หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting - บทที่ 838 อัดให้อดีตผู้บัญชาการกองทหารมังกรหยดหมึกพิการ!
- Home
- หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting
- บทที่ 838 อัดให้อดีตผู้บัญชาการกองทหารมังกรหยดหมึกพิการ!
หวังเป่าเล่อเคลื่อนไหวเร็วราวกับสายฟ้าฟาด ชายหนุ่มแม้จะยืนอยู่ห่างออกไปแต่ก็มาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าผู้บัญชาการกองทหารผ่าดำในชั่วพริบตา เกิดเสียงกัมปนาทดังสนั่นขึ้นทั่วท้องฟ้า ชุดเกราะมหาจักรพรรดิที่ถือกำเนิดขึ้นจากเรือบินรบเวทผนวกกับเกราะจักรพรรดิ ทำให้พลังยุทธ์ของหวังเป่าเล่อในตอนนี้เทียบเท่าผู้ฝึกตนขั้นจิตวิญญาณอมตะชั้นกลางที่ไม่มีเรือบินรบเวทเป็นของตนเอง!
แม้ว่าผู้บัญชาการกองทหารผ่าดำจะมีเรือบินรบเวทเช่นกัน แต่ระดับเคล็ดวิชาการฝึกปราณของเขาส่งผลให้พลังยุทธ์ใกล้เคียงกับขั้นจิตวิญญาณอมตะชั้นกลางที่ไม่มีเรือบินรบเวทเกื้อหนุนเท่านั้น โดยเฉพาะเมื่อชายวัยกลางคนได้ประเมินคู่ต่อสู้ต่ำไปในตอนต้น ส่งผลให้ได้รับบาดเจ็บไปก่อนแล้ว และในระดับของเขากับหวังเป่าเล่อนั้น การได้รับบาดเจ็บหรือการเริ่มจู่โจมก่อนถือว่าเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง
ดังนั้นเมื่อต้องต่อสู้กับหวังเป่าเล่อ ผู้บัญชาการกองทหารผ่าดำก็เผยสัญญาณว่าตกเป็นรองมาตั้งแต่ต้น!
ขณะที่เสียงครั่นครืนดังสนั่นก้องสะท้านออกไป เลือดก็เริ่มไหลซึมออกมาจากมุมปากทั้งสองของผู้บัญชาการกองทหารผ่าดำ ขณะที่เขาต้องถอยกรูดไปอีกครั้ง ทั้งสีหน้าและหัวใจของชายวัยกลางคนขณะนี้ก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความตื่นตะลึงและไม่เชื่อสายตา เขารู้ว่าขณะที่การต่อสู้นี้เกิดขึ้นอย่างปุบปับ เขาก็ได้รับบาดเจ็บและสูญเสียเหตุผลไป หากเป็นใครคนอื่น คงไม่ใคร่จะใส่ใจนักว่าการต่อสู้นี้จะสมเหตุสมผลหรือไม่ แต่สำหรับผู้ที่อยู่ในขั้นจิตวิญญาณอมตะ เหตุผลนั้นสำคัญเป็นอย่างยิ่ง
ยิ่งไปกว่านั้น ผู้บัญชาการกองทหารผ่าดำยังคิดว่า หากตนสู้ต่อในสภาพเช่นนี้ ก็คงจะยิ่งไล่ต้อนให้ตนเองเสียเปรียบ ชายวัยกลางคนเริ่มคิดสำนึกเสียใจอยู่ภายใน แต่ความหยิ่งทระนงก็ไม่ยอมให้เขาขอโทษ ทำได้เพียงคำรามออกมาเท่านั้น
“หลงหนานจื่อ ตรงนี้เป็นอาณาเขตของสำนักเต๋าใหม่ครามทองคำ เจ้าอยากจะสู้เอาเป็นเอาตายกับข้าที่นี่อย่างนั้นหรือ!”
“น่าสนใจ เจ้าไม่ใช่หรือที่กล่าวหาว่าข้าจะขโมยความลับของกองทหารเจ้า ไหน บอกท่านบิดาเสียสิ ว่าท่านบิดาขโมยความลับใดไปจากเจ้ากันแน่” หวังเป่าเล่อเข้าใจคำขู่ในน้ำเสียงของผู้บัญชาการกองทหารผ่าดำดี และมองเห็นเช่นกันว่ารัศมีของชายวัยกลางคนเริ่มอ่อนกำลังลง แต่ชายหนุ่มไม่ใช่คนมีเมตตา คงจะดีกว่าหากไม่มีใครมากวนใจเขา แต่ในเมื่อผู้บัญชาการกองทหารผ่าดำเลือกจะมายุ่งด้วย ทำให้เขาไม่มีทางเลือกว่าจะต่อสู้หรือไม่
ต่อให้พวกเขาไม่ได้สู้กัน ก็คงเป็นเพราะหวังเป่าเล่อตัดสินใจไม่อยากจะต่อสู้ ชายหนุ่มสะบัดกายพร้อมยิ้มเยาะก่อนจะเข้าประชิดตัวผู้บัญชาการกองทหารผ่าดำอีกครั้ง เสียงสนั่นครั่นครืนดังขึ้นอีกคราก่อนที่คลื่นพลังแทรกจากการต่อสู้จะกระจายออกไปทั่วจักรวาลรุนแรงขึ้นทุกขณะ
ผู้บัญชาการกองทหารผ่าดำรู้สึกขมขื่นอยู่ในใจ ชายวัยกลางคนอยากต่อต้านแต่ก็ไม่อาจทำได้ หวังเป่าเล่อนั้นแข็งแกร่งกว่าเขาอย่างเห็นได้ชัด แม้ว่าชายหนุ่มจะไม่ได้แข็งแกร่งกว่ามากและไม่อาจสังหารศัตรูได้ทันที แต่ก็ยังทำให้เขาถอยกรูดอยู่ไปมาแถมยังเสียหน้าอย่างต่อเนื่อง ตอนนั้นเอง แววตาบ้าคลั่งก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของชายวัยกลางคน
“หลงหนานจื่อ เจ้าคิดจริงๆ หรือว่าข้าน่ะกลัวเจ้า!” ผู้บัญชาการกองทหารผ่าดำคำราม ก่อนจะยกมือขวาขึ้น เงาของดวงจันทร์สีดำสนิทมาปรากฏขึ้นบนศีรษะเขา ภายในมีหมอกสีดำสนิทกระจายอยู่ ก่อตัวขึ้นเป็นใบหน้าวิญญาณจำนวนมหาศาลที่พากันส่งเสียงร้องแหลมสูงไปทางหวังเป่าเล่อ
เห็นได้ชัดว่า กระบวนท่านี้เป็นไพ่ตายของผู้บัญชาการกองทหารผ่าดำ วินาทีนั้น ชายวัยกลางคนปลดปล่อยพลังปราณทั้งหมดออกมา ส่งผลให้จักรวาลโดยรอบสั่นสะเทือน ช่องว่างรอบกายเขาเริ่มบิดเบี้ยวไปตามๆ กัน แสดงให้เห็นว่าเงาดวงจันทร์บนศีรษะเขานั้นแปลกประหลาดและน่าสะพรึงกลัวเพียงใด!
มีบางอย่างตื่นขึ้นจากการหลับใหลภายในเงาดวงจันทร์นั้นอย่างเงียบเชียบ ราวกับว่ามันต้องการจะลืมตาขึ้นมาและสังหารทุกสรรพชีวิตที่มองเห็นมันให้หมดสิ้น!
เงาวิญญาณหรือ หวังเป่าเล่อกะพริบตาก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมา ก่อนหน้านี้ ชายหนุ่มไม่อาจจะทำอะไรกับผู้บัญชาการกองทหารผ่าดำได้ แม้ว่าจะสามารถกดดันและโจมตีได้อย่างต่อเนื่อง เพราะอย่างไรเสีย อีกฝ่ายก็เป็นถึงขั้นจิตวิญญาณอมตะ คงยากยิ่งที่จะสังหารได้ แต่ขณะนี้…ดูเหมือนจะสบโอกาสแล้ว
แต่จะฉกฉวยโอกาสหรือไม่นั้น หวังเป่าเล่อยังชั่งใจอยู่ คงเป็นการโง่เขลาสำหรับตัวเขาเองที่จะเผยวิชาแห่งศาสตร์มืดออกมาเพียงเพื่อจะสังหารอีกฝ่าย ยิ่งไปกว่านั้น…หากชายหนุ่มสังหารผู้ฝึกตนขั้นจิตวิญญาณอมตะในอาณาเขตของสำนักเต๋าใหม่ครามทองคำ ก็คงเป็นการยากที่ปรมาจารย์ของสำนักมหาทัณฑ์จะปกป้องเขาได้…
เพราะอย่างไรเสีย ผู้ฝึกตนขั้นจิตวิญญาณอมตะก็สำคัญยิ่ง และชื่อเสียงของสำนักก็สำคัญยิ่งกว่า!
ข้าไม่เชื่อว่า มาถึงขั้นนี้ ปรมาจารย์ขั้นดาวพระเคราะห์แห่งสำนักเต๋าใหม่ครามทองคำจะไม่รู้เรื่องการต่อสู้ของเรา หวังเป่าเล่อหรี่ตาลง ประกายเฉียบคมสะท้อนขึ้นมาในดวงตาเขาทันที
หากเขารู้ และกำลังเฝ้าดูอยู่…ก็อันตรายอยู่สักหน่อย เมื่อคิดได้เช่นนี้ หวังเป่าเล่อก็หัวเราะออกมาเสียอย่างนั้น
“เจ้าคิดว่า เจ้าเป็นคนเดียวที่มีไพ่ตายอย่างนั้นหรือ” เมื่อพูดจบ หวังเป่าเล่อก็ยกมือทั้งสองขึ้นเขย่าอย่างแรง พลังปราณทั้งหมดของเขาและเกราะมหาจักรพรรดิถูกปล่อยออกมาในทันใด แปรเปลี่ยนเป็นพายุใหญ่นอกกาย ชายหนุ่มแสร้งทำเป็นว่าจะต่อสู้กับผู้บัญชาการกองทหารผ่าดำให้ตายกันไปข้าง ร่างกายของเขาขยับพร้อมเสียงคำรามดังสนั่น
แต่หวังเป่าเล่อไม่ได้มุ่งหน้าเข้าไปหาอีกฝ่าย กลับกัน ชายหนุ่มพุ่งเข้าใส่อดีตผู้บัญชาการกองทหารมังกรหยดหมึกที่กำลังจ้องมองด้วยความตื่นตะลึงอยู่ห่างๆ แทน เขาเข้าประชิดตัวนางในทันทีก่อนจะยกมือขวาขึ้น แล้วดีดไปที่หว่างคิ้วของหญิงสาวโดยไม่เปิดโอกาสให้ตั้งตัว!
แต่ก่อนที่นิ้วของหวังเป่าเล่อจะสัมผัสถูกกายอดีตผู้บัญชาการกองทหารมังกรหยดหมึก ก็มีเสียงฮึมดังก้องมาจากทิศทางของสำนักเต๋าใหม่ครามทองคำ ก่อเป็นคลื่นรบกวนที่สั่นคลอนสวรรค์ก่อนจะระเบิดออกมาใส่หวังเป่าเล่อทันที
ไม่ใช่ครั้งแรกที่หวังเป่าเล่อรู้สึกเช่นนี้ ผู้ฝึกตนระดับดาวพระเคราะห์ของตระกูลไม่รู้สิ้นบนดาวเคราะห์ตระกูลไม่รู้สิ้นก็ให้ความรู้สึกเช่นเดียวกันนี้ ร่างของหวังเป่าเล่อสั่นเทิ้มในทันที ความรู้สึกราวกับว่าจักรพิภพกำลังเอนเอียงและบีบรัดเข้าหาตัวทำให้วิญญาณของชายหนุ่มสั่นคลอน
ทว่า…การที่หวังเป่าเล่อกล้าที่จะสู้ในเขตของสำนักเต๋าใหม่ครามทองคำ ไม่ใช่เพราะพลังของเกราะมหาจักรพรรดิ แต่เพราะเปลวเพลิงดารานิรันดร์ในกายเขาและฝ่ามือขั้นดาวพระเคราะห์ที่เขากำลังหล่อเลี้ยงอยู่ต่างหาก
ดังนั้นทันทีที่พลังของสัมผัสเทพลงมาถึงตัว หวังเป่าเล่อจึงส่งเสียงคำราม พลันเปลวเพลิงดารานิรันดร์ในกายของเขาสั่นไหวอย่างรุนแรง แม้ว่าพลังจากสัมผัสนั้นจะอ่อนแอ แต่ความแตกต่างด้านพลังที่ไม่มากนักก็ทำให้หวังเป่าเล่อยังขยับได้บ้างแม้จะถูกสัมผัสเทพระดับดาวพระเคราะห์กดดันอยู่ นิ้วที่เขาใช้ดีดหยุดลง ก่อนจะหักสะบั้น ทำให้เหลือเพียงครึ่งนิ้วที่ไปสัมผัสถูกหว่างคิ้วของอดีตผู้บัญชาการกองทหารมังกรหยดหมึก!
อดีตผู้บัญชาการกองทหารมังกรหยดหมึกไม่มีเวลาตอบสนองกับสถานการณ์นี้ นางรู้สึกเพียงว่ามีคลื่นพลังมหาศาลพวยพุ่งออกมาและมาระเบิดอยู่ตรงหน้านาง จากนั้นหญิงสาวก็รู้สึกถึงความเจ็บรวดร้าวราวกับว่าร่างกายและวิญญาณของนางถูกฉีกออกจากกัน นางส่งเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดก่อนที่ร่างทั้งร่างจะปลิวกระเด็นไปเพราะแรงกระแทกอันรุนแรง ทันใดนั้นเอง ศีรษะของนางครึ่งหนึ่ง แขนหนึ่งข้าง พร้อมด้วยขาอีกข้างก็พังทลายก่อนจะปลิวกระจายหายไป
เส้นปราณของหญิงสาวแตกสลายภายใต้แรงกระแทกอันมหาศาลนั้น จุดตันเถียนเสียหาย และวิญญาณส่วนหนึ่งก็สลายหายไปด้วย พลังปราณของนางแทบจะถูกทำลายไปทั้งหมด ทำให้พลังของนางตกลงมาจากขั้นแสร้งอมตะ ไม่ใช่มาหยุดแค่ขั้นเชื่อมวิญญาณ แต่นางกลับร่วงลงไปถึงขั้นจุติวิญญาณเลยทีเดียว!
พลังที่ตกลงมานั้นเกิดจากการที่รากฐานของนางถูกทำลาย ดังนั้นหากไม่สามารถหาวัตถุดิบที่ทั้งหายากและราคาสูงมาช่วย นางก็คงไม่สามารถกลับขึ้นมาได้อีกตลอดไป!
เมื่อทำการเสร็จเรียบร้อย หวังเป่าเล่อก็ต้านทานแรงกดดันจากดวงจิตขั้นดาวพระเคราะห์ก่อนจะถอยกรูดออกมา ชายหนุ่มยกมือขวาแล้วโบกลง เรือบินรบระเบิดตัวเองทั้งหมดของเขากลับเข้าที่ในทันที หลังจากนั้น เขาจึงแปลงกายเป็นสายรุ้งแล้วหนีไปขณะที่ทิ้งเสียงพูดเอาไว้เบื้องหลัง
“ศิษย์พี่ครามทองคำ ข้าเพิ่งเดินทางกลับมาจากทำภารกิจที่ปรมาจารย์มหาทัณฑ์มอบหมายให้และพบเข้ากับกองทหารผ่าดำ สตรีนางหนึ่งจากกองทหารนั้นพูดจาให้ร้ายข้าแถมยังกล่าวว่าข้าไปขโมยความลับของกองทหารของนาง หลังจากที่ข้าเปิดทางให้พวกเขาแล้ว ก็ยังไม่วายที่พวกเขาจะมาจับกุมและสังหารข้า ข้าจะรายงานเรื่องนี้กับปรมาจารย์มหาทัณฑ์และขอให้เขาช่วยพิจารณาโทษ!”
คำพูดของหวังเป่าเล่อนั้นไม่มีทั้งน้ำเสียงอวดดีหรืออ่อนน้อม ทั้งหมดฟังดูมีเหตุมีผล ยิ่งไปกว่านั้น หวังเป่าเล่อก็ไม่ได้สังหารใครเลยตั้งแต่ต้นจนจบ ชายหนุ่มนั้นหลีกทางให้กองทหารหลายต่อหลายครั้ง อาจจะกล่าวได้ว่า ไม่ว่าจะมองเรื่องนี้จากมุมใด หวังเป่าเล่อก็ไม่ผิด!
โดยเฉพาะเมื่อคิดว่าชายหนุ่มได้เบี่ยงเบนประเด็นโดยโยนความผิดให้อดีตผู้บัญชาการกองทหารมังกรหยดหมึกแทนผู้บัญชาการกองทหารผ่าดำวิธีการพูดดังกล่าวนั้นแสดงให้เห็นว่าหวังเป่าเล่อช่ำชองเพียงใดเรื่องการแก้ไขสถานการณ์ ดังนั้นแล้ว เมื่อเสียงพูดของชายหนุ่มดังกังวานออกไป ดวงจิตขั้นดาวพระเคราะห์ที่กดดันเขาอยู่จึงชะงักไปชั่วขณะ เสียงฮึมจางๆ ลอยมาเข้าหู ในที่สุด ดวงจิตนั้นก็เลิกเล็งเป้าเขาและสลายไป
การกลับตาลปัตรของเหตุการณ์นี้ ทั้งการต่อสู้และการจากไปโดยที่ยังพูดอยู่เกิดขึ้นในชั่วพริบตา เมื่อเห็นว่าลูกน้องของเขาต้องพิการและเห็นว่าปรมาจารย์ของเขาเพิ่งจะมาถึง ผู้บัญชาการกองทหารผ่าดำก็กำลังจะเอ่ยปากพูดเมื่อได้ยินเสียงของปรมาจารย์ดังขึ้นในหู
“เจ้ายังทำให้ตัวเองขายหน้าไม่พออีกหรือ ไสหัวกลับมาเดี๋ยวนี้!”
เมื่อได้ยินคำพูดของปรมาจารย์ ผู้บัญชาการกองทหารผ่าดำก็ได้แต่หยุดนิ่ง ทำได้เพียงจ้องมองอย่างแน่วแน่ไปในทิศทางที่หวังเป่าเล่อเพิ่งจากไป ความรู้สึกระแวดระวังที่เขามีต่อหวังเป่าเล่อเพิ่มมากขึ้นเมื่อได้ยินคำพูดของชายหนุ่ม
ในเวลาเดียวกันนั้น ณ ตำแหน่งประตูหุบเขาของสำนักเต๋าใหม่ครามทองคำ มีโลกใบหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ในอีกมิติ เป็นมิติที่เต็มไปด้วยภูเขา และบนยอดเขาสีม่วงก็มีกระท่อมหลังหนึ่งตั้งอยู่
ภายในกระท่อมนี้ มีชายวัยกลางคนนั่งขัดสมาธิอยู่ ผมบนศีรษะของเขาเป็นสีม่วงเฉกเช่นเดียวกับเสื้อคลุมที่สวมใส่ กระทั่งนัยน์ตาของเขาก็เป็นสีม่วงด้วยเช่นเดียวกัน บุรุษผู้นี้ดูราวกับเป็นองค์เทพผู้ปกป้องสรวงสวรรค์และโลกมนุษย์ ในวินาทีนั้น เขาลืมตาขึ้นราวกับว่ากำลังจ้องมองออกไปในที่ห่างไกล ก่อนจะค่อยๆ ถอนสายตาออกมาช้าๆ
ข้าสัมผัสได้ถึงพลังของดารานิรันดร์แบบผสม ฮ่า…เจ้าหลงหนานจื่อคนนี้ น่าสนใจจริง!
………………….