หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting - บทที่ 936 ศาสตร์มืด?!
เพียงแต่ที่แห่งนี้มีคนอยู่เยอะมาก หวังเป่าเล่อไม่คิดว่าจักรวรรดิดาวตกจะไม่สอดส่องมาตรงนี้ อีกอย่างเห็นได้ชัดว่ากระดาษรูปมนุษย์ที่ตามเขามาก็อยู่แถวนี้ ดังนั้นเมื่อใช้สติปัญญาตัดสินแล้ว ก็คิดได้ว่ายังไม่ควรใช้ศาสตร์มืดจะดีกว่า
ซึ่งความจริงก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ ความผันผวนจากการปรากฏตัวของผู้เยี่ยมยุทธ์ดารานิรันดร์บนดาวมายานั้น ดึงดูดความสนใจจากจักรวรรดิดาวตกไปแล้ว ภายในเมืองดาวตกกระดาษรูปมนุษย์ห้าคนนั้นได้เริ่มสำแดงกระบวนเวทแล้ว พวกเขาเห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน จึงย่อมรู้ว่าสาเหตุของการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดก็คือหวังเป่าเล่อ
หากหวังเป่าเล่อใช้ศาสตร์มืดขึ้นมาตอนนี้ ผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไรก็ยากจะคาดเดา โชคดีที่ความรอบคอบของเขาทำให้มันไม่เกิดขึ้น
แต่มหาศิษย์แห่งเต๋าในสนามรบแต่ละคนต่างก็ตกที่นั่งลำบาก เพราะพวกเขาหลายร้อยคนต้องเผชิญหน้ากับร่างมายาที่มีมากเกินกว่าจะนับได้ แม้กว่าร้อยละเก้าสิบจะอ่อนแอ ทว่าดาวพระเคราะห์ห้าสิบกว่าร่างก็เพียงพอจะทำให้พวกเขาวิตกกังวลกันได้แล้ว นับประสาอะไรกับ…มีดารานิรันดร์อีกหนึ่งคน
สถานการณ์ตรงหน้าแทบจะเป็นสถานการณ์ที่ต้องพ่ายแพ้เป็นแน่!
โดยเฉพาะร่างมายาพวกนี้โจมตีอย่างไร้เหตุผล ดังนั้นไม่ว่าทุกคนจะคิดอย่างไร สิ่งแรกที่ต้องทำตอนนี้คือจัดการดารานิรันดร์ที่เป็นภัยคุกคามมากที่สุดก่อน
คนแรกที่ลงมือคือหวังเป่าเล่อ พริบตาที่ดารานิรันดร์คนนั้นพุ่งเข้ามา เกราะจักรพรรดิบนร่างที่กำลังล่าถอยของเขาก็แปลงเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์และฟันฉับไปทางร่างมายาดารานิรันดร์ที่อยู่ไกลๆ
ไม่ใช่แค่เขาเท่านั้น ตอนนี้หญิงสวมหน้ากาก ผู้ฝึกตนผู้สง่างาม อีกทั้งแม่นางกระพรวนและชายหนุ่มชุดดำ ร่วมกับมหาศิษย์แห่งเต๋านับร้อยต่างก็โจมตีด้วยกำลังทั้งหมด หากจะสังหารดารานิรันดร์คงเป็นไปไม่ได้ แต่ถ่วงเวลาไว้สักพักคงพอทำได้อยู่
โดยเฉพาะแม่นางกระพรวนที่หยิบวัตถุเทพทรงกลมออกมาผนึกและปกคลุมไปทั่วบริเวณโดยรอบ รวบรวมพลังของทุกคนให้กลายเป็นความหนาวเย็น ทำให้รอบตัวดารานิรันดร์ร่างนั้นอุณหภูมิต่ำลง
พวกเขาต่างก็ไม่ใช่ผู้ฝึกตนขั้นจิตวิญญาณอมตะทั่วไปเลยสักคน ในแง่หนึ่งสามารถกล่าวได้ว่าทุกคนมีพลังต่อสู้ขั้นดาวพระเคราะห์ไม่มากก็น้อย!
ดังนั้นเสียงดังกึกก้องพร้อมกับการโจมตีจากผู้คนนับร้อยพร้อมกันก็ทำให้ร่างมายาดารานิรันดร์ที่พุ่งเข้ามาสั่นสะท้านและถูกขัดขวางจนต้องหยุด จากนั้นก็ถูกความหนาวเย็นโดยรอบผนึกไว้กับที่จนกลายเป็นประติมากรรมน้ำแข็งที่เปล่งแสงหลากสี
ถึงแม้เขาจะเป็นดารานิรันดร์ แต่ก็ยังมีช่องว่างระหว่างร่างมายากับร่างจริงอยู่ ทว่าถึงจะเป็นเช่นนั้น การขัดขวางนี้ก็คงอยู่ได้ไม่นาน น้ำแข็งเริ่มปริแตกอย่างรวดเร็ว ดูเหมือนว่าอีกไม่ถึงครึ่งก้านธูปก็จะพังทลาย!
และในขณะที่ยังถูกผนึกเป็นน้ำแข็งอยู่นั้น ทุกคนก็ไม่รอช้ารีบถอยหลังไปอย่างรวดเร็วเพื่อสร้างระยะห่างจากบริเวณพื้นที่ที่มีร่างมายาจำนวนมากอย่างไม่ลังเล
การยืนหยัดจนถึงเจ็ดวันนั้นไม่มีทางเป็นไปได้เลย นับประสาอะไรกับการตามหาผลึกมายา หากเป็นเช่นนี้ไม่ว่าจะสู้อย่างไร ด้วยความยากระดับนี้แม้แต่หญิงสวมหน้ากากก็ยังดวงตามืดมน พวกเขาทำได้เพียงกระจายตัวกันออกไปไม่ให้กระจุกตัวกันอยู่ที่สนามรบนี้ แต่ให้กระจายครอบคลุมทั่วทั้งดวงดาว
หากเป็นเช่นนี้บางทีอาจยังมีโอกาสชนะได้ในตอนสุดท้าย
แต่ในขณะที่ทุกคนกำลังครุ่นคิดและแยกย้ายกันไปอย่างรวดเร็วเพื่อยืดระยะห่างออกไปสู่บริเวณโดยรอบ ทันใดนั้นก็เกิดเสียงกรีดร้องดังมาจากที่ไกลๆ
เสียงนั้นช่างน่าสลดใจถึงขีดสุด แม้ว่าในตอนนี้จะมีเสียงมากมายในสนามรบ แต่เสียงนั้นก็ยังชัดเจนมาก ทำให้ทุกคนหันไปมองทันที และสีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไปทันทีที่เห็น
หวังเป่าเล่อเองก็กำลังถอยร่นไปอย่างรวดเร็ว อาวุธศักดิ์สิทธิ์ในมือกวาดล้างร่างมายาที่เข้ามาใกล้ และเมื่อเขาหันไปมองด้านข้าง ดวงตาทั้งสองก็หดแคบลง
เขาเห็นมหาศิษย์แห่งเต๋าคนหนึ่งที่หน้าคุ้นๆ ถูกร่างมายานับสิบพุ่งเข้าใส่ สีหน้าร่างมายาแต่ละร่างมีความกระหายและกำลังกัดกินเลือดเนื้อของเขาอย่างบ้าคลั่ง!
เสียงกรีดร้องไม่ได้มาจากความเจ็บปวดที่ถูกกัดกินเลือดเนื้อเท่านั้น แต่ยังมาจากความทรมานที่วิญญาณถูกกัดกินด้วย สิ่งที่ทำให้หวังเป่าเล่อสั่นคลอนที่สุดคือดาวพระเคราะห์ร่างหนึ่งที่ถูกแม่นางน้อยคนนั้นสังหารได้พุ่งตรงผ่านร่างของมหาศิษย์แห่งเต๋าคนนั้นและกระชาก…ดวงวิญญาณเทพออกมา!
แม้กระทั่งตอนกระชากออกมาสายตาดาวพระเคราะห์ร่างนั้นก็ยังเต็มไปด้วยความกระหาย ทันใดนั้นก็ยัดดวงวิญญาณเทพ…เข้าปากและกัดกินอย่างบ้าคลั่งทำให้เสียงกรีดร้องของมหาศิษย์แห่งเต๋าเงียบลงอย่างฉับพลัน ดวงวิญญาณเทพถูกกิน เลือดเนื้อก็ถูกฉีกเป็นชิ้นๆ และถูกร่างมายารุมทึ้งอย่างโหดเหี้ยม
ฉากนี้ช่างน่าเศร้ายิ่งนัก และยังบ่งบอกถึงชะตากรรมของทุกคนหากพวกเขาถูกปิดล้อม!
แต่ในขณะที่สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปเพราะการตายของคนคนนี้ ร่างมายาโดยรอบก็มีกลุ่มเล็กๆ กลุ่มหนึ่งที่ดูราวกับหมอกซึ่งถูกลมพัดปลิวสลายไปทันที!
หากจะพูดให้ละเอียดก็คือดูเหมือนร่างมายาที่สลายไปล้วนเป็นคนที่มหาศิษย์แห่งเต๋าที่ตายไปเคยสังหาร และเป็นเพราะเขานี่เองทำให้ทุกคนได้สติ สายตาแต่ละคนฉายแสงประหลาดทันที!
“ที่แท้กฎก็เป็นเช่นนี้เอง!”
“การทดสอบดาวมายานี้มีกฎซ่อนอยู่ข้อหนึ่ง!”
“สังหารบุคคลต้นเหตุที่ทำให้เกิดร่างมายา แล้วร่างมายาก็จะสลายไป ซึ่งช่วยลดความยากได้!!”
หวังเป่าเล่อก็ตอบสนองในทันทีเช่นกัน แต่วินาทีต่อมาสีหน้าเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาถอยหลังไปอย่างไร้ร่องรอย ทว่าในพริบตาที่เขาเคลื่อนไหว มหาศิษย์แห่งเต๋าแทบทุกคนต่างก็รู้ถึงกฎที่ซ่อนอยู่และหันมาจ้องเขา!
ทุกสายตาเย็นชาและยิ่งกว่านั้นคือเผยเจตนาฆ่าชัดเจน!
โชคดีที่…คนที่ตกเป็นเป้าสายตาไม่ได้มีแค่เขา ยังมีอีกหกคนที่ถูกสายตาทุกคนจ้องเขม็ง หกคนนี้ก็คือเหล่าคนที่สังหารดาวพระเคราะห์นั่นเอง
เพียงแต่บรรดาเจ้าของสายตาที่จ้องมองมายังผู้ฝึกตนผู้สง่างาม แม่นางกระพรวน รวมถึงพี่ชายผู้สูงส่งนั้น ก็แยกย้ายกันไปเป็นส่วนใหญ่หลังจากลังเลอยู่เล็กน้อย หญิงสวมหน้ากากก็เช่นกัน นางไม่ได้เป็นจุดสนใจมากขนาดนั้น ทว่าชายหนุ่มชุดดำรวมถึงแม่นางน้อยกลับกลายเป็นเป้าหมายหลักของทั้งสนามรองจากหวังเป่าเล่อ!
เมื่อไม่มีภูมิหลังยิ่งใหญ่พอให้คนเคารพยำเกรง ต่อให้มีพลังต่อสู้แข็งแกร่ง ทว่าในตอนนี้เพื่อผลประโยชน์จึงย่อมตกเป็นเป้าหมาย!
โดยเฉพาะ…ในสถานการณ์ที่มีคนจำนวนมากและเกี่ยวข้องกับอนาคตของทุกคน!
“ฆ่าพวกเขาได้ก็ลดดารานิรันดร์ได้หนึ่งร่าง ดาวพระเคราะห์อีกสามสิบกว่าร่างรวมถึงความวุ่นวายอีกมาก!”
“ฆ่าแค่สามคนก็ลดความยากของการทดสอบนี้ได้อย่างน้อยร้อยละแปดสิบ!!”
มีคนเอ่ยขึ้นในทันใด มีบางคนเปลี่ยนทิศมาพยายามล้อมทั้งสามคนไว้ เมื่อเห็นเช่นนี้ สายตาหวังเป่าเล่อก็ฉายแสงเย็นเยียบและรีบถอยออกไปอย่างไม่ลังเล ขณะเดียวกันกับที่เขาถอยออกไป ชายหนุ่มที่สะพายกระบี่ไว้ที่หลังก็ทำเช่นเดียวกัน
ไอพิฆาตแผ่ซ่านและร่างของเขาก็ระเบิดพุ่งไปไกล ส่วนแม่นางน้อยที่ดูอ่อนแอไร้พิษภัยคนนั้น เมื่อรู้ว่าตนตกเป็นเป้าหมาย สายตาของนางก็พลันเย็นชา นางตอบสนองไม่ต่างจากหวังเป่าเล่อกับชายหนุ่มชุดดำ…
ถึงแม้นางจะถอยหลังไปเหมือนกัน แต่ทิศทางกลับเป็นทางผู้เยี่ยมยุทธ์ดารานิรันดร์ที่ถูกพลังของทุกคนผนึกไว้ หลังจากที่นางเข้าไปใกล้ก็ทุบก้อนน้ำแข็งหลากสีอย่างดุเดือด ทันใดนั้นก้อนน้ำแข็งหลากสีรอบตัวผู้เยี่ยมยุทธ์ดารานิรันดร์ก็พังทลาย พลังแห่งดารานิรันดร์ระเบิดออกมาจากด้านในและโหมกระหน่ำไปรอบๆ ไม่รู้ว่าแม่นางน้อยนั้นทำได้อย่างไร เพียงแค่ดวงตาสว่างวาบเล็กน้อย ผู้เยี่ยมยุทธ์ดารานิรันดร์ก็เมินนางไปและวาบผ่านไประเบิดใส่คนอื่นรอบตัวอย่างไม่เลือกหน้า
ฉากนี้คนอื่นมองไม่ออก ทว่าหวังเป่าเล่อกลับรูม่านตาหดแคบทันใด
“ศาสตร์มืด?” หวังเป่าเล่อหายใจแรงขึ้นเล็กน้อย ในขณะนั้นแม้ว่าความผันผวนของศาสตร์มืดในร่างกายของแม่นางน้อยจะเลือนรางถึงขีดสุด แต่ในฐานะบุตรแห่งความมืด เขาสามารถรับรู้ได้ทันที
สิ่งนี้ทำให้เขาเกิดความสงสัย แต่ตอนนี้เขาไม่มีเวลาครุ่นคิด หวังเป่าเล่อพุ่งตัวและกำลังจะออกจากเขตสนามรบ ในตอนนั้นเอง…แม่นางกระพรวนคนนั้นกลับจ้องมองหวังเป่าเล่ออยู่ไกลๆ มุมปากเผยรอยยิ้มและขยับร่างไปมาเพื่อไล่ตามเขา!
ขณะเดียวกันชายหนุ่มผู้สง่างามก็ทำเช่นเดียวกัน เป้าหมายของเขา…คือชายหนุ่มชุดดำคนนั้น ส่วนหญิงสวมหน้ากากก็ไล่ตามเด็กสาวตัวเล็กไป
ไม่ใช่แค่พวกเขาสามคนเท่านั้น ทุกคนที่อยู่โดยรอบต่างก็แยกย้ายกันไปร่วมมือกับพวกเขาทั้งสามคน โดยพยายามปิดล้อมพวกของหวังเป่าเล่อทั้งสามที่พยายามหลบหนีไปในทิศทางที่ต่างกัน!
แต่เพราะดารานิรันดร์ร่างนั้นและยังมีการโจมตีจากดาวพระเคราะห์อีกห้าสิบกว่าร่างทำให้ทั้งสนามโกลาหลมาก ถึงแม้ตั้งใจจะปิดล้อม แต่ก็ยากที่จะบรรลุผล โดยเฉพาะความคิดของทุกคนซึ่งไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันอย่างเห็นได้ชัด!
ดังนั้นหวังเป่าเล่อที่ระเบิดความเร็วเต็มที่จึงพุ่งออกจากสนามรบไปแล้ว และยังสลัดคนที่พยายามขวางทางเขาทิ้งไปได้ทั้งหมด แต่ว่า…ที่ด้านหลังของเขามีแม่นางกระพรวนที่ไล่ตามเขามาด้วยความเร็วพอๆ กัน และออกจากสนามรบไปด้วยกัน
…………………………………………….