หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting - บทที่ 1304 สะพานที่เก้า
ตอนนี้เมื่อมองไปรอบๆ จักรวาลนอกดินแดนเซียนแล้ว มันถูกปกคลุมด้วยตาข่ายยักษ์ใหญ่ไร้ที่สิ้นสุด ตาข่ายยักษ์นี้ใหญ่โตมากจนดูเหมือนจะครอบคลุมได้ทั้งมหาจักรวาล มันปรากฏขึ้นในทุกภูมิภาคในมหาจักรวาล
ตาข่ายยักษ์นี้ก็คือกฎ
เส้นด้ายแต่ละเส้นมีทั้งหนาและบาง แต่ทุกเส้นล้วนเป็นกฎ
และในดินแดนเซียน ไม้สีดำกลางตาข่ายก็ยิ่งชัดเจน แม้แต่ลายไม้ก็ยังมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า โดยเฉพาะแรงกดดันที่แผ่ออกมาจากไม้สีดำนั้นได้ส่งผลให้คนที่สัมผัสถึงมันต่างร้องคำรามอยู่ในใจ
แม้แต่ด้ายกฎบนตาข่ายรอบๆ ไม้สีดำก็ยังเทียบไม่ได้ ทำให้ไม้สีดำเขย่าขวัญไปทุกสารทิศ
และตอนนี้ไม้สีดำก็กำลังจมลงช้าๆ ท่ามกลางเสียงคำรามดุร้ายราวกับกำลังจะแตะต้องดินแดนเซียน
ทุกคนที่ได้เห็นภาพนี้ย่อมตื่นตกใจ ร่างกายสั่นเทิ้มรุนแรง ผู้เยี่ยมยุทธ์ซึ่งเป็นตัวแทนของดวงอาทิตย์ที่กำลังลอยอยู่บนท้องฟ้าในดินแดนเซียนตอนนี้ก็เช่นกัน
ในความรู้สึกของพวกเขา ไม้สีดำที่ปรากฏรอบดินแดนเซียนนั้นสมจริงมาก พลังแห่งการจุติของมันก็ยิ่งสมจริง กระทั่งรู้สึกว่าหากไม้สีดำนี้จมลงมา ดินแดนเซียนคงจะมืดมิดในชั่วพริบตา
“นี่…นี่มัน…”
“ต้องหยุดไม้นั่น!”
เสียงอุทานดังมาจากดินแดนเซียนอย่างต่อเนื่อง แม้แต่ซือถูที่เคยเล่นหมากรุกกับหวังเป่าเล่อก็ยังปรากฏตัวข้างหวังโหม่วบิดาของหวังอีอีด้วยท่าทางเคร่งขรึมยิ่ง
ในเวลาเดียวกันภายในดวงอาทิตย์สิบเอ็ดดวงนั้น ดวงอาทิตย์สองดวงที่สว่างพร่างพรายกว่าของหวังเป่าเล่อก็ออกมาจากถ้ำที่พักและจ้องมองมาทางท้องฟ้าอย่างเคร่งขรึม ปล่อยพลังกดทับรุนแรง
ในการรับรู้ของพวกเขา ไม้นี้แฝงภัยคุกคามรุนแรง หลังจากจมลงมาจะต้องสร้างผลกระทบให้ดินแดนเซียนเป็นแน่ และทั้งดินแดนเซียนในตอนนี้มีเพียงสองคนที่จิตใจแจ่มกระจ่าง สีหน้าปกติ หนึ่งในนั้นคือบิดดาของหวังอีอี
เขาจ้องมองไม้สีดำนอกท้องฟ้าอย่างสงบ หลังจากพึมพำประโยคแรกแล้วก็เอ่ยประโยคที่สองออกมา
“แต่น่าเสียดาย…ที่ไม่สมบูรณ์”
“ไม่สมบูรณ์?” ซือถูที่ยืนถัดจากบิดาของหวังอีอีชะงักไปครู่หนึ่ง หากใช้พลังฝึกปรือของเขาในตอนนี้มองไป ไม้สีดำที่ปรากฏอยู่ตอนนี้เป็นของจริง ขณะเดียวกันก็ดูเป็นหนึ่งเดียวกันและไม่มีวี่แววของความไม่สมบูรณ์เลย
“ใช่ นี่เป็นเพียงการฉายภาพมายาที่ดูเหมือนจริงเท่านั้น” บิดาของหวังอีอีกล่าวตอบเสียงเบา
“ฉายภาพ…” ซือถูยิ่งใจสั่นสะท้านมากขึ้น และในขณะเดียวกันหวังเป่าเล่อที่ยืนอยู่ระหว่างสะพานที่เจ็ดและแปดก็ถอนหายใจเบาๆ
ไม้สีดำนี้เกิดจากสารัตถะแห่งไม้ของเขา ดังนั้นเขาจึงสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าไม้สีดำที่ปรากฏอยู่นอกดินแดนเซียนในขณะนี้ไม่ได้มีอยู่จริง
ดังนั้นใจเขาจึงเข้าใจกระจ่าง สีหน้าเรียบเฉย
แต่เพราะความเชื่อมโยงกับไม้สีดำอย่างไม่อาจแยกออกจากกันได้จึงสัมผัสได้อย่างชัดเจน หากแต่บิดาของหวังอีอีนั้นต่างจากเขาอย่างเห็นได้ชัด จากจุดนี้ยังทำให้เห็นถึงความน่ากลัวของเขาด้วย
“หากนี่เป็นเพียงภาพฉาย เช่นนั้นไม้ของจริง…อยู่ไหน” ซือถูที่ยืนอยู่ล่างสะพานที่หนึ่งเอ่ยขึ้น จากนั้นก็ครุ่นคิด ก่อนจะหันขวับไปทางท้องฟ้า สายตาราวกับมองทะลุจักรวาลไปยังที่ที่หนึ่ง
“ตรงนั้นไง” ท่านพ่อหวังเอ่ยเสียงเบา พร้อมกับหวังเป่าเล่อที่ยืนอยู่ระหว่างสะพานที่เจ็ดและแปดก็หันมองไปยังจุดหนึ่งในมหาจักรวาลโดยอาศัยสัมผัสเชื่อมต่อภายในใจ
และแทบจะในทันทีที่เขาหันไปมอง…
จุดหนึ่งในจักรวาลที่สายตาเขาทอดมองก็ราวกับมีหมอกสีแดงกว้างใหญ่ไร้ขอบเขต หมอกนั้นยังคงม้วนตัวราวกับว่ามันไม่ได้หยุดมาเป็นเวลานานแล้ว
และข้างในหมอกนั้นปรากฏเงาร่าง 108 ร่าง แต่ละร่างล้วนยิ่งใหญ่สะท้านจิตใจ ภายในร่างแต่ละร่างล้วนมีจักรวาลที่ต่างกัน
ร่างทั้ง 108 ร่างนี้ยืนล้อมกันและกันราวกับจัดเรียงเป็นรูปแบบ หากมองจากมุมสูงจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่ารูปแบบนี้…เป็นรูปมนุษย์
และใจกลางร่างมนุษย์ก็คือตำแหน่งของจุดตันเถียน ที่ตรงนั้น…เป็นแก่นของหมอกสีแดง สายตาและดวงจิตเทพไม่อาจมองทะลุได้ราวกับไม่อาจแยกออกจากทุกสิ่ง
และในพื้นที่อันเป็นเอกเทศแห่งนี้กลับมี…ร่างที่ 109 อยู่อย่างน่าประหลาด!
คนผู้นี้นั่งทำสมาธิ รูปร่างหน้าตาไม่ชัด ทั่วทั้งร่างปกคลุมไปด้วยหมอกแดง มีเพียงบริเวณหน้าผากที่เห็นได้ชัดเจนกว่าส่วนอื่น จะเห็นได้ว่าตรงนั้น…มีตะปูไม้สีดำตอกอยู่ตรงกลาง!
พลังที่แผ่ออกมาจากตะปูไม้สีดำนี้ทำให้บริเวณรอบๆ บิดเบี้ยวจนหมอกสีแดงไม่อาจแทรกซึมเข้าไปตรงนั้นได้ ทำได้เพียงสัมผัสอยู่ภายนอก แต่หมอกสีแดงก็ดูจะไม่ยินยอมให้เป็นเช่นนั้น มันม้วนตลบและพยายามครอบคลุม
บางที…อาจเป็นเพราะหมอกพลุ่งพล่านตรงใจกลางจึงส่งผลให้หมอกสีแดงพลิกตลบไม่หยุดมานานหลายปี
“สถานที่ที่ร่างต้นแบบอยู่อย่างแท้จริง!” หวังเป่าเล่อดวงตาหดแคบ หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งและเงยหน้าขึ้น ดวงตาเผยแววมุ่งมั่น ก่อนจะยกเท้าก้าวลงไปข้างหน้าหนึ่งก้าว
ยามที่เท้ายกขึ้น ภาพฉายไม้สีดำกลางจักรวาลนอกท้องฟ้าก็ลดระดับลงรวดเร็วจนน่าตกใจ ขณะที่ผู้คนในดินแดนเซียนตื่นตกใจอยู่นั้น พริบตาที่เท้าของหวังเป่าเล่อวางลง ไม้สีดำก็ร่วงลงมาอย่างสมบูรณ์ มันร่วงกระทบดินแดนเซียน กระทบสะพานสู่สวรรค์และกระทบศีรษะหวังเป่าเล่อ!
แผ่นดินไม่ได้สะเทือน ท้องฟ้าไม่ได้ถล่มอย่างที่ทุกคนจินตนาการไว้ ท่ามกลางความตื่นตกใจของทุกชีวิต ไม้สีดำสัมผัสกับหวังเป่าเล่อและ…หลอมรวมเข้าไปในร่างของเขาอย่างเงียบเชียบ!
เห็นได้ชัดว่าร่างของหวังเป่าเล่อเป็นดั่งเศษธุลีเมื่อเทียบกับไม้สีดำ เห็นได้ชัดว่าไม้สีดำยิ่งใหญ่กว่าดินแดนเซียน ทว่าในตอนนี้ราวกับประสาทสัมผัสและดวงตาได้รับผลกระทบ ไม้สีดำขนาดมหึมาหลอมรวมเข้าไปในร่างหวังเป่าเล่อชั่วพริบตา
อึดใจต่อมาเท้าของหวังเป่าเล่อก็วางลงอย่างสมบูรณ์แล้ว
ย่างก้าวนี้ก้าวข้ามความว่างเปล่าระหว่างสะพานที่เจ็ดและแปด ก้าวข้ามหัวสะพานที่แปด ก้าวข้ามปลายสะพานที่แปด และก้าวข้ามความว่างเปล่าระหว่างสะพานที่แปดและเก้า…ข้ามพ้น…ทุกสะพาน
และมาอยู่บนสะพานที่เก้า!!
หากแต่ไม่ใช่ที่หัวสะพาน กลับเป็น…ปลายสะพาน!!
เมื่อร่างของหวังเป่าเล่อปรากฏขึ้นตรงปลายสะพานที่เก้า ทั้งโลกพลันตกตะลึง ก่อนที่ความโกลาหลมากมายจะทะยานสูง
“สะ…สะพานที่เก้า!!”
“ก้าวเดียว…ข้ามพ้นทุกสะพาน!”
“ไม่ใช่ข้ามพ้นทุกสะพาน แต่จากสะพานที่เจ็ดถึงสะพานที่เก้าต่างหาก!!”
ท่ามกลางความโกลาหล หวังเป่าเล่อบนปลายสะพานกลับมีความเศร้าโศกผุดขึ้นในใจ เขารู้ดีว่าเป็นเพราะการปรากฏตัวของไม้สีดำเป็นเพียงภาพฉาย ไม่ใช่ของจริง จึงไม่อาจทำให้เขาไปถึงสุดสะพานที่สิบเอ็ดได้ในพริบตาเดียวและหยุดลงอยู่ตรงนี้
ขณะนี้แม้เขาจะยืนอยู่บนปลายสะพานที่เก้าแล้ว แต่หวังเป่าเล่อก็สัมผัสได้ว่าเส้นทางข้างหน้ายังมีอุปสรรคใหญ่หลวง ส่งผลให้เท้าของเขา…ยากที่จะยกขึ้นไปต่อ
“ท่านพ่อ เขา…จะหยุดแล้วหรือ” หวังอีอีที่ยืนอยู่ข้างสะพานแห่งแรกเอ่ยเสียงเบา
“ของขวัญของข้ายังไม่ทันได้มอบให้ ย่อมไม่มีทางหยุด” ผู้เป็นบิดาสีหน้าสงบนิ่งตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้