หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting - บทที่ 890 เหรียญตราสันติ!
เมื่อคิดได้เช่นนั้น หวังเป่าเล่อก็เริ่มนึกย้อนกลับไปถึงบทสนทนาระหว่างตัวเขาและเซี่ยไห่หยางอย่างถี่ถ้วน จากนั้นพักใหญ่ ก็มีประกายแสงปรากฏขึ้นบนดวงตาของชายหนุ่ม เขานึกถึงคำพูดบางตอนของอีกฝ่ายขึ้นมาได้
เซี่ยไห่หยางพูดว่าตระกูลเซี่ยไม่สามารถใช้อำนาจสุ่มสี่สุ่มห้าได้โดยไม่มีเหตุผลอันควร… ตอนนั้นหวังเป่าเล่อคิดไปว่าเซี่ยไห่หยางคงกำลังเฉไฉ แต่ขณะนี้ หลังจากที่วิเคราะห์ไปบ้าง เขาก็ตระหนักได้ว่าการคาดเดาของเขาอาจจะถูกอยู่บ้าง
เขาพยายามจะทำลายผู้อาวุโสฝ่ายขวาหรือข้ากันแน่ หวังเป่าเล่อหรี่ตาลงและครุ่นคิดเรื่องนี้อย่างหนัก ก่อนที่จู่ๆ จะหัวเราะออกมา จากนั้นจึงทรุดตัวลงนั่ง ปิดตาลงและเริ่มทำสมาธิ เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้ติดต่อไปทวงถามเซี่ยไห่หยางเรื่องการทำลายผนึกแต่อย่างใด
เซี่ยไห่หยางเองก็ไม่ได้ติดต่อเขากลับมาเช่นกัน ทั้งสองคนดูราวกับว่าจะตกลงกันได้อย่างเงียบงันและลืมเรื่องนี้ไปเสียสิ้น สิบวันผ่านไป ในวันที่สิบเอ็ด ดวงอาทิตย์ประดิษฐ์ที่ลอยคว้างอยู่บนฟ้าจู่ๆ ก็ส่องแสงสว่างจ้าขึ้นมาวาบหนึ่งอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ชั่วขณะแห่งความผิดปกตินั้นคงอยู่เพียงชั่วครู่ และทุกๆ สิ่งก็กลับคืนสู่ภาวะปกติในพริบตา แต่ถึงอย่างนั้น หวังเป่าเล่อก็เปิดตาขึ้นมองจ้องไปยังดวงอาทิตย์
ในขณะเดียวกันนั้นเอง ภายในดารานิรันดร์ประดิษฐ์ ผู้อาวุโสฝ่ายขวาแห่งสำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งนั่งอยู่ในบ่อวิญญาณและรักษาตนเองอยู่ก็ลืมตาขึ้นเช่นกัน มีรอยยิ้มฉาบพาดใบหน้า ชายชราค่อยๆ ลุกขึ้นยืนช้าๆ พลังปราณระดับดาวพระเคราะห์ไหลบ่าจากกายก่อนจะระเบิดออกมาอย่างปุบปับ อาการบาดเจ็บบนร่างหายไปหมดสิ้น อันที่จริงแล้ว ดูเหมือนว่าผู้อาวุโสจะแข็งแกร่งกว่าเก่าเสียด้วยซ้ำ
ผู้อาวุโสฝ่ายขวารู้สึกมีกำลังใจเมื่อคิดได้เช่นนั้น ในขณะเดียวกัน ชายชราก็รู้สึกมั่นใจเรื่องโอกาสในการสังหารหวังเป่าเล่อ แม้ว่าการควานหาตัวชายหนุ่มจะไม่ได้คืบหน้าไปเท่าใดนัก แต่เขาก็รู้ถึงประสิทธิภาพของผู้ฝึกตนในอารยธรรมวิญญาณโลกดี ชายชราคงจะตกใจหากคนเหล่านั้นสามารถควานหาตัวหวังเป่าเล่อได้พบ
“หลงหนานจื่อ เวลาของเจ้าหมดแล้ว!” ผู้อาวุโสฝ่ายขวาพูดกับตัวเองอย่างภาคภูมิ ชายชราlihk’ผนึกฝ่ามือด้วยมือขวาแล้วชี้ไปยังที่ว่างข้างกาย ดารานิรันดร์ประดิษฐ์สั่นไหวเล็กน้อย ก่อนแผนที่ดวงดาวจะปรากฏขึ้นตรงหน้าชายชราในอึดใจต่อมา
แผนที่ดวงดาวแสดงให้เห็นพื้นที่ของอารยธรรมวิญญาณโลกทั้งหมดรวมถึงดาวเคราะห์ทุกดวงในอารยธรรมด้วย ทันทีที่มันปรากฏขึ้นตรงหน้าผู้อาวุโสฝ่ายขวา ดวงจิตเทพของเขาก็หลั่งไหลออกมาและเข้าไปในแผนที่ดวงดาวนั้น และด้วยความช่วยเหลือจากแผนที่ดวงดาว สัมผัสสวรรค์ของชายชราก็ไหลออกมาจากดารานิรันดร์ประดิษฐ์ มุ่งหน้าเข้าไปหาอารยธรรมวิญญาณโลก มันแพร่กระจายออกไปทั่วและครอบคลุมอารยธรรมเอาไว้ทั้งหมด
ดวงจิตเทพของผู้อาวุโสฝ่ายขวาปกคลุมอารยธรรมทั้งหมดภายในพริบตา มันเริ่มควานหาทั่วทุกดาวเคราะห์และทุกชีวิตในอารยธรรม เหมือนว่าสามารถมองทะลุผ่านทุกๆ สะเก็ดดาวหรือละอองฝุ่นในจักรวาลได้ ทว่า…เมื่อเวลาผ่านไปสีหน้าของผู้อาวุโสฝ่ายขวาก็ค่อยๆ แปรเปลี่ยนจากมั่นใจเป็นโกรธเกรี้ยวและขึงขัง ชายชราเริ่มมีใบหน้าเหยเก
ดวงจิตเทพของเขาครอบคลุมทั้งอารยธรรมวิญญาณโลกและสอดส่องทุกซอกทุกมุมถึงห้าครั้ง แต่ชายชราก็ไม่อาจจะหาหวังเป่าเล่อพบ!
เขามั่นใจมากว่าผนึกไม่ได้แตก แปลว่าหลงหนานจื่อไม่อาจหนีไปไหนได้ ชายหนุ่มยังติดอยู่ที่ไหนสักแห่งภายในอารยธรรมวิญญาณโลกแห่งนี้ การที่ชายชรายังหาเขาไม่พบก็แปลได้อย่างเดียวว่า หลงหนานจื่อผู้นี้…มีวิธีการหลบซ่อนตัวจากศัตรูได้อย่างไร้ที่ติ!
ชายชราคิดถูกแล้ว หวังเป่าเล่อสามารถปรับรัศมีของกายสารัตถะได้ดั่งใจนึก ต่อให้อยู่ในระดับดารานิรันดร์ ก็คงเป็นการยากยิ่งที่จะหาว่าชายหนุ่มซ่อนอยู่ที่ใด
อันที่จริงแล้ว ดวงจิตเทพของผู้อาวุโสฝ่ายขวากวาดผ่านยอดเขาที่หวังเป่าเล่อซ่อนตัวอยู่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ชายหนุ่มไม่ได้ตั้งใจหลบซ่อนด้วยซ้ำ แถมกำลังจ้องมองดวงอาทิตย์อยู่ด้วยสายตาไร้อารมณ์
แต่หวังเป่าเล่อเองก็รู้ดีว่า ไม่ว่ากายสารัตถะจะแข็งแกร่งเพียงใจ ตัวเขาเองตอนนี้ก็เสียเปรียบอย่างยิ่ง เพราะอย่างไรเสีย เขาก็ไม่ได้มาจากอารยธรรมวิญญาณโลก ไม่มีสิ่งใดในสัญญาณชีวิตของเขาเลยที่ผูกชายหนุ่มเข้ากับอารยธรรมแห่งนี้ อะไรๆ คงไม่เลวร้ายถึงเพียงนี้หากอารยธรรมวิญญาณโลกเป็นอารยธรรมทั่วๆ ไป หากเป็นเช่นนั้น หวังเป่าเล่อก็มั่นใจเขาคงซ่อนตัวได้อย่างไร้ที่ติแน่นอน
แต่เขาอยู่ในอารยธรรมที่มี…ดารานิรันดร์ประดิษฐ์ ชีวิตของผู้คนที่นี่และระดับปราณของพวกเขาถูกควบคุมโดยดารานิรันดร์ดวงนี้ อีกไม่ช้าผู้อาวุโสฝ่ายขวาก็ต้องควานหาตัวเขาพบเป็นแน่
เซี่ยไห่หยางเคยจะเล่นงานข้ามาก่อน…คราวนี้ข้าควรเชื่อเขาดีไหมนะ หวังเป่าเล่อถอนสายตาออกมาและเมินดวงจิตเทพของผู้อาวุโสฝ่ายขวาเสีย เขานึกไปถึงข้อตกลงที่ได้ทำไว้กับเซี่ยไห่หยาง
ขณะที่หวังเป่าเล่อกำลังคิดหนัก ผู้อาวุโสฝ่ายขวาก็เกรี้ยวกราดขึ้นทุกที หลังจากผ่านไปพักใหญ่ ชายชราก็พ่นลมออกมาทางจมูก สูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะยกสองมือเพื่อสร้างผนึกฝ่ามือท่วงท่าต่างๆ เขาบ้วนเอาสารัตถะของตนออกมากองหนึ่งและนำไปผสานกับแผนที่ดวงดาว เพื่อเพิ่มพลังของดารานิรันดร์ประดิษฐ์จนถึงจุดสูงสุดจะได้ค้นหาอย่างทั่วถึงยิ่งขึ้น!
ชายชรารู้ว่าหลงหนานจื่อต้องมีวิธีเฉพาะตัวในการหลบการค้นหาของเขาแน่ แต่เรื่องนั้นก็ไม่สำคัญแต่อย่างใด ผู้อาวุโสอาจจะหาหลงหนานจื่อไม่พบ แต่เขาก็สามารถระบุตำแหน่งของทุกสรรพสิ่งในอารยธรรมวิญญาณโลกแห่งนี้ได้ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตหรือดินหินแม่น้ำใดๆ ก็ตามแต่
หากจะว่าไป ดารานิรันดร์ที่อารยธรรมครามทองคำหลอมขึ้นมาก็คล้ายวิญญาณวุธที่มีทั้งสติปัญญาและชีวิต มันเหมือนคอมพิวเตอร์อัจฉริยะของสหพันธรัฐ ทุกสรรพสิ่งในอารยธรรมวิญญาณโลกถูกบันทึกไว้ในหน่วยความจำของดารานิรันดร์ จากนั้นจึงนำมาเชื่อมโยงความสัมพันธ์กับชีวิตอื่นๆ และสร้างขึ้นเป็นจารึกที่มองไม่เห็นของบุคคลนั้นๆ
ด้วยเหตุนี้…อารยธรรมวิญญาณโลกก็เป็นเหมือนภาพวาดภาพหนึ่งในสายตาของผู้อาวุโสฝ่ายขวา ชายชราสามารถหยุดทุกอย่างภายในภาพวาดด้วยการดีดนิ้วเพียงครั้งเดียว และในอึดใจต่อมา ก็กวาดตามองผ่านทุกๆ สรรพชีวิตในภาพวาดนั้น จ้องมองจนหายสงสัย อะไรก็ตามที่ไม่เข้าพวกจะเด่นชัดขึ้นมาทันที
การจะหาจุดหมึกบนกระดาษสีดำอาจดูเป็นงานที่เป็นไปไม่ได้ แต่หากเปลี่ยนกระดาษเป็นสีขาว จุดหมึกนั้นจะชัดเจนขึ้นมาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ดังนั้นมันจึงไม่สำคัญเลยว่าหวังเป่าเล่อจะซ่อนตัวได้ดีเพียงใด เพราะชายหนุ่มไม่อาจซุกซ่อนความเป็นต่างดาวในตัวได้!
การใช้ดารานิรันดร์ประดิษฐ์ในการค้นหาเช่นนี้กินเอากายสารัตถะของผู้อาวุโสฝ่ายขวาไปส่วนหนึ่ง แต่ก็ได้ผลลัพธ์ดีเยี่ยม อึดใจถัดมา ผู้อาวุโสก็เห็นว่าแสงแทบทุกดวงบนแผนที่ดวงดาวดับมืดลงไป เหลือเพียงจุดแสงหนึ่งเดียวที่ยังส่องสว่าง
“หลงหนานจื่อ!” ผู้อาวุโสฝ่ายขวาระเบิดเสียงหัวเราะออกมา ก่อนจะก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวแล้วอันตรธานหายไป
หวังเป่าเล่อ ผู้ที่นั่งอยู่บนยอดเขานั้น จู่ๆ ก็กระโจนถอยหลังไปปรากฏตัวอยู่ไกลออกไปสามกิโลเมตรแทบจะในทันที ฉับพลันที่ชายหนุ่มโผล่ขึ้นมาตรงสถานที่แห่งใหม่ พลังอันมหาศาลก็พวยพุ่งลงมาจากท้องฟ้า ก่อตัวขึ้นเป็นแท่งแสงที่กว้างร่วมสามกิโลเมตร ก่อนจะระเบิดจุดที่หวังเป่าเล่อนั่งอยู่เมื่อครู่
ภายในพริบตาเดียว ยอดเขาที่อยู่ห่างออกไปหายกิโลเมตรก็สลายกลายเป็นฝุ่นและจางหายไปอย่างไร้ร่องรอย…
ผู้อาวุโสฝ่ายขวามาปรากฏตัวอยู่กลางอากาศ ชายชราก้มหน้ามองหวังเป่าเล่อด้วยแววตาเย้ยหยันก่อนจะพูดออกมาอย่างเนิบๆ
“หลงหนานจื่อ มีอะไรจะพูดก่อนตายไหม”
ดวงอาทิตย์ประดิษฐ์ที่ลอยอยู่เบื้องหลังเขาจู่ๆ ก็ส่องสว่างวาบขึ้นมา ก่อนจะแปรสภาพเป็นแรงกดดันที่ปกคลุมทั้งบริเวณเอาไว้ สัญญาณเตือนภัยดังลั่นอยู่ในศีรษะของหวังเป่าเล่อ แต่กลับไม่มีร่องรอยความกลัวหรือตื่นตกใจปรากฏบนใบหน้าเขาเลย กลับกัน สีหน้าแปลกประหลาดฉายขึ้นบนใบหน้าของชายหนุ่ม หวังเป่าเล่อเงยหน้าขึ้นจ้องผู้อาวุโสฝ่ายขวา ไม่ได้ตอบคำถามที่แสดงความมั่นใจในการสังหารหวังเป่าเล่อของอีกฝ่าย กลับกัน ชายหนุ่มกระแอมกระไอขึเนมา ก่อนจะดึงแผ่นหยกสีขาวโพลนออกมาจากกระเป๋าคลังเก็บแล้วชูขึ้นในอากาศ
“ผู้อาวุโสฝ่ายขวา เจ้าเห็นเหรียญตรานี้ของข้าหรือไม่ รีบคุกเข่าคำนับท่านบิดาของเจ้า แล้วก็ไสหัวไปไกลๆ หลายร้อยปีแสงเดี๋ยวนี้เลย!”
ผู้อาวุโสฝ่ายขวาชะงัก ความหยิ่งยโสในน้ำเสียงของหวังเป่าเล่อทำให้เลือดของชายชราเดือดพล่านด้วยแรงโทสะ นัยน์ตาของเขากวาดมาหยุดที่เหรียญตรา และเห็นตัวอักขระทันที คำว่า “สันติ” ปรากฏขึ้นในใจอย่างฉับพลัน
“สิ่งนี้คือ…” ผู้อาวุโสชะงักอยู่กลางอากาศ สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันที ชายชราไม่เคยเห็นเหรียญตรานี้ แต่ก็เคยได้ยินมาบ้างเหมือนกัน ลมหายใจของเขาติดขัด แล้วจู่ๆ ก็จำได้ขึ้นมา ภายในจักรพิภพเต๋าไม่รู้สิ้น มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับเหรียญตราสันติที่ออกโดยตระกูลโบราณอันยิ่งใหญ่อย่างตระกูลเซี่ย
ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถล่วงเกินผู้ถือเหรียญตราดังกล่าวได้ หากละเมิดกฎข้อนี้…ก็จะต้องเป็นศัตรูกับตระกูลเซี่ยไปโดยปริยาย!
ทว่า…ตระกูลเซี่ยเป็นตระกูลที่ใหญ่โตนัก หากเปรียบเทียบตระกูลเซี่ยเป็นดวงอาทิตย์ อารยธรรมครามทองคำก็คงเป็นดาวเคราะห์เล็กจ้อยดวงหนึ่ง และผู้อาวุโสฝ่ายขวาแห่งสำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ก็คงไม่ต่างอะไรจากเศษฝุ่น
ความแตกต่างของอำนาจก่อให้เกิดความกลัวและความยำเกรง อีกทั้งยังทำให้ตระกูลเซี่ยดูเหมือนเป็นสิ่งที่อยู่ห่างไกล ระยะห่างนั้นทำให้พวกเขาเหมือนไม่มีอยู่จริง จนบางคนก็เกิดยั้งใจไม่อยู่ขึ้นมา
และในสถานที่ห่างไกลเช่นอารยธรรมวิญญาณโลกแห่งนี้ ความคิดดังกล่าวก็ยิ่งจริงเข้าไปใหญ่ การจะหยุดไล่ล่าแล้วถอยออกไปหนึ่งร้อยปีแสงนั้น…ผู้อาวุโสฝ่ายขวาไม่อาจบังคับใจตนเองให้ยอมทำตามได้!
หลังจากที่ขัดแย้งในใจอยู่พักใหญ่ จิตสังหารของผู้อาวุโสก็ปะทุขึ้นมา ก่อนที่เขาจะคำรามลั่น
“ลูกไม้ตื้นๆ ข้าไม่รู้จักไอ้ของที่เจ้าถืออยู่แม้แต่น้อย!” ผู้อาวุโสพูดจบก็ปล่อยพลังปราณทั้งหมดออกมา ร่างเขาแปรสภาพเป็นพายุหมุนน่าสะพรึงกลัวที่พุ่งสูงขึ้นไปในอากาศแล้วตรงเข้าใส่หวังเป่าเล่ออย่างรุนแรง!