หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting - บทที่ 1205 มหาเต๋าแผ่ทั่วพิภพ!
“หวังเป่าเล่อ!” ชายชราชุดขาวของเต๋าเก้ารัฐหน้าเปลี่ยนสีรุนแรง ผู้อาวุโสสำนักใหญ่แห่งอื่นๆ ก็เช่นกัน แต่ละคนล้วนแผ่จิตสังหารออกมา ถ้ากล่าวว่าก่อนหน้านี้ทั้งสองฝ่ายยังผ่อนปรนให้กันและกันอยู่ แต่ตอนนี้หวังเป่าเล่อกลับเลือกที่จะเลื่อนขั้นขึ้นจากดารานิรันดร์ชั้นมหาวัฏจักรภายใต้การล้อมโจมตีและการบีบบังคับของพวกเขาเสียอย่างนั้น สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงทัศนคติของหวังเป่าเล่อแล้ว
และคำพูดของเขาก็ยิ่งทำให้โทสะในใจของพวกชายชราชุดขาวพวยพุ่ง ขณะนี้เมื่อเห็นหวังเป่าเล่อกำลังจะเลื่อนขั้นได้อยู่รอมร่อ หลังจากทั้งห้ามองหน้ากันและกันก็ไม่มีความลังเลอีก พวกเขาลงมือพร้อมกัน กู่ร้องเลื่อนลั่นไปยังระบบสุริยะ
ปรมาจารย์แห่งไฟกำลังจะขัดขวาง เสียงของหวังเป่าเล่อก็สะท้อนขึ้นในอวกาศ
“อาจารย์ไม่จำเป็นต้องขัดขวาง ทั้งยังขอเชิญให้ท่านมาพักผ่อนอยู่ในระบบสุริยะด้วย ให้พวกเขาลงมือไปเถอะ หลังจากศิษย์เลื่อนขั้นแล้วจะไปเยี่ยมเยียนที่สำนักของพวกเขาทีละคนเองขอรับ”
ปรมาจารย์แห่งไฟหัวเราะลั่น สะบัดแขนเสื้อวงใหญ่ไปม้วนตัวลูกศิษย์ของตนและประมุขซิงอี้รวมถึงเทพวัวให้ถอยมาทันที ก่อนเข้าไปในระบบสุริยะ ขณะที่พวกเขาเข้าไปนั้น การโจมตีของห้าสำนักใหญ่รอบด้านก็พุ่งลงมาแล้ว
ท่ามกลางเสียงสะเทือนเลื่อนลั่น โซ่มหาเต๋าเก้าเส้นของเต๋าเก้ารัฐก็แผ่ขยายอย่างไร้ที่สิ้นสุดทันที ก่อนจะพันล้อมระบบสุริยะเป็นชั้นๆ ราวกับปิดผนึกไว้โดยสมบูรณ์ ส่วนยักษ์ตนนั้นก็คว้าจับขวานแยกฟ้าเอาไว้ในชั่วพริบตา คาดไม่ถึงว่าสองสำนักนี้จะทำการผสานเต๋า จากนั้นมันก็ขว้างขวานไปยังเกราะกำบังจากแผ่นเลื่อนระดับโลกาของระบบสุริยะ
เสียงดังสะเทือนฟ้า แผ่นเลื่อนระดับโลกาซึ่งเป็นเกราะป้องกันระบบสุริยะสั่นสะเทือน แม้ว่าจะบุบลงไปแต่กลับไม่พังทลาย ทั้งยังฟื้นคืนกลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันสะเก็ดดาวก็ทุ่มลงมาพร้อมเสียงดังสนั่น ทำให้ขอบของระบบสุริยะบุบลงไปมาก แต่ก็ยังไม่พังทลายเช่นกัน
จากนั้น การโจมตีจากจักรพิภพจำนวนหลายสิบคนก็ก่อตัวเป็นพายุกระบวนเวทพลังเทพทำให้ระบบสุริยะจมอยู่ในนั้น แต่ในฐานะที่แผ่นเลื่อนระดับโลกาเป็นสมบัติชั้นเลิศ แม้ว่าจุดขาดแหว่งจะถูกเสริมแบบลวงตา แต่เกราะป้องกันที่สร้างขึ้นมาก็ยังทำให้คนที่ลงมือโจมตีทั้งหมดตกตะลึงอย่างรุนแรงอยู่ในใจ
ในชั่วขณะหนึ่ง พวกเขากลับจนปัญญา ทำอะไรแผ่นเลื่อนระดับโลกาไม่ได้แม้เพียงนิด!
นี่ก็คือจุดแตกต่างระหว่างหวังเป่าเล่อกับอดีต เขาที่ผ่านประสบการณ์มากมายขนาดนี้มีความคิดเปลี่ยนไปไม่น้อย แม้เวลาทำเรื่องอะไรก็ยังไม่ขาดความโหดเหี้ยมและการเดิมพัน แต่โดยพื้นฐานแล้วกลับ…พิจารณาได้อย่างถี่ถ้วน!
การต่อสู้ในวันนี้ แม้ว่าจะมีจุดที่คลาดเคลื่อนกับแผนการของเขาอยู่บ้าง แต่นี่เป็นเพียงเรื่องของระดับพลังฝึกปรือเท่านั้น ถ้าหากพูดถึงการใคร่ครวญด้านความปลอดภัยแล้ว หวังเป่าเล่อมั่นใจถึงเก้าส่วน
ดังนั้นเขาจึงไม่แม้แต่จะมองผู้เยี่ยมยุทธ์ของแต่ละสำนักที่กำลังโจมตีระบบสุริยะอย่างบ้าคลั่งอยู่ข้างนอก และไม่สนใจคลื่นผันผวนที่สะท้อนอยู่ในระบบสุริยะซึ่งเกิดจากเสียงดังอึกทึกของโลกภายนอกด้วย
คลื่นความผันผวนเหล่านี้ย่อมมีผู้ฝึกตนในสหพันธรัฐลงมือจัดการเอง จิตใจทั้งหมดของหวังเป่าเล่อตอนนี้วางไว้ที่การทะลวงระดับของตน หลังจากเขาบรรลุพลังฝึกปรือร้อยขั้นของดารานิรันดร์ชั้นมหาวัฏจักร เขาก็ไม่มีความลังเลแม้แต่นิด เมื่อสะสมจนถึงขีดสุดแล้วก็ระเบิดออกมาทันที
ลำแสงที่คล้ายมองไม่เห็นเป็นตัวแทนพลังฝึกตนของหวังเป่าเล่อ มันพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องไปยังความว่างเปล่าได้รวดเร็วอย่างยิ่ง แม้ว่าจะเจออุปสรรคขวางกั้นไร้รูปจำนวนหนึ่งระหว่างการเลื่อนระดับ แต่เมื่ออุปสรรคขวางกั้นเหล่านี้ปะทะกับลำแสงสายนี้แล้วก็แตกสลายทันที ขวางกั้นไม่ได้เลยสักนิด
ทั่วทั้งกระบวนการนี้ใช้เวลาเพียงหนึ่งก้านธูป เมื่อพลังฝึกปรือของหวังเป่าเล่อเลื่อนขั้นอย่างน่าตะลึง กระแสเต๋าบนร่างของเขาก็รุนแรงมากยิ่งขึ้น ผมของเขาปลิวไสว ร่างกายของเขาแผ่กลิ่นหอมจางๆ ออกมาในชั่วขณะนี้เอง
รอบกายของเขามีกฎเกณฑ์และกฎเวทปรากฏขึ้นเด่นชัด ระบบสุริยะเกิดการมีอยู่คล้ายตาข่ายจำนวนนับไม่ถ้วนเหนือตัวของเขา ด้านล่างของเขาเป็นความว่างเปล่า ตอนนี้มันก็กลอกกลิ้งไปมาเช่นกัน เขาอยู่ที่ใจกลางของระบบสุริยะ ทั่วทั้งระบบสุริยะล้วนหมุนวนอยู่รอบตัวของเขา
การหมุนวนนี้เริ่มเร็วขึ้นเรื่อยๆ กฎเกณฑ์และกฎเวทยิ่งปรากฏขึ้นอีกมากมาย อวกาศผืนนี้ก็ยิ่งส่งเสียงดังลั่นสะเทือนฟ้าสะเทือนดิน ในที่สุดภายในร่างของหวังเป่าเล่อก็มีเสียงแตกหักดังออกมา!
ดวงดารานับหมื่นภายในร่างของเขา ตอนนี้ได้กลายเป็นดารานิรันดร์โดยสมบูรณ์แล้ว ใจกลางคือเต๋า รอบด้านรายล้อมด้วยเก้าเต๋าเหมือนกัน ประดับด้วยดาวหมื่นดวง หลังจากแต่ละดวงกลายเป็นดารานิรันดร์แล้วก็ขยายใหญ่อย่างต่อเนื่อง ทำให้อวกาศภายในร่างของเขาหมุนวนไปด้วย!
ขนาดของอวกาศแห่งนี้…น่าตกตะลึงยิ่งนัก เพราะดาราจักรนับหมื่นทุกแห่งในนั้นล้วนไม่เล็กและไม่อ่อนแอ ต่างก็เกิดจากการวิวัฒนาการของดาราจักรพิเศษ ก่อตัวเป็นวังวนดวงดาวแห่งแล้วแห่งเล่า จนกระทั่ง…วังวนดวงดาวเหล่านี้ภายในร่างของหวังเป่าเล่อได้เข้ามารวมกันแล้วเกิดเป็น…จักรพิภพ!!
ขณะที่เกิดเสียงดังอึกทึก ผมของหวังเป่าเล่อปลิวไสวอีกครั้ง วิญญาณเทพของเขาเปลี่ยนรูป กายเนื้อของเขาแผ่ประกายแสงแรงกล้าออกมา พลังฝึกปรือของเขาเลื่อนขั้นเป็นจักรพิภพ และในขณะนี้เอง สามอย่างนี้ก็ผสานเข้าด้วยกันอย่างรวดเร็ว
วิญญาณเทพ กายเนื้อ พลังฝึกตน ทั้งหมดรวมเป็นหนึ่ง!!
ไม่แยกกันและกัน ไม่มีพลังวิญญาณเทพเดี่ยวๆ อีก ไม่มีอานุภาพกายเนื้ออันเรียบง่ายอีก และไม่มีความผันผวนของพลังฝึกตนอย่างปกติอีกต่อไป หลังจากทั้งหมดผสานรวมกันเป็นหนึ่งเดียว ทุกการเคลื่อนไหวของหวังเป่าเล่อก็แฝงไว้ซึ่งพลังแห่งวิญญาณเทพ แฝงไว้ซึ่งอานุภาพของกายเนื้อ และแฝงไว้ซึ่งความผันผวนของพลังฝึกตน
ทั้งหมดนี้ทำให้กระแสเต๋าของเขาระเบิดออกมาในพริบตา และด้านหลังของเขาก็ก่อตัวเป็นเทพวัวอันน่าตกตะลึงซึ่งมีขนาดเกินกว่าระบบสุริยะและถึงขั้นใหญ่ทะลุออกไปด้านนอกขึ้นมาทันที
ต่อให้เป็นร่างจริงของเทพวัว หากตอนนี้นำมาเปรียบเทียบกันแล้วก็คล้ายจะสู้ไม่ได้อยู่สักหน่อย ราวกับนี่ต่างหากคือเทพวัวตัวจริง แต่สิ่งเหล่านี้ยังไม่ถือว่าเสร็จสมบูรณ์ บนหลังของเทพวัวตัวนี้มีเงาเลือนรางของหวังเป่าเล่อปรากฏขึ้นทันใด เขานั่งทำสมาธิ ดวงตาปิดลง คลื่นความผันผวนแผ่ขยายไปทั่วทั้งจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แห่งเต๋าฝั่งซ้าย
ตอนนี้เอง กฎเกณฑ์และกฎเวทของจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แห่งเต๋าฝั่งซ้ายก็ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ดาราจักรทั้งหมด อวกาศทั้งหมด ดวงดาราทั้งหมดล้วนสั่นสะเทือนเบาๆ ตอนนี้ภายในใจของผู้ฝึกตนจำนวนนับไม่ถ้วนแปรปรวนขั้นรุนแรง คล้ายจะมีเสียงหนึ่งดังสะท้อนเข้ามาในหัวของสรรพชีวิตในจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แห่งเต๋าฝั่งซ้ายว่า
“เต๋าของข้าคืออิสรเสรี!”
“เสียงของมหาเต๋า นี่มันเป็นไปไม่ได้!” แทบจะในชั่วพริบตาที่เสียงของหวังเป่าเล่อดังสะท้อนขึ้นในใจของสรรพชีวิตภายในจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แห่งเต๋าฝั่งซ้ายนั้น ตอนนี้ผู้คนด้านนอกระบบสุริยะหยุดโจมตีเพราะความตกตะลึงไปนานแล้ว จักรพิภพทั้งหมดถอยร่นอย่างรวดเร็ว ไม่มีใครที่ไม่หน้าเปลี่ยนสีอย่างรุนแรง
ชายชราชุดขาวของเต๋าเก้ารัฐผู้นั้นยิ่งเหมือนกับมองเห็นผี แม้แต่พลังสมาธิของเขาก็ไม่อาจควบคุมตัวเองได้จึงส่งเสียงร้องอุทานออกมา
“มีเพียงเลื่อนขั้นเป็นจักรพรรดิสวรรค์เท่านั้นถึงจะแพร่เสียงแห่งมหาเต๋าไปให้สรรพชีวิต เจ้า เจ้า เจ้า…เจ้าแค่เลื่อนขั้นเป็นจักรพิภพเท่านั้น จะเป็นไปได้อย่างไร!”
“แม้แต่ร่างเต๋าแรกเริ่มในตำนานก็ไม่มีทางทำถึงขั้นนี้ได้ เว้นเสียแต่…เว้นเสียแต่ว่าเดิมทีระดับชีวิตของตัวเจ้าอยู่เหนือกว่าระดับจักรพรรดิสวรรค์แล้ว ดังนั้นยามเลื่อนขั้นเป็นจักรพิภพถึงปรากฏเสียงแห่งมหาเต๋าล่วงหน้า!”
“บนตัวเจ้ายังมีความลับอยู่ เจ้า…เจ้า…เจ้าไม่ใช่หวังเป่าเล่อ ไม่ใช่ผู้ฝึกตนของสหพันธรัฐ เจ้าเป็นใครกันแน่!!”
ชายชราชุดขาวเป็นบ้าไปแล้ว ผู้อาวุโสจากสี่สำนักใหญ่ข้างกายเขาก็ตกตะลึงจนพูดไม่ออกเช่นกัน ถึงขั้นหนังศีรษะชา ในใจโอดครวญว่าถ้าหากพวกเขารู้ตั้งแต่แรกว่าหลังจากหวังเป่าเล่อเลื่อนระดับแล้วจะมีเสียงแห่งมหาเต๋าออกมาล่ะก็ พวกเขาจะไม่มีทางขัดขวางสักนิด
เพราะเสียงของมหาเต๋าหมายความว่าเต๋าของคนผู้นั้นถูกเขียนอยู่ในระดับกฎเวทของจักรวาล แม้ว่าระดับของกฎเวทนี้จะเป็นส่วนหนึ่งของเต๋าสวรรค์ แต่กลับไม่ใช่สิ่งที่เต๋าสวรรค์จะไปมีอิทธิพลได้ นั่นคือพื้นฐานของทุกสิ่งเชียวนะ!
และเต๋าที่มีสิ่งนี้อยู่ ไม่ว่าจะระดับใด…ก็เท่ากับครอบครองพลังแห่งจักรพรรดิสวรรค์ระดับจักรวาลส่วนหนึ่งเอาไว้!
ระดับจักรวาลคือร่างกายตนมีจักรวาลแฝงอยู่ เพราะเหตุนี้จึงเรียกว่าเป็นจักรพรรดิสวรรค์ ด้วยพลังแห่งสวรรค์ ด้วยอำนาจแห่งจักรพรรดิ จึงทำให้สรรพชีวิตในจักรวาลไม่อาจสู้ ไม่อาจมอง และไม่อาจสั่นคลอน!
แต่ตอนนี้ ยามที่พวกเขามองไปยังธรรมกายของหวังเป่าเล่อที่เผยให้เห็นชัดเจนอยู่ด้านนอก พวกเขาล้วนรู้สึกแสบตาราวกับจะมีเลือดไหลออกมา ในใจเกิดคลื่นยักษ์มโหฬารสาดซัดแล้วพากันถอยร่น
ปรมาจารย์แห่งไฟก็ตะลึงเช่นกัน เขามองหวังเป่าเล่ออย่างทึมทื่อ สมองเกิดเสียงอื้ออึง แล้วมองไปยังศิษย์ใหญ่กับเทพวัวที่แปลงมาจากร่างแยกของตนโดยไม่รู้ตัว
“ข้าสั่งสอนจักรพรรดิสวรรค์คนหนึ่งออกมาหรือ”
“อืม ท่านสุดยอดมาก” วัวเฒ่า
“สุดยอด!” ศิษย์พี่หญิงใหญ่
“อาจารย์น่าเกรงขามนัก…” ศิษย์พี่รองครุ่นคิดแล้วเอ่ยเสียงต่ำ
ขณะที่ปรมาจารย์แห่งไฟมองตาปริบๆ อยู่ตรงนี้ ชั่วพริบตาที่ผู้เยี่ยมยุทธ์จากห้าสำนักใหญ่ด้านนอกถอยร่นออกไปอย่างรวดเร็วนั้น ธรรมกายของหวังเป่าเล่อที่มีขนาดใหญ่ยิ่งกว่าระบบสุริยะก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาแล้วเอ่ยเสียงเรียบ
“พวกเจ้าไม่อิสระ”
“พวกเจ้าไม่เสรี”
………………………