หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting - บทที่ 735 โอกาสของสำนักเกลียวคลื่นสวรรค์อย่างนั้นหรือ
- Home
- หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting
- บทที่ 735 โอกาสของสำนักเกลียวคลื่นสวรรค์อย่างนั้นหรือ
บทที่ 735 โอกาสของสำนักเกลียวคลื่นสวรรค์อย่างนั้นหรือ
“ทำใจเย็นๆ ไว้หลงหนานจื่อ…” ผู้อาวุโสสูงสุดของสำนักเกลียวคลื่นสวรรค์หรี่ตาลง เขาพึงใจกับคำพูดของหวังเป่าเล่อ ขณะนี้สำนักกำลังยากลำบาก และตัวเขาเองก็เครียดเป็นอย่างยิ่ง ความภักดีของบรรดาศิษย์ส่วนใหญ่ถูกท้าทาย แม้ว่าเขาจะไปพูดให้กำลังใจเหล่าศิษย์ทีละคน แต่ก็ดูไม่มีผลเท่าใดนัก หวังเป่าเล่อเป็นคนแรกที่อาสาจะเข้ามาช่วยเหลือและลงทุนลงแรงให้
“ผู้อาวุโสสูงสุดขอรับ!” หวังเป่าเล่อเชิดหน้าขึ้นอย่างปุบปับ มีแสงสีแดงสะท้อนอยู่ในแววตา ชายหนุ่มมีท่าทางเหมือนกำลังเจ็บปวด ก่อนจะพูดออกมาด้วยเสียงอันดัง
“ข้าไม่อาจจะใจเย็นอยู่ได้ ข้ากินไม่ได้นอนไม่หลับมาเป็นเวลาหลายวัน เมื่อข้าตื่น สิ่งเดียวที่ข้าคิดถึงก็คือปัญหาที่กำลังเกาะกินสำนัก เมื่อข้าหลับตา สิ่งเดียวที่ข้าเห็นก็คืออนาคตที่ไม่แน่นอนของสำนัก ข้าบอกตนเองอยู่เสมอว่าผู้อาวุโสสูงสุดของพวกเราจะต้องนำพาเราเอาชนะความยากลำบากนี้ไปได้แน่นอน แต่…ข้าก็ไม่อาจนิ่งเฉยอยู่ได้เมื่อสำนักกำลังประสบภัย!”
“ผู้อาวุโสสูงสุดขอรับ ขอให้ข้าได้ร่วมปฏิบัติการซ่อมแซมเรือบินรบด้วยเถิด ข้าเคยหลั่งเลือดเพื่อสำนักมาก่อนในอดีต เสียเหงื่อและเสียแรงเพียงเท่านี้จะเป็นอะไรไป” หวังเป่าเล่อละล่ำละลักออกมา ก่อนจะยกมือขึ้นประกบและโค้งศีรษะลงต่ำเพื่อคำนับผู้อาวุโสสูงสุดอีกครั้ง
ผู้อาวุโสสูงสุดสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะจ้องมองหวังเป่าเล่ออย่างพินิจพิเคราะห์อยู่เนิ่นนาน แววตาของเขาส่องประกายความชื่นชมและความสบายใจ จากนั้นชายชราจึงพยักหน้า หวังเป่าเล่อเฝ้ามองเมื่อผู้อาวุโสสูงสุดเปิดปากกำลังจะพูดอะไรบางสิ่ง ถ้อยคำที่ออกมาจากริมฝีปากของเขาเป็นถ้อยคำสุดพิสดารที่ยาวเหยียด เป็นคำสาป!
ห้องโถงทั้งหมดสั่นไหวรุนแรง ก่อนที่แสงแรงกล้าซึ่งสว่างเทียบเท่าดารานิรันดร์จะส่องสว่างออกมาและเข้าล้อมรอบกายหวังเป่าเล่อเอาไว้
หวังเป่าเล่อไม่สะทกสะท้าน ชายหนุ่มใคร่ครวญอย่างถี่ถ้วนแล้วก่อนจะมาที่นี่ เขารู้ดีว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นขัดกับตัวตนที่แท้จริงของหลงหนานจื่ออยู่ระดับหนึ่ง การซ่อมแซมเรือบินรบเป็นเรื่องสำคัญยิ่งสำหรับสำนัก เขาจึงคาดการณ์ไว้ว่าผู้อาวุโสสูงสุดจะต้องค้นตัวเขาเป็นแน่
ไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใด แม้ว่าจะดูผิดจากตัวจริงไปบ้าง แต่การกระทำของเขาก็ยังอยู่ในขอบเขตที่เป็นไปได้ หวังเป่าเล่อเชื่อว่าการกระทำของตนเป็นสิ่งที่ผู้อาวุโสสูงสุดต้องการจะเห็น ไม่มีคำอธิบายอื่นใดที่จะอธิบายคำขู่ลับๆ ก่อนหน้านี้ของอีกฝ่ายได้ดีกว่านี้แล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น หวังเป่าเล่อก็มั่นใจในกระบวนเวทสารัตถะที่ศิษย์พี่มอบให้ ชายหนุ่มแสร้งทำเป็นตกตะลึง ราวกับว่าไม่ได้เตรียมรับมือกับคำสาปไว้อยู่แล้วกระนั้น ผู้อาวุโสสูงสุดประกบฝ่ามือเข้าด้วยกันแล้วสร้างผนึกฝ่ามือท่วงท่าต่างๆ ก่อนที่นัยน์ตาของเขาจะวาวโรจน์ไปด้วยแสงอันล้ำลึกขณะปลดปล่อยกระบวนเวทชนิดหนึ่งออกมาค้นตัวชายหนุ่ม
การตรวจสอบใช้เวลาไม่นาน หลังผ่านไปสิบวินาที ประกายกล้าในดวงตาของผู้อาวุโสสูงสุดก็จางไป เขายิ้มออกมา ก่อนจะอนุญาตให้หวังเป่าเล่อเข้าไปสู่เขตหวงห้ามและช่วยเรื่องการซ่อมแซม
หวังเป่าเล่อจากมาอย่างลิงโลดใจ สีหน้าของชายหนุ่มแสดงความต้องการอันแรงกล้าที่จะช่วยเหลือสำนัก ขณะที่กำลังเดินออกมาจากโถงนั้น รอยยิ้มบนใบหน้าของผู้อาวุโสสูงสุดก็หายวับไป มีแววตาครุ่นคิดเย็นเยียบปรากฏขึ้นแทนที่ เขาคว้ากระเป๋าคลังเก็บของหวังเป่าเล่อมาตรวจสอบสิ่งของด้านใน
วัตถุดิบที่หมอนี่ให้มานั้นไม่ได้มีค่ามากมายอะไร แต่อย่างน้อยเขาก็ฉลาดพอที่จะมาช่วยเหลือโดยที่ข้าไม่ต้องบังคับ ยิ่งไปกว่านั้น เขาก็เป็นคนแรกที่มาหาข้า การจะฝึกฝนเขายังเป็นไปได้อยู่ ส่วนคนอื่นๆ พวกเขายังคงฝึกวิชาตามลำพังต่อไป แถมยังไม่มีทีท่าอยากช่วยเหลือสำนัก พวกเขาทำเป็นไม่ได้ยินข้า…
แววตาเย็นเยียบสะท้อนอยู่บนนัยน์ตาของผู้อาวุโสสูงสุด เขาคิดจะรออีกสักสองสามวัน หากคนเหล่านั้นไม่เสนอตัวเข้าช่วย เขาคงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องขายพวกเขาให้สำนักอื่นที่เชี่ยวชาญด้านการหลอมหุ่นเชิดรับใช้เพื่อเอาเงินมาซื้อวัตถุดิบซ่อมแซมเรือบินรบ
ผู้ฝึกตนขั้นกำเนิดแก่นในจำนวนมากยังคงเลือกที่จะถือสันโดษและฝึกปราณต่อไปในสำนัก ในอดีตหวังเป่าเล่อเองก็อาจจะทำเช่นนั้น แต่ขณะนี้ ชายหนุ่มกำลังเดินดุ่มๆ อย่างร่าเริง ตรงจากที่พักไปยังเขตหวงห้าม
เขตหวงห้ามของสำนักเกลียวคลื่นสวรรค์เป็นพื้นที่แยกออกมา กินอาณาเขตหลายร้อยกิโลเมตร ภายในไม่มีผู้ฝึกตนอยู่หนาตานัก มีเพียงสามหรือสี่ร้อยคนเท่านั้น และแม้จะควรมีพื้นที่กว้างใหญ่ แต่เรือบินรบขนาดยักษ์ก็เบียดบังเอาที่ว่างไปเสียสิ้น
เรือบินรบที่ลอยอยู่ตรงใจกลางของเขตหวงห้ามรายล้อมไปด้วยวงแหวนปราณจำนวนมากที่หวังเป่าเล่อไม่รู้จัก วงแหวนปราณเหล่านี้ส่องแสงหลากสีที่ดูเหมือนกำลังเติมปราณวิญญาณให้เรือบินรบอยู่ไม่ขาด
เรือบินรบของสำนักเกลียวคลื่นสวรรค์เป็นรูปไม้กางเขน กล่องทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่ยืดยาวร่วมห้าร้อยกิโลเมตรสองกล่องตัดกันตรงกึ่งกลาง เรือบินรบมีสีแดงสดที่ทำให้บรรยากาศโดยรอบดูเปี่ยมไปด้วยอันตราย
เรือบินรบเสียหายหลายจุด บางจุดโครงสร้างด้านในหายไปหมดเหลือเพียงโครงสร้างด้านนอก ถึงกระนั้นขนาดที่ใหญ่โตของมันก็ทำให้รู้สึกพรั่นพรึง พลังกดดันที่มันปล่อยออกมาทำให้หวังเป่าเล่อถึงกับอ้าปากค้าง
สำนักเกลียวคลื่นสวรรค์เป็นเพียงสำนักขนาดเล็ก แค่คิดว่าเรือบินรบของสำนักขนาดเล็กยังแข็งแกร่งถึงเพียงนี้…นัยน์ตาของหวังเป่าเล่อส่องประกายกล้าเพราะความตื่นเต้นที่พลุ่งพล่านอยู่ภายใน ชายหนุ่มรีบเข้าไปร่วมกลุ่มกับพวกที่กำลังซ่อมแซมเรือบินรบทันที
การมาถึงของหวังเป่าเล่อไม่ได้สะดุดตาใครมากนักในตอนแรก เพราะทุกคนต่างก็ง่วนอยู่กับการซ่อมแซมและมีหน้าที่มากมายต้องจัดการ บ้างก็ต้องปรับสภาพวัตถุดิบให้นำมาใช้ บ้างก็กำลังหลอมส่วนประกอบใหม่ให้เรือบินรบ บ้างก็ถูกขอให้ช่วยประกอบหรือแยกชิ้นส่วน หรือทำความสะอาด หรือช่วยหลอมด้ายพลังเพิ่ม มีบางคนถึงกับถูกไหว้วานให้หลอมวัตถุเวทเพื่อจู่โจมบนเรือบินรบขึ้นมาใหม่ ภาระการงานเหล่านี้ดึงเอาเวลาและความสนใจของทุกคนไปจนหมด
หน้าที่แรกของหวังเป่าเล่อคือการจัดการกับองค์ประกอบภายนอกของเรือบินรบที่รายงานแจ้งว่าเสียหายเกินซ่อมแซม ชายหนุ่มต้องตรวจสอบทุกองค์ประกอบที่อยู่ในขอบเขตของเขา เลือกดูชิ้นส่วนที่เสียหาย และส่งไปยังกลุ่มที่มีหน้าที่แยกชิ้นส่วนองค์ประกอบเหล่านั้นเพื่อหาส่วนที่ยังพอใช้ได้
งานนี้ไม่ยากแต่ก็น่าเบื่อ ชายหนุ่มทำงานหนักราวกับว่าอยู่ในโรงงาน เคลื่อนย้ายชิ้นส่วนไปตรงนั้นตรงนี้ไม่หยุดมือ หวังเป่าเล่อไม่ได้รู้สึกว่ามันเป็นงานที่หนักหนาอะไร อันที่จริงแล้ว เขาสนุกกับมันอยู่ไม่น้อย การตรวจสอบช่วยย้ำบทเรียนเกี่ยวกับระบบวัตถุเวทในอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ ชายหนุ่มให้ความสำคัญกับประสบการณ์การทำงานที่เขาจะได้รับจากการตรวจสอบแต่ละครั้ง จากนั้นจึงส่งชิ้นส่วนต่อไปตามกลุ่มที่รับผิดชอบ เขาพยายามจะทำตัวกระตือรือร้น พยายามทำความรู้จักกับกลุ่มต่างๆ และเรียนรู้เพิ่มเติมอย่างลับๆ โดยการลอบมองสิ่งที่กลุ่มเหล่านั้นทำ
สองสัปดาห์ผ่านไปเช่นนั้น ถึงตอนนี้หวังเป่าเล่อก็ชำนิชำนาญในการงานเป็นอย่างยิ่ง ถึงขั้นที่ไม่ต้องส่งชิ้นส่วนให้กลุ่มอื่นๆ อีกต่อไป ชายหนุ่มซ่อมแซมมันด้วยตัวเอง ทำให้เขาทำงานได้รวดเร็วขึ้นมาก แถมยังช่วยเสริมความเชี่ยวชาญในการหลอมวัตถุเวทขึ้นไปอีก
หวังเป่าเล่อไม่ได้ปล่อยให้เวลาที่ได้มาเพิ่มจากความชำนาญของตนผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์ ชายหนุ่มเริ่มเดินสายช่วยเหลือบรรดาศิษย์ในการซ่อมแซม เขาเริ่มต้นปฏิสัมพันธ์กับคนเหล่านี้อย่างดีตั้งแต่ต้น อีกทั้งความจริงที่ว่างานนั้นมีมากมายจนล้นมือ ทำให้ทุกคนชอบใจที่ได้เขามาช่วย ไม่นานนัก หวังเป่าเล่อก็ทำงานได้มากเท่ากับคนสองคน
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญการหลอมวัตถุเวท ประสบการณ์ที่หวังเป่าเล่อได้รับระหว่างการทำงานช่วยให้เขาชำนาญเคล็ดวิชาการหลอมวัตถุเวทของอารยธรรมดวงเนตาสวรรค์อย่างรวดเร็ว ประสิทธิภาพในการหลอมวัตถุเวทก็เพิ่มพูนขึ้นด้วย เห็นได้ชัดจากความเร็วในการซ่อมแซมวัตถุเวทบนเรือบินรบ ยิ่งไปกว่านั้น ประสิทธิภาพของเขาก็ได้รับการส่งเสริมขึ้นไปอีกขั้น ชิ้นส่วนบางอย่างที่ควรส่งไปยังกลุ่มรับผิดชอบก็ถูกซ่อมแซมจนเรียบร้อยที่ฐานของหวังเป่าเล่อนั่นเอง!
ศิษย์คนอื่นๆ ในกลุ่มซ่อมแซมที่เล็กกว่าต่างตื่นตะลึงกับความสามารถของหวังเป่าเล่อ ทุกคนจ้องมองชายหนุ่มอย่างเคารพและชื่นชม เพราะระดับปราณขั้นกำเนิดแก่นในชั้นสมบูรณ์และสถานะที่ค่อนข้างสูงของหวังเป่าเล่อ ไม่นานผู้คนก็เริ่มเห็นเขาเป็นผู้นำของกลุ่มและมีผู้ติดตามเจ็ดถึงแปดคน
ตลอดช่วงเวลานั้น หวังเป่าเล่อก็เข้าใจระบบการทำงานภายในของเรือบินรบของสำนักเกลียวคลื่นสวรรค์มากขึ้น
เรือบินรบในอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์แบ่งเป็นกลุ่มๆ ตามระดับของเกราะ เกราะลำดับหนึ่งอ่อนแอที่สุด และเกราะลำดับหกแข็งแกร่งที่สุด มีตำนานเล่าขานถึงเรือบินรบเกราะลำดับเจ็ดและแปดเช่นกัน…ด้วยเหตุผลบางประการ สำนักเกลียวคลื่นสวรรค์จึงได้รับอนุญาตให้ครอบครองเรือบินรบที่มีระดับค่อนข้างสูง เช่นลำนี้ดูเหมือนจะเป็นเกราะลำดับสี่…
เรือบินรบเกราะลำดับสี่ตามปกติแล้วแบ่งออกเป็นสามร้อยส่วน แต่ละส่วนก็มีหน้าที่แตกต่างกันไป เรือบินรบทั้งลำเป็นเครื่องยนต์ที่ประณีต ทุกๆ ภายในเรือบินรบต้องทำงานได้อย่างดีเพื่อให้เรือบินรบแล่นได้อย่างราบรื่น มีวัตถุเวทชั้นหนึ่งอยู่มากมกว่าหมื่นชิ้นในแต่ละส่วน ยิ่งส่วนใหญ่ๆ ก็อาจจะมีมากกว่านั้นอีก…โครงสร้างอันซับซ้อนนี้ช่วยให้เรือบินรบเดินทางได้ด้วยความเร็วสูง สามารถเดินทางข้ามระบบดาวได้หลายระบบ แถมยังมีพลังทำลายล้างที่สูงจนน่ากลัว!
ขณะที่ได้เรียนรู้เกี่ยวกับเรือบินรบ ความตื่นเต้นในใจของหวังเป่าเล่อเพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ
ยังมีส่วนที่เป็นเสมือนหัวใจและสมองของเรือบินรบด้วย ซึ่งเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดของเรือบินรบทั้งลำ!
หวังเป่าเล่อเงยหน้าขึ้นมองไปยังแกนกลางรือบินรบที่ลอยเท้งเต้งอยู่ในอากาศ ตรงนั้น…ควรจะเป็นแกนกลาง แต่มีคนจากสำนักเกลียวคลื่นสวรรค์เพียงเจ็ดหรือแปดคนที่มีสิทธิ์เข้าไปในนั้นได้ คนอื่นๆ แม้แต่จะเข้าใกล้ก็ยังทำไม่ได้
หนึ่งในนั้นคือผู้อาวุโสสูงสุดที่อยู่ในขั้นเชื่อมวิญญาณชั้นต้น ที่เหลือเป็นผู้อาวุโสขั้นจุติวิญญาณอีกหกคนในสำนัก
หากข้าอยากจะเข้าใจโครงสร้างทั้งหมดของเรือบินรบ คงต้องเข้าไปข้างในนั้นและไปช่วยซ่อมแซมภายใน ข้าจะต้องหาทางเข้าไปในแกนกลางให้ได้…บางทีอาจต้องสังหารผู้ฝึกตนขั้นจุติวิญญาณสักคนหนึ่งแล้วจำแลงกายเป็นเขา หวังเป่าเล่อหรี่ตาลงและเริ่มชั่งน้ำหนักความคิดนี้อย่างจริงจัง
แต่ชายหนุ่มก็ไม่มีเวลาได้ไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนเท่าใดนัก กลุ่มของเขาทำงานซ่อมแซมได้ดีเกินคาด และการที่คนในสำนักกำลังขาด ทำให้การทำงานดีเกินไปไปเตะตาคนอื่นเข้าอย่างจัง รวมไปถึงผู้อาวุโสขั้นจุติวิญญาณที่ควบคุมกลุ่มซ่อมแซมส่วนประกอบเรือบินรบด้วย
หลงหนานจื่อหรือ ข้าไม่รู้มาก่อนเลยว่าเขามีความสามารถถึงเพียงนี้ คนเก่งช้าคงเป็นเช่นนี้สินะ ผู้อาวุโสไม่ได้ใส่ใจเท่าใดนัก คนเก่งช้านั้นค่อนข้างเป็นเรื่องปกติในสายงานการหลอมวัตถุเวท แต่ด้วยระดับพลังปราณที่ค่อนข้างสูงของหวังเป่าเล่อ ผู้อาวุโสก็ใช้เวลาไม่นานก่อนที่จะย้ายชายหนุ่มให้เข้าไปทำงานซ่อมแซมภายใน เขาจะได้ไปทำงานกับกลุ่มที่เก่งกว่าเดิม!
หวังเป่าเล่อกะพริบตาเมื่อได้รับมอบหมายงาน ชายหนุ่มวางชิ้นส่วนในมือลงและลอบถอนหายใจอยู่ลับๆ
สำนักเกลียวคลื่นสวรรค์นี้เป็นที่ที่ไม่เลวทีเดียว ข้าคงรู้สึกแย่มากกับสิ่งที่ต้องทำ…แต่ก็เอาเถิด บางทีการที่ข้ามาปรากฏตัวที่นี่อาจเป็นผลกรรมที่สำนักเกลียวคลื่นสวรรค์สั่งสมมาเป็นเวลานับพันปีก็เป็นได้!