หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting - บทที่ 1433 บางอย่างผิดปกติ
ภาพความทรงจำนี้เชื่อมต่อจากความทรงจำส่วนที่สี่
ใช้ตัวเองเป็นกระดานหมากรุกชักนำหายนะสวรรค์ของมหาจักรวาล หลังจากไม้ยักษ์สีดำกลายเป็นตะปูร่วงลงสู่มิติเต๋าต้นกำเนิดแล้ว…ผู้เยี่ยมยุทธ์ใต้บังคับบัญชามหาเทพต่างส่งพลังชีวิตตัวเองมาทำให้มหาเทพรอดจากการโจมตีรุนแรงที่สุดของสารัตถะเต๋าธาตุไม้
จากนั้นก็คือกระบวนการหลอมรวมเข้ากับสารัตถะเต๋าธาตุไม้ตามแผน
แผนการของเขาแบ่งเป็นสองส่วน ส่วนแรกคือการคาตะปูไว้ที่หว่างคิ้ว ทำให้มันไม่หนีไปและทำให้มันไม่สามารถทำร้ายร่างกายเขาได้เพื่อจะได้เกิดความสมดุล
ในความสมดุลนี้มหาเทพจึงเริ่มแผนการส่วนที่สอง
ส่วนนี้หวังเป่าเล่อพอจะเข้าใจอยู่บ้าง การดูภาพในตอนนี้ก็เพื่อยืนยันสิ่งที่เขาเข้าใจเท่านั้น
ในสัมผัสเชื่อมต่อของมหาเทพ เศษวิญญาณอีกส่วนหนึ่งก็คือตะปูไม้ดำ ดังนั้นหากเขาหลอมรวมมันได้สำเร็จ ร่างกายก็จะสมบูรณ์และจำทุกอย่างในชาติก่อนได้
แต่เนื่องจากความพิเศษของมหาจักรวาลผืนนี้ เขาจึงไม่สามารถทำได้ในครั้งเดียว แต่ต้องแบ่งและหลอมรวมทีละน้อย ดังนั้นจึงใช้เคล็ดวิชาหนึ่งแสนดวงจิตเทพแบ่งตะปูไม้ดำออกเป็นหนึ่งแสนเล่มราวกับหว่านเมล็ดพันธุ์ เพื่อให้ก่อเกิดเป็นจักรพิภพเต๋าไพศาลทั้งหนึ่งแสนแห่ง
ในจักรพิภพเต๋าไพศาลทั้งหนึ่งแสนแห่ง เมื่อกาลเวลาไหลผ่าน หนึ่งแสนมหาเทพและหนึ่งแสนหวังเป่าเล่อก็จะถือกำเนิดขึ้นทีละคน อย่างแรกคือดวงจิตเทพของมหาเทพ อย่างหลังคือเศษวิญญาณตะปูไม้ดำ และทุกจักรพิภพเต๋าล้วนมีชะตากรรมเดียวกันคือการต่อสู้กันระหว่างมหาเทพและหวังเป่าเล่อ
และด้วยการจัดการของมหาเทพทำให้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในจักรพิภพเต๋าไพศาลหนึ่งแสนแห่งเป็นไปตามแผนที่วางไว้อย่างดี ดังนั้นหวังเป่าเล่อทุกคนในจักรพิภพเต๋าไพศาลหนึ่งแสนแห่งจึงไม่มีทางต่อต้านได้สำเร็จ
นี่คือแผนการทั้งหมดของมหาเทพ
เมื่อเห็นทุกอย่างแล้ว แม้หวังเป่าเล่อจะพอรู้เรื่องราวมาก่อน แต่เขาก็ยังมีสีหน้าสับสนไม่น้อย เขาเห็นตัวเองในทุกจักรพิภพเต๋าไพศาลถูกสยบลงทีละคน สุดท้ายจักรพิภพเต๋าก็กลายเป็นผลไม้และหายไปในจักรวาลแล้วปรากฏตัวอยู่ข้างกายมหาเทพ…เป็นวิญญาณจักรพรรดิ
จนกระทั่งจักรพิภพเต๋าไพศาลทั้ง 99,999 แห่งเป็นเช่นนี้ทั้งหมด ในที่สุด…ก็มีจักรพิภพเต๋าหนึ่งเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น
หวังเป่าเล่อก็คือเรื่องไม่คาดฝันนั้น
เขาคือหนึ่งในเศษซากวิญญาณที่กลายเป็นตะปูไม้ดำ แม้ว่าในเชิงปริมาณ สัดส่วนที่เขาครอบครองอยู่นั้นจะเล็กน้อยมาก แต่ถึงจะเล็กน้อยเพียงใดก็ยังเป็นหนึ่งส่วนที่เหลือหลังจาก 99 ส่วน
ไม่มีส่วนนี้ก็ไม่ครบ 100
ดังนั้นการดำรงอยู่ของเขาจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อมหาเทพ
แต่ในตอนนี้เองภาพความทรงจำของมหาเทพก็สลายไปอีกครั้ง แต่ท่าทางหวังเป่าเล่อยังคงสับสน เขารู้ว่าการสันนิษฐานของตนอาจจะถูกต้องขึ้นมาจริงๆ
ความพิเศษของมหาจักรวาลนี้ก็คือ สถานที่แห่งนี้เป็นแหล่งกำเนิดเซียน
และสาเหตุที่เขาพิเศษก็เป็นเพราะวิชาสืบทอดเซียน
ถ้าไม่มีตัวแปรเหล่านี้เกรงว่ามหาเทพในปัจจุบันคงจะทำตามแผนสำเร็จ จนร่างกายสมบูรณ์และระลึกชาติได้ไปนานแล้ว
“ยังเหลืออีกหนึ่งด่าน” หวังเป่าเล่อสูดหายใจเข้าลึก แล้วมองดูโลกาชั้นแรก
โลกนี้ต่างจากที่เขาเคยเห็นก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง ซากปรักหักพังบนพื้นดินหายไป แทนที่ด้วยอาคารทุกหนทุกแห่ง ตัวอาคารเหล่านี้…เหมือนกับสหพันธรัฐไม่มีผิด
แม้แต่ในแวบแรกเขายังคิดว่าได้กลับมาที่สหพันธรัฐแล้ว
นอกจากนี้ยังมีฝูงชนมากมายส่งเสียงจอแจ และในโลกนี้ยังมีเมืองอื่นๆ อีกนับหมื่น…
เรียกได้ว่านี่คือโลกใบใหญ่อันอุดมสมบูรณ์
ไกลออกไปสิ่งที่ถูกเมืองนับหมื่นล้อมรอบอยู่ก็คือรูปปั้นแกะสลักของมหาเทพ รูปปั้นนี้ยิ่งใหญ่ค้ำฟ้าตั้งตระหง่านอยู่ตรงนั้นดูสะดุดตาอย่างยิ่ง
เมื่อกวาดสายตามองไปรอบด้านแล้ว หวังเป่าเล่อก็หันไปมองรูปปั้น เขาสัมผัสได้อย่างรุนแรงว่าตนกับมหาเทพในตอนนี้…อยู่ใกล้กันมาก
“ก้าวเข้ารูปปั้นนี้ไป ข้าก็น่าจะได้พบกับเขา…มหาเทพ” หวังเป่าเล่อสูดหายใจเข้าลึก ก่อนจะเลิกสนใจเมืองด้านล่าง เขารู้ดีว่าด่านนี้คือด่านของปรารถนาอารมณ์
และปรารถนาอารมณ์…ก็เป็นปรารถนาที่แข็งแกร่งที่สุดและพิเศษที่สุด โดยเฉพาะที่นี่จะปรากฏปรารถนาอีกห้าอย่างขึ้นด้วย ด้วยเหตุนี้จึงทำให้มีความเสี่ยงที่จะจมดิ่งมากขึ้น
ในความเงียบงัน หวังเป่าเล่อครุ่นคิดเนิ่นนาน ในที่สุดดวงตาก็เปล่งประกายและก้าวไปข้างหน้า เมื่อวางเท้าลงก็เกิดระลอกคลื่นเป็นชั้นๆ
…
หวังเป่าเล่อขมวดคิ้วเล็กน้อย หันมองรอบด้าน หลังจากออกเดินก้าวแรกแล้ว ที่นี่กลับดูเหมือนไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆ เลย ซึ่งมันต่างจากห้าปรารถนาก่อนหน้านี้
หลังจากพยายามใคร่ครวญ หวังเป่าเล่อก็ออกเดินก้าวที่สอง ก้าวที่สาม ก้าวที่สี่ ก้าวที่ห้า…
จนกระทั่งก้าวที่หกก็ราวกับว่าโลกใบนี้ไม่มีความปรารถนาอีกแล้ว ทุกอย่างยังคงเป็นปกติ นั่นทำให้หวังเป่าเล่อดวงตาวาววับ มองตรงไปทางรูปปั้นเบื้องหน้า ส่วนลึกของจิตใจคาดหวังอย่างแรงกล้าว่าจะได้พบมหาเทพ ก่อนจะเดินก้าวที่เจ็ดและจากนั้นก็ก้าวเข้าไป…ในหว่างคิ้วของรูปปั้น!
หลังจากเข้าไปแล้ว หวังเป่าเล่อก็ไม่เห็นภาพวาดความทรงจำส่วนที่หกอีก แต่กลับเจอเข้ากับมหาเทพ!
อีกฝ่ายดูเหมือนจะแปลกใจแต่ก็ดูรอคอยกับการมาของเขา จากนั้นการต่อสู้ที่สั่นสะเทือนไปทั้งโลกและปั่นป่วนไปถึงโลกาชั้นที่สอง โลกาชั้นที่สามสามและทั้งมิติเต๋าต้นกำเนิดก็เริ่มขึ้นทันที
มันสนั่นฟ้าสะเทือนดิน มิติเต๋าต้นกำเนิดพังทลาย ฝ่ายมหาเทพที่บาดเจ็บจากหายนะสวรรค์ในตอนนั้น กอปรกับความไม่สมบูรณ์และความเน่าเปื่อยของร่างกายจึงพ่ายแพ้ไปในที่สุด
หวังเป่าเล่อได้รับชัยชนะ เมื่อสยบมหาเทพได้ก็ตัดเหตุต้นผลกรรมกับเขา ก่อนจะเลิกไล่ตามความทรงจำในชาติก่อนและเลือกความสงบสุขในชาตินี้
เหล่าเจ้าแห่งอารมณ์ทั้งหมด หลังจากไม่มีคำสาปมหาเทพแล้วก็เป็นอิสระจากกัน เหล่าเจ้าปรารถนาก็เช่นกัน พวกเขาบางคนเลือกติดตามหวังเป่าเล่อ บางคนเลือกจากไป
เช่นเดียวกับเหล่าผู้ฝึกตนที่เหลืออยู่ในโลกาชั้นที่สาม
เมื่อมิติหลุมเต๋าต้นกำเนิดหายไปและไม่มีมหาเทพอีกแล้ว ทั้งมหาจักรวาลก็กลับคืนสู่สภาพปกติ
ส่วนหวังเป่าเล่อก็กลับมายังดินแดนเซียน ได้พบกับแม่นางน้อยที่กำลังรอคอยเขาอยู่ ได้พบกับศิษย์พี่ของตน ชีวิตสงบสุข
จนกระทั่งไม่กี่ปีต่อมาเมื่อศิษย์พี่ฟื้นความทรงจำในชาติก่อนสำเร็จ เขาก็เข้าร่วมงานแต่งงานระหว่างหวังเป่าเล่อกับหวังอีอีด้วยรอยยิ้ม วันนั้นข้างนอกมีฝนตกหนัก ในห้องทำพิธี เจ้าเยี่ยเหมิงปรากฏตัวขึ้นที่นั่น นางนั่งดื่มสุราจำนวนมากอยู่เงียบๆ
หวังเป่าเล่อจับมือแม่นางน้อยอย่างสุขใจ เขาสังเกตเห็นเจ้าเยี่ยเหมิงที่นั่งอยู่มุมห้องแล้ว แต่กลับแค่ถอนหายใจออกมา ไม่สนใจนางอีกราวกับว่าโลกของเขาและหัวใจนั้นมีเพียงแม่นางน้อยคนเดียว
จับมือกันไว้ อยู่เคียงข้างจนแก่เฒ่า
แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ในงานแต่งงานที่แสนคึกคักนี้ ต่อหน้าความเขินอายของแม่นางน้อย ท่ามกลางสายลมแห่งฤดูใบไม้ผลิของตน หวังเป่าเล่อถึงรู้สึกอยู่ตลอดเวลาว่า…มีบางอย่างผิดปกติ
“ผิดปกติที่ตรงไหนกันนะ”
……………..