หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting - บทที่ 732 หลงหนานจื่อ!
บทที่ 732 หลงหนานจื่อ!
ไม่มีใครรู้ว่าการต่อสู้ของเฉินชิงจะปิดฉากลงเมื่อใด มันอาจจะจบลงอย่างรวดเร็ว หรืออาจจะยืดยาวออกไปไกล สำหรับผู้ฝึกตนในระดับนี้ เวลา…คืออาวุธ
หวังเป่าเล่อไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็พอจะเดาได้ เมื่อเขาโผล่ขึ้นบนผืนดินและมองไปยังโลกรอบตัว ก็ตระหนักได้ว่าตนน่าจะต้องใช้เวลาอยู่ในอารยธรรมที่ไม่รู้จักนี้ไปอีกสักพัก
นั่นเป็นเหตุให้ชายหนุ่มต้องรู้ให้ได้ว่าตนสามารถทำอะไรในที่แห่งนี้ได้บ้าง เขาตั้งผนึกมือ เรียกวิญญาณสี่ดวงของศพที่เพิ่งเสียชีวิตออกมาด้วยวิชาแห่งศาสตร์มืด เปลววิญญาณไม่สมบูรณ์ทั้งสี่มาปรากฏตรงหน้าก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นดวงวิญญาณสี่ดวงที่คนอื่นไม่สามารถมองเห็นได้
หวังเป่าเล่อยกมือขวาตะครุบอากาศอย่างไม่ลังเลใจ ดวงวิญญาณทั้งสี่พุ่งเข้าไปในฝ่ามือ ภาพความทรงจำปรากฏขึ้นในหัวชายหนุ่ม
หลังจากจัดระเบียบภาพความทรงจำมากมาย เขาก็เชื่อมโยงเหตุการณ์ได้ว่าก่อนที่พวกเขาจะเสียชีวิตได้เกิดอะไรขึ้น ทั้งสี่และคนที่หนีไปสัมผัสได้ว่ามีดาวหางตกลงมาเพราะอยู่ในบริเวณนี้ จึงรีบมาตรวจสอบดู
หวังเป่าเล่อลองคำนวณดูแล้วก็ค่อนข้างมั่นใจว่าดาวหางที่พวกเขาเห็นนั้นคือโลงศพที่พุ่งลงมา อาจเป็นเพราะพลังบางอย่างของโลงศพ หรือศิษย์พี่ของตนอาจจะทำบางอย่างเข้า ระหว่างที่โลงศพเดินทางข้ามอวกาศจึงได้ดึงวัตถุดิบมีค่าจำนวนหนึ่งติดมาด้วย ผู้ฝึกตนทั้งห้าน่าจะมีข้อพิพาทกันเพราะเหตุนี้
สี่คนในกลุ่มตายระหว่างการต่อสู้ อีกคนหนึ่งรอดไปได้พร้อมอาการบาดเจ็บ ผู้รอดชีวิตได้ชิงเอาทุกอย่างและหลบหนีไป
น่าจะเป็นเพราะเหตุนี้ หวังเป่าเล่อไตร่ตรองข้อมูลใหม่ที่เพิ่งได้มา ดวงตาของเขาเป็นประกายเมื่อได้พบข้อมูลเกี่ยวกับโลกใบนี้
อารยธรรมดวงเนตรสวรรค์มีขนาดใหญ่เป็นสองเท่าของระบบสุริยะและครอบคลุมดาวเคราะห์ยี่สิบสามดวง ระดับการฝึกตนเหมือนกับที่หวังเป่าเล่อรู้จัก โดยแบ่งเป็นระดับดาวพระเคราะห์และระดับดารานิรันดร์
แต่โครงสร้างสังคมแตกต่างจากสหพันธรัฐ ในอดีต อารยธรรมแห่งนี้ปกครองโดยกษัตริย์ แต่พอเวลาผ่านไป ราชวงศ์ก็เริ่มเสื่อมอำนาจ ผู้คนเริ่มมีอำนาจมากขึ้น จากนั้นก็รวมตัวกันจัดตั้งสำนักขึ้นมามากมาย
ต่อมา ทรัพยากรเริ่มไม่เพียงพอ กลายเป็นโลกแห่งการแก่งแย่งชิงดี ราชวงศ์ไร้อำนาจที่จะเข้าไปจัดการอะไรได้ อารยธรรมดวงเนตรสวรรค์จึงเปลี่ยนแปลงไป กลายเป็นสังคมแห่งการปล้นฆ่า เป็นสถานที่อันชั่วร้ายที่เต็มไปด้วยฝูงโจร!
พวกเขาปล้นชิงทั้งคนในอารยธรรมเดียวกันและต่างอารยธรรม ทั้งหมดที่ทำไปก็เพื่อให้ตนอยู่รอด ในอารยธรรมนี้ไม่มีกฎระเบียบที่ชัดเจน ยึดเพียงกฎที่ว่าผู้ที่แข็งแกร่งย่อมมีอำนาจเหนือผู้อ่อนแอ ทุกฝ่ายทุกสำนักต่างเดินเข้าสู่ด้านมืดทั้งสิ้น!
แต่โชคก็ยังเข้าข้างอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ อารยธรรมในดาวเคราะห์ต่างๆ และระบบดาวรอบๆ ไม่ได้ก้าวหน้ามาก อีกทั้งพวกเขายังพยายามไม่ไปรุกรานอารยธรรมที่แข็งแกร่งกว่า พอเวลาผ่านไปอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ก็เริ่มแข็งแกร่งขึ้นพร้อมกับมีผู้ฝึกตนระดับดาวพระเคราะห์ถึงสามคน!
ถึงทั้งสามจะอยู่เพียงระดับดาวพระเคราะห์ชั้นต้น แต่เท่านี้ก็เพียงพอที่จะถืออำนาจเหนือทุกคนในอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ พวกเขาตั้งสามสำนักใหญ่ขึ้นมา เข้ายึดอำนาจราชวงศ์ และยึดดาวเคราะห์หกถึงเจ็ดดวงเป็นของตนเอง สำนักเป็นแค่ชื่อในนาม แต่แท้จริงแล้วพวกเขาคือกองโจร!
ภารกิจส่วนใหญ่ของพวกเขาคือรุกรานอารยธรรมต่างๆ หากเป้นไปได้ก็จะฆ่าปล้นชิงทุกอย่าง แต่ถ้าศัตรูแข็งแกร่งเกินไปก็จะชิงของเท่าที่ทำได้และหลบหนีไป ด้วยโครงสร้างอารยธรรมเช่นนี้ รวมถึงชื่อเสียงของสำนักทั้งสาม เหล่าสำนักย่อยจึงมอบทรัพยากรมากมายให้ทั้งสามสำนักเป็นบรรณาการเพื่อแลกกับการไว้ชีวิต พวกเขาต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ทรัพยากรมาจำนวนมากถึงจะสามารถรักษาความสัมพันธ์กับกองโจรเหล่านี้ต่อไป
พวกสำนักย่อยจะคอยออกแยกย้ายกันไปหาทรัพยากรเพิ่ม เมื่อสามสำนักใหญ่ออกคำสั่ง พวกเขาก็จะร่วมกันปฏิบัติตาม ด้วยเหตุนี้เอง พลังและอำนาจของสามสำนักใหญ่จึงเพิ่มพูนมากยิ่งขึ้น
ระหว่างที่ทั้งสามสำนักใหญ่คอยรวบรวมทรัพยากรและฝึกฝนศิษย์ ก็เริ่มมีผู้ฝึกตนบรรลุขั้นจุติวิญญาณและขั้นเชื่อมวิญญาณมากขึ้นเรื่อยๆ ถึงกระนั้น สถานการณ์ตึงเครียดของทั้งสามสำนักกลับไม่ได้หายไปไหน แต่ละฝ่ายต่างอยากจะยึดอีกสองสำนักมาเพื่อในฝ่ายของตนแข็งแกร่งยิ่งขึ้น แต่ทั้งสามสำนักต่างแข็งแกร่งเทียบเท่ากัน โครงสร้างการปกครองสามฝ่ายนั้นไม่มั่นคงแม้แต่น้อย ทำให้แม้จะยังมีความบาดหมางกันอยู่ แต่พวกเขาก็ต่างพยายามอย่างหนักเพื่อรักษาดุลยภาพของอำนาจไว้ไม่ให้สถานการณ์ทวีความตึงเครียดยิ่งขึ้น
ขณะที่หวังเป่าเล่อกำลังค้นความทรงจำของเหล่าดวงวิญญาณเพื่อหาข้อมูลของอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์เพิ่ม เขาก็พบเบาะแสเกี่ยวกับยานพาหนะที่พวกเขาใช้ปล้นสะดม คนพวกนี้มีเรือบินขนาดเล็กแต่ดูมีมูลค่า เรือบินนี้เป็นสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่ง เขาจ้องมองอยู่เนิ่นนานก่อนจะกะพริบตาปริบ
ช่างดูคุ้นตา…
มันคือแมงกะพรุนสีดำนั่นเอง หวังเป่าเล่อเคยครอบครองอยู่ตัวหนึ่ง ชื่อของมันคือธาราจอมตะกละ เขามอบสิ่งนี้ให้หนึ่งในวิญญาณวุธของตน ตั้งใจจะทำลายผนึกดั้งเดิมและใช้มันเดินทางข้ามห้วงอวกาศ แต่ศึกกับโยวหรันทำให้ชายหนุ่มต้องนำธาราจอมตะกละมาซ่อมเรือสำปั้นแห่งความมืดแทน
เขานึกขึ้นได้ว่าเจ้าของดั้งเดิมของธาราจอมตะกละคือผู้ฝึกตนขั้นจุติวิญญาณจากนอกโลกสามคนที่เข้ามารุกรานสหพันธรัฐ ขณะที่กำลังนึกถึงความชั่วร้ายต่างๆ ที่คนเหล่านั้นทำ ใบหน้าของชายหนุ่มก็ดูแปลกไป เขานิ่งเงียบไปสักพัก จากนั้นก็หรี่ตาลง
หรือว่าพวกนั้นจะมาจากแถวนี้
แสดงว่าข้าไม่ได้อยู่ไกลจากระบบสุริยะมากนัก…หรือเปล่านะ ดวงตาของชายหนุ่มเบิกกว้าง เขาค่อนข้างมั่นใจกับข้อสรุปของตนเอง โชคร้ายที่ดวงวิญญาณจากศพทั้งสี่มีสภาพไม่สมบูรณ์ จึงไม่สามารถหาข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้จากดวงวิญญาณพวกเขาได้มากนัก
หลังจากเงียบไปพักใหญ่ หวังเป่าเล่อก็ตัดสินใจแปลงกายเป็นหนึ่งในเหล่าศพ เพื่อที่จะได้เข้าไปแฝงกายในอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ ตามหาแผนที่ดวงดาวของเขตนี้ และอาจหาข้อมูลสำคัญอื่นๆ เพิ่ม
แก่ไป ไม่เหมาะกับข้า
คนนี้เป็นผู้หญิง หน้าตาไม่ได้แย่ เสียดายจริง ไม่เหมาะกับข้า
คนนี้ผอมไป!
เหมือนว่าจะเหลือแค่คนนี้ คงต้องเป็นเขาแล้วล่ะ หลังจากตรวจดูเหล่าศพ หวังเป่าเล่อก็เลือกผู้ฝึกตนวัยกลางคนหน้าตาดีคนหนึ่ง
ก่อนตายเขาอยู่ในขั้นกำเนิดแก่นในชั้นปลาย หวังเป่าเล่อทราบว่าเขาชื่อหลงหนานจื่อจากความทรงจำที่หลงเหลือในดวงวิญญาณ หลงหนานจื่อเป็นสมาชิกสำนักย่อยที่ชื่อว่าสำนักเกลียวคลื่นสวรรค์ซึ่งขึ้นตรงต่อสำนักมหาทัณฑ์สวรรค์
สำนักเกลียวคลื่นสวรรค์เป็นสำนักเล็ก แต่ก็ขึ้นชื่อในเรื่องการหลอมวัตถุเวท ทำให้มีอำนาจระดับหนึ่งในอารยธรรม นอกจากนี้ยังมีผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณชั้นต้นเป็นผู้อาวุโสประจำสำนัก จึงมีสิทธิ์มีเสียงในสำนักมหาทัณฑ์สวรรค์ นอกจากจะออกปล้นเองแล้วยังมีโอกาสได้ร่วมปล้นสะดมกับสำนักใหญ่ด้วย
เหมือนว่าสำนักเกลียวคลื่นสวรรค์จะประสบปัญหาบางอย่างอยู่ในปัจจุบัน ศิษย์หลายคนต่างออกไปหาทรัพยากรเพื่อหลอมวัตถุเวทและเสริมขั้นการฝึกตนของตนเอง
เมื่อเริ่มเข้าใจสถานการณ์มากขึ้น หวังเป่าเล่อก็ยกมือขวาวางไว้บนศพ ร่างมายาของเขาเริ่มแข็งตัว ผ่านไปสิบวินาที ก็เปลี่ยนรูปโฉมจนเหมือนผู้ฝึกตนที่นอนเป็นศพอยู่ตรงพื้น!
พลังที่แผ่ออกมาเหมือนศพผู้ฝึกตนไม่มีผิดเพี้ยน แม้แต่สหายคนสนิทของหลงหนานจื่อก็คงไม่สามารถแยกออกได้
เป็นไปไม่ได้เลยที่จะลอกท่าทาง การแสดงออก และลักษณะนิสัยให้เหมือนหลงหนานจื่อ แต่จากความทรงจำของเขาทำให้รู้ว่าอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ที่แสนชั่วร้ายนั้นไม่เชื่อใจใครอย่างจริงแท้ ทุกคนคอยระแวดระวังตัวกันตลอด ทำให้ไม่มีใครรู้จักเนื้อแท้กันและกัน
ถึงเขาจะไม่หล่อเท่าข้า แต่ก็ไม่มีตัวเลือกอื่นแล้ว ยอมใช้เขาก็ได้ หวังเป่าเล่อจับใบหน้าตนเองพร้อมกับถอนหายใจ จากนั้นก็ยกมือขวาขึ้นโบก ศพของหลงหนานจื่อกลายเป็นเถ้าธุลีพัดหายไปกับสายลม
ชายหนุ่มสำรวจร่างกายตัวเอง สัมผัสได้ถึงพลังในอากาศที่กำลังกดทับตนอยู่ พลังรัศมีของเขาเริ่มแปรเปลี่ยน พอพลังกดดันหายไป ปราณวิญญาณก็เริ่มเป็นมิตรกับสัมผัสมากขึ้น หวังเป่าเล่อสามารถดูดซับปราณวิญญาณได้แล้ว พอไม่มีอะไรมาขวางกั้น ปราณวิญญาณก็ไหลเวียนเข้าสู่ร่างอย่างราบรื่น
ไปตรวจดูอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ดีกว่าว่ามีอะไรพิเศษอยู่หรือเปล่า… ดวงตาของหวังเป่าเล่อฉายแสงวาบ เขาก้าวไปข้างหน้าและทะยานขึ้นฟ้า พยายามรักษาระดับการฝึกตนให้อยู่ในขั้นกำเนิดแก่นในชั้นสมบูรณ์ จากนั้นก็มุ่งหน้าตรงไปยังทิศทางที่หลงเหลืออยู่ในความทรงจำของหลงหนานจื่อ
หวังเป่าเล่อมองดินแดนประหลาดเบื้องล่างและฟากฟ้าไม่คุ้นตาด้านบนระหว่างเดินทางข้ามโลกใบนี้ ในใจเริ่มรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา เขาเป็นคนนอกในดินแดนที่ไม่รู้จักและอารยธรรมต่างดาวแห่งนี้ ชายหนุ่มไม่มีอะไรให้เสีย จึงตั้งตาคอยที่จะทำอะไรก็ได้ตามที่ใจอยาก!
……………………………….