หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting - บทที่ 1303 ยกระดับ
เต๋าธาตุทองและน้ำข้ามผ่านสะพานที่หก
ไม่ใช่ว่าเต๋าไม่แข็งแกร่ง แต่เป็นเพราะการรู้แจ้งของหวังเป่าเล่อยังไม่ถึงระดับต้นกำเนิด แท้จริงแล้ว…เต๋าแห่งธาตุทั้งห้านั้นโดยพื้นฐานไม่สามารถฝึกฝนจนถึงระดับต้นกำเนิดได้ เพราะนั่นไม่สอดคล้องกับกฎของมหาจักรวาล
ธาตุทั้งห้าคือเต๋าสำคัญของตรรกะพื้นฐานของมหาจักรวาล ไม่ใช่สิ่งที่ผู้ฝึกตนจะควบคุมได้ อย่างมากที่สุด…ก็ถึงระดับที่หวังเป่าเล่อกำลังทำในตอนนี้ ดูเหมือนจะกลายเป็นต้นกำเนิด แต่ความจริงแล้วเป็นเพียงหนึ่งในนั้น ไม่ใช่หนึ่งเดียว
ความต่างของทั้งสองอย่างนี้ก็คือต้นกำเนิดปลอมกับต้นกำเนิดที่แท้จริง
เรื่องพวกนี้หวังเป่าเล่อที่เดินข้ามสะพานมาถึงตรงนี้รู้ดี เขาจึงไม่ได้แปลกใจ ขณะนี้แม้จะยืนอยู่ระหว่างสะพานที่หกและเจ็ด แต่เขาก็ยังสะบัดมือขวาลง ทันใดนั้นเต๋าธาตุดินก็จุติขึ้น
รอบตัวพลันมีศิลาขนาดมหึมาควบแน่นจากสภาวะลวงตาแปรเปลี่ยนเป็นของแข็งอย่างรวดเร็ว กฎแห่งเต๋าธาตุดินแผ่ขยายออกไปทั่วทุกสารทิศกู่ก้องไปทั้งจักรวาล
ในไม่ช้าศิลานี้ก็หลอมละลายเข้ากับหวังเป่าเล่อเหมือนกับทองและน้ำ ขณะเดียวกันก็ดูเหมือนจะกลายเป็นเส้นด้ายนับไม่ถ้วนกระจายไปทั่วจักรวาลราวกับเชื่อมโยงกับสารัตถะแห่งดินในมหาจักรวาล
เปรียบเหมือนด้านหนึ่งเป็นทะเลสาบ ด้านหนึ่งเป็นมหาสมุทร ทั้งขนาดและความลึกต่างกัน เมื่อเกิดช่องทางระหว่างกัน น้ำในมหาสมุทรก็พุ่งไปที่ทะเลสาบอย่างรวดเร็ว ในที่สุดไม่เพียงแต่ทะเลสาบจะใหญ่ขึ้น แต่หลังจากใหญ่ขึ้นแล้ว…มันก็รวมเป็นหนึ่งเดียวกันไม่แยกจากกันอีก
นี่ก็คือการพิสูจน์เต๋า
เต๋าธาตุทองเป็นเช่นนี้ เต๋าธาตุน้ำเป็นเช่นนี้และเต๋าธาตุดินในตอนนี้ก็เป็นเช่นกัน!
ดังนั้นในกระบวนการนี้เต๋าธาตุดินของหวังเป่าเล่อจึงยิ่งเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ดูดซับและเติบโต ในที่สุดฝีเท้าของเขาก็ไม่หยุดนิ่งอีกต่อไปราวกับมีพลังใหม่และก้าวไปข้างหน้าทีละก้าว
สิบจั้ง ร้อยจั้ง พันจั้ง…
กฎเต๋าธาตุดินของมหาจักรวาลพรั่งพรูคอยสนับสนุนและผสานเข้าไปอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ร่างของหวังเป่าเล่อขยายใหญ่ขึ้น หนาขึ้นและน่ากลัวขึ้น!
ดังนั้นขณะก้าวไปข้างหน้า พลังปราณบนร่างของเขาจึงปะทุขึ้นไม่หยุด ดวงอาทิตย์ดวงที่สิบเอ็ดที่ปรากฏขึ้นในดินแดนเซียนก็ยิ่งเปล่งแสงเจิดจ้า จนกระทั่งหวังเป่าเล่อก้าวไปถึงสะพานที่เจ็ด และก้าวขึ้นไป พริบตานั้นดวงอาทิตย์ดวงที่สิบเอ็ดก็ส่องสว่างถึงขีดสุด
ทุกคนที่กำลังมองหวังเป่าเล่ออยู่พลันร้องคำรามอยู่ในใจ
“สะพานที่เจ็ด!”
“เขา…ไปถึงสะพานที่เจ็ดแล้ว!”
ท่ามกลางความตกตะลึงของทุกชีวิต หวังเป่าเล่อที่กำลังเดินบนสะพานที่เจ็ดดวงตาเจิดจ้า เขาสัมผัสได้ว่าเต๋าธาตุทอง เต๋าธาตุน้ำและเต๋าธาตุดินของตนได้หลอมละลายเข้ากับร่างกายอย่างสมบูรณ์พร้อมกับการพิสูจน์เต๋าของสะพานสู่สวรรค์
นี่คือการหลอมรวมและเป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างหนึ่งด้วย
จากเต๋าแห่งธาตุทั้งห้าของโลกศิลาแปรสภาพเป็น…ธาตุทั้งห้าของมหาจักรวาล!
มันทำให้เขาสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเต๋าทั้งสามของตนไม่ได้แยกจากกันอีก และเต๋าแห่งธาตุทั้งห้าในร่างก็หลอมรวมเข้าไปในธาตุทั้งห้าของมหาจักรวาลแล้วกลายเป็นหนึ่งในต้นกำเนิดของมัน
แม้จะเป็นเพียงหนึ่งในนั้น แต่ก็นับว่าเป็นขีดสูงสุดที่ผู้ฝึกตนจะบรรลุได้แล้ว ระดับการการฝึกตนของเขาไม่เหมือนเมื่อก่อน พลังต่อสู้ของเขาก็ต่างออกไป เพราะเขาในตอนนี้ไม่ใช่แค่แสดงเต๋าธาตุทอง เต๋าธาตุน้ำ เต๋าธาตุดินได้ด้วยพลังของตนเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ยังมี…พลังแห่งสามธาตุของมหาจักรวาลด้วย
ทั้งหมดอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา!
“เจ้าสะพานสู่สวรรค์ตัวดี!” แสงในดวงตาหวังเป่าเล่อเจิดจ้ารุนแรงขึ้น ไม่มีผู้ใดไม่ชอบความรู้สึกที่ร่างกายแข็งแกร่ง หวังเป่าเล่อก็เช่นกัน เขาอยากแข็งแกร่งเพราะแบบนั้นเขาจึงจะไร้พันธนาการ
ดังนั้นหลังจากไปถึงกลางสะพานที่เจ็ดแล้ว หวังเป่าเล่อก็สะบัดมือขวาลงทันทีเมื่อตระหนักได้ว่าพลังที่เหลืออยู่ไม่เพียงพอ
“เต๋าธาตุไฟ!”
ทันทีที่เอ่ยขึ้น ไฟลุกโชนพลันระเบิดขึ้นรอบตัวเขา เปลวเพลิงนี้ยิ่งใหญ่ไร้ที่สิ้นสุด แต่สิ่งที่แผ่ออกมาไม่ใช่ความร้อน กลับเป็น…กระแสเซียนและวิชาสืบทอด
เพราะนี่คือเพลิงเซียน และเป็นไฟแห่งคบเพลิง!
แม้มันจะเป็นเพียงหนึ่งในเต๋าธาตุไฟ แต่ก็เป็นไฟเหมือนกัน หลังจากปรากฏตัวขึ้นมันก็กระตุ้นปราณกังวานของไฟแห่งธาตุทั้งห้าในมหาจักรวาลทันที พวกมันเชื่อมโยงกันในพริบตาและภาพของสามธาตุก่อนหน้านี้ก็ปรากฏขึ้น
มองจากที่ไกลๆ ทะเลเพลิงแทรกซึมไปทั้งสะพาน รวมถึงจักรวาลที่อยู่ไกลออกไปด้วย แต่…แม้ทะเลเพลิงจะสว่างโชติช่วงก็ยังไม่อาจซ่อนร่างหวังเป่าเล่อได้ ราวกับทะเลเพลิงนี้เป็นเพียงการจัดฉาก ทำให้ร่างของหวังเป่าเล่อยิ่งน่าเกรงขาม และเมื่อทะเลเพลิงกับร่างของเขาหลอมรวมเข้าด้วยกันแล้ว เท้าของเขาก็ยกขึ้นย่างก้าวไปยังปลายสะพานอีกครั้ง
ความเร็วไม่มาก แต่ฝีเท้ากลับมั่นคงอย่างยิ่ง เช่นเดียวกับการปะทุของระดับการฝึกตน ท่ามกลางสายตานับไม่ถ้วน เขาก็มาถึง…ปลายสะพานที่เจ็ดในเวลาไม่นาน
ห่างจากทางลงเพียงหนึ่งก้าว!
สะพานสู่สวรรค์มีจุดพิเศษอย่างหนึ่ง นั่นก็คือไม่ว่าสะพานใด ในด้านความแข็งแกร่งการก้าวข้ามกับการเดินผ่านนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ดังนั้นสายตาที่มองหวังเป่าเล่อจึงยิ่งเคร่งขรึมขึ้นทันที
แต่ความเคร่งขรึมเหล่านี้…ไร้ความหมาย
เพราะ…หวังเป่าเล่อที่เดินมาถึงปลายสะพานที่เจ็ดไม่ได้รั้งรอแม้แต่น้อย เขาก้าวตรงไป…ด้วยท่าทีสบายๆ เดินผ่านสะพานที่เจ็ดไปยังความว่างเปล่าระหว่างสะพานที่เจ็ดและแปด
เสียงเซ็งแซ่พลันโพล่งออกมาด้วยความตกใจไปทั่วทั้งดินแดนเซียนทันที
“ไปสะพานที่แปดแล้ว!”
“เขา…เขาจะไปได้กี่สะพานกันนะ”
หวังโหม่วที่จ้องมองร่างหวังเป่าเล่อยิ่งมีสายตาคาดหวังยิ่งกว่าเดิม ขณะเดียวกันมหาจักรพรรดิสวรรค์ทั้งหมดบนดินแดนเซียนต่างก็เกิดการคาดเดาทำนองเดียวกัน
แม้แต่ตัวหวังเป่าเล่อเองก็เช่นกัน ขณะนี้เขายืนอยู่ในความว่างเปล่าระหว่างสะพานที่เจ็ดและแปด เงยหน้ามองสะพานที่แปดที่อยู่ไกลๆ แล้วพึมพำเบาๆ
“หากธาตุทอง ธาตุไฟ ธาตุน้ำ ธาตุดิน สนับสนุนข้าให้ผ่านมาได้สองสะพาน …เต๋าธาตุไม้ของข้าจะพาข้าไปได้ไกลแค่ไหนกันล่ะ”
“เต๋าธาตุไม้!” พริบตาต่อมาหวังเป่าเล่อก็ยกสองมือขึ้นพร้อมเอ่ยเสียงต่ำ
ตอนนั้นเองที่เขาเอ่ยขึ้น สะพานทั้งเจ็ดด้านหลังก็พลันสั่นสะเทือนรุนแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ราวกับสะพานสู่สวรรค์ทั้งเจ็ดก่อนหน้านี้ไม่อาจทนรับได้
แม้แต่สะพานที่แปดก็ยังสั่นสะเทือน มีเพียงสะพานที่เก้าที่ไม่ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงมากนัก
หากแตดินแดนเซียนใต้ร่างหวังเป่าเล่อเวลานี้กลับส่งเสียงร้องคำรามรุนแรง เสียงอสูรร้ายนับไม่ถ้วนชะงักกึกทันที เพราะขณะนี้…ท้องฟ้าพลันบิดเบี้ยว
เพราะขณะนี้จักรวาลเกิดระลอกคลื่น
เพราะขณะนี้พื้นที่เกือบทั้งหมดของมหาจักรวาลกำลังสั่นไหว!
ดวงจิตเทพของผู้เยี่ยมยุทธ์ทั้งหลายต่างตื่นตกใจและรีบเพ่งมองมาจากทุกสารทิศของมหาจักรวาล และเมื่อดวงจิตเทพของพวกเขามาถึง พวกเขาก็ได้เห็นว่า…ท่ามกลางจักรวาลนอกดินแดนเซียนในตอนนี้…มีไม้ขนาดมหึมา…ไม่ต่างจากดินแดนเซียนปรากฏขึ้น!
เส้นด้ายนับไม่ถ้วนถักทอขึ้นเป็นตาข่ายยักษ์ที่ปกคลุมไปทั่วทั้งมหาจักรวาล ทำให้ไม้นี้กลายเป็นส่วนหนึ่งของมันอย่างไม่อาจแยกออก และเส้นด้ายทุกเส้นบนตาข่ายก็คือ…กฎ!
มองดูไม้นี้อีกครั้ง สีของมันดำสนิทเหมือนกับโลงศพ!
แรงกดดันที่อธิบายไม่ได้แผ่ซ่าน อีกทั้งยังมีความเศร้าโศกและทุกข์ทรมานแทรกซึมไปในจักรวาลพร้อมกับที่ไม้ปรากฏขึ้นด้วย
“สารัตถะเพียงหนึ่งเดียวแห่งไม้ในจักรวาลผืนนี้!” บิดาของหวังอีอีเงยหน้าพร้อมเอ่ยเสียงเบา
…………………………………