หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler - ตอนที่ 1033
หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1033 เทพราชสีห์สามกลืนกิน
บนท้องฟ้า
ร่างเทห์สวรรค์ขนาดใหญ่ที่มีดวงตะวันลอยอยู่ด้านหลังศีรษะพรั่งพรูด้วยความผันผวนของคลื่นหลิงไม่มีที่สิ้นสุด ทำให้พายุดันตัวขึ้นในพื้นที่แห่งนี้
เบื้องหน้าร่างเทห์สวรรค์นี้ ร่างเทพอสูรราชสีห์ทองคำเก้าหัวก็ยืนหยัดอย่างภาคภูมิใจ เสียงคำรามที่ดังก้องทำให้ฟ้าดินสั่นสะเทือน
ร่างเทพสุริยะปะทะกับราชสีห์ทองคำเก้าหัว!
ที่เบื้องล่างทุกคนกลั้นหายใจ ขณะมองไปที่การเผชิญหน้าบนท้องฟ้าด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ใบหน้าของจิงเลี่ยและฮั่วหยังเขียวคล้ำ เนื่องจากไม่มีใครคิดว่ามู่เฉินจะบีบให้จิงฉิงเทียนต้องใช้ร่างเทพอสูร
ตอนนี้ดูเหมือนสถานการณ์ปัจจุบันเกินการควบคุมไปทีละนิด…ละนิดแล้ว
จิงฉิงเทียนยืนบนท้องฟ้าพร้อมกับสิงโตทองคำเก้าหัวอยู่ข้างหลัง รัศมีเผด็จการน่าหวาดกลัวค่อยๆ ถูกปล่อยออกมาอย่างช้าๆ สร้างความหวาดหวั่นให้กับผู้อื่นนัก
“สามารถบีบให้ข้าใช้ร่างเทพอสูร เจ้านี่ไม่ธรรมดาจริงๆ!” จิงฉิงเทียนมองมู่เฉินด้วยความกระหายเลือดขณะพูดช้าๆ
ตอนนี้ไม่มีอาการดูถูกเหยียดหยามในสายตาของเขาแล้ว จากการปะทะกันก่อนหน้าเขาเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าในแง่ของพลังการต่อสู้มู่เฉินไม่ได้ด้อยไปกว่าตัวเขาเลย
ชายคนนี้เป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่เขาไม่สามารถดูถูกได้
มู่เฉินฉายสีหน้าเคร่งขรึมขณะมองเทพอสูรที่อยู่ด้านหลังจิงฉิงเทียนเช่นกัน ร่างเทพอสูรที่จิงฉิงเทียนเรียกออกมาทรงพลังมากเลยทีเดียว แม้ว่าอีกแปดหัวจะพร่ามัวไปหน่อย แต่ก็แข็งแกร่งกว่าสิงโตทองคำทั่วไปมาก
ถ้าวันหนึ่งชายคนนี้สามารถเปลี่ยนจากภาพหัวลวงตาทั้งแปดให้กลายเป็นภาพจริง คงไม่นานที่จิงฉิงเทียนจะกลายเป็นเทพอสูรราชสีห์ทองคำเก้าหัวแล้ว
แต่น่าเสียดายที่ความยากลำบากในการพัฒนาสู่การเป็นเทพอสูรราชสีห์ทองคำเก้าหัวเกินกว่าจินตนาการ ในหมื่นปีที่ผ่านมายังไม่มีผู้ใดในเผ่าประสบความสำเร็จได้
แต่ถึงอย่างนั้นร่างเทพอสูรของจิงฉิงเทียนก็ไม่ง่ายที่จะจัดการ
‘แต่ก็ถึงเวลาที่ศึกนี้จะจบลงเสียที’
ขณะที่หัวใจของมู่เฉินเปล่งประกายความคิดนี้ ดวงตาของจิงฉิงเทียนก็เปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างช้าๆ ในเมื่อศัตรูตรงหน้าบีบให้เขาใช้ร่างเทพอสูรออกมา เขาก็ไม่จำเป็นต้องยั้งมืออีกต่อไป
โฮก!
คิดถึงจุดนี้ มือของจิงฉิงเทียนก็ประสานกันอย่างช้าๆ ราชสีห์ทองคำเก้าหัวที่อยู่ข้างหลังก็ส่งเสียงคำรามกึกก้องราวกับฟ้าคำรน
จิงฉิงเทียนมีสีหน้าเคร่งเครียดขณะที่กำมือแน่นหนาแล้วชกออกไปอย่างเชื่องช้า
ที่ข้างหลังราชสีห์ทองคำเก้าหัวก็ยื่นกรงเล็บออกมา รัศมีครอบงำกลืนกินพุ่งลงมาราวกับทรราชในวินาทีนั้น
แม้ว่าหมัดนี้จะเชื่องช้า แต่เมื่อเหวี่ยงออกไป ฟ้าดินก็ถึงกับก็แข็งตัว มีเพียงรัศมีหมัดครอบงำเท่านั้นที่ยังเปี่ยมไปด้วยพลังราวกับว่าเป็นผู้ครองพิภพ
ดวงตาของมู่เฉินหดลงอย่างไม่สามารถควบคุมได้ แม้แต่เขายังรู้สึกว่าหมัดของจิงฉิงเทียนคุกคามอย่างมาก วิชาหมัดนี้จะต้องเป็นวิทยายุทธระดับเสินซู่ขั้นเต็มแน่นอน
“หมัดราชสีห์กลืนวิญญาณ!”
จิงฉิงเทียนเปล่งเสียงคำรามลึกที่เต็มไปด้วยพลังครอบงำ ทันใดนั้นแสงสีทองก็ระเบิดขึ้น หมัดของเขากลายเป็นหัวสิงโตคำรามเปิดปากกว้าง พลังงานหลิงระหว่างฟ้าดินก็เดือดพล่าน เทลงไปที่หัวสิงโตทองคำไม่รู้จบ ราวกับว่ากำลังถูกกลืนกิน
ขณะที่หมัดพุ่งเข้ามาก็ทำให้ชั้นบรรยากาศแตกเป็นเสี่ยงๆ ชั้นดินเบื้องล่างพังทลายเป็นชั้นๆ รอยแตกขนาดใหญ่แผ่ออกไปอย่างรวดเร็วในป่าแห่งนี้
“มู่เฉิน ระวัง!”
หานซันและคนอื่นๆ อดไม่ได้ที่จะตะโกนออกมาด้วยความตกใจ ชัดว่าต่างรู้สึกถึงความน่ากลัวในกระบวนท่าของจิงฉิงเทียน หมัดที่มีพลังเช่นนี้ทำให้กระทั่งพวกเขายังรู้สึกหวาดกลัวจับใจ
มู่เฉินยืนอยู่เบื้องหน้าร่างเทพสุริยะ สายตามองไปที่หมัดราชสีห์ที่ทะยานเข้ามา เขาสูดหายใจลึกแต่ก็ยังไม่มีความกลัวบนใบหน้า มือของเขาประสานกัน ตราประทับเปลี่ยนแปลงวูบไหว
ฮึ่ม! ฮึ่ม!
เมื่อตราประทับในมือเปลี่ยนแปลงวูบไหว ดวงตะวันสีทองบนร่างเทพสุริยะก็ลุกโชน เมื่อมองเข้าไปใกล้ๆ จะเห็นดวงตะวันถึงห้าดวงเลยทีเดียว
ตู้ม!
ทันใดนั้นดวงตะวันสีทองห้าดวงก็ระเบิดออกพร้อมกับสายธารทองคำเชี่ยวกรากไหลออกมาจากหมัดร่างเทพสุริยะราวกับของเหลวสีทองก่อร่างเป็นหอกทองคำขนาดใหญ่ในมือของร่างเทพสุริยะ มีดวงตะวันโชติช่วงห้าดวงลอยขึ้นที่ปลายหอก ขณะที่เคลื่อนไหวก็เหมือนมีพลังในการทำลายสวรรค์
“คลื่นเก้าตะวัน เปิดห้าตะวัน—หอกสุริยะ!”
แสงสีทองแวววับในดวงตาของมู่เฉินขณะเปล่งเสียงคำรามในใจ หอกในมือร่างเทพสุริยะก็เบ่งบานด้วยประกายแสงพร่างพราวนับไม่ถ้วน อึดใจมิติก็ถูกทะลวง ปะทะกับหมัดราชสีห์ที่เข้ามาอย่างดุเดือด
เผชิญหน้ากับกระบวนท่าเช่นนี้ของจิงฉิงเทียน มู่เฉินก็ไม่กล้าประมาท เขาดึงทักษะเทห์สวรรค์ออกมาใช้ทันที
ตู้ม!
จังหวะที่ปะทะกันฟ้าดินก็โยกคลอน คลื่นกระแทกสีทองกระจายออกไป กระทั่งมิติยังถูกฉีกออกเป็นรอยน่าสะพรึงกลัวจำนวนมาก
ราวกับว่ามีดวงอาทิตย์สีทองลุกโชนเกิดในจุดปะทุกัน แม้แต่มิติก็ถูกบิดเบือน
หอกกั้นหมัดไว้ได้ ทว่าก็ทำเอาคิ้วของมู่เฉินขมวดเข้าหากันเล็กน้อย นั่นเป็นเพราะเขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
สายตาพุ่งผ่านแสงสีทอง มองไปที่จิงฉิงเทียนในระยะไกล จากนั้นก็สังเกตเห็นรอยยิ้มเย้ยหยันที่มุมปากอีกฝ่ายก่อนที่เสียงจะถูกส่งมาอย่างไม่ชัดเจน “แกคิดว่านี่หมดแล้วเหรอ?”
เมื่อจิงฉิงเทียนพูดจบหมัดก็เคลื่อนออกไปอย่างช้าๆ อีกครั้ง
เมื่อเขาเหวี่ยงหมัดออกมา ทั่วบริเวณก็หม่นแสงลง หมัดระเบิดออกมาอีกครั้งพร้อมกับเสียงสิงโตคำรามดังก้องไปทั่วขอบฟ้า
“หมัดราชสีห์กลืนฟ้า!”
การเหวี่ยงหมัดออกไป ทำให้ทั่วทั้งมิติพรั่งพรูด้วยการครอบงำ ราวกับว่าท้องฟ้าก็จะถูกหัวสิงโตกินไป
ภาพหัวสิงโตพุ่งเข้าหาแสงสีทองทันที แสงสีทองครอบงำพุ่งทะยานขึ้น หอกทองคำที่เผชิญหน้ากับหมัดก็บิดเบี้ยวเล็กน้อย ชัดว่าเริ่มต้านไม่ไหวแล้ว
ใบหน้าของมู่เฉินเคร่งขรึมลงอีกหลายส่วน
แต่เมื่อจิงฉิงเทียนเห็นภาพนี้ เขากลับยิ้มไม่มีท่าทีจะหยุด คลื่นหลิงในร่างกายปะทุถึงขีดสุด จนหมอกหนาแน่นของคลื่นหลิงโหมกระหน่ำ
จากนั้นมู่เฉินก็เห็นจิงฉิงเทียนยกกำปั้นขึ้นและชกออกมาอีกครั้ง
“หมัดราชสีกลืนเทพ!”
เมื่อหมัดนี้ซัดออกมา กระทั่งหัวใจของมู่เฉินยังสั่นไหว เขารู้สึกเจ็บแปลบบนผิวหนัง ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าร่างกายกำลังถูกคุกคามอย่างหนัก
ฟิ้ว!
หมัดราชสีห์ทั้งสามพุ่งเข้ามารวมตัวกันบนท้องฟ้า เมื่อหลอมรวมเข้าด้วยกัน ใบหน้าของมู่เฉินก็เปลี่ยนไปรุนแรง
ปัง!
ทันใดนั้นหอกของเขาก็ถูกทำลายลงอย่างสมบูรณ์โดยหมัดทั้งสาม
“นั่นมัน…”
เมื่อหานซันมองฉากนี้ ใบหน้าก็เปลี่ยนไปรุนแรง สายตาแตกตื่นตกใจ “สุดยอดวิทยายุทธเผ่าราชสีห์ทองคำ หมัดเทพราชสีห์สามกลืนกิน!”
“จิงฉิงเทียนประสบผลสำเร็จในการฝึกฝนทักษะนี้แล้วรึ?!”
ใบหน้าของจิ่วโยวบูดบึ้งเช่นกันขณะที่กำหมัดแน่น ทุกหมัดของจิงฉิงเทียนเล่าลือกันว่าเทียบได้กับวิทยายุทะระดับเสินซู่ขั้นเต็มเลยทีเดียว เมื่อทั้งสามหมัดหล่อรวมเข้าด้วยกัน พลังอำนาจก็จะเพิ่มสูงขึ้นอย่างน่ากลัว แม้ว่าอาจจะไม่สามารถเทียบเคียงกับวิทยายุทธเสมือนระดับเสินทง แต่ก็น่าสะพรึงแท้จริง!
เมื่อจิงเลี่ยเห็นฉากนี้ก็รู้สึกโล่งใจอย่างมาก ในที่สุดจิงฉิงเทียนจินชิงก็ใช้กระบวนท่าสุดยอดแล้ว มู่เฉินเป็นพวกอวดดี หากเขาขัดขวางตั้งแต่แรก จิงฉิงเทียนก็อาจไม่สามารถใช้กระบวนท่านี้ได้อย่างราบรื่น
แต่ตอนนี้สายเกินไปแล้ว!
“ก่อนหน้านี้เจ้าสร้างค่ายกลขณะที่พวกข้าไม่ได้สนใจ ครั้งนี้ข้าจะให้เจ้าได้ชิมผลจากความประมาทบ้าง! แต่แค่เจ้าไม่สามารถพลิกสถานการณ์ได้อีกแล้ว!”
ขณะที่สายตาของผู้คนเบื้องล่างกะพริบวูบไหว สายตาไม่แยแสของจิงฉิงเทียนก็จ้องมู่เฉินเขม็ง ราวกับว่ากำลังมองเหยื่อที่จะถูกล่า
นี่คือไพ่ตายของเขา เมื่อเขาออกกระบวนท่านี้เสร็จสิ้น ไม่ต้องพูดถึงมู่เฉิน ต่อให้ฝ่ายตรงข้ามจะอยู่ในระดับเดียวกับเขาก็จะต้องพ่ายแพ้!
ตู้ม!
ไม่มีริ้วอารมณ์ใดบนใบหน้าจิงฉิงเทียนเมื่อชกหมัดออกไป เสียงเย็นดังก้องระหว่างสวรรค์และโลก
“หมัดเทพราชสีห์สามกลืนกิน ทำลายล้างสรรพสิ่ง!”
โฮก!
ภายในแสงสีทองโหมกระหน่ำ เสียงสิงโตก็แผดดังกึกก้อง พายุรุนแรงกวาดตัวไปมาระหว่างชั้นฟ้าและชั้นฟ้าดินประหนึ่งภัยพิบัติแห่งสวรรค์ ในแสงสีทองหัวสิงโตทองคำขนาดประมาณหมื่นจั้งก็ค่อยๆ เปิดปากดุร้าย เล็งเป้าไปที่มู่เฉินจากระยะไกล
ฮึ่ม! ฮึ่ม!
ปากใหญ่โตราวกับหลุมดำกลืนกินสิ่งมีชีวิต แต่ตอนนี้ในหลุมดำนั้นกลับมีของเหลวสีทองน่าเกรงขามรวมตัวกัน ทุกหยดของเหลวทองคำมีความผันผวนที่น่ากลัว
ครืน!
ของเหลวสีทองพุ่งออกมาอย่างรวดเร็วเหมือนกระแสน้ำเชี่ยว เผยให้เห็นพลังในการทำลายล้าง ในเส้นทางที่ผ่านเกิดรอยแตกร้าวในมิติ ราวกับว่าทุกสรรพสิ่งที่ขวางจะถูกหลอมละลายหายไป
ช่างครอบงำยิ่งนัก!
กระแสคลื่นทองคำเคลื่อนตัวผ่านมิติประชิดเข้ามา ใบหน้าของมู่เฉินก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมอย่างที่สุด เขารู้ว่าถ้าปล่อยให้กระแสคลื่นทองคำนั้นโดนตัว เขาจะได้รับบาดเจ็บหนักแม้จะมีร่างกายที่แข็งแกร่งก็ตาม
ไพ่ตายของจิงฉิงเทียนน่าเกรงขามจริงๆ!
ดูท่าข้าก็ไม่สามารถยั้งอะไรอีกแล้ว
เมื่อความคิดผุดขึ้นในใจ มู่เฉินก็วาดตราประทับขึ้นมาทันทีขณะที่เกิดภาพมายาพวยพุ่งออกไป เวลาเดียวกันจุดจื้อจุนไห่ก็ปรากฏขึ้นที่ด้านหลัง กระแสคลื่นหลิงมากมายไหลหลั่งไหลเข้าไปในร่างเทพสุริยะ
จากนั้นร่างเทพสุริยะก็เปล่งประกายด้วยรัศมีนับไม่ถ้วน
ดวงตะวันลุกโชนขึ้นทีละดวงจากร่างเทพสุริยะอีกครั้ง
“จะใช้วิชาเดิมอีกเรอะ? แกประเมินค่าตัวเองมากเกินไปแล้ว!” เมื่อจิงฉิงเทียนเห็นภาพดังกล่าวก็ยิ้มเยาะขึ้นทันที
ดวงตะวันสีทองห้าดวงลอยคว้างอยู่ที่กลางหว่างคิ้วของร่างเทพสุริยะ ทว่าเมื่อดวงตะวันดวงที่ห้าส่องสว่างขึ้น มู่เฉินก็สูดหายใจเข้าลึก ตราประทับในมือเปลี่ยนไป
ฮึ่ม!
ที่ท้องของร่างเทพสุริยะ แสงสีทองก็มารวมตัวกันก่อนที่จะกระจายออก ดวงตะวันสีทองปรากฏขึ้นอีกดวง
คลื่นเก้าตะวัน เปิดหกตะวัน!
อาการเยาะเย้ยบนใบหน้าของจิงฉิงเทียนแข็งทื่อ แววตาเริ่มเย็นชาลง มู่เฉินยังสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งได้อีกรึ?
ทว่าเมื่อดวงตะวันดวงที่หกถูกปลดปล่อยออกมา ดวงตาของมู่เฉินก็กะพริบวูบไหว เนื่องจากเขารู้สึกได้ว่าถ้ามีพลังงานเพียงพอการปลดปล่อยดวงอาทิตย์ดวงที่หกอาจยังไม่ใช่ขีดจำกัดของเขา
เพียงแต่ว่าเขาได้เทพลังงานทั้งหมดลงไปในร่างเทพสุริยะแล้ว ไม่มีพลังงานที่จะปลดปล่อยดวงอาทิตย์ดวงที่เจ็ดได้อีก
ไม่ เดี๋ยวก่อน…
สายตาของมู่เฉินหดลง ขณะที่ก้มหัวลงมองพลังกายที่มี พลังที่บรรจุอยู่ในพลังกายของเขายามนี้ไม่ได้ด้อยกว่าพลังหลิงเลย
เมื่อเกิดความคิดนี้ มู่เฉินก็ไม่ลังเลอีกต่อไป มือสร้างตราประทับรวดเร็ว ทันใดนั้นเสียงคำรามของมังกรและหงส์ฟ้าก็ดังขึ้น ม่านตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีทองคำตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ พลังงานทรงพลังไหลเวียนผ่านร่าง จากนั้นก็เทพลังงานทั้งหมดนี้ลงไปในร่างเทพสุริยะ
พร้อมกับพลังงานมหาศาลที่เทลงไป มู่เฉินก็ดีใจมากเมื่อรู้สึกได้ว่ามีแสงสีทองปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็วตรงหัวใจของร่างเทพสุริยะ หลังจากนั้นแสงพร่าวพราวก็กำจายออกมาอย่างรวดเร็ว
ในเวลาเพียงไม่กี่อึดใจ กลุ่มแสงสีทองก็ก่อตัวเป็นดวงตะวันดวงใหม่ที่ลุกโชนขึ้น!
ในที่สุดดวงอาทิตย์ดวงที่เจ็ดก็ถูกปลดปล่อยออกมาในเวลานี้อย่างแท้จริงแล้ว!
คลื่นเก้าตะวัน เปิดเจ็ดตะวัน!