หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting - บทที่ 1286 อย่ามากวนใจข้า!
ความเป็นมาของโลกแห่งศิลา เต็มไปด้วยความลึกลับสำหรับผู้ที่ไม่รู้ แต่สำหรับหวังเป่าเล่อรวมทั้งเหล่าเทพเคารพสูงสุดภายนอกศิลาเหล่านี้ มิใช่สิ่งลึกลับแต่อย่างไร
ที่นี่ เดิมทีก็คือหัตถ์ขวาของหลัวจำแลง
เดิมทีมีเสถียรภาพมาก แต่ด้วยความเสื่อมของหลัว ทำให้การผนึกกดนี้ไม่ได้ดำเนินต่อไปจนถึงรากฐาน เช่นไม้ที่ไร้รากและค่อยๆ เหี่ยวเฉา จึงทำให้หัตถ์ขวาแห่งหลัวก็ยิ่งอ่อนแรงลง สูญเสียพลังที่มันพึงมีไป
นี่ก็คือเหตุใด ทั้งๆ ที่หลัวสามารถต่อสู้กับมหาเทพได้ แต่หัตถ์ซ้ายของเขากลับสามารถเพียงฝืนต่อต้านร่างอวตารมหาเทพ กระทั่งสุดท้ายยังถูกหลบหลีกไปได้
ในท้ายที่สุด หัตถ์หลัวก็ไม่มีพลังชีวิตแล้ว
แต่ตอนนี้…ในสายตาของชายชรา หัตถ์ยักษ์มหึมาที่ยื่นออกมาจากศิลานี้ แตกต่างยิ่งกับที่เขาเคยมองจากไกลๆ ไม่เหี่ยวแห้งมืดมนอีกต่อไป แต่…เต็มไปพลังชีวิต
พลังชีวิตนี้เห็นชัดว่าย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะมาจากหลัวที่เสื่อมถอย แต่มาจาก…หวังเป่าเล่อ
และนี่ก็เป็นสาเหตุที่ชายชราเสียงแหบแห้ง เพราะสามารถทำได้ถึงจุดนี้ มีเพียงหล่อหลอมโลกแห่งศิลาเท่านั้น จึงจะสำเร็จได้
มีเพียงนำโลกแห่งศิลาหลอมเป็นส่วนหนึ่งของตน จึงจะรวมเข้าสู่ร่างได้ และต่อพลังชีวิตให้มัน
เรื่องนี้ ทำให้ชายขราเกิดความหวาดกลัวขึ้นในใจ ความหวาดกลัวของเขาย่อมมิใช่ระดับฝึกตนของหวังเป่าเล่อ อันที่จริงดูไปแล้วขั้นที่สี่ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้ตนสั่นคลอนได้
สิ่งที่ทำให้เขาหวาดกลัว คือสถานะของหวังเป่าเล่อรวมทั้งการตกปลาที่อีกฝ่ายแสดงออกมาก่อนหน้านั้น
“ทัณฑ์แห่งธาตุไม้…” ชายชราหรี่ตา แล้วพึมพำอยู่ในใจ
ที่มาของไม้ดำ เขาย่อมรู้ดี นี่คือเต๋าธาตุไม้สารัตถะจำแลงเป็นหนึ่งในห้าธาตุสารัตถะที่เป็นต้นกำเนิดภายในจักรวาลอันยิ่งใหญ่ไร้ที่สิ้นสุดนี้ มันคือสุดยอดของธาตุไม้ แหล่งกำเนิดของกฎเต๋าธาตุไม้การฝึกตนของสรรพสัตว์ และเป็นการแสดงถึงหายนะในเวลาเดียวกัน
ด้วยเพราะห้าธาตุสารัตถะแต่ดั้งเดิมนี้ ตนเองก็ไม่ได้มีความรู้ หรืออาจกล่าวได้ว่า แทบจะไม่อาจเกิดความรู้อย่างแท้จริง
ดังนั้น พวกมันจะไม่ส่งผลต่อผู้ฝึกตนในการฝึกเต๋าของเขา ได้แต่เพียงขับดันไปตามสัญชาตญาณ สำหรับสิ่งมีชีวิตที่พยายามปลอมแปลงตรรกะที่ก้นบึ้งของจักรวาล หายนะแห่งการจุติดับสูญ
เพียงแต่ตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบัน มีเพียงผู้เดียวเท่านั้นที่ถูกหายนะแห่งการจุติดับสูญ นั่นก็คือมหาเทพ
และหากมหาเทพเอาชนะหายนะได้สำเร็จ สรรพสัตว์ภายในจักรวาลกว้างใหญ่กระทั่งเทพเคารพสูงสุดเหล่านั้น ก็ต้องศิโรราบ นี่คือสิ่งที่เขาไม่ยินยอม และก็เป็นสาเหตุที่เขาโน้มน้าวผู้อื่น ทำให้ผู้อื่นยินยอมร่วมมือกับเขา
ในทางกลับกัน เมื่อมหาเทพพ่ายแพ้ หมื่นวิถีที่ถูกเขากักไว้จะคืนกลับ และล้มเหลวตามไปด้วย แต่ผู้ที่ถึงขั้นเทพเคารพสูงสุด ต่างก็สามารถมีโอกาสตระหนักรู้ ถึงเวลานั้น…บางทีอาจมีมหาเทพองค์ใหม่ ที่จะถือกำเนิดในหมู่พวกเขา
ดังนั้นจึงมีแผนนักรบธาตุไม้ที่ใช้ ภายใต้การนำของเขา และโลกแห่งศิลาที่ผนึกหัตถ์หลัว ความพิเศษของมันในตอนแรก จึงเป็นธรรมดาที่จะเลือกแผนการนี้มาดำเนินการที่นี่
ตามแผนการแต่เดิมที หวังเป่าเล่อจะฉีกกระชากอาวุธของมหาเทพ หากเขาทำสำเร็จ มหาเทพพ่ายแพ้ในการก้าวผ่านหายนะ และล้มเหลวด้วยตนเอง
หากหวังเป่าเล่อพ่ายแพ้ ก็สามารถทำให้มหาเทพเกิดการเสียเปรียบปางตาย ไม่อาจไปถึงขั้นวัฎจักร และมีความเป็นไปได้ที่จะล้มเหลว
ในเวลาเดียวกัน เพราะความพิเศษของแหล่งแห่งธาตุไม้ แทบจะไม่อาจเกิดความรู้อย่างแท้จริง ดังนั้นแผนการนี้ จึงเพิ่มชั้นปราการป้องกันที่ไร้การควบคุม และแม้เขาจะเห็นเส้นทางการเติบโตของหวังเป่าเล่อด้วยตาตนเอง ก็ไม่มีสาเหตุให้ไปใส่ใจเกินไป
สำหรับเขาแล้ว นั่นเป็นเพียงอาวุธอย่างหนึ่ง แม้จะมีความรุ้ แต่ความรู้นี้…สุดท้ายการเติบโตมีจำกัด ไม่มีสิ่งใดต้องกังวล เพราะในทางทฤษฏี อีกฝ่าย…ไม่ใช่ของจริง ด้วยสาเหตุบางอย่าง เขา…แม้จะยืนอยู่ต่อหน้าตนเอง ก็ไม่อาจเห็นตนได้
เหมือนเป็นสองมิติ
แต่ทั้งหมดนี้ ด้วยบุตรสาวของเทพเคารพสูงสุดผู้หนึ่ง ปรากฎการเบี่ยงเบน หากเป็นเทพเคารพสูงสุดท่านอื่นก็ช่างเถอะ แต่กลับเป็นเทพเคารพสูงสุดผู้นี้…พลังและสถานะ เหนือกว่าปกติ เทพเคารพสูงสุดท่านอื่นที่ถูกตนโน้มน้าว ยอมจำนนต่อพฤติกรรมของเทพเคารพสูงสุดผู้นี้
นี่คือความเบี่ยงเบนแรก และตอนนี้…ก็ปรากฎความเบี่ยงเบนที่สอง
การเติบโตของนักรบธาตุไม้นี้ เกินกว่าแผนที่วางไว้ ที่ใช้ร่างอวตารมหาเทพเป็นเหยื่อล่อ เพื่อหมายจะตกปลา และยิ่งกว่านั้น..ยังเห็นตนแล้ว
นี่ทำให้เกิดระลอกคลื่นพลิกฟ้าลูกใหญ่ภายในใจของเขา ทำให้เขารู้เข้า แผนการ…ไร้การควบคุมแล้ว
นักรบธาตุไม้ไร้การควบคุมแล้ว
“นี่เป็นไปไม่ได้…เซียน เป็นเซียน ! ชายชราหายใจถี่รัว พลันก็เหมือนจะนึกสิ่งใดขึ้นมาได้ มองไปยังใบหน้าของหวังเป่าเล่อเหนือศิลานั้นอีกครั้ง สายตาของเขาก็เผยความสับสน
เขาเข้าใจแล้ว สาเหตุของการไร้ควบคุม บางที…อาจเป็นภายในจักรวาลกว้างใหญ่นี้ แต่ไหนแต่ไรมาก็มีการสืบทอดแห่งเซียนดำรงอยู่
หากกล่าวว่าแผนการที่เขาใช้ เป็นกรอบที่แน่นอนแทบจะไม่อาจถูกทำลายได้ เช่นนั้นเซียน…เพราะการล่องลอยของเขา จึงอิสระไร้การควบคุม
สองคนขัดแย้งกัน และฝ่ายหลังเห็นได้ชัดว่า…แข็งแกร่งกว่า
“เซียนของจักรวาลอันกว้างใหญ่นี้…ที่แท้คือสิ่งใด” ชายชรานิ่งเงียบ บิดาหวังอีอียังคงเงียบสงบ หวังเป่าเล่อเองก็นิ่งงันเช่นกัน
หัตถ์แห่งหลัวที่ยื่นออกมาจากโลกแห่งศิลา ในสายตาของชายชราดูกว้างใหญ่ไร้ขอบเขต พลังชีวิตหนาแน่น แต่ในสายตาของหวังเป่าเล่อกลับไม่เป็นเช่นนั้น
สิ่งที่หัตถ์แห่งหลัวแผ่ออกมา ไม่ใช่พลังชีวิต แต่เป็น…ปราณแห่งความมืด
ปราณแห่งความมืด…ที่หนาแน่นจนถึงขีดสุด
เพราะ นี่คือปราณแห่งความมืดที่กลายมา เพราะ…สิ่งที่หวังเป่าเล่อตระหนัก มิใช่เพียงธาตุทั้งห้า
สามเต๋าหลังของแปดเต๋าปรมัตถ์ เขาได้ตระหนักก่อนหน้าธาตุทั้งห้าขั้นสูงสุด หลังจากธาตุทั้งห้า ก็เป็นหยินหยาง หลังจากหยินหยางแล้ว คือล่องลอย
หยินสูงสุด หยางสูงสุด และล่องลอยสูงสุด!
เพียงแต่ยังขาดหยางสูงสุด และหวังเป่าเล่อก็ยากที่จะได้รับ ดังนั้นล่องลอยนี้ จึงยังไม่ถึงขั้นสูงสุด แต่หยินสูงสุด..เขาได้ครอบครองแล้ว นั่นคือเต๋าแห่งการดับสูญของสำนักแห่งความมืดที่กลายมาจากการหลอมรวม
ดังนั้นจึงปรากฎการเปลี่ยนแปลงที่ทำให้ชายชราและชายหนุ่มสีโลหิตต่างไม่อาจคาดเดาได้ การฝึกตนของหวังเป่าเล่อไม่ใช่ห้าเต๋า แต่เป็นหกเต๋าครึ่ง
ครึ่งเต๋าที่เกินออกมาคือล่องลอย
หกเต๋าครึ่งนี้ ทำให้ร่างอวตารของเขาแข็งแกร่งที่สุด จึงสามารถต่อสู้กับชายหนุ่มสีโลหิตได้ ในเวลาเดียวกันก็เป็นเพราะครึ่งเต๋าล่องลอยนั้น ทำให้หวังเป่าเล่อเกิดคำถามต่อการดำรงอยู่ของตนเอง
เขาต้องการรู้ ที่แท้แล้วมีคนมากมายเท่าใดที่ติดตามการต่อสู้นี้
ที่แท้มีคนมากมายเท่าใด พยายามมีอิทธิพลต่อตนเอง
เขาอยากจะรู้ เนื้อแท้ไม้ดำของตนเอง ที่แท้แล้วมาจากทางใด
และสิ่งที่ผู้อื่นกล่าว เขาก็ไม่เชื่อ ดังนั้นเขาต้องการตกปลา
ด้วยการใช้ร่างอวตารของมหาเทพเป็นเหยื่อ ไปดูว่า มีผู้ใดมา
เขาต้องการดู เช่นเดียวกับปีนั้นในสมุดแห่งโชคชะตาของประมุขกฎสวรรค์ ในขีดจำกัดเขาก็ดิ้นรนไปดูโลกภายนอกเช่นกัน ในเวลานี้เขาก็เป็นเช่นนี้ เขาต้องการเห็นผลลัพธ์
ดังนั้น หวังเป่าเล่อได้ซ่อนร่างต้นแบบเอาไว้ หลอมรวมโลกแห่งศิลา…อย่างเงียบๆ
เพราะเขารู้ ไม่ว่าตนเองจะเห็นสิ่งใด โลกแห่งศิลา ก็เป็นรากเหง้าของตน ดังนั้น เขาต้องการนำโลกแห่งศิลามาไว้ในกำมือก่อน
เวลานี้ เขาเห็นแล้ว
หลังจากความเงียบงัน หวังเป่าเล่อพลันก็ยิ้มออกมา ในแววตาที่สับสนของชายชรา เขายกหัตถ์แห่งหลัวที่กำการเวียนว่ายเต๋าธาตุไม้ขึ้น บีบเบาๆ
เสียงแคว๊กดังขึ้นอย่างชัดเจน แต่เหมือนจะสามารถสั่นคลอนจิตวิญญาณ ราวกับจะส่งออกมาจากเบื้องลึกของจักรวาล และยังเหมือนจะก้องกังวานจากที่นี่ถึงส่วนนอกสุดของจักรวาล ทำให้จิตใจของชายชราสั่นไหว ยังทำให้สายตาทั้งหมดที่จดจ้องติดตามที่นี่ บรรจบกันจากทุกทิศทุกทางของความว่างเปล่า
เวียนว่ายดับสูญ!
“เจ้าต้องการให้เขาตาย ข้าได้ทำสำเร็จแล้ว ”
“เช่นนั้นจากวินาทีนี้เป็นต้นไป…”
อย่าได้มากวนใจข้า”
เสียงของหวังเป่าเล่อต่ำลึก ขณะที่ถ่ายทอดสู่จักรวาล ใบหน้าเหนือศิลา ได้เลือนหายไปพร้อมกับหัตถ์แห่งหลัว เสียงก้องกังวานในขณะนี้วิธีการปะทุที่สั่นสะเทือนความว่างเปล่า และในระหว่างที่ความผันผวนกระจายออกไปรอบๆ อย่างบ้าคลั่ง ศิลา…ก็ถูกแทนที่ด้วยไม้ยักษ์สีดำจำแลง
ไม้ยักษ์ ตั้งตระหง่านอยู่ในท้องฟ้า
…………………………………………..