หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting - บทที่ 864 ขวดเล็กๆ ใบหนึ่ง!
หวังเป่าเล่อเคยพยายามปลดผนึกแหวนวงนี้ตั้งแต่อยู่ในขั้นจิตวิญญาณอมตะชั้นต้น แต่ก็ไม่เป็นผลเพราะขั้นปราณของเขายังต่ำเกินไป
ขณะนี้ชายหนุ่มคิดว่าเมื่อปราณของเขาใกล้จะบรรลุระดับดาวพระเคราะห์แล้ว เขาก็ควรทรงพลังมากพอ…ดังนั้นหวังเป่าเล่อจึงรีบปลดปล่อยพลังปราณและส่งมันไหลท่วมเข้าไปในแหวนราวกับเป็นคลื่นคลั่ง
ชายหนุ่มสัมผัสได้ถึงแรงต่อต้านที่ออกมาจากแหวนแทบจะในทันที มีคำสาปบางอย่างอยู่ภายในแรงต่อต้านนั้น มันปัดป้องการเข้าถึงของสัมผัสสวรรค์ใดๆ ที่ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามา
หวังเป่าเล่อสัมผัสได้ถึงพลังระดับดาวพระเคราะห์ในแรงต่อต้านดังกล่าว เพื่อจะที่ฝ่าแรงต้านทานเข้าไป เขาจึงจำเป็นต้องใช้พลังระดับดาวพระเคราะห์เช่นกัน ชายหนุ่มหรี่ตาลง ก่อนจะเหวี่ยงพลังปราณของเขาอย่างแรงแล้วฟาดลงไปที่แรงต้านทานอย่างสุดกำลัง หวังจะทำลายมันให้แหลกเป็นเสี่ยง ทว่า…แม้จะมีปราณสำรองมากมายเพียงใด ระดับปราณของเขาก็ยังอ่อนแอเมื่อเทียบกับปราณระดับดาวพระเคราะห์ภายในแหวน
พลังปราณของหวังเป่าเล่อเมื่อเทียบกับปราณระดับดาวพระเคราะห์แล้ว ก็เสมือนหมอกกับน้ำ ชายหนุ่มไม่อาจปลดผนึกแหวนคลังเก็บได้ในทันที แต่หวังเป่าเล่อก็เตรียมรับมือเรื่องนี้มาแล้ว ด้วยผนึกฝ่ามือจำนวนหนึ่ง เกราะมหาจักรพรรดิของชายหนุ่มก็ปรากฏขึ้นและเพิ่มพลังปราณให้เขาในทันที ส่งให้มีพลังวิญญาณที่แข็งแกร่งไหลบ่าเข้าไปในแหวน และหวังเป่าเล่อก็รู้สึกได้ว่าพลังต้านทานในแหวนเริ่มอ่อนกำลังลง
แม้จะเล็กน้อยในทีแรก แต่พอเวลาค่อยๆ ผ่านไป เมื่อหวังเป่าเล่อยังคงปล่อยพลังปราณเต็มที่เข้าไปในแหวนเป็นเวลาร่วมสิบห้านาที เขาก็เริ่มได้ยินเสียงแตกร้าวดังขึ้นในศีรษะ คำสาปภายในแหวนคลังเก็บเริ่มแตกร้าว หวังเป่าเล่อตื่นเต้นเมื่อได้ยินเสียงดังกล่าว ขณะที่ชายหนุ่มกำลังจะส่งแรงกดดันเข้าไปเพิ่มนั้นเอง จู่ๆ ก็มีแสงสีขาวสว่างจ้าส่องขึ้นมาจากแหวน!
แรงต้านทานจากแหวนจู่ๆ ก็รุนแรงขึ้น และรอยร้าวจำนวนมากที่เกิดขึ้นก็เริ่มสมานตัวเอง หวังเป่าเล่อมีสีหน้าตกตะลึง
ใครบางคนเพิ่งจะร่ายคาถาป้องกันการบุกรุกทั้งมวล! สัญชาตญาณและประสบการณ์ของหวังเป่าเล่อช่วยให้ชายหนุ่มได้ข้อสรุปว่า ใครก็ตามที่ร่ายคำสาปใส่แหวนวงนี้เอาไว้ กำลังเสริมพลังให้คำสาปจากที่ห่างไกลผ่านวิธีการพิเศษบางอย่าง
ข้าไม่เชื่อว่าจะไม่สามารถเข้าไปได้! นัยน์ตาของหวังเป่าเล่อส่องประกายเยือกเย็น เปลวเพลิงดารานิรันดร์ภายในกายสั่นไหว และฝ่ามือระดับดาวพระเคราะห์ก็ปรากฏขึ้นมาลอยอยู่เหนือศีรษะของชายหนุ่ม ก่อนที่เขาจะปล่อยเปลวเพลิงดารานิรันดร์ออกมารวมกับพลังปราณของตน และโจมตีใส่แหวนอีกครั้งหนึ่ง!
แรงต่อต้านที่ออกมาจากแหวนรุนแรงขึ้นอีกในครั้งนี้ แต่ก็ดูเหมือนกับว่ามันใกล้จะสลายไปเต็มทน รอยแตกร้าวไม่สมานตนเองอีกต่อไป สถานการณ์เริ่มยืดเยื้อ แต่หวังเป่าเล่อผู้ซึ่งถูกผลักดันด้วยความอยากรู้อยากเห็นอันแรงกล้า ก็เริ่มฉวยโอกาสจากการยืดเยื้อนั้นส่งสัมผัสสวรรค์ออกไป มันไหลผ่านรอยแยกบนแหวนและเข้าไปด้านใน
คำสาปภายในแหวนยังไม่ได้สลายไปจนหมดแม้จะมีรอยแยกปรากฏขึ้นมากมาย เป็นเหตุว่าทำไมหวังเป่าเล่อจึงไม่อาจหยิบสิ่งที่อยู่ภายในแหวนออกมาได้ แต่ก็ไม่ได้แปลว่าชายหนุ่มจะไม่สามารถส่งสัมผัสสวรรค์เข้าไปสำรวจด้านในได้!
สัมผัสสวรรค์ของหวังเป่าเล่อไหลเข้าไปผ่านรอยแตกของแหวน และในอึดใจถัดมา เขาก็เห็นสิ่งที่อยู่ภายในแหวน พื้นที่ด้านในไม่กว้างเท่าใดนัก และไม่ได้มีของอยู่มากมายเลย อันที่จริงแล้ว ด้านในมีของเพียงสามชิ้นเท่านั้น!
เศษกระดาษตัดเป็นรูปมนุษย์!
คันธนูสีแดงที่มีอัญมณีประดับอยู่เก้าชิ้น!
และ…ขวดแก้วใบเล็กโปร่งใสที่ดูสุดแสนธรรมดา ดูไม่ใช่ขวดที่หลอมขึ้นมาเพื่อใส่โอสถแต่เอาไว้ใส่ของทั่วๆ ไป!
เศษกระดาษรูปมนุษย์นั่งอยู่บนขวดแก้ว ดูไร้ชีวิตชีวา แต่ทันทีที่สัมผัสสวรรค์ของหวังเป่าเล่อไหลผ่านเข้าไป ตาของมันก็กะพริบก่อนจะสะท้อนประกายแสงแปลกประหลาดออกมา
หวังเป่าเล่อถึงกับขนหัวลุกเมื่อได้เห็นแสงในแววตานั้น ความรู้สึกนั้นคล้ายคลึงกับการมองตาอสรพิษร้าย ชายหนุ่มเป็นบุตรแห่งความมืด จึงไม่ควรหวาดกลัววิญญาณเร่ร่อนหรือผีใดๆ แต่ในวินาทีนั้น เขารู้สึกถึงความกังวลและความกลัวที่ค่อยๆ ก่อตัวขึ้นภายในใจ
คันธนูให้ความรู้สึกที่แตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง หวังเป่าเล่อรู้สึกได้ถึงกระแสพลังวิญญาณอันยากจะอธิบายที่ไหลเข้ามาสู่กายเมื่อสายตาของเขาจับจ้องไปที่คันธนู อัญมณีทั้งเก้าที่อยู่ในคันธนูส่องแสงแรงกล้าราวกับเป็นดวงอาทิตย์เก้าดวง! ชายหนุ่มไม่แน่ใจว่าสายตาของเขาเล่นตลกหรือไม่
สุดท้าย ขวดเล็กๆ ใบนั้น มันดูธรรมดาที่สุดจากของทั้งสามอย่าง แต่รัศมีที่เปล่งออกมานั้นเก่าแก่เป็นอย่างยิ่ง ดูเหมือนว่ามันจะนำพาความเน่าเปื่อยผ่านกาลเวลามาด้วย ราวกับว่าขวดนี้ดำรงอยู่มานานแสนนานแล้ว!
ความตื่นเต้นไหลผ่านโลหิตของชายหนุ่มเมื่อเขาเพ่งมองไปยังของทั้งสามชิ้น ก่อนจะพุ่งสูงขึ้นทันทีเมื่อเขามองเห็น…เศษกระดาษชิ้นหนึ่งภายในขวดใสนั้น!
นั่นมันอะไรกัน หวังเป่าเล่อกำลังจะส่งสัมผัสสวรรค์เข้าไปภายในขวดเพื่อดูให้แน่ใจ แต่เมื่อสัมผัสสวรรค์ไหลลึกเข้าไปในแหวน นัยน์ตาของมนุษย์กระดาษก็ส่องประกายประหลาดขึ้นมาอีกครั้ง สัมผัสสวรรค์ของหวังเป่าเล่อเริ่มสั่นไหวอย่างรุนแรง และชายหนุ่มก็สัมผัสได้ถึงพลังที่ไหลบ่าออกมาจากกระดาษรูปมนุษย์ตนนั้น สัมผัสสวรรค์ของเขาจางหายไปอย่างรวดเร็ว ราวกับเป็นเกล็ดหิมะที่สัมผัสเข้ากับน้ำเดือด
หวังเป่าเล่อตกตะลึงกับภาพที่เห็น สัมผัสสวรรค์ของเขาถอยหลังกรูดอย่างรวดเร็วและไหลกลับออกมาทางรอยแยกของแหวน ทันทีที่มันไหลออกมา แรงต้านทานที่อยู่ในแหวนคลังเก็บก็เพิ่มความแข็งแกร่งขึ้นและสมานรอยแตกทั้งหมดใหม่ ปิดทางไม่ใช่ชายหนุ่มได้เข้าไปอีกครั้ง
ขณะที่สิ่งนี้กำลังเกิดขึ้น ในจักรวาลที่ห่างออกไป ไกลจากอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ไปมาก ด้วงสวมเกราะสีทองขนาดยักษ์กำลังเคลื่อนที่ผ่านอวกาศ มีคนสองคนนั่งอยู่ภายใน คลื่นพลังปราณไหลบ่าออกจากกายของทั้งคู่ หนึ่งในนั้นอยู่ในระดับดาวพระเคราะห์ อีกคนหนึ่งอยู่เพียงขั้นจิตวิญญาณอมตะ
หากหวังเป่าเล่ออยู่ที่นั่นด้วย เขาย่อมจำผู้ฝึกตนขั้นจิตวิญญาณอมตะได้…เพราะคนผู้นั้นคือผู้ฝึกตนระดับดาวพระเคราะห์แห่งตระกูลไม่รู้สิ้นที่เขาพบเจอระหว่างปฏิบัติภารกิจให้ปรมาจารย์แห่งไฟ
“ขอบคุณสหายร่วมสำนักเต๋าตันโจวจื่อที่มาช่วยเหลือ!” อดีตผู้ฝึกตนระดับดาวพระเคราะห์ ผู้ที่ร่วงหล่นลงมาอยู่ในขั้นจิตวิญญาณอมตะระล่ำระลักพูดกับสหาย
“ไม่จำเป็นเลย สหายร่วมสำนักเต๋าซานหลิงจื่อ ข้าขอให้สิ่งที่ท่านพูดเป็นความจริง และหนึ่งในเก้าแบบจำลองของคันธนูจักรพิภพอยู่ในแหวนคลังเก็บของท่านจริงๆ!”
“ไม่ต้องเป็นห่วงเลย สหายร่วมสำนักเต๋าตันโจวจื่อ มันอยู่แน่นอน!” ซานหลิงจื่อสัญญาอย่างแข็งขัน แต่ในใจลึกๆ นั้นเปี่ยมไปด้วยความกังวล เขาต้องการหาตัวหน้ากากสุกรให้พบด้วยตนเองแล้วแย่งเอาแหวนคลังเก็บกลับมา แต่ดันพบเข้ากับศัตรูเก่าขณะที่กำลังบาดเจ็บ จึงไม่มีทางเลือกต้องยอมเสียของอย่างหนึ่งในแหวนคลังเก็บเพื่อรักษาชีวิตไว้ แต่เขาก็ได้ไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนแล้ว แบบจำลองของคันธนูจักรพิภพนั้นมีค่าน้อยที่สุดจากของสามสิ่งในแหวนคลังเก็บของเขา
ทันทีที่ตันโจวจื่อเปิดผนึกแหวนคลังเก็บ เจ้ากระดาษรูปมนุษย์ที่ดุร้ายคงจะกลืนเขาเข้าไปทั้งตัว!
ตันโจวจื่อจ้องมองซานหลิงจื่อด้วยสายตาล้ำลึกอย่างยาวนานก่อนจะแสยะยิ้มอยู่ในใจ เขาไม่ได้พูดสิ่งใดต่อไป แต่ยอมทำตามคำบอกเล่าของอีกฝ่าย ก่อนจะหันเหทิศทางของด้วงเกราะทองมุ่งลึกเข้าไปในอวกาศ
ขณะเดียวกันนั้นเอง ในอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ ในเรือบินรบเวทของกองกำลังเสริมที่กำลังมุ่งหน้าไปยังสำนักเต๋าใหม่ครามทองคำซึ่งหวังเป่าเล่อนั่งอยู่ ชายหนุ่มกำลังนั่งจ้องแหวนในมือ ใบหน้าซีดเซียวเล็กน้อย และมีอาการหอบหายใจนิดหน่อย
คลื่นของพลังวิญญาณที่ออกมาจากกระดาษรูปมนุษย์เมื่อครู่นั้นแปลกประหลาดนัก สัมผัสสวรรค์ของเขาอ่อนแรงลงทันทีเมื่อปะทะเข้ากับพลังวิญญาณเช่นนั้น และตัวชายหนุ่มเองยังได้ยินเสียงกรีดร้องแหลมบาดหู อันที่จริงแล้ว หวังเป่าเล่อรู้สึกได้ว่าร่างจริงของเองก็ได้รับผลกระทบจากการระเบิดพลังวิญญาณของกระดาษรูปมนุษย์เช่นกัน ชายหนุ่มสัมผัสได้ว่ากระดาษนั้นถูกอะไรบางอย่างกักขังไว้ หาไม่แล้ว และหากไม่ใช่เพราะชายหนุ่มถอนสัมผัสสวรรค์ออกมาได้ทัน เขาก็อาจได้รับบาดเจ็บสาหัส หรืออาจตายไปแล้วก็เป็นได้
จะอันตรายเกินไปแล้ว! หวังเป่าเล่อจ้องเขม็งไปยังแหวนคลังเก็บในมือ ชายหนุ่มไม่คาดคิดว่าสิ่งของภายในแหวนจะอันตรายถึงเพียงนี้ เขามีสีหน้าเคร่งขรึมขึ้น แต่ก็จางหายไปในเวลาไม่ช้า ก่อนที่ดวงตาของชายหนุ่มจะส่องประกายกล้า การเข้าไปสำรวจนั้นแม้จะอันตรายมาก แต่เขาก็เรียนรู้ข้อมูลมาไม่น้อยเช่นกัน
เจ้ากระดาษรูปมนุษย์นั่นน่ากลัวนัก ข้าสัมผัสได้ถึงวิญญาณมืดที่ซุกซ่อนอยู่ภายใน แต่วิญญาณนี้…ช่างน่ากลัวกระทั่งกับข้าที่เป็นบุตรแห่งความมืด จุดกำเนิดของมัน…จะต้องยิ่งใหญ่มากเป็นแน่!
แล้วคันธนูนั่นอีก…มองปราดเดียวข้าก็บอกได้เลยว่ามันเป็นสมบัติที่ยอดเยี่ยม มาคิดๆ ดูแล้ว อัญมณีทั้งเก้าที่ประดับอยู่บนคันธนูอาจจะเป็น…ดารานิรันดร์ทั้งเก้า! เมื่อคิดได้เช่นนั้นหวังเป่าเล่อก็ถึงกับอ้าปากค้าง การปลดผนึกแหวนคลังเก็บอาจไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขาในตอนนี้ ปัญหาก็คือเมื่อปลดผนึกได้แล้วจะทำอย่างไรต่อไป…ปัญหาใหญ่ของชายหนุ่มในตอนนี้คือผลพวงที่เขาต้องเผชิญหลังจากส่งสัมผัสสวรรค์เข้าไปภายใน ยิ่งไปกว่านั้น เขายังกังวลเรื่องความเสี่ยงที่การสำรวจอาจนำมา ตำแหน่งของเขาอาจถูกเปิดโปง!
ทั้งคู่เป็นวัตถุเวทที่ไม่ธรรมดา เป็นดั่งตั๋วทองสู่การบรรลุขั้นปราณ สำหรับของชิ้นที่สาม…ขวดที่ดูโบราณนั่น แค่เพราะมันถูกเก็บเอาไว้กับวัตถุเวทอีกสองชิ้น ก็เพียงพอที่จะบอกได้ว่ามันต้องมีค่าทัดเทียมกันแน่!
แต่…มันคืออะไรกันนะ ดวงตาของหวังเป่าเล่อฉายแววสับสน แม้ชายหนุ่มจะส่งสัมผัสสวรรค์เข้าไปในขวดเพื่อดูกระดาษแผ่นหนึ่งในนั้นให้แน่ใจและถูกขัดขวางโดยกระดาษรูปมนุษย์ แต่เขาก็มองเห็นอยู่แวบหนึ่ง และเห็นคำสองคำบนกระดาษแผ่นนั้น ดูเหมือนบนกระดาษนั้นจะมีถ้อยคำอยู่สามส่วน
แม้จะไม่เข้าใจคำใดเลยที่ได้เห็น แต่ความหมายของคำศัพท์เหล่านั้นก็เหมือนจะมาปรากฏขึ้นเองในใจของหวังเป่าเล่อหลังจากที่มองเห็น เพราะการได้เห็นเพียงแวบหนึ่งก่อนหน้านี้ ชายหนุ่มจึงสามารถปะติดปะต่อได้ว่าคำทั้งสามนั้นหมายถึงสิ่งใด
คำศัพท์ทั้งสามคำก็คือ…
คนร่ำรวย? นัยน์ตาของชายหนุ่มยังคงสับสนอยู่ หวังเป่าเล่อทั้งตื่นเต้นทั้งอยากรู้จนอยู่ไม่สุข เขาอยากรู้ว่าสิ่งใดกันแน่ที่อยู่ในขวดนั้น เพราะมีความรู้สึกว่ามีโอกาสชิ้นงามซุกซ่อนอยู่ภายใน
………………………………