หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting - บทที่ 1198 แผ่นโลกาสะเทือนพิภพ!
การผสานรวมของครามทองคำทำให้อารยธรรมสหพันธรัฐยกระดับขึ้น!
กฎแห่งเต๋าสวรรค์และกฎเกณฑ์แผ่ขยายอย่างต่อเนื่องอยู่ภายใน ท่วมท้นไปทุกสารทิศ และแพร่กระจายไปทั่วทุกสิ่งทุกอย่าง มีสายฟ้าสีม่วงสายแล้วสายเล่ากระจายอยู่ในดาราจักร ทำให้ทุกคนที่เงยหน้ามองจะเห็นงูสีม่วงร่ายรำอยู่กลางอวกาศอย่างสะเทือนฟ้าสะเทือนดิน
ผู้ฝึกตนทุกคนไม่ว่าจะเป็นวังเต๋าไพศาลหรือว่าอารยธรรมดวงเนตรสววรค์ก็ล้วนระเบิดพลังฝึกปรือออกมาในชั่วขณะนี้เอง พร้อมกับการยกระดับชีวิตและการตอบรับของปราณวิญญาณ ยังมีกลิ่นอายของการทะลวงปะทุขึ้นหลายสาย ซึ่งแผ่กระจายออกมาอย่างต่อเนื่องภายในสหพันธรัฐใหม่ตอนนี้
ภายในอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ พลังฝึกปรือของปรมาจารย์มหาทัณฑ์ทะลวงจากดาวพระเคราะห์ชั้นมหาวัฏจักรดั้งเดิมพุ่งตรงไปยังระดับดารานิรันดร์ท่ามกลางการระเบิดครั้งนี้ ส่วนตัวเขาก็ได้เตรียมการสำหรับการเลื่อนขั้นพลังฝึกปรือของตนมาหลายปี โดยเหลือดาวเคราะห์อมตะดวงหนึ่งไว้ให้ตนเองนานแล้ว นี่ก็คือพลังเบื้องพลังของอารยธรรมดวงเนตรสววรค์
ตอนนี้ ด้วยความช่วยเหลือจากดาวเคราะห์อมตะดวงนี้ พลังฝึกปรือของเขาก็จุดประกายดาวดวงนี้ขึ้นทันทีท่ามกลางการทะลวงและการตอบรับของปราณวิญญาณ จนตัวเขาเลื่อนระดับอย่างต่อเนื่อง พลังฝึกปรือก้าวเข้าสู่ระดับดารานิรันดร์อย่างราบรื่น!
และยังมีผู้ฝึกตนของอารยธรรมดวงเนตรสววรค์จำนวนมากที่ยกระดับขึ้นเช่นกัน มีสามคนในนั้นก้าวสู่ระดับดาวพระเคราะห์โดยตรง!
สำหรับวังเต๋าไพศาล ตอนนี้เกิดเสียงดังสนั่นไม่หยุด เงาร่างหลายร่างกู่ร้องออกมาจากสถานที่กักตน อาการบาดเจ็บของผู้ฝึกตนระดับดาวพระเคราะห์ทั้งเก้าคนหายดีจนหมดและออกจากด่านกักตนทันที!
ส่วนชิงหลิงจื่อ อาการบาดเจ็บของเขายิ่งหายเป็นปลิดทิ้ง และกลับสู่ระดับดารานิรันดร์ชั้นกลาง!
ยังมีประมุขซิงอี้ผู้นั้น เนื่องจากพลังฝึกตนของเขาสูงส่งลึกล้ำ ทั้งอาการบาดเจ็บก็ไม่เบานัก ถึงแม้จะไม่ได้ฟื้นตัวขึ้นมาโดยสมบูรณ์ แต่ตอนนี้ก็สัมผัสได้ชัดเจนว่าอาการบาดเจ็บของตนดีขึ้นไม่น้อย
ส่วนผู้ที่เลื่อนระดับได้มากที่สุด…ก็คือผู้ฝึกตนสหพันธรัฐภายในระบบสุริยะดั้งเดิมนั่นเอง พลังฝึกตนของพวกเขาระเบิดออกมา โดยรวมแล้วเทียบได้กับของดวงเนตรสวรรค์และวังเต๋ารวมกันด้วยซ้ำ
เจ้าเยี่ยเหมิง หลี่สิงเหวิน อู๋เมิ่งหลิง หลินโยว ปรมาจารย์ตระกูลจินและสหายเต๋ากุ้ย อดีตดาวพระเคราะห์ทั้งหก ตอนนี้ต่างพากันทะลวงระดับท่ามกลางเสียงกู่ก้องภายในร่าง การระเบิดของปราณวิญญาณ และการเพิ่มพูนระดับชีวิต
ดาวพระเคราะห์ชั้นกลาง ดาวพระเคราะห์ชั้นปลาย…จนถึงชั้นปลายสุด ไม่แปลกใจเลยที่หลี่สิงเหวินเป็นบุคคลผู้มีพรสวรรค์น่าตะลึง เขาเป็นคนแรกที่ทะลวงเข้าสู่ระดับดารานิรันดร์ ต่อมาคือเจ้าเยี่ยเหมิง จากนั้นเป็นหลินโยว!
ส่วนอู๋เมิ่งหลิงกับปรมาจารย์ตระกูลจิน รวมไปถึงสหายเต๋ากุ้ยนั้นหยุดอยู่ที่ระดับดาวพระเคราะห์ชั้นปลาย
ยังมีคนอื่นๆ อยู่อีก ซึ่งต่างก็ปะทุพลังออกมาตามๆ กัน ถึงขั้นมีผู้ฝึกตนที่เดิมเป็นขั้นจิตวิญญาณอมตะสิบสามคน ก็ถือโอกาสนี้ทะลวงสู่ระดับดาวพระเคราะห์
การเพิ่มระดับของกลุ่มอิทธิพลทั้งสามฝ่าย การปรากฏตัวของดาวพระเคราะห์จำนวนมาก และประกายแสงของดารานิรันดร์หลายดวงทำให้อวกาศของสหพันธรัฐใหม่แห่งนี้สว่างไสวยิ่งขึ้น เกิดเสียงดังสนั่นขึ้นทุกสารทิศ
การพัฒนาเช่นนี้ของผู้ฝึกตนประจำถิ่นของสหพันธรัฐเป็นเพราะ…การฝึกตนของสหพันธรัฐล้วนเป็นชั้นนำไม่ว่าจะเป็นเมื่อก่อนหรือว่าตอนนี้ พวกเขาต่างหากถึงจะเป็นเจ้าของที่แท้จริงภายในดาราจักรแห่งนี้ ดังนั้นการยกระดับการฝึกตนครั้งนี้จึงยิ่งครอบคลุมรอบด้านมากขึ้น
แต่ผู้ที่ได้รับมากที่สุดก็ยังเป็นหวังเป่าเล่อ!
หากกล่าวว่าพลังฝึกตนประจำถิ่นของสหพันธรัฐเป็นชั้นนำ เช่นนั้นหวังเป่าเล่อก็คือผู้ควบคุมในหมู่ชนชั้นนำ!
ด้วยการเพิ่มระดับชีวิต การผสานรวมของอารยธรรมครามทองคำ และการระเบิดครั้งนี้ มันทำให้ดวงวิญญาณเทพของเขาบรรลุถึงวิญญาณเทพเก้าสิบขั้นของดารานิรันดร์ชั้นมหาวัฏจักร ยังไม่หมดเท่านั้น เพราะยังเพิ่มระดับขึ้นอีก
จนกระทั่งถึงเก้าสิบสามขั้น เก้าสิบหกขั้น…เก้าสิบเก้าขั้น!
เมื่อกระโจนอีกครั้งก็ก้าวสู่หนึ่งร้อยขั้นแล้ว จากนั้นดวงวิญญาณเทพก็สั่นสะเทือนรุนแรง ทะยานสูงจากพื้น ทะลวงไปถึง…ระดับจักรพิภพ!
หวังเป่าเล่อในตอนนี้ กายเนื้อเป็นจักรพิภพแล้ว วิญญาณเทพก็เป็นจักรพิภพแล้ว และแม้ว่าพลังฝึกตนของเขาจะทั้งลึกทั้งหนาเกินไป ดังนั้นแค่การผสานรวมของครามทองคำอย่างเดียวจึงไม่อาจหนุนให้มันเลื่อนระดับได้ พลังฝึกตนของเขาจึงยังเป็นดารานิรันดร์ชั้นมหาวัฏจักรอยู่ แต่พลังต่อสู้ของเขากลับเพิ่มขึ้นมามากมายเพราะวิญญาณเทพเลื่อนขั้นเป็นจักรพิภพนั่นเอง
ตอนนี้เขานั่งขัดสมาธิอยู่ภายในดวงอาทิตย์ ดวงตาสองข้างหลุบลงคล้ายกับเทพเจ้าที่สูงตระหง่านดุจขุนเขา ณ ใจกลางของสหพันธรัฐใหม่!
ขณะที่เสียงสะเทือนเลื่อนลั่นและเสียงการทะลวงดังขึ้นอย่างต่อเนื่องภายในจักรวาลแห่งนี้ เนื่องจากดาราจักรของสหพันธรัฐใหม่แผ่ขยายและปฏิกิริยาของจักรวาลที่เกิดขึ้น จึงทำให้ผู้เยี่ยมยุทธ์ภายในสำนักและตระกูลจำนวนนับไม่ถ้วนในจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แห่งเต๋าฝั่งซ้ายใจสั่นสะท้านขึ้นมาทุกคน สายตาคล้ายจะมองทะลวงผ่านทะเลแห่งดวงดาวไปยังสหพันธรัฐที่แผ่ขยายไปหลายร้อยเท่าในวันนี้!
นี่ไม่ใช่การมองอย่างแท้จริง และไม่ใช่การมาถึงของดวงจิตเทพ แต่เป็นเพราะเต๋าเข้าผสานกับจักรวาล ดังนั้นจึงสัมผัสได้เป็นธรรมดา
ถึงอย่างนั้น แม้ว่าสำนักและตระกูลส่วนใหญ่จะตกตะลึงรุนแรงมาก และรู้ว่าจากนี้ภายในจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แห่งเต๋าฝั่งซ้ายจะมีเจ้าปกครองแห่งใหม่ปรากฏขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องน่ากลัวมาก แต่สำหรับสำนักใหญ่ที่อยู่อันดับต้นๆ ในจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แห่งเต๋าฝั่งซ้ายอย่างเช่นสำนักอันดับหนึ่งเต๋าเก้ารัฐนั้น พวกเขาแค่ใจสั่นไหวเล็กน้อย ไม่ได้เกิดความรู้สึกรุนแรงมากนัก เพราะไม่ว่าภายในสหพันธรัฐใหม่จะมีดาวพระเคราะห์เกิดขึ้นอีกหลายสิบตนก็ดี มีดารานิรันดร์เกิดขึ้นอีกหลายคนก็ช่าง แม้ว่าจะทำให้พลังของสหพันธรัฐใหม่ไม่ใช่แค่กลายเป็นเจ้าปกครองเขตแดนที่สิบเก้าด้วยการกระโจนครั้งเดียวเท่านั้น แต่ยังถึงขั้นเหนือกว่านั้นด้วยซ้ำ ทว่า…สุดท้ายก็ยังขาดพลังต่อสู้ระดับสูงอยู่ดี!
ถึงอย่างไรในการวิเคราะห์ก่อนหน้านี้ของเต๋าเก้ารัฐ พลังของหวังเป่าเล่อยังคงเป็นดารานิรันดร์ ตอนนี้พวกเขาไม่อาจมองเห็นได้ด้วยตาตัวเอง เพียงแค่สัมผัสถึงการขยายตัวของดาราจักรเท่านั้น ดังนั้นสิ่งที่พวกเขาใส่ใจก็ยังเป็นปรมาจารย์แห่งไฟและประมุขซิงอี้ของวังเต๋าไพศาลผู้นั้น
ในสายตาของเต๋าเก้ารัฐ สองคนนี้คือพลังเบื้องหลังของสหพันธรัฐใหม่ในปัจจุบัน แม้จะแข็งแกร่ง แต่คนแรกไม่แผดเผาคำสาปออกมาง่ายๆ ส่วนคนหลังก็บาดเจ็บอยู่ เต๋าเก้ารัฐและสำนักที่อยู่อันดับต้นๆ แห่งอื่นก็ไม่ได้ขาดแคลนระดับจักรพิภพ ดังนั้นแม้จะเป็นภัยคุกคาม แต่ก็ไม่ใช่อุปสรรคใหญ่
แน่นอนว่ายังมีอีกสองสาเหตุที่ทำให้พวกเขาใจสั่นไหวเล็กน้อยเท่านั้น สาเหตุแรกคือ…ภายในจักรพิภพเต๋าไม่รู้สิ้นตอนนี้ สงครามกำลังจะเริ่มขึ้น ภัยพิบัติใหญ่กำลังจะมาถึง สุดท้ายแล้วจะอยู่รอดต่อไปได้หรือไม่ก็ยังไม่รู้
ส่วนสาเหตุที่สองคือ…เต๋าเก้ารัฐกระจ่างแจ้งดีว่าการเลื่อนขั้นโดยอาศัยการกลืนกินสอดผสานกับอารยธรรมอื่นเช่นนี้ แม้จะสำเร็จอย่างรวดเร็ว แต่กลับเต็มไปด้วยข้อเสีย ทั้งยังมีขีดจำกัดอีกด้วย
ประการแรกคือไม่เสถียร ถ้าหากสิ่งที่ผสานรวมไปเป็นอารยธรรมขนาดเล็กก็ช่างเถอะ แต่การผสานดาราจักรใหญ่อย่างอารยธรรมครามทองคำเข้าไปก็เหมือนงูกลืนช้าง มีภัยแฝงเสี่ยงจะถล่มลงมา ทั้งยังต้องใช้เวลาค่อนข้างนานในการหลอมรวม ขณะเดียวกันก็บรรลุถึงขั้นสูงสุดของจุดอิ่มตัวได้ง่ายมาก ไม่อาจใช้วิธีนี้เพื่อเลื่อนระดับต่อไปได้
สุดท้าย…ก็ยากจะบรรลุถึงตำแหน่งใหญ่เช่นสำนักอันดับต้นๆ อย่างเต๋าเก้ารัฐได้
เป็นเพียงแค่การยกระดับจุดเริ่มต้นให้สูงขึ้นเท่านั้น แต่รากฐานไม่มั่นคง หากมีพายุลูกใหญ่พัดมาก็จะถล่มลงอย่างเลี่ยงไม่ได้
หลักการที่พวกเขารู้นั้น หวังเป่าเล่อย่อมรู้ดีอยู่แก่ใจ เขามีความทะเยอทะยานยิ่งใหญ่มาแต่ไหนแต่ไร ทั้งยังแข่งขันกับเวลา เห็นได้ชัดว่าหลังจากอารยธรรมครามทองคำผสานรวมแล้วเขาก็ยังไม่พอใจ มันยังไม่อาจหนุนให้พลังฝึกตนของเขายกระดับขึ้นได้ แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือ…อารยธรรมครามทองคำจะมาหรือไม่ หวังเป่าเล่อไม่ได้ให้ความสนใจนัก
เพราะว่าเขาต้องการให้สหพันธรัฐเลื่อนขั้น เดิมทีเขาก็ไม่ได้จะให้ครามทองคำมาผสาน แต่เป็น…ให้แผ่นเลื่อนระดับโลกาผสาน!
บทบาทของจานแผ่นนี้ไม่ได้เหมือนกับชื่อของมันเท่านั้น แต่มันยังสามารถทำให้อารยธรรมเลื่อนขั้น ซ้ำยังใช้เป็นสมบัติเบื้องหลังมาสยบโชคชะตาได้ ทำให้อารยธรรมที่เลื่อนระดับใหม่ไม่เกิดเหตุไม่เสถียร และสามารถบรรลุถึงระดับของการผสานรวมได้อย่างสมบูรณ์แบบ อีกทั้ง…ไม่มีขีดจำกัด!
หรือก็หมายความว่า เมื่อมีแผ่นเลื่อนระดับโลกานี้อยู่ การแผ่ขยายและการผสานรวมของสหพันธรัฐใหม่ ในแง่หนึ่งสามารถทำลายขีดจำกัดสู่การไร้ที่สิ้นสุดได้!
ดังนั้นในพริบตาต่อมา การปรากฏตัวของสหพันธรัฐใหม่ก็ได้สั่นสะเทือนสำนักและตระกูลส่วนใหญ่ แต่กลับทำให้สำนักแบบเต๋าเก้ารัฐเพียงสั่นไหวเล็กน้อยแค่ชั่วพริบตาเท่านั้น…แต่หลังจากหวังเป่าเล่อที่นั่งขัดสมาธิอยู่ภายในดวงอาทิตย์แผ่สัมผัสสวรรค์ไปปกคลุมระบบสุริยะที่ขยายตัวขึ้นหลายร้อยเท่าในปัจจุบันแล้ว เขาก็ยกมือขวาขึ้นแล้วโบกกะทันหัน
“สรรพชีวิตเพื่อเต๋า เลื่อนระดับเพื่อมวลรวม จากนี้…ให้กลายเป็นมรดกแห่งสหพันธรัฐของข้า สยบจักรวาล ทำให้สหพันธรัฐไม่ถล่มไม่ทลายไม่ร่วงไม่หล่น!”
ทันใดนั้นแผ่นเลื่อนระดับโลกาที่ดูธรรมดาสามัญก็ลอยออกมาทันที หลังจากบินออกจากดวงอาทิตย์ดารานิรันดร์แล้ว ขนาดของมันพลันแปรเปลี่ยนในพริบตา มันขยายตัวอย่างไร้ขีดจำกัด ท่ามกลางเสียงสะเทือนกึกก้อง จานแผ่นนี้ก็ยิ่งขยายใหญ่มากขึ้น ยิ่งกึ่งโปร่งแสงมากขึ้น ถึงขั้นที่ภายในไม่กี่อึดใจมันก็ใหญ่พอๆ กับระบบสุริยะใหม่นี้ รูปลักษณ์ของมันโปร่งแสงโดยสมบูรณ์แล้วเข้าปกคลุมระบบสุริยะโดยที่ตาเปล่าไม่อาจมองเห็นได้!
แล้วกดลงไปข้างล่าง!
เสียงสะเทือนกู่ก้อง ระบบสุริยะใหม่ที่แผ่ขยายหลายร้อยเท่า จากเดิมที่อยู่ในสภาวะไม่มีการหนุนนำและไม่เสถียร แต่ชั่วพริบตาที่เกิดเสียงดังสนั่นนี้ขึ้น มันกลับมั่นคงขึ้นมาทันที ในพริบตานี้เองการตอบสนองของปราณวิญญาณก็มากเกินกว่าก่อนหน้านี้ไม่น้อย จากนั้นมันก็ระเบิดออกมาเป็นครั้งที่สอง!
พลังฝึกตนของสรรพชีวิต เลื่อนระดับอีกครั้ง!
……………………