หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting - บทที่ 1032 เงาบรรพชน!
หวังเป่าเล่อที่กำลังฝึกฝนอยู่ที่สาขาดาวเพลิงช่วงนี้ไม่ค่อยรับรู้เรื่องชื่อเสียงตัวเองในโลกภายนอกเท่าไรนัก อันที่จริงหลังจากสุสานดวงดาราได้ประกาศรายชื่อออกมา นามของเขาก็ลือลั่นไปทั่วจักรพิภพเต๋าไม่รู้สิ้นดุจพายุโหมกระหน่ำ
ถูกตระกูลแข็งแกร่งและมีอำนาจมากมายจับตามองด้วยความละโมบ แม้ในเวลานั้นจะสนใจเขาแต่ส่วนใหญ่ล้วนมีจุดประสงค์แอบแฝง ต่างยึดติดในเรื่องดาวเคราะห์เต๋าของเขา ส่วนตัวตนของเขาเองนั้น…ไม่ได้ส่งผลสักเท่าไร ถึงอย่างไรก็ยังไม่เติบโตทั้งยังถูกจับตามองตั้งแต่ช่วงแรกๆ ถือว่าไม่ใช่เรื่องดี
ทว่าในระยะเวลาสั้นๆ หลังจากสาขาดาวเพลิงปล่อยข่าวออกมาว่าปรมาจารย์แห่งไฟรับหวังเป่าเล่อเป็นศิษย์อีกทั้งยังออกหน้าจัดการอารยธรรมครามทองคำจนตัวสั่นออกมาขอโทษ เหตุการณ์นี้ราวกับพายุโหมพัดกวาดไปทั่วจักรพิภพเต๋าไม่รู้สิ้น ทำให้ตระกูลแข็งแกร่งและมีอำนาจทั้งหลายที่จับตามองหวังเป่าเล่อรู้สึกหวาดผวาไปตามๆ กัน
ต่างต้องเก็บซ่อนเจตนาร้ายเอาไว้อย่างห้ามไม่ได้ อันที่จริงชื่อเสียงปรมาจารย์แห่งไฟเรื่องความเหี้ยมโหดและถือหางศิษย์ตัวเองนั้นทำให้ผู้คนหวาดกลัวอย่างมาก และด้วยเหตุนี้เองชื่อของหวังเป่าเล่อก็ได้เดินทางเข้าสู่สายตาของผู้มีอำนาจทั้งหลายอีกครั้งทั้งยังแตกต่างจากเดิมโดยสิ้นเชิง
เพราะเขามีปรมาจารย์แห่งไฟอยู่เบื้องหลัง ในฐานะศิษย์ของปรมาจารย์แห่งไฟอีกทั้งยังมีดาวเคราะห์เต๋า นี่ก็เพียงพอที่จะได้รับการยอมรับว่าเป็นมหาศิษย์แห่งเต๋าแล้ว
ในเวลานี้ แม่นางกระพรวนสวี่อินหลิงยิ่งทำให้ชื่อเสียงของหวังเป่าเล่อกระพือลั่นไปกว้างกว่าเดิม คาดว่าผู้ฝึกตนมหาศิษย์แห่งเต๋าทุกตระกูลล้วนคงได้ยินข่าวว่าเขามีเก้าดาวเคราะห์บรรพกาลบรรจบเป็นดาวเคราะห์เต๋า
ดังนั้นเมื่อเห็นคู่แข่งตัวฉกาจตรงหน้านี้แสดงกฎดาวเคราะห์บรรพกาลทั้งสองข้อจึงทำให้นึกถึงเซี่ยไห่หยางที่กราบอาจารย์เข้าสาขาดาวเพลิง ฉะนั้นในความคิดของเซี่ยอวิ๋นเถิงสถานะของคนตรงหน้านี้นั้นชัดเจนมากพอแล้ว
“หวังเป่าเล่อ!”
ในขณะที่เซี่ยอวิ๋นเถิงเอ่ยปาก หวังเป่าเล่อระเบิดพลังโลหิตและพลังดนตรีออกมาทั้งหมด กลายเป็นแรงฉีกทึ้งส่งผลให้ตาข่ายใหญ่สั่นสะเทือนจนเริ่มปริขาด
แค่ปริขาดเท่านั้น หวังเป่าเล่อยังไม่พอใจ เขาก้าวเท้าออกไปอีกครั้ง หมัดที่สาม หมัดที่สี่ หมัดที่ห้า ใส่ตามไปติดๆ
เต๋าพืชเขียว เต๋าเมฆาฟ้า เต๋าลมคราม!
แสงทั้งสามระเบิดบึ้มในพริบตา หลอมรวมเข้าในกำปั้นของหวังเป่าเล่อราวกับคลื่นทะเลที่คลุ้มคลั่ง ก่อเกิดภาพมายาต้นไม้สูงเสียดฟ้าขนาดใหญ่ กลุ่มก้อนเมฆที่เคลื่อนคล้อยอยู่เต็มฟ้าและพายุโหมกระหน่ำที่ก่อตัวขึ้นกลางอากาศ สิ่งเหล่านี้คือพลังมายา หลังจากทะเลโลหิตและคลื่นเสียง พุ่งไปยังตาข่ายไหมที่เดิมทีก็แทบพังอยู่แล้วให้แหลกละเอียด
เสียงดังสนั่นขึ้น แม้ตาข่ายไหมยักษ์จะเป็นดาวเคราะห์บรรพกาลทว่าก็เป็นแค่ดาวเคราะห์บรรพกาลดวงหนึ่งของหวังเป่าเล่อเท่านั้น สำหรับเขาที่มีดาวเคราะห์บรรพกาลถึงเก้าดวง แน่นอนว่าลงมือทั้งทีก็ต้องยิ่งใหญ่อย่างนี้ พลังเส้นไหมที่มีพลังดาวเคราะห์บรรพกาลของเซี่ยอวิ๋นเถิงรับไม่ได้อยู่แล้ว
ในขณะที่กำลังแตกสลายลงเรื่อยๆ ราวกับไข่ไก่ที่กระทบก้อนหิน ผู้คนที่เห็นล้วนตะลึงงัน เซี่ยอวิ๋นเถิงเองก็กระอักเลือดสดๆ ออกมาไม่หยุด แค่ในระยะสั้นๆ นี้ก็กระอักเลือดออกมาห้ารอบแล้ว
โจมตีหนึ่งครั้ง กระอักเลือดหนึ่งที และในทุกครั้งที่หวังเป่าเล่อลงมือร่างของเขาก็ถอยเซอย่างควบคุมไม่ได้เช่นกัน เงามายาดาวเคราะห์บรรพกาลที่ปรากฏอยู่ด้านหลังก็เริ่มบิดเบี้ยวขึ้นทุกขณะ
แต่…นี่ยังไม่จบ หวังเป่าเล่อออกหมัดต่ออย่างว่องไว หมัดที่หก หมัดที่เจ็ด หมัดที่แปด!
แยกเป็น…เต๋ากลืนกินม่วง เต๋าแห่งความตาย สุดท้ายคือเต๋าแห่งแสงสว่าง!
วินาทีที่พลังทั้งสามนี้ปรากฏขึ้น เมล็ดหลุมดำแห่งการดูดกลืนในร่างของหวังเป่าเล่อถูกดึงออกมา กำปั้นของเขาราวกับหลุมดำที่สามารถดูดกลืนทุกสิ่งอย่าง ปลดปล่อยแรงกดดันอันน่าสะพรึงสุดขีด ยิ่งกว่านั้นคือกลิ่นอายแห่งความตายและการสอดประสานของแสงอันไร้ขอบเขตที่กระจายไปทั่วสารทิศราวกับกวาดล้าง ระเบิดอย่างบ้าคลั่ง
เสียงกัมปนาทดังขึ้นอีกครั้ง ต้นตอนั้นมาจากตาข่ายไหมที่เวลานี้ได้พังทลายลงหมดแล้ว ฝุ่นควันคละคลุ้งก่อนสลายไปอย่างไร้ร่องรอย เซี่ยอวิ๋นเถิงกระอักเลือดออกมาอีกสามครา ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง เงามายาดาวเคราะห์บรรพกาลด้านหลังนั้นก็รับต่อไม่ไหว เกิดรอยปริแตกไปทั่วสุดท้ายจึงแตกสลายไป
หวังเป่าเล่อไม่ได้ลงมือต่อ ปรายตามองเซี่ยอวิ๋นเถิงที่เซถอยอย่างเยียบเย็น โคลงหัวเบาๆ รอบนี้ที่ลงมือเขายังไม่ได้แสดงฤทธิ์ดาวเคราะห์เต๋าที่เสริมเวทเลย ไม่ว่าจะเป็นเวทผนึกดารา คำสาปเพลิงวิญญาณ เคล็ดวิชาลับอื่นๆ ตั้งแต่เริ่มจนจบไม่ได้ใช้เลยสักนิด
แต่ถึงจะเป็นเช่นนี้ก็ยังบดขยี้ผู้นี้ที่ได้ชื่อว่าเป็นมหาศิษย์แห่งเต๋าได้อยู่ดี ทำให้หวังเป่าเล่อหมดความสนุกไปในทันที ผู้ที่อ่อนแอแบบนี้ไม่มีค่าพอที่จะให้เขาใช้พิสูจน์ตัวเองอีกต่อไป
“อย่ามาวอแวข้าอีก” หวังเป่าเล่อพูดเรียบๆ ละสายตากจากเซี่ยอวิ๋นเถิงและมุ่งหน้าไปยังตำหนักรับรองสถานที่แห่งเดียวในเวลานี้ที่ยังไม่เป็นซากปรักหักพัง..Aileen-novel
“เจ้า!!” ชีวิตนี้ของเขาแทบจะไม่เคยถูกคนมองข้ามแบบนี้มาก่อน ศักดิ์ศรีและความเย่อหยิ่งทำให้เซี่ยอวิ๋นเถิงแผดเสียงโกรธเกรี้ยวอย่างทนไม่ได้
แม้ดาวเคราะห์บรรพกาลของเขาจะยังไม่พังทลายจนย่อยยับ แต่สำหรับเขาแล้วการโจมตีแบบนี้ก็ทำลายไปถึงแก่นแล้ว ในขณะที่ถอยหลัง ดารานิรันดร์ทั้งแปดที่เคยถูกเขารั้งไว้ก็ปรากฏตัวขึ้นรอบกายเขาในพริบตา แต่ละคนท่าทางเยียบเย็น พลันยกมือขวาใส่เซี่ยอวิ๋นเถิง
เพียงเท่านี้ก็ทำให้เซี่ยวอวิ๋นเถิงรวมทั้งมายาดาวเคราะห์บรรพกาลด้านหลังฟื้นตัวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เดิมที่บาดเจ็บถึงแก่นแท้กลับฟื้นคืนอย่างรวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ!
“นายน้อยห้า พวกเราลงมือกันเถอะ” เมื่อรักษาเซี่ยอวิ๋นเถิงเสร็จ ผู้เฒ่าหนึ่งในกลุ่มนั้นเอ่ยขึ้นเรียบๆ
“ไม่ต้อง พวกเจ้าถอยไปให้หมด กับแค่เศษขยะ ข้าคนเดียวก็ขยี้ให้แหลกได้!” เซี่ยอวิ๋นเถิงร่างกายสั่นเทา แม้สีหน้าเป็นปกติแล้วแต่นัยน์ตากลับวาววับอย่างบ้าคลั่ง ร่างกายแผ่กลิ่นอายมืดดำเป็นสาย ขณะที่คำรามทุ้ม สองมือวาดขึ้นเต็มกำลังพุ่งเข้าหาหวังเป่าเล่ออีกครั้งอย่างรวดเร็ว
“หวังเป่าเล่อ!” ท่ามกลางเสียงกรีดร้อง ฉับพลันนั้นกลิ่นอายมืดดำที่แผ่ออกมาจากตัวของเซี่ยอวิ๋นเถิงก็ได้เพิ่มจำนวนและรุนแรงขึ้นในเสี้ยววิพร้อมแผ่กระจายออกมานอกร่าง ทำให้เขาดูเหมือนได้กลายร่างเป็นกลุ่มหมอกไปแล้ว
กลุ่มหมอกดำขยายตัวขึ้นอย่างรวดเร็วในขณะที่พัดหมุน พลังก็ยิ่งเพิ่มสูง ในขณะที่มันยิ่งเข้าใกล้หวังเป่าเล่อเรื่อยๆ ในขณะที่ขนาดของมันยิ่งขยายใหญ่ ระเบิดดังสนั่น
พลังที่รุนแรงนี้พริบตาเดียวก็ก้าวล้ำการฝึกตนที่ผ่านมาทั้งหมดของเซี่ยอวิ๋นเถิง ความรุนแรงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว หนึ่งเท่า สองเท่า สามเท่า… ยิ่งใกล้พลังก็ยิ่งเพิ่มขึ้น!
หวังเป่าเล่อที่เดิมทีจะเดินเข้าระเบียงพลันชะงักเท้า ความสนุกที่หายไปพลันพุ่งทะยานขึ้นในช่วงจังหวะนี้เอง ประสานพลังอีกครั้งก่อนหันไปมอง
และนาทีที่เขาหันกลับไป น้ำเสียงร้อนรนของเซี่ยไห่หยางพลันลอยมา
“เป่าเล่อระวัง นี่เป็น…วิชาลับของตระกูลเซี่ยสายตรง เงาบรรพชน!! ไม่มีผลต่อคนในตระกูล แต่จะเพิ่มพลังให้ภายนอกให้ตัวเองได้ ยกระดับพลังต่อสู้ในเวลาอันสั้น!!”
ขณะเซี่ยไห่หยางเอ่ยพูด สายตาของหวังเป่าเล่อก็เบนไปยังกลุ่มหมอกรอบกายของเซี่ยอวิ๋นเถิงอย่างว่องไว มันเคลื่อนหมุนราวกับเปลวไฟ ระเบิดอย่างรุนแรงก่อนไอหมอกหลอมรวมขึ้นเป็นเค้าร่างคน
เงาร่างนี้สูงประมาณสามร้อยเมตร เมื่อโผล่มาก็ทำให้เรือบินโคลงเคลงไปหมด ทั้งส่งผลให้จักรวาลนอกโลกเกิดแรงสั่นสะเทือนทำให้เรือบินต้องหยุดจอดอย่างเสียไม่ได้
ในช่วงที่ก่อตัวเป็นร่างมนุษย์นี้ก็ได้แผ่กลิ่นอายโบราณที่ราวกับสั่งสมอายุอันยาวนานออกมาจากไอหมอกมหึมานี้อย่างไม่หยุดยั้ง ขณะกลายเป็นแรงพลังมหาศาลห่อหุ้มไปทั่วสารทิศอยู่นั้น หวังเป่าเล่อก็เห็นใบหน้าของเงาหมอกนี้อย่างชัดเจนแล้วเช่นกัน เป็นผู้อาวุโสที่น่ายำเกรงผู้หนึ่ง แววตาลึกล้ำและพลังพิสดารที่ยากจะบรรยายคล้ายกับจะสามารถทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างเลือนหายไป!
“เงาบรรพชนรึ?” หวังเป่าเล่อนัยน์ตาหรี่เล็ก ความรู้สึกอันตรายพวยพุ่งอยู่ในร่างกาย และในขณะที่พลังหลั่งไหลออกมาไม่หยุดจากเงาหมอกนั้นก็ส่งเสียงกึกก้องไปยังหวังเป่าเล่อว่า
“หวังเป่าเล่อ ตายซะ!!”
สมกับเป็นตระกูลเซี่ย…นึกไม่ถึงว่ายังมีพลังเทพแบบนี้อยู่ด้วย ให้ลูกหลานยืมใช้เงาร่าง ถึงจะให้แค่เงาร่างไม่ใช่พลัง แต่ก็เป็นการเพิ่มพลังให้ตัวเองอย่างน่าตื่นตาตื่นใจเช่นกัน คิดๆ ดูแล้วเงาบรรพชนที่ว่านี่…คงเป็นตระกูลเซี่ยผู้นั้นที่ทุ่มทุนให้ตระกูลคงกระพันสร้างบรรพบุรุษตระกูล! หวังเป่าเล่อสูดลมหายใจลึก ถึงแม้ความรู้สึกอันตรายในร่างกายจะยังรุนแรงแต่ว่าสิ่งที่รุนแรงกว่านั้นคือความหมายของการต่อสู้ที่แท้จริง ความรู้สึกนี้ได้กระจายไปทั่วร่างถึงขั้นที่ทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นเลยทีเดียว ในวินาทีที่เงาหมอกนั้นมาถึง หวังเป่าเล่อหัวเราะร่วน พลางยกมือขวาขึ้น แววตาระยับ!
“จะให้ข้าตาย ก็ต้องถามอาจารย์ข้าก่อนว่ายินยอมหรือไม่!”
……………………………………….