หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting - บทที่ 1171 ทำไมดึงไม่ขาด!
“ใคร!” หวังเป่าเล่อรู้สึกกลัวอยู่ในใจ รีบหนีอย่างรวดเร็ว แต่ก็ไร้ประโยชน์ ไม่กี่อึดใจแรงดึงก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง เขาตกใจและตะโกนเสียงดัง
“ข้าเห็นเจ้าแล้ว เหอะ ที่แท้ก็เป็นเจ้า!”
ตึง!
ดึงอีกครั้ง!
“น่ารังเกียจ ไร้ยางอาย มีฝีมือก็ออกมา ดูสิพ่อเจ้าจะตีเจ้าอย่างไร!”
ตึง ตึง!
ดึงอีกครั้ง…
หวังเป่าเล่อกำลังจะเป็นเสียสติ ในช่วงเวลาสั้นๆ นี้เขาถูกดึงไปมากกว่า 20 ครั้งแล้ว ตอนนี้รอบตัวเขาต่างเกิดรอยร้าวนับไม่ถ้วนราวกับกำลังจะพังทลาย นั่นทำให้หวังเป่าเล่อที่จมดิ่งอยู่กับโลกใบนี้อย่างสมบูรณ์ยิ่งหวาดกลัวมากขึ้นไปอีก
เวลาเดียวกันภายในวัดที่แม่น้ำแห่งความมืด ตอนนี้สตรีชุดแดงฉายแววตามุ่งร้าย นางก้มหน้าลง มือหนึ่งจับร่างหวังเป่าเล่อไว้ อีกมือหนึ่งใช้แรงทั้งหมดดึงศีรษะของเขาเขา ปากส่งเสียงคำรามต่ำซ้ำแล้วซ้ำเล่า ใช้แรงดึงไม่หยุด…
10 ครั้ง 20 ครั้ง…ในที่สุดเมื่อพยายามครั้งที่ 27 พร้อมเสียงคำราม ไม่ใช่ว่าหัวหวังเป่าเล่อถูกดึงลง แต่หุ่นกระบอกร่างเขาที่อยู่ในสภาพเปิดออกก่อนหน้านี้ จู่ๆ ก็ถอยร่นออกไปราวกับไม่ได้อยู่ในการควบคุมของสตรีชุดแดงอีก มันถอยกลับไปที่เดิม จากนั้นก็ตัวสั่น และเมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง หวังเป่าเล่อก็ได้สติ
ความทรงจำทั้งหมดจากดวงจันทร์ก่อนหน้านี้กลับมาทันที สีหน้าหวังเป่าเล่อเปลี่ยนไปฉับพลันและตระหนักได้ทันทีว่าเมื่อครู่ตนตกอยู่ในห้วงมายาแปลกประหลาด ทันทีที่ถอยออกมาเขาก็สำรวจร่างกายตนเอง ก่อนใบหน้าจะฉายความงุนงง
เขา…ไม่เป็นอะไรเลย แค่เจ็บตรงคอเล็กน้อยเท่านั้น หวังเป่าเล่อเงยหน้าขึ้น ในพริบตาที่เงยหน้าขึ้นนั่นเอง เขาจึงเห็นว่าสตรีชุดแดงกำลังตาแดงก่ำและถลึงตามองเขาอยู่
ท่าทางนั้นดูโกรธเกรี้ยว และไม่พอใจอย่างยิ่ง
หวังเป่าเล่อใจกระตุก ถอยหลังไปอีกครั้ง เขากำลังจะท่องบทสวดแห่งเต๋า ฝักกระบี่เจ้าชะตาในร่างกายกำลังจะไหลเวียน แต่ในพริบตา สตรีชุดแดงร่างยักษ์ก็ดวงตาวาววับ หวังเป่าเล่อตัวแข็งทื่อไปทันที ดวงตาพลันว่างเปล่าและกลายเป็นหุ่นกระบอกอีกรอบ คราวนี้…ไม่ได้เดินไปที่เดิม แต่สตรีชุดแดงให้การดูแลเป็นพิเศษโดยการเดินมาตรงหน้าเขา
ตอนนี้สตรีผู้นั้นไม่สนใจหุ่นกระบอกตัวอื่นแล้ว ต่อให้มีหุ่นกระบอกเปล่งแสงก็ไม่สน นางจ้องมองหวังเป่าเล่อที่กลายเป็นหุ่นกระบอกและรอคอยให้เขาเปล่งแสง Aileen-novel
ขณะที่นางกำลังรอคอย หวังเป่าเล่อก็จมดิ่งไปในอีกห้วงมายาหนึ่งแล้ว นั่นก็คือดาราจักรดวงเนตรสวรรค์ ด้านหลังหวังเป่าเล่อมีเรือรบจำนวนมากกำลังไล่ตามเขามา ผู้นำคือสตรีผู้หนึ่งซึ่งเป็นผู้บัญชาการกองทัพมังกรหยดหมึก ดวงตานางเผยเจตนาฆ่าอย่างรุนแรงขณะเข้าใกล้หวังเป่าเล่อ
หวังเป่าเล่อที่กำลังหลบหนีดวงตาว่างเปล่าไปชั่วขณะ แต่ไม่นานการไล่ล่าในตอนนี้ก็ทำให้เขาจมดิ่งเข้าไปและหลบหนีอย่างรวดเร็ว หากแต่กลับเลี่ยงไม่ได้ ยังคงถูกอีกฝ่ายไล่ตามเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ
“ให้ตายสิ พวกเขาเอาผลของข้าไปชัดๆ” หวังเป่าเล่อจมดิ่งไปกับห้วงมายา พริบตาที่ความเกลียดชังอัดแน่นในใจ จักรวาลก็แผดเสียงคำราม พลังอันแข็งแกร่งไหลมารวมตัวจากทั่วทุกสารทิศ และตกลงบนคอของเขาเหมือนกับมันได้กลายเป็นฝ่ามือใหญ่ สองมือบีบเค้นคอเขาเอาไว้!
ความรู้สึกที่ถูกดึงอย่างแรง แต่กลับ…ดึงไม่ขาดทำให้หวังเป่าเล่อชะงักไป
“ความรู้สึกแบบนี้คุ้นๆ อยู่นะ…”
เวลาเดียวกัน ภายในวัดที่แม่น้ำแห่งความมืด สตรีชุดแดงกำลังแหงนหน้าแผดเสียงกรีดร้องอย่างโกรธเกรี้ยว เส้นเลือดในดวงตาปูดโปน ก่อนจะลุกขึ้น สองมือระเบิดพลังทั้งหมดเพื่อจะ…ฉีกร่างหวังเป่าเล่อที่กลายเป็นแผ่นไม้สีดำในมือ
แต่ไม่ว่านางจะพยายามแค่ไหน บ้าคลั่งเพียงใดก็ไม่อาจทำอะไรแผ่นไม้สีดำได้แม้แต่น้อย แท้จริงแล้ว…หากพลังเทพของนางไม่ได้เชื่อมโยงกับสารัตถะของสิ่งมีชีวิตและมีเพียงวิญญาณเทพ ป่านนี้วิญญาณเทพของหวังเป่าเล่อคงสลายไปแล้ว แต่หากเกี่ยวข้องกับสารัตถะของสิ่งมีชีวิตแล้วล่ะก็…
เกรงว่าต่อให้ไม่มีแม่น้ำแห่งความมืด แผ่นไม้สีดำหวังเป่าเล่อก็ยังดำรงอยู่ต่อไปอย่างสงบ เพียงแต่วิญญาณเทพที่เกิดบนแผ่นไม้สีดำนี้จะหายไปก็เท่านั้น
ขณะนี้เสียงกรีดร้องยังดำเนินต่อไป สตรีชุดแดงยังคงพยายามต่อไปอย่างบ้าคลั่ง ส่วนหวังเป่าเล่อในห้วงมายาก็รู้สึกว่าถูกดึงครั้งแล้วครั้งเล่า จากว่างเปล่าเป็นมึนงง และจากมึนงงเป็นว่างเปล่า กลับไปกลับมาเช่นนี้หลายครั้ง ดวงตาของเขาฉายแววกระเสือกกระสนและรุนแรงยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ท้ายที่สุดก็ชัดแจ่มแจ้ง!
“หืม” หวังเป่าเล่อสะบัดศีรษะแรงๆ ก่อนจะมองไปรอบด้าน ความทรงจำในหัวผุดขึ้นมาทันที เขาจำได้แล้ว ตัวเขาอยู่ในแม่น้ำแห่งความมืด ภายในวัดที่มีสตรีชุดแดงผู้นั้น
“เช่นนั้นสภาพของข้าตอนนี้…” หวังเป่าเล่อดวงตาฉายแสงแรงกล้า แต่ก่อนที่เขาจะคิดอะไรได้มากกว่านั้น พลังไม่ธรรมดาที่ระเบิดขึ้นอีกครั้งก็ทำให้คอของเขาเจ็บเล็กน้อยและโลกพลันพังทลายลง
ความเจ็บครั้งนี้ราวกับถูกคนตบ ซึ่งความจริงแล้วมันไม่ได้เจ็บอะไรมาก แต่โลกกลับแบกรับไม่ไหวจนพังทลายลงเป็นอย่างแรก ในทันทีที่หวังเป่าเล่อได้สติคืนมา เขาก็รีบถอยร่นไปอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันก็เห็นสตรีชุดแดงอยู่ตรงหน้าเขา และกำลังจะครอบครองพื้นที่ทั้งหมด
ขณะเดียวกันหวังเป่าเล่อก็เห็นว่ามีหุ่นกระบอกมากกว่า 10 ตัวที่ไม่รู้ว่าเปล่งแสงมานานแค่ไหนแล้ว แต่ไม่ได้รับความสนใจ…ใบหน้าเขาแสดงความประหลาดใจเล็กน้อย แต่แล้วพริบตานั้นด้วยความดื้อรั้นของสตรีชุดแดง ภาพตรงหน้าของหวังเป่าเล่อก็พร่าเลือนอีกครั้ง เมื่อฟื้นขึ้นเขาก็กลับไปอยู่ในสุสานดวงดาราแล้ว
และกำลังหลบหนีเหล่ามหาศิษย์แห่งเต๋าที่ไล่ล่าเขาบนเกาะ ทว่าหลังจากหวังเป่าเล่อวิ่งไปได้ไม่กี่ก้าวก็ได้ยินเสียงฝีเท้า ดวงตาพลันเผยแววกระเสือกกระสนอย่างรวดเร็ว และเขาก็ฟื้นขึ้น
คราวนี้บางทีอาจเป็นเพราะประสบการณ์สองครั้งก่อนหน้า หวังเป่าเล่อจึงตื่นขึ้นมาก่อนได้อย่างราบรื่น ทันทีที่ตื่นขึ้นก็เกิดแรงดึงอีกครั้ง หวังเป่าเล่อไม่สนใจ หลังจากเกาคอแล้วมองไปรอบด้าน จากนั้นสายตาก็เผยแววครุ่นคิด
“สตรีชุดแดงผู้นั้นดูโง่เขลา…”
“ภาพลวงตาไม่มีผลอะไรกับข้าหรอก”
“แต่…ภาพลวงตานี้ดูน่าสนใจ สามารถแสดงความทรงจำของข้าได้ ขณะเดียวกันยังส่งผลกระทบกับชาติก่อนได้ด้วย…เช่นนั้นเป็นไปได้ไหมว่าภาพที่ปรากฏตรงหน้าข้าเมื่อครู่เป็นห้วงมายา”
“หากเป็นเช่นนั้นจริง…บางทีข้าอาจรับรู้ชาติก่อนได้อีกครั้ง ไม่แน่ว่าอาจจะได้เห็นอะไรมากขึ้น! อาจจะได้เห็น…ความทรงจำที่ข้าไม่เคยรู้ก็ได้” ความคิดของหวังเป่าเล่อก็เป็นเพียงจินตนาการเท่านั้น ตัวเขาเองก็ไม่ค่อยแน่ใจนัก แต่ก็มีความหวังเล็กน้อยจึงเดินเตร่ไปรอบๆ มองดูทุกสิ่งในห้วงมายา ตอนนี้เขาผ่านประสบการณ์ถูกดึงคอมากกว่า 30 ครั้งแล้ว
หวังเป่าเล่อคุ้นชินกับมันแล้ว ทุกครั้งที่มีการดึงเขายังเบี่ยงมุมให้แรงดึงนั้นสบายกับตนเองมากขึ้นเสียด้วยซ้ำ เป็นเช่นนี้ไปจนสุดท้ายโลกก็พังทลาย
หลังจากได้สติกลับมาครั้งนี้ หวังเป่าเล่อไม่ถอยหลัง แต่ยืนอยู่ตรงนั้นและมองสตรีชุดแดงที่กำลังถลึงตามองเขาด้วยดวงตาเปื้อนเลือดอย่างรอคอย
พริบตานั้นราวกับถูกหวังเป่าเล่อยั่วโมโห สตรีชุดแดงแผดเสียงกรีดร้องและใช้เคล็ดวิชา ทำให้หวังเป่าเล่อกลับมายังจักรวาลสีเทาที่ศิษย์พี่เฉินชิงจื่ออยู่อย่างปีติยินดี…
ไม่นานหวังเป่าเล่อก็กลับมา และเข้าสู่…ชาติที่เขาเป็นเผ่าเทพออัคคี
จากนั้นก็ทหารอาฆาต ผู้ฝึกตนโกรธเกรี้ยว ผีดิบ กวางน้อย…
หวังเป่าเล่อเข้าสู่ห้วงมายาครั้งแล้วครั้งเล่าจนมีสติเต็มร้อย ยิ่งกว่านั้นความแข็งแกร่งของพลังเทพสตรีชุดแดงผู้โง่เง่าก็ยิ่งน่าตกใจขึ้นเรื่อยๆ ขณะเดียวกันความคาดหวังในใจก็ยิ่งแรงกล้าขึ้น
“มันเป็นไปได้จริงๆ!!”
เขารู้สึกตื่นเต้นในฉับพลัน หลังจากกลับมาอีกครั้ง สายตาที่จ้องมองสตรีชุดแดงซึ่งกำลังหอบหายใจอยู่ก็เต็มไปด้วยความกระตือรือร้น
“มาอีกสิ!”
สตรีชุดแดงคำรามขึ้นฟ้า แล้วยกมือขวาขึ้นมาราวกับจะใช้คาถาเวทอีก หากแต่ครั้งนี้กลับลังเลไปชั่วครู่ ท่าทางนั่นทำให้หวังเป่าเล่อร้อนใจ เขากลอกตา มุมปากเหยียดยิ้มเย้ยหยัน ก่อนจะเหาะช้าๆ ทำราวกับว่ากำลังจะจากไป
แสงดุร้ายในดวงตาสตรีชุดแดงลุกโชนขึ้นอีกรอบ มือขวาที่ยกขึ้นพลันตบลงมาทำให้หวังเป่าเล่อได้ตอบสนองความปรารถนาของตน และเข้าไปในห้วงมายา…ด้วยความยินดี
………………………