หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting - บทที่ 1235 ขอบคุณมาก
เมื่อเสียงหัวเราะของปรมาจารย์เก้าเต๋าดังขึ้นพร้อมการระเบิดของหอกน้ำแข็ง เต๋าธาตุน้ำที่สั่งสมอยู่ก็แผ่ออกมาจากร่างของเขา มหาเต๋าที่เขาฝึกฝนคือน้ำแข็ง มีต้นกำเนิดเดียวกับน้ำ ดังนั้นเมื่อเกิดการระเบิดของกระแสเต๋าชนิดนี้ขึ้น ผู้ฝึกตนที่ได้รับผลกระทบจากหวังเป่าเล่อเหล่านั้นก็ตัวสั่นเทาราวกับเต๋าธาตุไม้ภายในร่างถูกก่อกวน
โดยเฉพาะหอกน้ำแข็งสีน้ำเงินนั่น มันข้ามผ่านความมืดมิดมาพร้อมปลายดาบอันไร้ที่สิ้นสุดและกระแสเต๋าธาตุน้ำ แม้ว่าตอนนี้ด้านหลังของหวังเป่าเล่อจะมีภาพมายาของดวงอาทิตย์แรกอยู่ แต่ก็เหมือนจะขัดขวางเขาได้ไม่มากนัก เพราะว่า…ชั่วพริบตานี้เอง บรรดาผู้ฝึกตนทั้งหมดของห้าสำนักทั้งพวกจักรพิภพก็ดีหรือพวกปรมาจารย์ที่เหลืออยู่สองสามคนนั้นก็ช่าง หรือเงาแห่งมหาเต๋าของห้าสำนักที่พังทลายแล้วก็ตาม ตอนนี้ทั้งหมดกลับมารวมตัวกันอีกครั้งคล้ายไม่เสียดายอะไรทั้งสิ้น
อีกทั้งยังเกิดการเปลี่ยนแปลง เปลี่ยนให้พลังทั้งหมดของห้าสำนักกลายเป็นพันธนาการกดดันสยบมายังอวกาศที่หวังเป่าเล่ออยู่ สยบไว้ทั้งสี่ทิศรอบตัวเขา สยบร่างกายของเขา สยบวิญญาณเทพของเขา
ทำให้ในชั่วขณะนี้เอง ร่างวิญญาณของหวังเป่าเล่อราวกับถูกแช่แข็ง แต่เมื่อหอกน้ำแข็งสีน้ำเงินนั่นพุ่งทะยานเข้ามาหาหว่างคิ้ว สีหน้าของหวังเป่าเล่อก็ยังเป็นปกติ เขามองไปยังหยดน้ำที่หว่างคิ้วของปรมาจารย์เก้าเต๋าแล้วยิ้มขึ้นมา
“ความจริงแล้วเมื่อกี้ข้าหลอกเจ้า”
“ข้าแซ่หวังมาที่นี่ก็เพียงเพราะอยากจะดูว่าของที่ข้าต้องการคืออะไร” หวังเป่าเล่อเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม พริบตาที่หอกน้ำแข็งสีน้ำเงินพุ่งมาถึง รอบตัวของเขาก็กลายเป็นผืนน้ำ ร่างกายหายไปในชั่วพริบตา กลายเป็นหยดน้ำหนึ่งหยดร่วงลงไปในผืนน้ำแล้วกระเพื่อมเป็นระลอกคลื่นหลายชั้น
วิชาเงาจันทร์ถูกใช้ออกมาทันที!
หอกยาวสีน้ำเงินส่งเสียงหวีดแหลมเข้ามา ผนึกรอบกายทั้งหมดไร้ประโยชน์ในพริบตา มีเพียงการไหลกลับของเวลาเท่านั้น และในพริบตานี้เอง…ระลอกคลื่นแต่ละชั้นก็แผ่กระจาย
“ตราบใดที่ข้ามองเห็นแล้ว มันก็เป็นของข้า” ท่ามกลางความเลือนรางในกาลเวลา คล้ายกับมีเสียงอันเรียบเรื่อยของหวังเป่าเล่อดังขึ้นมา เขากำลังหลอกปรมาจารย์เก้าเต๋าแห่งเต๋าเก้ารัฐอยู่จริงๆ
เขาย่อมรู้ดีถึงความเชื่อมโยงระหว่างเต๋าธาตุน้ำและเต๋าธาตุไม้ และเข้าใจดีว่าที่นี่จะต้องมีการซุ่มโจมตีมากมาย แล้วเขาจะสะเพร่าได้อย่างไร ดังนั้นสิ่งที่พูดมาเมื่อครู่นี้เพียงแค่ต้องการทำให้ปรมาจารย์เก้าเต๋าจดจ่อกับความเป็นตายของตัวเองเท่านั้น แต่ความจริงแล้ว…การที่หวังเป่าเล่อมาที่นี่ เก้าเต๋าจะล่มสลายหรือไม่ไม่สำคัญ สำคัญคือการได้ของมา
และการจะได้ของมานั้น แค่อาศัยสัมผัสสวรรค์มันยังไม่พอ เขาจำเป็นต้องมองเห็นวัตถุที่สามารถบรรจุเต๋าธาตุน้ำด้วยตาตัวเองแล้วจดจำกลิ่นอายของมันด้วย จากนั้น…เขาก็จะใช้วิชาบุปผากระจกไปนำมันมาจากกาลเวลาที่ย้อนผ่านหลายปี
การต่อสู้ของผู้เยี่ยมยุทธ์นั้นแตกต่างกับการฆ่าฟันของผู้ฝึกตน…ดูจากมุมมองของระดับขั้น แม้ว่าปรมาจารย์ของเต๋าเก้ารัฐจะเป็นระดับจักรวาล แต่ในด้านจิตสัมผัส เขายังคงเป็นจักรพิภพ เรื่องวิชาการต่อสู้ก็ยังไม่ถึงระดับเต๋า
ส่วนหวังเป่าเล่อนั้นแตกต่างกัน ระดับขั้นและจิตสัมผัสของเขาก้าวกระโดดไปตั้งนานแล้ว ความแตกต่างระหว่างเขากับปรมาจารย์เต๋าเก้ารัฐผู้นี้ ความจริงแล้วก็คือ…แตกต่างที่ความเข้าใจในเต๋าและความรู้เรื่องต้นกำเนิดวิชาเต๋าของทั้งจักรวาล
ความแตกต่างระหว่างความรู้เช่นนี้ มักจะสามารถตัดสินทุกอย่างในการต่อสู้ของผู้เยี่ยมยุทธ์ได้
อย่างเช่นในตอนนี้ก็เช่นกัน…น้ำเสริมไม้อะไร ไม้ข่มดินอะไร ห้าธาตุส่งเสริมต่อต้านเติมเต็มซึ่งกันและกันอะไรพวกนี้ล้วนไม่สำคัญ ระดับการต่อสู้แตกต่างกัน ความรู้แตกต่างกัน ปรมาจารย์แห่งเต๋าเก้ารัฐยังหยุดอยู่ที่ระดับกายภาพ แต่หวังเป่าล่อ…อยู่ในระดับขั้นที่หนึ่งไปแล้ว
สถานที่ก็คือเต๋าฝั่งซ้าย
ดาราจักรก็คือเต๋าเก้ารัฐ
สนามรบ…ก็คือนอกประตูภูเขาของเต๋าเก้ารัฐ
แต่ห้วงเวลาในบัดนี้กลับไม่เหมือนเดิมแล้ว คล้ายจะมีแม่น้ำกาลเวลาที่มองไม่เห็นสายหนึ่งไหลหลั่ง ส่วนหวังเป่าเล่อก็ไหลย้อนไปทางที่แม่น้ำไหลลงมาทีละก้าวๆ
หนึ่งก้าวเหยียบลงไปก็คือหนึ่งร้อยปี ระหว่างการเดินทางนี้ เงาร่างของเขาไม่ได้ขยับไหวเลย สิ่งเดียวที่เคลื่อนไหวมีเพียงการเปลี่ยนแปลงของกาลเวลารอบตัวเท่านั้น เป็นเช่นนี้ หนึ่งก้าวต่อหนึ่งก้าว จากร้อยปีก็เปลี่ยนเป็นหมื่นปี
จนกระทั่งหวังเป่าเล่อจำไม่ได้แล้วว่าตัวเองเดินมากี่ก้าวและใช้วิชาเงาจันทร์ออกไปกี่ครั้ง ในที่สุด…ณ ห้วงเวลาจุดจุดหนึ่ง เขาก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันคุ้นเคย
กลิ่นอายนี้เบาบางอย่างยิ่ง กล่าวได้ว่าหากหวังเป่าเล่อไม่เคยเห็นรอยประทับที่หว่างคิ้วของปรมาจารย์เก้าเต๋าด้วยตาตัวเองและเกิดความเข้าใจล้ำลึกยิ่งขึ้นแล้วล่ะก็ แค่อาศัยสัมผัสเชื่อมต่อก่อนหน้านี้อย่างเดียวคงไม่อาจสัมผัสการปรากฏของสิ่งนี้ในห้วงกาลเวลาได้อย่างแม่นยำแน่
“มันคือที่นี่” ขณะที่หวังเป่าเล่อเอ่ยเสียงเบา ฝีเท้าของเขาก็หยุดลง ยามที่ก้มหน้ามองลงไปนั้น ภายในห้วงกาลเวลา เขาก็มองเห็นว่านอกประตูภูเขาในดาราจักรเต๋าเก้ารัฐก่อนหน้านี้ไม่รู้ตั้งกี่ปีมีผู้ฝึกตนคนเจ็ดแปดคนกำลังกลับมาจากโลกภายนอก
ข้างหลังของพวกเขามีก้อนน้ำแข็งขนาดยักษ์ก้อนหนึ่ง ก้อนน้ำแข็งนี้ดูลึกลับมาก ไม่อาจนำมาใส่เข้าไปในกระเป๋าคลังเก็บได้ ทำได้เพียงถูกพวกเขาใช้วิชาเวทแปลงเป็นโซ่ตรวนพันมัดแล้วลากมันกลับมา
สีของก้อนน้ำแข็งนั้นเป็นสีฟ้าอ่อน ใสกระจ่าง ข้างในนั้น…ผนึกคนเอาไว้หนึ่งคน
นั่นคือบุรุษหนึ่งคน สวมชุดเกราะทั้งร่าง ไม่มีกลิ่นอายแห่งชีวิตใดๆ เขาตายไปแล้ว สถานะของเขาไม่มีใครรู้ ประวัติความเป็นมาของเขาก็ย่อมยากจะเสาะหา แต่ไม่ว่าอย่างไรก็สามารถมองออกได้ว่าคนผู้นี้ไม่ธรรมดา
แม้ว่าสายตาของหวังเป่าเล่อจะมองไปทางนั้น แต่สิ่งที่เขามองดูกลับไม่ใช่ศพชายวัยกลางคนคนนั้น แต่เป็นก้อนน้ำแข็งที่ผนึกเขาเอาไว้
“ก็คือของสิ่งนี้…” หวังเป่าเล่อเอ่ยเสียงแผ่วเบา ยกมือขวาขึ้นช้อนลงไปในแม่น้ำแห่งกาลเวลา ทันใดนั้นแม่น้ำก็ไหลกลิ้ง ภาพด้านในบิดเบี้ยวราวกับมีมือยักษ์ข้างหนึ่งปรากฏขึ้นในห้วงกาลเวลา มันคว้าจับก้อนน้ำแข็งเอาไว้ ก้อนน้ำแข็งสลายไปโดยที่ผู้ฝึกตนรอบข้างไม่มีปฏิกิริยาใดๆ
หวังเป่าเล่อไม่ต้องการศพด้านในนั้น เมื่อมือขวาของเขายกขึ้นมาจากในแม่น้ำแห่งกาลเวลาโดยที่ในมือมีก้อนน้ำแข็งยักษ์ปรากฏขึ้น มันกำลังหลอมละลายอย่างรวดเร็ว หลอมละลายได้รวดเร็วอย่างยิ่ง เพียงไม่กี่อึดใจสิ่งที่ปรากฏอยู่ในมือของหวังเป่าเล่อก็เหลือเพียงน้ำแข็งสีฟ้าขนาดเท่าเล็บมือราวกับหยดน้ำเท่านั้น
หวังเป่าเล่อหยิบน้ำแข็งก้อนนี้แล้วก้มหน้าจ้องมอง ผ่านไปพักหนึ่งก็คล้ายกับมีความคิดบางอย่าง
“เหมือนน้ำตาหยดหนึ่ง”
หวังเป่าเล่อพึมพำ หยิบหยดน้ำตาขึ้นมาแล้วก้าวเดินออกจากแม่น้ำแห่งกาลเวลา กาลเวลารอบกายไหลเคลื่อนในทันที จากนั้น…เมื่อเขาเดินออกมาโดยสมบูรณ์แล้วก็เกิดเสียงสั่นสะเทือนเลื่อนลั่น เสียงคำรามดังก้อง เสียงกรีดร้องก็ยิ่งใกล้เข้ามาตรงหน้า!
นั่นคือ…เสียงการมาถึงของหอกยาวสีน้ำเงิน!
ขณะนี้เอง กาลเวลาก็กลับเป็นปัจจุบัน ผนึกของผู้ฝึกตนห้าสำนักรอบข้างยังคงอยู่ เมื่อเห็นหอกยาวสีน้ำเงินเข้ามาใกล้ ผู้ที่หน้าเปลี่ยนสีไปกลับไม่ใช่หวังเป่าเล่อ แต่เป็นปรมาจารย์เก้าเต๋าภายในประตูภูเขาของเต๋าเก้ารัฐ
“เจ้า…เจ้าทำอะไร!!” สีหน้าของปรมาจารย์เต๋าเก้ารัฐเปลี่ยนไปยกใหญ่ ร่างกายสั่นสะเทือนแล้วกระอักเลือดออกมา ยกมือขวาขึ้นแตะที่หว่างคิ้วของตนอย่างรวดเร็ว
รอบประทับหยดน้ำที่เดิมอยู่ตรงหว่างคิ้วของเขา…ตอนนี้ก็ยังอยู่ แต่กลับหม่นแสงลงไปมาก
และในมือของหวังเป่าเล่อก็มีกลิ่นอายแบบเดียวกันแผ่กระจายออกมา การมาถึงของหอกยาวสีน้ำเงินเร่งระดับความเข้มข้นของกลิ่นอายนี้ พริบตาที่เข้ามาใกล้ หอกยาวสีน้ำเงินด้ามนี้ก็…แทงลงไปยังมือขวาของหวังเป่าเล่อโดยตรง พริบตานั้นเอง…มันก็ผสานเข้าไปในน้ำแข็งสีฟ้าที่อยู่กลางฝ่ามือของเขา
ทำให้ก้อนน้ำแข็งสีฟ้าที่เหมือนหยดน้ำตาก้อนนี้มีประกายแสงพร่างพราวส่องขึ้นมาในตอนนี้เอง
กลับกัน รอยประทับหยดน้ำที่หว่างคิ้วของปรมาจารย์เต๋าเก้ารัฐตอนนี้หม่นแสงลงเรื่อยๆ สีหน้าของเขาซีดขาว ยามที่มองไปยังหวังเป่าเล่อก็คล้ายมองเห็นผี ความผันผวนของพลังฝึกตนบนร่างกายก็ควบคุมไม่ได้แล้ว เมื่อเขาเซถอยหลังโดยไม่รู้ตัว หวังเป่าเล่อที่ถือก้อนน้ำแข็งสีฟ้าอยู่ก็ก้าวเดินไปข้างหน้า
พริบตาต่อมา เงาร่างของเขาก็หลุดพ้นจากผนึก เมื่อปรากฏตัวขึ้น…เขาก็ถลันมาอยู่ในประตูภูเขาของเต๋าเก้ารัฐแล้วปรากฏตัวต่อหน้าปรมาจารย์เต๋าเก้ารัฐที่ถอยร่นไป
“หวังเป่าเล่อ เจ้า…” สีหน้าของปรมาจารย์เต๋าเก้ารัฐซีดเซียว ในใจปั่นป่วนจนถึงขีดสุด กำลังจะเอ่ยปาก แต่พริบตาต่อมา…เขาก็มองเห็นมือซ้ายที่หวังเป่าเล่อยกขึ้นมากดลงที่หว่างคิ้วของเขาโดยที่ไม่อาจต่อต้าน ถึงขั้นไม่อาจหลบหลีกได้เลย
ขณะที่เกิดเสียงก้องกังวานดังอยู่ในหัว เขาก็ได้ยินประโยคสุดท้าย เป็นเสียงของหวังเป่าเล่อ
“ขอบคุณมาก”
…………………