หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting - บทที่ 1099 ซุนเต๋อที่ต่างไป!
โลกนี้เวียนว่ายมากี่ครั้งกันแน่
จักรวาลนี้เริ่มต้นใหม่กี่รอบแล้ว
ในการเวียนว่ายที่แตกต่าง การเริ่มต้นที่แตกต่าง แต่ละคนจะอยู่ในสถานะเช่นไร
ในโลกที่แตกต่าง ตายเกิดที่แตกต่าง วิญญาณแต่ละดวงจะอยู่ในสภาพเช่นไร
ขณะที่ยังไม่ระลึกชาติ หวังเป่าเล่อไม่เข้าใจทั้งหมดนี้ กระทั่งในความตระหนักรู้ก็ไม่มีข้อสงสัยเช่นนั้น แต่หลังจากระลึกชาติแล้ว เขาจึงเริ่มครุ่นคิด
เขาต้องการรู้คำตอบ เขาไม่ต้องการมีอยู่มาก่อน แต่เขาต้องการมีอยู่
เขาต้องการรู้ข้อเท็จจริง เขาไม่ต้องการเป็นเพียงสิ่งหนึ่งในจักรวาลที่แตกต่าง และก้อนอิฐในการเวียนว่ายกลับมาครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่ต้องการปรากฏในตำแหน่งที่ต่างกันครั้งแล้วครั้งเล่า เขาต้องการอยู่อย่างรู้แจ้ง
การระลึกถึงสิบชาติก่อน ทำให้เขารู้อะไรมากมาย แต่ความเป็นมา ยังมีความสงสัยอยู่ลึกๆ และความสงสัยทั้งหมดนี้ เวลานี้ไม่สำคัญอีกแล้ว เพราะด้วยการดำดิ่งของดวงวิญญาณเทพ และด้วยสมุดแห่งโชคชะตาที่อยู่เบื้องหลังประมุขกฎสวรรค์ การพลิกกลับแต่ละหน้า อดีตชาติของหวังเป่าเล่อ ก็ปรากฏต่อหน้าเขาไปทีละหน้า แต่…จิตสำนึกของเขา ก็ค่อยๆ ลืมเลือนตัวตน กลายเป็นความผุดผ่อง จนกระทั่งเได้ยินเสียงของประมุขกฎสวรรค์
“เจ็ดสิบเก้า…”
……
“ข้าเป็นใคร… ข้าอยู่ที่ใด…” ในความว่างเปล่าอันมืดมิด ข้าได้ยินเสียงกระซิบที่ข้างหู
คล้ายกับส่งมาจากที่ไกลแสนไกล และคล้ายกับมันดังก้องอยู่ข้างกายข้า ข้าไม่รู้ว่าแท้จริงเสียงนี้มาจากไหน ไม่รู้ว่าเสียงนั้นเหตุใดจึงถามสองประโยคนี้
เสียงนั้นก้องกังวานไปอย่างไร้ขอบเขต ราวกับจะดังอยู่ชั่วนิรันดร์ แต่ข้ากลับไม่ได้ยินคำตอบรับใดๆ ดูเหมือนจะไม่มีผู้สนใจเสียงนี้ และข้าก็ไม่รู้จะกล่าวเช่นไร ดังนั้นอย่างเนิบช้า ภายในความว่างเปล่าอันแสนมืดมิด ราวกับจะมีเพียงเสียงนี้เท่านั้น
ไม่มีร่องรอยการไหลผ่านใดๆ ของกาลเวลา ในความว่างเปล่านี้
บางที อาจเป็นเพราะเสียงนี้ ที่ทำให้ข้าเริ่มคิดว่า ข้า…คือผู้ใด ข้าอยู่ที่ไหน
ข้าครุ่นคิดอยู่นานก็ยังไร้คำตอบ และยิ่งคิดก็ยิ่งงงงัน จนครู่หนึ่ง ข้าก็ส่งเสียงออกไป
“ข้าคือผู้ใด…ข้าอยู่ที่ไหน…”
เสียงนี้ฟังดูคุ้นมาก หลังจากถามออกไป ข้ารอสักพัก ก็ได้ยินเสียงตอบกลับ
ข้าจึงได้เข้าใจ แท้จริงแล้วเสียงที่ข้าได้ยินในตอนแรก ก็คือเสียงของข้าเอง และข้า…ดูเหมือนจะเอ่ยถามประโยคนี้ ซ้ำแล้วซ้ำเล่ามานานนับหลายปี
การค้นพบนี้ ทำให้อารมณ์ของข้าแปรปรวน ข้าไม่รู้ว่าจะเรียกความแปรปรวนนี้เช่นไร ดังนั้นข้าจึงคิดต่อไป กระทั่งผ่านไปนานแสนนาน ข้าก็คิดขึ้นมาได้คำหนึ่ง
ความสุข!
ใช่สิ อารมณ์นี้ควรเรียกว่าความสุข ข้ามีความสุขมาก เพราะข้าพบที่มาของเสียง แต่ข้าจะรู้จักคำว่าความสุขนี้ได้เช่นไรกันเล่า..
ข้าสับสน ดังนั้นจึงได้คิดต่อไป แต่คราวนี้ ข้ายังไม่ทันคิดถึงคำตอบ ความว่างเปล่าที่มืดมิดไม่ได้อยู่ในสายตา ฉับพลัน…ก็ปรากฏแสงสว่างขึ้นในทันที!
แสงนี้ดูเหมือนจะส่องมาจากโลกภายนอก สะท้อนในความว่างเปล่าทั้งหมด แล้วก็… ไม่เคยจางหายไป ความว่างเปล่าทั้งหมด ในเวลานั้นพลันเกิดการเปลี่ยนแปลง ข้าเห็นนิ้วหนึ่ง มันรวมตัวออกมาอย่างรวดเร็ว กลายเป็นมือข้างหนึ่ง
ดูเหมือนมันจะคว้ามือของข้าไว้ จากนั้นข้าก็เห็นแขน ร่างกาย และร่างทั้งร่าง ปรากฏออกมาต่อหน้าข้า นั่นเป็นชายหนุ่ม เขาหลับตาอยู่ ยังไม่ได้ลืมตาขึ้น
ข้าประหลาดใจมาก เพราะข้ารู้สึกคุ้นเคยกับชายหนุ่มผู้นี้ แต่ก็แปลกหน้าเช่นกัน หากแต่ความว่างเปล่านี้ไม่ปล่อยให้ข้าครุ่นคิดต่อไป หลังจากปรากฏคนแรกแล้ว ระลอกคลื่นก็สะท้อนกลับมารอบด้าน
เมื่อคลื่นกระจายออกไป ข้าเห็นโต๊ะตัวหนึ่ง และเห็นโต๊ะเก้าอี้อื่นๆ ปรากฏขึ้นรอบด้าน จนกระทั่งโรงน้ำชาปรากฏขึ้นตรงหน้าข้า จากนั้นระลอกคลื่นก็แผ่กระจายอีกครั้ง ด้านนอกโรงน้ำชาปรากฏสิ่งก่อสร้างอื่นๆ แม่น้ำ ต้นไม้ และในไม่ช้าก็เป็นเมืองเล็กๆ ราวกับถูกวาดขึ้น
จากนั้น… ระลอกคลื่นกระจายเป็นวงกว้าง ข้าเห็นแผ่นดิน เห็นท้องฟ้า เห็นเมืองอื่นๆ และเห็นดวงดาราเปลี่ยนจากความพร่ามัวสู่ความเป็นจริง
ยังไม่จบ ข้ายังเห็นท้องฟ้าที่ด้านนอกดวงดารานี้ ท่ามกลางการสะท้อนของระลอกคลื่น ปรากฏดวงดาราอื่นมากมาย ขณะปรากฏการณ์อย่างต่อเนื่องนี้ หนี่งจักรวาล หนึ่งพิภพ ก็ได้ปรากฏอยู่ต่อหน้าข้า
จากนั้น ชีวิตก็ปรากฏขึ้นแล้ว
สรรพสัตว์ทั้งหลาย สิ่งมีชีวิตทั้งหมด ต่างก็ดูเหมือนกับไม่เคยมีมาก่อน ปรากฏอยู่ในทุกตำแหน่งที่พวกเขาต้องการในขณะนี้ มีชายมีหญิง มีเด็กมีแก่ ต่างสายพันธุ์ ต่างกลิ่นไอ แต่กลับยังคงนิ่งเงียบไม่ไหวติง
และชายหนุ่มที่จับข้าเอาไว้ เขาคว่ำหน้าอยู่บนโต๊ะ ไม่ขยับเขยื้อน แต่กลับจับข้าไว้แน่น ราวกับจะไม่ยอมปล่อยมือ แม้ชีวิตจะหาไม่
แต่ข้าไม่ได้ชอบเขามากนัก
ขณะที่ข้าครุ่นคิดว่าเหตุใดข้าจึงไม่ชอบเขา ทันใดนั้นดูเหมือนทั้งโลกจะถูกเติมพลังและความมีชีวิตชีวา ในยามนั้น…สรรพสัตว์ก็เคลื่อนไหว
ลมปรากฏขึ้นแล้ว แสงแดดอบอุ่นแล้ว ใบไม้สั่นไหวแล้ว แม่น้ำไหลแล้ว ต่างส่งเสียงร้องและคำรามไปทั่วทุกมุมโลก
ภายในโรงน้ำชา อยู่ๆ ก็ส่งเสียงครึกครื้น เวลานี้ชายหนุ่มที่จับข้าไว้แน่น ร่างกายของเขาค่อยๆ ขยับ ก่อนจะลืมตาและเงยหน้าขึ้น
ทันทีที่เขาเงยหน้า ข้าก็เห็นดวงตาของเขา
ข้าเห็นตนเองสะท้อนอยู่ในดวงตาของเขา
นั่นคือแผ่นไม้สีดำชิ้นหนึ่ง แผ่นไม้สีดำที่เขาจับแน่นไว้ในมือ จากนั้น…ข้าถูกยกขึ้นและเคาะอยู่บนโต๊ะ ส่งสียงดังคมชัด
ภายใต้เสียงนี้ โลกเบื้องหน้าข้าเริ่มดำเนินต่อไป ข้าเห็นชีวิตนี้ที่เรียกว่าซุนเต๋อ เขากลายเป็นนักเล่านิทานที่น่าจับตามองที่สุดในเมืองนี้ แต่งงานกับบุตรสาวของครอบครัวใหญ่ สืบทอดมรดก และมั่งคั่งอุดมสมบูรณ์ มีอาหารและเสื้อผ้าเพียงพอ ครองรักกับภรรยาไปตลอดชีวิต จนกระทั่งอายุ 89 ปี ก็จากไปด้วยรอยยิ้ม
และข้า ด้วยเพราะชนรุ่นหลังของเขาจะอย่างไรก็แกะนิ้วซุนเต๋อไม่ออก ดังนั้นจึงถูกฝังไปพร้อมกับเขา
แม้จะไม่ชอบเขา แต่ก็ต้องยอมรับว่า การแสดงตลอดชีวิตนี้ของเขาน่าสนใจเลยทีเดียว ส่วนการถูกฝังร่วมกับเขา ก็ไม่เป็นไร เพราะหลังจากที่เขาตาย โลกนี้ทั้งหมดก็สูญสลายกลายเป็นความมืดมิดอีกครั้ง และจิตสำนึกของข้า ก็กลับคืนสู่ความมืดมิดอีกครา
จนกระทั่งได้ยินเสียงหนึ่ง
“78”
การปรากฏของเสียงนี้ ดูเหมือนจะกลายเป็นวังวน กระชากข้าเข้าไป…ในความว่างเปล่าที่ไร้แสง ข้าคิดไม่ออกว่าตนคือใคร ข้าคิดไม่ออกสักอย่างเดียว ข้ากำลังใคร่ครวญปัญหาหนึ่งอยู่
“ข้าคือผู้ใด…ข้าอยู่ที่ไหน…”
เสียงของข้าสะท้อนก้อง จนข้าใคร่ครวญอยู่นาน ความว่างเปล่าปรากฏแสงแล้ว และโลกปรากฏอยู่ต่อหน้าข้า สิ่งแรกที่ปรากฏ คือนิ้วหนึ่งหลังจากที่แผ่ขยายไปอย่างช้าๆ ก่อรูปก่อร่างเป็นชายหนุ่ม เขาคว่ำหน้าอยู่บนโต๊ะ และจับข้าไว้แน่นในมือ
นามของเขาคือซุนเด๋อ ข้ารู้สึกคุ้นตา แต่ก็แปลกหน้า ชีวิตของเขาไม่เลว เป็นนักเล่านิทาน แม้จะไม่ได้แต่งกับสตรีในครอบครัวใหญ่ของเมืองเล็กๆ แต่เขากลับมาเมืองหลวง สอบได้เป็นขุนนาง แม้ในบั้นปลายชีวิตจะติดคุก แต่โดยรวมแล้ว ยังมีความโดดเด่น ส่วนข้า…ถูกเขาจับอยู่ในมือตลอดเวลา ไม่เคยห่างไปไหน
น่าเสียดายที่หลังจากการตายของเขา โลกก็สูญสลาย จากนั้นข้าก็ได้ยินเสียงหนึ่ง
“เจ็ดสิบเจ็ด”
เสียงนี้ลากข้ากลับไปสู่ความว่างเปล่า ข้าลืมสิ้นไปหมดทุกสิ่ง เห็นแสง เห็นโลก เห็นซุนเต๋อ
“เจ็ดสิบหก”
……
“สามสิบเอ็ด”
……
“สิบสี่”
……
“สาม”
ประสบการณ์ครั้งแล้วครั้งเล่า การหลงลืมครั้งแล้วครั้งเล่า ตั้งแต่มีสติจนไม่มีสติ กระทั่งข้าไม่เปลกใจ เพราะข้าตระหนักแล้ว ข้ากำลังดำเนินชีวิต ผ่านชาตินี้ไป ก็จะลืมอีกชาติหนึ่ง และจะลืมความทรงจำพิเศษของอดีตและอนาคต…
น่าแปลก ข้ารู้สึกเช่นนี้ได้อย่างไร เหตุใดจึงรู้ว่ากำลังระลึกอยู่
หากไม่เข้าใจก็ไม่เป็นไร ขอเพียงมีนิทานให้ดูก็พอ แม้ในนิทานนี้ล้วนเป็นชีวิตที่แตกต่างของซุนเต๋อ
ทว่า ข้าสงสัยนัก ครั้งแรกที่เราพบกัน จะปรากฏภาพที่แตกต่างหรือไม่
………………………………………………..