันความจริงข้อนี้ได้เป็นอย่างดี ภายใต้บุคลิกที่ดูมีไมตรีจิตรของเขานั้น คือธาตุแท้ที่เข้มข้นไปด้วยความโหดเหี้ยมต่อศัตรู และความอำมหิตยิ่งกว่าต่อตัวเอง!
ดวงตาของหวังเป่าเล่อเอ่อล้นด้วยความบ้าคลั่งขณะมองโยวหรันปล่อยการโจมตีใส่ตน ชายหนุ่มรู้ดีว่าข้อจำกัดด้านพลังปราณของตนเองในตอนนี้ ทำให้เขายังใช้วิชาพรากจุติและห้าโทษทัณฑ์ไม่ได้เต็มที่ แม้จะใช้พลังปราณจากชุดคลุมออกศึกเต๋ามรณะช่วยก็ตาม
ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะใช้กระบวนเวททั้งสองในตอนนี้ เพื่อเผด็จศึกโยวหรัน นั่นทำให้เขามีทางเลือกเหลืออยู่เพียงทางเดียวเท่านั้น!
ซึ่งก็คือ… เกราะจักรพรรดิลักอัคคี!
แม้เกราะของเขาจะแตกสลายไปแล้ว แต่หวังเป่าเล่อยังมีกระบวนเวทลับอยู่อีกอันหนึ่ง ที่ถือเป็นไพ่ตายของเขาเลยก็ว่าได้ กระบวนเวทนี้คือกำไรที่งามที่สุดที่เขาเสาะหามาได้บนกระบี่สำริดเขียวโบราณ!
กระบวนเวทนี้มีนามว่า…กระบวนเวทจักรพรรดิพินาศ!
กระบวนเวทจักรพรรดิพินาศนี้ไม่ได้ตรงไปตรงมาเหมือนครั้งที่เขาระเบิดเกราะออก แต่เป็นกระบวนเวทดั้งเดิมที่สืบทอดมาตามสายวิชาของกระบวนเวทเกราะจักรพรรดิ ผู้ใช้ต้องเสียสละเกราะจักรพรรดิที่ใช้เวลาสรรค์สร้างมาเป็นเวลานานด้วยความยากลำบาก บีบอัดพลังปราณนั้นเข้าด้วยกันผ่านวิธีการพิเศษ และปล่อยพลังที่รุนแรงจนยากเกินจะหยั่งถึงใส่คู่ต่อสู้
พลังโจมตีนี้รุนแรงมหาศาลจนทำให้ทั้งสวรรค์และผืนดินต้องสั่นสะเทือน และสะท้อนใส่ทั้งผู้ใช้กระบวนเวทและเป้าหมาย หวังเป่าเล่อคงไม่บ้าบิ่นถึงขั้นใช้วิชานี้ในยามปกติ แต่ในสถานการณ์เช่นนี้เขาไม่มีทางเลือกอื่นเหลืออยู่แล้วจริงๆ
หากเขาพยายามหนี ความตายย่อมตามมาหลอกหลอนอย่างแน่นอน หากเขาไม่ลองเสี่ยงดวงต่อสู้เพื่อรักษาชีวิตตนเองเอาไว้ตอนนี้…แล้วจะมีโอกาสได้ทำเช่นนั้นอีกเมื่อไรกันเล่า
ความคิดมากมายแวบเข้ามาในหัวหวังเป่าเล่อ ชายหนุ่มส่งพลังปราณของตนเข้าไปยังเกราะจักรพรรดิลักอัคคีทันทีโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย นอกจากนี้ยังปลุกพลังขั้นสูงสุดที่ชุดเกราะสั่งสมเอาไว้ออกมาอีกด้วย!
เขาส่งแรงใจทั้งหมดเข้าไปในชุดเกราะ ปลดปล่อยพันธนาการที่รั้งพลังที่แท้จริงของตนเองเอาไว้เสียหมดสิ้น ร่างกายที่ผ่ายผอมลงมาก บัดนี้ซูดซีดเหลือเพียงหนังติดกระดูก!
ดวงตาของหวังเป่าเล่อวาวโรจน์ แสงสว่างเจิดจ้าที่ชุดเกราะส่งออกมา บัดนี้สว่างไสวเหมือนดาวฤกษ์ที่กำลังเผาไหม้ เมื่อโยวหรันเข้ามาใกล้ ชายหนุ่มก็ตะโกนออกมาในทันที!
“ปลดชุดเกราะ!”
เสียงคำรามของชายหนุ่มดังก้องสะท้อนไปทั่วผนังถ้ำ ชุดเกราะที่ส่องแสงโชติช่วงแยกออกจากร่างของเขา บีบตัวควบแน่นต่อหน้าต่อตา กลายเป็นลูกบาศก์ขนาดใหญ่ที่สร้างมาจากเนื้อและเส้นปราณโลหิต!
บัดนี้ชุดเกราะจักรพรรดิดูเหมือนกล่องที่สร้างมาจากเส้นเอ็นมากมาย เส้นปราณสีโลหิตว่ายวนอยู่ภายใน ก่อกำเนิดเป็นลูกบอลทรงกลมที่ห่อหุ้มแขนกระดูกอาวุธเทพเอาไว้ ทันทีที่ลูกบาศก์นี้ปรากฏ ความว่างเปล่ามืดมิดรอบข้างก็แตกสลายกลายเป็นเศษเสี้ยว กระแสพลังปราณรุนแรงน่ากลัวพัดโหมออกจากลูกบาศก์สีโลหิต
พลังปราณนั้นรุนแรงมากเสียจนโยวหรันยังต้องผงะ รูม่านตาของชายชราหดแคบ หัวใจเต้นแรงจนแทบระเบิดอยู่ในอก เขาทิ้งความคิดที่จะทดสอบหวังเป่าเล่อไปในทันที ก่อนล่าถอยอย่างรวดเร็วเพื่อหลบแสงเจิดจ้าจากลูกบาศก์ที่กำลังส่งพลังทำลายล้างออกมา
โยวหรันเกรงกลัวพลังปราณเข้มข้นที่ชุดเกราะจักรพรรดิลักอัคคีของหวังเป่าเล่อปล่อยออกมาอย่างเห็นได้ชัด พลังนี้ให้ความรู้สึกแตกต่างจากคลื่นพลังปราณมหาศาลที่หวังเป่าเล่อสำแดงออกมาก่อนหน้านี้ ปริมาณน้อยกว่าก็จริง แต่แข็งแกร่งกว่าอย่างแน่นอน
ราวกับว่า…พลังแรกดูห่างเหิน แต่อีกพลังดูใกล้ชิดรุนแรงกว่า พลังแรกเปรียบเสมือนดวงดาวที่ระเบิดออกอย่างไร้ร่องรอย ส่วนอีกพลังคือแผ่นดินที่ยุบตัวลงใต้เท้าของผู้ถูกโจมตี!
ทั้งสองพลังนี้ทำให้โยวหรันหัวใจเต้นระส่ำ แต่พลังที่สองที่เห็นอยู่ตรงหน้า ทิ้งร่องรอยความสั่นสะท้านเอาไว้มากกว่า เนื่องด้วยภาพน่ากลัวของลูกบาศก์ที่กำลังทอแสงจ้า!
โยวหรันรีบถอยหนีทันทีตามสัญชาตญาณ แต่ก็ช้าไปเสียแล้ว เขาต้อนหวังเป่าเล่อเสียจนมุม จนทำให้ชายหนุ่มไม่ยอมปล่อยให้เขาจากไปง่ายๆ นอกจากนี้ตัวหวังเป่าเล่อเองยังรู้ดีว่านี่เป็นโอกาสเดียวของเขาที่จะจัดการโยวหรัน!
ดวงตาของหวังเป่าเล่อทอแสงแรงกล้า ชายหนุ่มตะโกนออกมา
“ครองกายา!”
โยวหรันถอยกรูดด้วยความตกใจเมื่อได้ยินชื่อกระบวนเวท ลูกบาศก์เกราะจักรพรรดิลักอัคคีระเบิดในทันที ไม่ได้ปะทุออกเป็นแรงระเบิดปกติ แต่กลับแยกสลายออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยนับสิบ และพุ่งเข้าไปล้อมศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันเอาไว้ ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากและต่อต้านทุกกฎที่เรือบินรบวางเอาไว้ เกราะจักรพรรดิที่แตกตัวออกพุ่งเป้ามาที่โยวหรัน ไม่ว่าจะหนีไวเพียงใด ก็ไม่มีวันหนีได้พ้น!
ภายในพริบตา เศษเกราะก็เข้าประชิดตัวชายชราทั้งด้านบน ด้านล่าง ด้านหน้า ด้านหลัง ซ้ายและขวา ก่อนค่อยๆ บีบตัวเข้าหากันจนกักขังเขาเอาไว้ภายใน!
ความไวของเหตุการณ์นี้ เริ่มตั้งแต่ตอนที่โยวหรันตัดสินใจเลิกทดสอบหวังเป่าเล่อ ตอนที่หวังเป่าเล่อโต้กลับอย่างกล้าหาญและเจ็บแสบ จนถึงตอนที่ชายชราถูกขังเอาไว้ในเศษชุดเกราะ ทุกอย่างเกิดขึ้นภายพริบตาเท่านั้น ตัวโยวหรันเองดูเหมือนตกใจถึงขีดสุดแล้ว เขาไม่ได้ลังเลแม้แต่น้อย เมื่อเห็นว่าหนีออกไปไม่ได้ ก็รีบกัดลิ้นตนเองทันที ศีรษะด้านซ้ายและขวาระเบิดพร้อมกัน!
นี่คือหนึ่งในกระบวนเวทติดตัวของตระกูลไม่รู้สิ้น และไม่ใช่ครั้งแรกที่หวังเป่าเล่อได้เห็น กระนั้นชายหนุ่มก็ยังหยุดโยวหรันไม่ได้ ความเหี้ยมโหดในดวงตาของชายหนุ่มรุนแรงขึ้น เขารีบปล่อยกระบวนเวทขั้นที่สองของวิชาสืบทอดเกราะจักรพรรดิในทันที!
“เก้าทบ!”
ทันทีที่สั่งจบ เศษลูกบาศก์ที่รายล้อมโยวหรันเอาไว้ก็เริ่มพับทบกัน เปลี่ยนสภาพจากสามมิติไปเป็นสองมิติ จนกลายเป็นระนาบหนึ่งมิติในที่สุด!
ภาพนี้แปลกประหลาดมาก ร่างโยวหรันถูกประทับอยู่บนระนาบแบนคล้ายกระดาษหนึ่งมิติ ร่างของเขาเริ่มแสดงสัญญาณว่าจะหายไป แต่หวังเป่าเล่อไม่หยุดเพียงเท่านั้น กระดาษนี้พับทบเข้าหากันอีกครั้ง!
สัญญาณว่าชีวิตของโยวหรันใกล้มาถึงจุดจบเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ แต่ตอนที่กระดาษกำลังจะพับทบกันอีกครั้งนั้นเอง เสียงระเบิดก็ปะทุขึ้น กระดาษถูกฉีกออกจากภายในด้วยแรงมหาศาล โยวหรันระเบิดศีรษะทั้งสองของตนเองออก เพื่อหลบหนีออกจากกรงขังหนึ่งมิติ และรอดตายได้อย่างหวุดหวิด
หวังเป่าเล่อกระอักเลือดออกมาชุดใหญ่ เขาไม่อยากยอมรับว่าโยวหรันหนีการโจมตีของตนออกมาได้ แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่น ความแตกต่างด้านพลังของทั้งสองนั้นมากเกินไป แม้เขาจะมีกระบวนเวทเยี่ยมยอดอยู่มากมายที่ทำให้โยวหรันตกใจ แต่ก็ทำได้เพียงสร้างอาการบาดเจ็บให้คู่ต่อสู้เท่านั้น การสังหารอีกฝ่ายดูเป็นเรื่องยากเหลือเกิน!
ถ้าเช่นนั้น… หวังเป่าเล่อมองระนาบหนึ่งมิติที่ระเบิดและโยวหรันที่หนีความตายออกมาได้ ก่อนตัดสินใจว่าต้องไปให้สุดทาง เขาตะโกนอีกครั้งเพื่อปล่อยท่าสุดท้ายของกระบวนเวท
“จักรพรรดิพินาศ!”
พลังรุนแรงร้ายกาจระเบิดออกมาจากชิ้นส่วนกระดาษแต่ละชิ้นที่โดนฉีกทำลาย แรงระเบิดนั้นทรงพลังมากเสียจนสร้างกระแสพลังงานให้พุ่งออกมาเป็นริ้วๆ ไหลบ่าเข้าท่วมทุกสิ่งทุกอย่างในถ้ำเหมือนน้ำเชี่ยวกราก!
ทั่วทั้งถ้ำสั่นสะเทือนเหมือนสายฟ้ากระหน่ำที่ไม่มีวันจบสิ้น ราวกับสัตว์อสูรจากสวรรค์กำลังคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยว ร่างของชายหนุ่มสั่นสะท้าน กระอักเลือดออกมาเป็นลิ่มๆ แล้วล่าถอยไปข้างหลัง คลื่นพลังปราณพวยพุ่งออกมาโดยมีเขาเป็นเป้าหมาย หวังเป่าเล่อที่หน้าซีดเผือดรีบใช้กระบวนเวทสลับที่กับร่างอวตารของตนเองในทันที!
ตอนนั้นเองมือโชกเลือดก็พุ่งออกจากใจกลางของเกราะจักรพรรดิ คว้าตัวชายหนุ่มเอาไว้ ทันใดนั้น แสงนุ่มนวลก็สว่างขึ้นทันทีที่มือนั้นยื่นออกมา แม่นางน้อยปรากฏกาย นางชี้มือออกไปข้างหน้า ลำแสงสีขาวพุ่งออกจากจักรพรรดิพินาศ กระโจนเข้าตรงกลางระหว่างแม่นางน้อยและมือโชกเลือดขนาดยักษ์ สิ่งนั้นก็คือ…แขนกระดูกอาวุธเทพที่เชื่อมเข้ากับเกราะจักพรรดิของหวังเป่าเล่อนั่นเอง!
แม่นางน้อยและมือยักษ์โชกเลือดเชื่อมต่อถึงกันผ่านแขนกระดูกจากอาวุธเทพในทันที เสียงระเบิดกึกก้องดังขึ้นจากแขนอาวุธเทพพุ่งสู่สรวงสรรค์ เสียงฮึดฮัดเบาๆ ดังออกจากจักรพรรดิพินาศ ใบหน้าของแม่นางน้อยซีดเผือด นางหายใจออกมาเป็นไอสีเขียว ร่างที่โผล่ให้เห็นเป็นตัวเริ่มสั่นสะท้านและจางลงในระดับหนึ่ง แม่นางน้อยก้าวถอยไปด้านหลัง ดึงแขนกระดูกอาวุธเทพมาข้างๆ หวังเป่าเล่อ
การปรากฏตัวของนางพร้อมการโจมตีนั้น ทำให้หวังเป่าเล่อมีเวลาสลับร่างกับร่างอวตารของตนเองได้ทันท่วงที ร่างอวตารเข้ามาแทนที่ร่างจริงที่อยู่ในถ้ำในที่สุด!
แรงปะทะจากจักรพรรดิพินาศพุ่งเข้าใส่ร่างอวตารของหวังเป่าเล่อ ทันทีที่มันปรากฏขึ้นแทนที่เจ้าของร่างจริง หวังเป่าเล่อไม่มีเวลาตอบโต้แม้แต่น้อย ร่างอวตารของเขาถูกพลังดึงเข้าไปและสลายกลายเป็นผุยผงในทันที!
แต่ยังไม่จบเพียงเท่านั้น ท่ามกลางเสียงคำรามโกรธเกรี้ยวเหมือนสัตว์อสูร คลื่นยักษ์ซัดขึ้นมาจากทะเลสาบสีทองและระเหยหายไปทันทีที่เข้าปะทะอากาศ ผนังสลายกลายเป็นเถ้าธุลีในทันที เสาค้ำขนาดยักษ์ที่ห้อยย้อยลงมาจากเพดาน แม้จะเปลี่ยนรูปร่างและเยียวยาตนเองได้ด้วยความเร็วสูง ก็ยังมลายหายไปสิ้น เสานั้นพังครืนลงมาในทันที ส่งให้แรงระเบิดพุ่งพรวดขึ้นไปตามท่อเลือดเนื้อเป็นปฏิกิริยาลูกโซ่ ทำให้พลังทำลายล้างพุ่งออกจากถ้ำ!
ถ้ำทั้งหมดสลายกลายเป็นผุยผง แรงระเบิดกระจายตัวออกเป็นวงกว้างในรัศมีอย่างน้อยสามสิบเมตร มีเพียงชุดคลุมออกศึกเต๋ามรณะเท่านั้นที่ยังตั้งอยู่ได้อย่างไม่สะทกสะท้านขณะที่เพดานพังครืนลงมา ราวกับมันต้านทานได้ทุกอำนาจทำลายล้างที่รายรอบ มีแค่รอยแตกบนกะโหลกที่แยกกว้างขึ้นเล็กน้อยเท่านั้น ที่เป็นเพียงความเสียหายเดียว