หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler - ตอนที่ 1203
หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1203 อำนาจค่ายกลเก้าเทพมังกรประหาร
ฮึ่ม!
เมื่อมู่เฉินวาดตราประทับวาดขึ้นค่ายกลก็ครางกระหึ่มพร้อมกับผนึกเส้นสายที่มองเห็นด้วยตาเปล่ากระจายออกไปเชื่อมโยงกัน
เมื่อผนึกเชื่อมโยงกัน ทุกคนก็รู้สึกได้ว่าช่องโหว่ของค่ายกลสมบูรณ์ขึ้นอย่างรวดเร็ว ในเวลาเดียวกันความผันผวนที่ทรงพลังก็รวมตัวกันอยู่ภายใน
หลิ่วเทียนเต้ารับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงนี้ ดวงตาหรี่แคบลงโดยไม่กล้าประมาท เขารวบรวมคลื่นหลิงทรงพลังสร้างเป็นชุดเกราะสวมรอบตัว
สิ่งนี้ถูกสร้างขึ้นด้วยคลื่นหลิงล้วนๆ ซึ่งไม่เพียงแต่ทนทาน ยังสามารถหลอมรวมได้ด้วย การโจมตีใดๆ จะถูกดูดซับคลื่นหลิงบางส่วนจนลดพลังลง ซึ่งมีประโยชน์อย่างมาก
“โฮก!”
ทว่ามู่เฉินไม่ได้ใส่ใจการกระทำของอีกฝ่าย ตราประทับเปลี่ยนเร็วรี่ มังกรในค่ายกลก็คำรามลั่น
คลื่นหลิงควบแน่นอย่างรวดเร็ว มังกรอีกตัวก็ปรากฏขึ้นในค่ายกล
เวลานี้มีมังกรทั้งหมดสี่ตัวในค่ายกล แต่ละตัวจ้องหลิ่วเทียนเต้าเขม็งขณะที่ปล่อยแรงกดดันอันยิ่งใหญ่
หลิ่วเทียนเต้ามองมังกรสี่ตัวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม เนื่องจากเขาสัมผัสได้ถึงความรุนแรงของแรงกดดันเมื่อมังกรทั้งสี่ตัวถูกสร้างขึ้น
หากเขามีความมั่นใจในการรับมือก่อนหน้า ตอนนี้ความมั่นใจของเขาลดลงครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว
“มู่เฉินมีวิธียอดเยี่ยมจริงๆ”
หลิ่วเทียนเต้าพึมพำในใจ แต่ขณะนี้เขาก็เห็นมู่เฉินยิ้มและสร้างตราประทับด้วยมือข้างเดียวอีกครั้ง ซึ่งฉากนี้ทำให้ม่านตาเขาหดเกร็ง
นี่ยังไม่เสร็จอีกเหรอ?!
โฮก!
ขณะที่ความคิดนี้พล่านในหัวใจ เสียงคำรามสะเทือนเลื่อนลั่นก็สะท้อนออกมาจากค่ายกล คลื่นหลิงควบแน่นมังกรอีกตัวก่อตัวขึ้น
ตอนนี้ในค่ายกลเก้าเทพมังกรประหาร มีมังกรทั้งหมดห้าตัว!
ยามนี้สีหน้าของหลิ่วเทียนเต้าน่าเกลียนจนดูไม่ได้ กระทั่งจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนคนอื่นๆ ก็ยังมีสีหน้าเคร่งขรึมลงหลายส่วนกับฉากนี้
ชัดว่าพวกเขารู้สึกถึงไอคุกคามจากมังกรทั้งห้า!
มุมปากของหลิ่วเทียนเต้ากระตุก ถ้านี่เป็นการต่อสู้มรณะกับมู่เฉินแล้วละก็ เขาคงเคลื่อนไหวไปเพื่อขัดขวางมู่เฉินไม่ให้สร้างค่ายกลได้สำเร็จ
แต่น่าเสียดายที่การเดิมพันของเขากับมู่เฉิน ที่ตั้งกฎไว้ว่าเขาจะต้องทนต้านค่ายกลให้ได้สองชั่วโมง ในเมื่อเป็นแบบนี้ที่เขาทำได้ก็คือเฝ้ามองมู่เฉินสร้างค่ายกลจนเสร็จสมบูรณ์
“นี่น่าจะเป็นขีดจำกัดของเขาแล้วแหละ” หลิ่วเทียนเต้าปลอบตัวเองในใจ จากการคาดเดาของเขาถ้ามู่เฉินเพิ่มมังกรเข้าไปอีก เขาคงติดอยู่ในกับดักนี้ไม่ต้องออกไปไหนแล้ว
เหมือนจะสัมผัสได้ว่าหลิ่วเทียนเต้ากำลังปลอบใจตัวเอง มู่เฉินก็เงยหน้ามองไปด้วยรอยยิ้ม เมื่อรู้สึกถึงรอยยิ้มนั่นหลิ่วเทียนเต้าก็หนาวสั่นไปถึงกระดูกสันหลัง ใบหน้าเขาเปลี่ยนเป็นเขียวคล้ำเมื่อเห็นมู่เฉินวาดตราประทับอีกครั้ง
ฮึ่ม ฮึ่ม!
ลวดลายพลังงานเริ่มเชื่อมโยงเข้าด้วยกันถักทอปิดช่องโหว่แบบช้าๆ
ตู้ม!
คลื่นหลิงทั่วบริเวณนี้เดือดพล่าน ขณะที่มารวมตัวกันในค่ายกลเก้าเทพมังกรประหารราวกับถูกอะไรบางอย่างดึงดูด
ด้วยการรวมตัวของคลื่นหลิงมหาศาลในค่ายกลมากขึ้นก็ทำเอาเปลือกตาของทุกคนกระตุก เมื่อเห็นมังกรอีกตัวขึ้นรูปร่าง
“นั่นตัวที่หกแล้ว”
เหล่าจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนกลืนน้ำลายเอื๊อกใหญ่ขณะแลกเปลี่ยนสายตากัน หยดเหงื่อปกคลุมหน้าผากไปหมด พวกเขารู้สึกชัดเจนถึงความผันผวนที่น่ากลัวจากพลังงานที่เบื้องหน้า
ค่ายกลระดับนี้แม้แต่พวกเขาก็ไม่กล้าเฉียดเข้าใกล้!
ประมุขทั้งสี่เหลือบไปมองใบหน้าหลิ่วเทียนเต้าที่เปลี่ยนเป็นเขียวมืด ความยินดีในใจก็พวยพุ่ง โชคดีที่ตนไม่ได้ออกหน้าทำอะไร มิฉะนั้นพวกเขาคงอยู่ในจุดเดียวกันกับหลิ่วเทียนเต้าแล้ว
“ไม่คิดว่าเจ้าจะประสบความสำเร็จในด้านค่ายกลถึงระดับนี้! น่าประทับใจมาก งั้นขอข้าลิ้มรสหน่อยว่ามันมีพลังแค่ไหนเชียว!”
ดวงตาของหลิ่วเทียนเต้าวูบไหวขณะที่มองดูค่ายกล อึดใจก็คำรามเสียงกร้าว เขาก้าวเท้าออกมาพลางกำหมัดแน่น คลื่นหลิงจำนวนมหาศาลรวมอยู่ในมือก่อร่างเป็นแส้ขนาดใหญ่หมื่นจั้ง เขาตวัดออกไปฉีกขาดมิติพุ่งเข้าใส่มังกรทั้งหกตัว
หลิ่วเทียนเต้าเคลื่อนไหวกะทันหันมาก ทำให้ความโกรธเพิ่มขึ้นในหัวใจของจิ่วโยวและคนอื่นๆ จิ้งจอกเฒ่าคนนี้ฉลาดแกมโกงนัก เมื่อเห็นว่าค่ายกลขอมู่เฉินขยายขึ้นอย่างแข็งแกร่ง เขาก็ไม่คิดที่จะรออะไร ตัดสินใจเคลื่อนไหวจัดการทันที
เมื่อเห็นการกระทำของหลิ่วเทียนเต้า มู่เฉินก็ยิ้มบาง ถ้าจิ้งจอกเฒ่าคนนี้คิดว่าแบบนี้สามารถขัดขวางเขาในการเร้าค่ายกลต่อก็ดูถูกกันเกินไปแล้ว
มู่เฉินดีดนิ้ว ค่ายกลก็ระเบิดแสงหลิงหมื่นจั้งพลางหมุนคว้าง มังกรทั้งหกพ่มลมหายใจมังกรใส่หลิ่วเทียนเต้าสกัดกั้นการโจมตีเอาไว้
ปัง ปัง!
ทั้งสองเผชิญหน้ากัน คลื่นหลิงที่ป่าเถื่อนก็กวาดออกฉีกมิติกระจุยกระจาย ถ้าไม่ใช่เพราะมั่นถัวหลัว ห้องโถงทั้งหมดคงจะกลายเป็นเถ้าถ่านไปแล้วในตอนนี้
ในค่ายกลมหึมา แสงหลิงส่องกระจายอย่างต่อเนื่อง ไม่กี่สิบลมหายใจ หลิ่วเทียนเต้าก็ปะทะกับมังกรหกตัวไปหลายร้อยกระบวนท่าแล้ว แม้ว่าเขาจะพยายามอย่างเต็มที่ในการโจมตี เขาก็ยังไม่สามารถเอาชนะมังกรทั้งหกได้ ทำได้เพียงไม่ตกเป็นฝ่ายแพ้
“ค่ายกลนี้ทรงพลังขนาดนี้เชียว?!”
หัวใจของหลิ่วเทียนเต้าสั่นระรัว เนื่องจากเขาพบว่าต่อให้เร้าพลังออกมาทั้งหมด เขาก็ไม่สามารถหลุดพ้นจากมังกรทั้งหกตัวได้
นั่นหมายความว่าค่ายกลนี้มีพลังอำนาจในการดักจับจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้น!
เขารู้ว่าเว้นแต่จะเทหมดหน้าตัก มิฉะนั้นก็เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะหลุดพ้นจากค่ายกลนี้
เมื่อเกิดความคิดนี้ เขาก็ล้มเลิกความตั้งใจที่จะหนีออกไป เปลี่ยนมาเป็นป้องกันเต็มกำลัง เพราะข้อตกลงระหว่างเขากับมู่เฉินคืออยู่ในค่ายกลให้ครบสองชั่วโมง
แม้ว่าหลิ่วเทียนเต้าจะไม่สามารถทำสิ่งใดกับค่ายกลได้ แต่ค่ายกลก็ไม่สามารถทำลายแนวป้องกันของเขาได้ หากสิ่งนี้ยังคงดำเนินต่อไปเขาจะสามารถลากเวลาจนครบสองชั่วโมง
วิธีนี้ดูไม่ดีสักเท่าไร แต่ในเมื่อมู่เฉินมั่นใจเกินตัว เขาก็ต้องให้บทเรียนกับอีกฝ่ายบ้าง
เมื่อเกิดความคิดนี้ หลิ่วเทียนเต้าก็ไม่สนใจอะไรอีก คลื่นหลิงมหาศาลพวยพุ่งขึ้นพร้อมกับแสงหลิงนับไม่ถ้วนก่อตัวเป็นแนวป้องกันที่แข็งแกร่งรอบตัวเขา ปล่อยให้มังกรทั้งหกโจมตีได้ตามที่ต้องการ
“ตาแก่นั้นหน้าด้านไปแล้ว!”
จิ่วโยวและคนอื่นๆ ส่ายหัวขณะที่สบถด่าในใจ
ประมุขคนอื่นๆ เบ้ปาก แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เพราะถ้าหลิ่วเทียนเต้าชนะ พวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องยอมรับมู่เฉินในฐานะผู้นำ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่การปริปากกับการที่หลิ่วเทียนเต้าเป็นคนไร้ยางอาย
ในเวลาเดียวกันพวกเขาก็รู้สึกดีใจในใจ โชคดีที่พวกเขาไม่ได้ทำตัวเด่น ไม่อย่างนั้นคนที่อยู่ในตำแหน่งกระอักกระอ่วนของหลิ่วเทียนเต้าก็จะเป็นพวกเขา
ในห้องโถงทุกคนมีความคิดที่แตกต่างกันไป ส่วนมู่เฉินก็ยิ้มขณะที่มองหลิ่วเทียนเต้า ริ้วเยาะเย้ยโค้งขึ้นมุมปาก
ในเวลาเดียวกันเขาก็ยกมือขึ้น วาดตราประทับโบราณ
ทันใดนั้นค่ายกลก็เปล่งประกายด้วยความมันวาวอีกครั้ง ค่อยๆ ก่อร่างเป็นมังกรอีกตัว
ความปั่นป่วนนี้ดึงดูดความสนใจของทุกคน แต่ละคนมีท่าทางเปลี่ยนไปเนื่องจากไม่มีใครคิดว่ามู่เฉินจะดำเนินการสร้างค่ายกลต่อให้สมบูรณ์ ขณะจัดการกับหลิ่วเทียนเต้าในเวลาเดียวกัน
นอกจากนี้ค่ายกลยังไม่ถึงขีดจำกัดอีกเหรอ? ค่ายกลนี้อยู่ในระดับใดกันแน่?!
ขณะที่ทุกคนตกตะลึง หลิ่วเทียนเต้าก็เห็นมังกรตัวที่เจ็ดกำลังก่อตัว ใบหน้าของเขาน่าเกลียดอย่างรุนแรง เขาสามารถสัมผัสได้คลุมเครือว่าการจัดเรียงน่ากลัวขึ้นเมื่อมังกรตัวที่เจ็ดเผยออกมา
เขามีลางสังหรณ์ว่าถ้ามังกรตัวที่เจ็ดเข้ามาละก็ เขาจะไม่สามารถยืนหยัดอยู่ได้แน่นอน
ตู้ม ตู้ม!
หลิ่วเทียนเต้าไม่คิดหยุด ปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกมา ร่างเวทสวรรค์มหึมาถูกสร้างขึ้นที่เบื้องหลัง ขณะที่มันพ่นลมหายใจก็ก่อร่างเป็นมหาสมุทรขนาดใหญ่ ซัดมังกรทั้งหกออกไป
โฮก!
แต่ในเวลาเดียวกันเสียงคำรามมังกรรุนแรงก็ดังกังวาน
ริ้วแสงไม่มีที่สิ้นสุดพุ่งออกมา มังกรตัวที่เจ็ดก็กลายเป็นลำแสงพุ่งออกไป
ฟิ้ว ฟิ้ว!
มังกรหกตัวก่อนหน้าก็กลายเป็นลำแสงพุ่งออกมาหลอมรวมเข้าด้วยกัน มังกรทั้งเจ็ดรวมกันเป็นวงล้อมังกรทะลุผ่านมิติพุ่งเข้าใส่หลิ่วเทียนเต้า ภายใต้สายตาตกตะลึงนับไม่ถ้วน
เมื่อมองการโจมตีทำลายล้างนี้ ใบหน้าของหลิ่วเทียนเต้าก็เปลี่ยนเป็นซีดเผือด ความกลัวปีนขึ้นไปบนใบหน้า
ในที่สุดเขาก็ทนแรงกดดันไม่ไหวต้องฟันกรอดตะเบ็งเสียงออกมา
“ข้ายอมแพ้!”