หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting - บทที่ 923 มหาศิษย์แห่งเต๋าไร้เทียมทานลึกลับ!
- Home
- หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting
- บทที่ 923 มหาศิษย์แห่งเต๋าไร้เทียมทานลึกลับ!
“ไม่เอาอย่างนี้สิ…ข้าแค่ขอพร…” หวังเป่าเล่อคร่ำครวญในใจ เขาเห็นแล้วว่าสายฟ้าฟาดในครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นลำแสงเดี่ยวหรือขอบเขตและอานุภาพล้วนมากกว่าสระสายฟ้าที่เขาเคยเจอมาก
ทั้งสองอย่างไม่มีอะไรเทียบกันได้เลย เหมือนกับสระน้ำกับมหาสมุทร สายฟ้าฟาดในครั้งนี้ แต่ละครั้งล้วนทำให้หวังเป่าเล่อใจหายใจคว่ำ รู้สึกเหมือนเข้าใกล้ความตายเข้าไปทุกที
“กระดาษรูปมนุษย์จะรู้หรือไม่ว่าเป็นเพราะข้า เขาจะโยนข้าออกไปไหม…” สีหน้าหวังเป่าเล่อตื่นตกใจเหมือนคนอื่นๆ แต่ความกังวลและเสียงคร่ำครวญในใจเขามากกว่าคนอื่นนัก
ความจริงแล้วเขารู้ว่าสายฟ้าฟาดพวกนี้ล้วนพุ่งเป้ามายังเขา หากกระดาษรูปมนุษย์โยนเขาออกไป เรือลำนี้ก็จะไม่ถูกฟ้าผ่าอีก
ยิ่งเห็นจักรวาลรอบๆ กลายเป็นสีแดงฉาน สายฟ้านับไม่ถ้วนปะทุออกมาราวกับสวรรค์พิโรธ ถึงแม้เรือลำนี้จะแข็งแกร่งแต่ก็ยังสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงท่ามกลางทะเลสายฟ้า
วินาทีต่อมามันคล้ายจะสลายไป นั่นยิ่งทำให้หวังเป่าเล่อกังวลมากกว่าเดิม และคนอื่นๆ บนเรือถึงจะไม่ได้แสดงออกเท่าเขา แต่ก็ยังกังวลและยิ่งไม่เข้าใจมากขึ้นไปอีก จนทำให้พวกเขาอดส่งเสียงคำรามต่ำออกมาไม่ได้
“หรือจะเป็นฝีมือผู้เยี่ยมยุทธ์ของนครดารา”
“เป็นไปไม่ได้หรอก ต่อให้เป็นผู้เยี่ยมยุทธ์ของนครดาราพวกเขาก็ไม่โจมตีข้า ถึงอย่างไรอำนาจและตระกูลของพวกเราแต่ละคนก็แข็งแกร่งมากพอ แล้วเรายังอยู่รวมกันอีก…ผู้เยี่ยมยุทธ์ของนครดาราจะกล้าลงมือหรือ”
“หรือนี่จะเป็นสิ่งที่ต้องเจอในการไปยังสุสานดวงดารา แต่นี่มันไม่มีอยู่ในบันทึกโบราณของตระกูลนี่นา”
ความคิดของทุกคนเปลี่ยนเป็นความประหลาดใจและยังเตรียมการเผื่อเรือล่มขึ้นมาจะได้หาทางหนีได้ สีหน้าของกระดาษรูปมนุษย์เองก็เคร่งขรึมขึ้นไม่น้อย เขายกมือขวาขึ้นโบก ก่อนจะเกิดชั้นแสงอันอ่อนโยนห่อหุ้มเรือไว้ มันต้านทานการกระทบจากสายฟ้าที่กระจายไปทั่วเอาไว้
ทันใดนั้นก็มีเสียงคำรามระเบิดออกมาจนทุกคนหูอื้อ เรือวิญญาณศักดิ์สิทธิ์สั่นสะเทือนอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่สุดท้ายมันก็ต้านสายฟ้าเหล่านั้นไว้ได้
แต่ทุกคนยังไม่ทันจะโล่งใจ วินาทีต่อมา…ทะเลสายฟ้ารอบๆ ก็ดูเหมือนจะโกรธจัด สายฟ้าทั้งหมดมารวมตัวกันโดยไม่คาดคิด กลายเป็นพลังที่ดูเกินจริงและน่าตกใจยิ่งกว่าเดิม ก่อนที่มันจะระเบิดออกมาอีกครั้ง
เมื่อเห็นเช่นนั้นกระดาษรูปมนุษย์ก็คำรามเสียงต่ำ ร่างของเขาแผ่ลำแสงสีขาวออกมา ก่อนจะพายเรืออย่างบ้าคลั่งด้วยความเร็วที่ไม่เคยมีมาก่อน ดังนั้นก่อนที่สายฟ้าจะมารวมตัวกัน เรือวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ก็ปะทุความเร็วอันน่าอัศจรรย์จนพุ่งไปไกล ความเร็วระดับนี้ทำให้หวังเป่าเล่อและคนอื่นๆ บนเรือรู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่ง
บางคนมีเลือดไหลออกจากมุมปาก และต้องจับสิ่งของรอบตัวไว้ให้แน่น มิเช่นนั้นอาจถูกพัดปลิวออกไปได้ และด้วยความเร็วสุดขีดนี้ก็ทำให้เรือวิญญาณศักดิ์สิทธิ์หนีพ้นจากทะเลสายฟ้า ราวกับมีหลุมดำเปิดออก และมันก็พุ่งตัวเข้าไป วินาทีต่อมามันก็ปรากฏอยู่ในจักรวาลที่ห่างจากทะเลสายฟ้านั้นแล้ว
แต่หายนะยังไม่จบสิ้น…ยังไม่ทันที่หวังเป่าเล่อจะได้โล่งใจ ท้องฟ้าดวงดาวที่เคยสงบเงียบก็มีสายฟ้าปรากฏขึ้นอีกครั้งเหมือนทะเลสายฟ้านั้นไล่ตามมาไกลๆ ความเร็วของทะเลสายฟ้านั้นสูงมาก ฟ้าแลบกระจายลงมาบนเรือวิญญาณศักดิ์สิทธิ์อย่างต่อเนื่อง ทำให้เรือยังคงสั่นสะเทือน และเสียงระเบิดก็ยิ่งน่าตกใจขึ้นเรื่อยๆ
“ยังไม่จบอีกหรือ!” หวังเป่าเล่อร้องไห้โดยไร้น้ำตา คนอื่นๆ ต่างก็หน้าซีดเผือด มองดูกระดาษรูปมนุษย์ที่พายเรืออย่างบ้าคลั่ง และสายฟ้าก็ยังคงฟาดลงมาอย่างต่อเนื่อง โชคดีที่เรือวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ลำนี้เป็นของดีจริงๆ และกระดาษรูปมนุษย์ก็ดูใส่แรงเต็มที่ ถึงแม้เขาจะพายกี่ครั้งก็ไม่สามารถรอดพ้นจากทะเลสายฟ้าได้ แต่อย่างน้อยก็ไม่ได้ติดอยู่ใจกลางทะเลสายฟ้าเหมือนก่อนหน้านี้
เพียงแต่…การเดินทางหลังจากนี้ ที่เหมือนทะเลสายฟ้าอันกว้างใหญ่ล็อกเป้าหมายไว้ที่เรือวิญญาณศักดิ์สิทธิ์และไล่ตามมาตลอดทาง แม้เวลาจะผ่านไปนานกว่าหนึ่งเดือน แต่ทะเลสายฟ้าก็ยังคงอยู่…หากมองจากที่ไกลๆ จะเห็นเรือวิญญาณศักดิ์สิทธิ์อยู่ข้างหน้า ทะเลสายฟ้าอยู่ข้างหลัง และมันทรงพลังมากพอที่จะทำให้ทุกคนที่เห็นรู้สึกราวกับถูกคลื่นโหมกระหน่ำใส่
กระทั่งเกิดเป็นภาพลวงตาคล้ายทะเลสายฟ้านี้เป็นพลังเทพส่วนหนึ่งของเรือวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งแท้จริงแล้วมันเป็นสายฟ้าที่ฟาดเข้าใส่เรือวิญญาณศักดิ์สิทธิ์อย่างต่อเนื่องเหมือนกับโซ่ตรวน ทำให้ภาพนี้ดูเป็นการอวดศักดาของเรือวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ ราวกับนกยูงรำแพนก็ไม่ปาน
แต่นี่ไม่ใช่ศักดา ไม่ใช่สิ่งที่หวังเป่าเล่อต้องการ และยิ่งไม่ใช่สิ่งที่มหาศิษย์แห่งเต๋านับสิบบนเรือต้องการ ในเวลานี้ไม่มีใครพูดอะไรกัน ทุกคนล้วนมีใบหน้าซีดเผือด แม้แต่หญิงสวมหน้ากากก็ยังมีแววตาหวาดกลัวจนไม่สามารถสงบใจนั่งสมาธิได้
และเช่นเดียวกัน ศักดานี้ไม่ใช่สิ่งที่กระดาษรูปมนุษย์ต้องการ
หวังเป่าเล่อไม่รู้ว่าตัวเองหลอนไปเองหรือเปล่า เขาเห็นหน้าผากกระดาษรูปมนุษย์มีเหงื่อซึมออกมา สิ่งนี้ยิ่งทำให้หัวใจของเขาสั่นสะท้านมากขึ้น เขาแอบสาบานในใจว่าจะไม่ใช้ขวดปรารถนามั่วซั่วอีกเป็นอันขาด
“ขวดปรารถนาอะไรเนี่ย นี่มันของฆ่าตัวตายชัดๆ! !” หวังเป่าเล่อทั้งเศร้าทั้งขุ่นเคือง เวลาดำเนินไปอีกครั้งและอีกครึ่งเดือนก็ผ่านไป
ทะเลสายฟ้า…ยังไล่ตามมาอย่างไม่ลดละ และในตอนนี้เรือวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ก็แล่นช้าลงและเข้าสู่…จักรวาลที่ต่างออกไป!
มันเข้ามาได้อย่างไรหวังเป่าเล่อก็ไม่ทันสังเกต ราวกับกำลังเคลื่อนที่ แต่ก็หยุดนิ่ง และราวกับจักรวาลรอบตัวเปลี่ยนไปในชั่วพริบตา
นี่คือจักรวาลสีขาว พูดให้ชัดเจนก็คือสีของจักรวาลคือสีของกระดาษขาว เพราะ…เมื่อกวาดตามองไปรอบๆ ที่ที่ไม่มีที่สิ้นสุดนี่แล้วก็ช่างเหมือนกับกระดาษขาวจริงๆ โดยเฉพาะในจักรวาลสีขาวนี้มีดาวน้อยใหญ่ที่ดูแล้วเหมือนกับ…กระดาษเปล่า!
และในขณะนั้นเรือวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ก็ค่อยๆ หยุดอยู่ตรงหน้าดาวกระดาษขาวขนาดมหึมา!
“จักรวาลสีขาว ดวงดาวสีขาว ที่นี่คือประตูสู่สุสานดวงดารา!!” ใครบางคนในเรืออุทานด้วยความตื่นเต้น สาเหตุก็เพราะคิดว่าเมื่อมาถึงที่นี่ ทะเลสายฟ้าอาจไม่ปรากฏให้เห็นอีกแล้วมากกว่า
แต่ในความเป็นจริง…แม้ทะเลสายฟ้าจะไม่ได้ปรากฏขึ้นในตอนแรก แต่หลังช่วงเวลาเพียง 10 ลมหายใจ ท่ามกลางจักรวาลสีขาว ทะเลสายฟ้าสีแดงฉานก็ปรากฏขึ้นทันใดและพุ่งเข้าใส่เรือวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่หวังเป่าเล่ออยู่จากระยะไกล
“จบสิ้นแล้ว!” ตอนที่หวังเป่าเล่อเบิกตากว้างและทุกคนรอบตัวได้แต่คร่ำครวญ บางทีการที่ประตูสู่สุสานดวงดาราอยู่ที่จักรวาลสีขาวนี้อาจเป็นเรื่องแปลก จนทำให้ทะเลสายฟ้าสีแดงที่ไล่ตามมานั่น หยุดอยู่ที่ด้านหลังเรือวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ ถึงจะดูน่ากลัว แต่มันก็ไม่ทำให้เรือวิญญาณศักดิ์สิทธิ์จม มีเพียงสายฟ้าสีแดงที่คอยโจมตีเรืออย่างต่อเนื่องเท่านั้น
ทั้งหมดนี้กินเวลานานถึงครึ่งเดือน ในช่วงครึ่งเดือนนี้หวังเป่าเล่อและคนอื่นๆ เป็นกังวลอย่างยิ่ง และดูเหมือนแม้แต่กระดาษรูปมนุษย์ก็ยังยืนอยู่ตรงนั้นอย่างระแวดระวัง
จนกระทั่งครึ่งเดือนผ่านไป บนจักรวาลสีขาวที่ไกลออกไป จู่ๆ ก็มี…เรือวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ลำที่สองปรากฏขึ้น!
ตามมาด้วยลำที่สาม ลำที่สี่ จนถึงลำที่เก้า หวังเป่าเล่อเข้าใจแล้วว่าเรือดาวตกไม่ได้มีแค่หนึ่ง แต่มีถึงเก้า!
เขาจึงอดไม่ได้ที่จะมองอีกแปดลำและอยากจะตรวจสอบว่ามหาศิษย์แห่งเต๋าบนนั้นมีผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทานหรือไม่ ไม่เพียงแต่หวังเป่าเล่อเท่านั้น คนอื่นๆ บนเรือก็ด้วย แต่แท้จริงแล้ว…เหล่ามหาศิษย์แห่งเต๋าบนเรืออีกแปดลำต่างก็คิดเช่นเดียวกัน เพียงแต่พวกเขาต่างหันมามองยังเรือที่หวังเป่าเล่ออยู่พร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย
ความจริงคือ…เรือลำที่หวังเป่าเล่อและคนอื่นๆ โดยสารอยู่นั้นน่าตื่นตะลึงเกินไป หากจะบอกว่าได้รับความสนใจจากทุกคนก็คงไม่เกินจริงแต่อย่างใด และที่ทำให้ผู้คนตื่นตะลึงตาค้างก็เพราะท่ามกลางจักรวาลสีขาวแห่งนี้ ทะเลสายฟ้าสีแดงฉานมันสะดุดตายิ่งกว่าคบเพลิงในคืนมืด!
โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกเขาไม่รู้ว่าทะเลสายฟ้าไล่ตามเรือวิญญาณศักดิ์สิทธิ์มาตลอดทาง ดังนั้นยามที่พวกเขาเห็นทะเลสายฟ้ารวมถึงแรงกดดันที่แผ่ออกมาจึงคิดตามสัญชาตญาณว่าเรือลำนี้…น่าทึ่งมาก!
“หรือว่าจะมีมหาศิษย์แห่งเต๋าผู้ไร้เทียมทานในเรือลำนั้นใช้วิธีนี้ข่มขู่พวกเรา” ตอนนั้นเองดวงตาของหลายคนก็หรี่ลงแสดงความระแวดระวังพร้อมกับประเมินเรือลำนั้นในใจ