หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting - บทที่ 1243 ฤทธิ์เดช!
ปรมาจารย์ผู้ก่อตั้งตระกูลไม่รู้สิ้นกำลังสร้างสถานการณ์
สร้างสถานการณ์อันสะเทือนฟ้า สร้างสถานการณ์แห่งมหาเต๋า!
ดังนั้นเขาจึงยอมทนต่อพฤติกรรมหลายต่อหลายครั้งของหวังเป่าเล่อ ไม่สนใจเรื่องหน้าตาและความอ่อนแอของตระกูลไม่รู้สิ้น เพราะว่า…ไม่ว่าจะเป็นอย่างแรกหรืออย่างหลังก็ล้วนไม่สำคัญต่อเขา
ไม่สำคัญเลยสักนิด!
หวังเป่าเล่อตัวเล็กๆ แม้เต๋าที่เขาฝึกฝนจะไม่ธรรมดา แม้ดูจากร่องรอยแล้วจะเห็นได้ชัดว่ามีเต๋าจากภายนอกเข้ามาแทรกแซง อีกทั้งตัวตนของเขาก็ยังมีจุดที่น่าสงสัย แต่เรื่องพวกนี้ไม่นับเป็นอะไร ในสายตาของเขา แม้ว่าเต๋าของหวังเป่าเล่อจะน่าตะลึง แต่กลับขาดฤทธิ์เดช ราวกับถูกแช่แข็ง ดังนั้นขอเพียงแผนการของตนสำเร็จผล ทุกสิ่งทุกอย่างก็ไม่สำคัญแล้ว
ตระกูลไม่รู้สิ้น…ก็ยิ่งไม่นับว่าเป็นอะไร ที่นี่ยิ่งไม่ใช่จักรวาลไม่รู้สิ้นที่แท้จริงด้วย ในแง่หนึ่งนั้น…คุณค่าเดียวของตระกูลไม่รู้สิ้น ณ ที่แห่งนี่ก็คือทำให้เต๋าของตัวเขาสมบูรณ์เท่านั้น
แต่ตอนนี้เขาไม่ต้องการมันแล้ว ความกังวลและความห่วงใยต่อตระกูลนี้ถูกตัวเขาตัดทิ้งไปนานแล้ว จากนั้นนำความคิดทั้งหมดมารวมกันเป็นร่างแยกร่างหนึ่ง
ส่วนร่างแยกนั้นจะมีหรือไม่มีก็ได้ แม้ว่าจะเป็นตัวเขา แต่ก็ไม่ใช่ตัวเขา
“สำหรับข้าแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุด…ก็คือการจากไป เฉินชิงจื่อเอ๋ย ข้ารอให้เจ้าลงมือไม่ไหวแล้ว” ปรมาจารย์ผู้ก่อตั้งตระกูลไม่รู้สิ้นหรืออีกชื่อ…เว่ยยางจื่อ นั่งขัดสมาธิอยู่ตรงนั้น ดวงตาของเขาหรี่ลงแล้วเผยประกายแสงแรงกล้าออกมา
เขารอคอยเรื่องนี้มาเนิ่นนานเหลือเกิน แผนการนี้ก็สร้างขึ้นมาเนิ่นนานแล้วเช่นกัน
“จักรพรรดิแห่งความมืดรุ่นแรกเป็นตัวไร้ประโยชน์ ข้าให้โอกาสเขา เขาก็ยังทำล้มเหลว แต่เฉินชิงจื่อ เจ้า…คือความหวังของข้า ข้ามีลางสังหรณ์ว่าเจ้า…จะต้องทำสำเร็จ” มุมปากของเว่ยยางจื่อเผยรอยยิ้มออกมาแล้วค่อยๆ ปิดลงตาอีกครั้ง เขาสัมผัสได้ว่า ใกล้แล้ว ใกล้แล้ว…
ใกล้จะถึงเวลาที่เฉินชิงจื่อลงมือไม่นานแล้ว
ขณะเดียวกันในตอนนี้ ภายในตระกูลไม่รู้สิ้น ขณะที่ธรรมกายของหวังเป่าเล่อก้าวย่างเข้ามา พลังฝึกปรือของจีเจียก็ปะทุขึ้น อานุภาพกดดันแรงกล้า เงาร่างราวกับสายรุ้งยาวพุ่งทะยานไปหาหวังเป่าเล่อ
ความเร็วสูงมาก หลังจากเข้ามาใกล้ในชั่วอึดใจ พลังมหาศาลก็ระเบิดออกมาจากร่างของจีเจียแล้วกลายเป็นประกายกระบี่เก้าเต๋าปรากฏขึ้นนอกร่างกายของเขาโดยตรง ทุกประกายล้วนสะเทือนฟ้าสะเทือนดินและแฝงไว้ซึ่งอานุภาพไร้ใดเทียม เทียบได้กับการโจมตีเต็มกำลังของจักรพรรดิสวรรค์ธรรมดา ตอนนี้มันพุ่งทะยานอย่างฉับพลันมายังธรรมกายของหวังเป่าเล่อ
“เต๋าธาตุทองหรือ” หวังเป่าเล่อหรี่ตาลง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ประมือของจักรพรรดิสวรรค์จีเจีย ก่อนหน้านี้เขาไม่รู้ว่าเต๋าของอีกฝ่ายคืออะไร ทำได้เพียงรับรู้ว่าอีกฝ่ายแข็งแกร่งมาก พอจะสูสีกับตัวเขาในปัจจุบันได้
“น่าจะไม่ใช่!” ธรรมกายของหวังเป่าเล่อเปล่งประกายแสงเจิดจรัส มือขวากำเป็นหมัดแล้วชกออกไปตรงๆ พลังธาตุไม้แผ่ซ่าน ทำให้เกิดพลังชีวิตไร้ที่สิ้นสุดไปทั่วอวกาศทั้งสี่ทิศแล้วกลายเป็นต้นไม้ใบหญ้าจำนวนนับไม่ถ้วนพัวพันเข้าด้วยกัน เกิดเป็นตาข่ายยักษ์ พุ่งไปหาเก้ากระบี่
เพียงพริบตาทั้งสองฝ่ายก็เข้าปะทะ ท่ามกลางเสียงดังสนั่นสะเทือนฟ้า ตาข่ายยักษ์จากพืชพรรณก็พังทลาย เก้ากระบี่หม่นแสง แต่ความเร็วยังคงเดิม เห็นอยู่ว่าเคลื่อนเข้ามาใกล้ แต่พริบตาต่อมา คุณสมบัติไร้ที่สิ้นสุดของพลังธาตุไม้ก็ปรากฏขึ้นอย่างสมบูรณ์ในชั่วขณะนี้เอง พลังไม้ที่แผ่ขยายออกมาเหล่านั้นรวมตัวกันอีกครั้ง แล้วกลายเป็นฝ่ามือพืชขนาดมหึมาหนึ่งข้างเข้าปะทะกับเก้ากระบี่อีกครั้ง
เสียงดังสนั่นระเบิดขึ้นซ้ำสอง ฝ่ามือพังทลาย แต่เก้ากระบี่ก็ไม่อาจทนรับได้เช่นกัน มันระเบิดออกมาทันที แต่ชั่วพริบตาที่มันระเบิดออกมานั้น…ก็มีควันเก้าสายลอยออกมาจากเก้ากระบี่ที่แตกเป็นเสี่ยงๆ ด้วย มันบิดเบี้ยวราวกับงู แต่กลับพุ่งตรงมาหาหวังเป่าเล่ออย่างรวดเร็วกะทันหัน!
“เต๋าธาตุมืด!”
ไอควัน ไอหมอก ไปจนถึงกลิ่นอายทั้งหมด ล้วนเรียกได้ว่าเป็นเต๋าธาตุมืด!
ดวงตาของหวังเป่าเล่อหดเกร็งรุนแรง ร่างของธรรมกายล่าถอยทันทีโดยไม่ลังเล มือซ้ายกระแทกไปข้างหน้าอย่างแรง ทันใดนั้นมหาสมุทรผืนใหญ่ก็ก่อตัวขึ้นตรงหน้าเขา มันพัดม้วนคลื่นมหึมาเทียมฟ้ากดดันไปทางควันเก้าสายที่เข้ามาหาโดยตรง
ท่ามกลางเสียงสะเทือนเลื่อนลั่นนั้น พริบตาที่ไอควันสัมผัสกับน้ำทะเลมันก็จางหายไปทันที แต่ความจริงมันไม่ได้หายไป ทว่ากลายเป็นอนุภาคเล็กๆ จำนวนนับไม่ถ้วนแทรกซึมเข้าไปในน้ำทะเลอย่างคาดไม่ถึง แล้วข้ามผ่านช่องว่างที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าเข้ามา
ความแปลกประหลาดนี้ทำให้ดวงตาของหวังเป่าเล่อทอประกายแสง เขายกมือขวาขึ้นชี้ฉับพลันโดยไม่ลังเลสักนิด
“น้ำแข็ง!”
ราวกับลมหนาวพัดโชย ความเย็นเยือกระเบิดขึ้นในชั่วอึดใจ ในชั่วพริบตาคลื่นพิโรธก็กลายเป็นสลักน้ำแข็งโดยตรง คล้ายกับสามารถปิดผนึกทุกสิ่งทุกอย่างได้ ซึ่งรวมไปถึงอนุภาคของเต๋าธาตุมือที่พยายามผ่านเข้ามาภายในสลักน้ำแข็งนี้ด้วย
แต่เห็นได้ชัดว่า…ผนึกน้ำแข็งเช่นนี้ก็ยังทำได้ไม่ถึงจุดสูงสุด ในสัมผัสสวรรค์ของเขา อนุภาคเต๋าธาตุมืดเหล่านั้นราวกับยังสามารถเคลื่อนผ่านไปได้ เพียงแต่ได้รับผลกระทบทำให้เชื่องช้าไปนิดหน่อยเท่านั้น
แต่นั่นก็เพียงพอแล้ว ดวงตาของหวังเป่าเล่อทอประกายพราวพร่าง ขณะที่โบกมือ ดวงดาวแต่ละดวงด้านหลังของเขาก็เปลี่ยนแปลงทันที พริบตาก็มีดวงดาราจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นด้านหลังของเขาแล้ว
ในหมู่ดวงดาวเหล่านี้ ดวงที่อยู่ใจกลางที่สุดก็คือดาวเคราะห์เต๋าของเขา ตอนนี้ประกายแสงของดาวเคราะห์เต๋าปะทุออกมากะทันหัน ในนั้นยังมีกฎเกณฑ์พิเศษสายหนึ่งแฝงอยู่และถูกหวังเป่าเล่อนำมาใช้!
เต๋าแห่งการลอกเลียน!
หลังจากฝึกวิชามาจนถึงระดับอย่างหวังเป่าเล่อ เขาก็ได้ศึกษาถึงเต๋าพิเศษที่แฝงอยู่ในดาวเคราะห์เต๋ามานานแล้ว ถึงขั้นที่ ส่วนลึกภายในใจของเขายังคิดว่าเต๋านี้…มีประโยชน์อย่างยิ่ง
โดยเฉพาะหลังจากเขากลายเป็นเจ้าแห่งเต๋าแล้ว เมื่อกระแสเต๋าแผ่ออกมาและสัมผัสไปถึงสรรพชีวิตได้ เต๋าแห่งการลอกเลียนนี้จึงมีจิตแห่งเต๋านับไม่ถ้วนสลักอยู่ภายใน เพียงแต่เมื่อเทียบกับธาตุไม้และน้ำภายในร่างของเขาแล้ว เต๋าแห่งการลอกเลียนนี้ก็มีอานุภาพอ่อนแอเกินไป และเมื่อใช้วิชานี้ออกมาก็แสดงได้ทีละครั้งเท่านั้น
แม้จะดูเหมือนเป็นซี่โครงไก่ แต่ในก้นบึ้งจิตใจของหวังเป่าเล่อคิดว่าถ้าหากใช้เต๋าชนิดนี้ดีๆ แล้วล่ะก็มันจะมีประโยชน์สะเทือนฟ้าสะเทือนดินอย่างยิ่ง
ตัวอย่างเช่นในตอนนี้ กฎเกณฑ์ที่เขาใช้ออกมาตอนนี้ไม่ได้ลอกเลียนเต๋าธาตุมืดของจีเจีย แต่เป็น…แสดงกฎแห่งเต๋าอย่างหนึ่งที่เขาลอกเลียนมาไว้ตั้งนานแล้ว!
นั่นก็คือ…ธาตุทองแห่งเบญจธาตุ!!
หวังเป่าเล่อไม่ได้ไปหาสมบัติชั้นเลิศที่สามารถบรรจุเต๋าธาตุทองมา และไม่ได้ก่อเมล็ดธาตุทองด้วย แต่เขาได้ลอกเลียนเต๋ามาหลายอย่าง และเต๋าธาตุทองก็ย่อมอยู่ในนั้น แม้ว่าช่องว่างระหว่างระดับจะใหญ่อย่างยิ่ง อีกทั้งอานุภาพมันก็ไม่อาจนำมาเทียบได้ ในระดับหนึ่งถือได้ว่าเป็นการยืมพลังมาใช้ แต่…ตอนนี้เอง มันกลับสำคัญอย่างยิ่ง
เพราะว่าทองหนุนน้ำ น้ำหนุนไม้ และน้ำคือต้นกำเนิดของไม้ เมื่อมีกฎเกณฑ์ของทองเข้ามาก็ยิ่งเพิ่มพลังแห่งต้นกำเนิดอย่างไร้รูป และเมื่อมีการส่งเสริมแบบไร้รูปเช่นนี้ขึ้นมา ก็สามารถทำให้เต๋าธาตุไม้ที่แข็งแกร่งที่สุดของหวังเป่าเล่อยิ่ง…ยิ่งแข็งแกร่งกว่าเดิม!
เมื่อเต๋าธาตุไม้แข็งแกร่งมากขึ้น ก็จะควบแน่นกลายเป็น…เต๋าอีกชนิดหนึ่ง!
ดังนั้นในพริบตาต่อมา หลังจากวิชาลอกเลียนแสดงกฎเกณฑ์ของธาตุทองออกมาแล้ว เต๋าธาตุน้ำในร่างของหวังเป่าเล่อก็ระเบิดขึ้นกะทันหันและส่งผลต่อเต๋าธาตุไม้ของเขา ทำให้รอบกายของเขามีพืชพรรณจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏทันใด
พืชพรรณเหล่านี้ปกคลุมไปครึ่งอวกาศของตระกูลไม่รู้สิ้นโดยตรง และยิ่งส่งผลต่อต้นไม้ใบหญ้าทั้งหมดบนดวงดาวทุกดวงภายในตระกูลไม่รู้สิ้นด้วย และในชั่วพริบตานี้เอง ท่ามกลางเสียงคำรามต่ำของหวังเป่าเล่อ เมื่อสายควันเก้าสายของจีเจียพุ่งผ่านทะเลน้ำแข็งไปสังหารหวังเป่าเล่อโดยฉันพลันนั้นเอง…พืชพรรณบนดวงดาวภายในตระกูลไม่รู้สิ้นก็สั่นไหวขึ้นมา ต้นไม้ใบหญ้าทั้งหมดในอวกาศก็สั่นสะท้านเช่นเดียวกัน
ขณะที่พวกมันสั่นไหว…ลมก็พัดขึ้น!!
ลมที่เดิมทีไม่ควรจะปรากฏขึ้นในอวกาศแห่งนี้กลับปรากฏขึ้นเพราะอิทธิพลของวิชาเต๋าชนิดนี้!
นี่ก็คือ…เต๋าธาตุลม!
วิชาลอกเลียนก็สามารถสร้างเต๋าธาตุลมขึ้นมาได้ แต่อานุภาพอ่อนเกินไป ส่วนเต๋าธาตุลมในตอนนี้แตกต่างกัน มันเกิดมาจากพลังธาตุไม้ที่ก่อตัวเป็นลมพายุมหึมาพัดโหมทั่วอวกาศในชั่วพริบตา มันปะทุขึ้นตรงหน้าหวังเป่าเล่อทันที แล้วปะทะเข้ากับสายควันเก้าสายโดยตรง
เสียงสะเทือนลั่นดังแผ่ไปทั่วทั้งแปดทิศ สายควันอันตรธาน เต๋าธาตุลมสลายหายไป สีหน้าของจีเจียขาวซีด ร่างกายเซถอยกะทันหัน แววตาของเขาเผยให้เห็นความไม่อยากเชื่อ เดิมทีเขาคิดว่าหวังเป่าเล่อจะใช้วิชากาลเวลาออกมา หรือไม่ก็ใช้เต๋าแสงสว่างอันน่าสะพรึงที่ใช้สยบตี้ซานเมื่อคราวนั้น ซึ่งเขาก็มีวิธีการตอบโต้อยู่ในใจแล้ว
แต่เขาคิดไม่ถึงว่าการลงมือของหวังเป่าเล่อจะแตกต่างจากที่เขาคาดไว้
เต๋า…กลับสามารถนำมาใช้เช่นนี้ได้ด้วย สิ่งนี้ทำให้เขาตื่นตะลึงยกใหญ่และจิตใจสั่นสะท้าน ถึงขั้นที่แม้แต่เว่ยยางจื่อที่นั่งสมาธิหลับตาอยู่บนดวงดาวห่างไกล ตอนนี้ก็ยังลืมตาโพลงขึ้นมา เผยให้เห็นความตกใจในดวงตา
เพราะว่า…การปรากฏตัวของเต๋าลอกเลียนทำให้เต๋าของหวังเป่าเล่อไม่ได้ถูกแช่แข็งตายตัวอีกต่อไป มีทักษะเพียงไม่กี่อย่าง แต่กลับใช้น้ำและไม้เป็นรากฐาน แสดงฤทธิ์เดชที่ไม่อาจจินตนาการออกมาได้!
……………………