หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler - ตอนที่ 1329
หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – บทที่ 1329 ความแข็งแกร่งของมั่วซินและเฉวียนหลัว
วาบ!
แนวป่ารกร้าง ร่างเงาที่ห่อหุ้มอยู่ในรัศมีชั่วร้ายกำลังทะยานหนีออกไป ราวกับว่าถูกบางสิ่งที่น่ากลัวไล่ล่ามา
ตึง!
แต่เมื่อกำลังจะพุ่งออกจากแนวป่าได้ กำปั้นคลื่นหลิงก็ซัดลงมาจากท้องฟ้าชนกับเงานั้นจังใหญ่
พื้นทรุดลงพร้อมกับรอยร้าวกระจายอย่างรวดเร็วราวกับใยแมงมุม เมื่อกำปั้นจางหายไปก็เหลือเพียงกองเนื้อทิ้งไว้บนพื้นไร้ซึ่งสัญญาณชีวิต
มู่เฉินปรากฏบนท้องฟ้าพร้อมกับกวาดสายตาอย่างไม่ใส่ใจจากนั้นก็ดึงสายตากลับ ร่างเงาสองร่างพุ่งมาจากระยะไกลหยุดอยู่ข้างเขา
นี่ก็คือชิงซวงและชิงหลิง
“พวกเผ่าปีศาจกำลังเพิ่มมากขึ้น” ชิงซวงมุ่นคิ้ว พวกนางปะทะกับจอมยุทธ์เผ่าปีศาจหลายกลุ่มในเวลาเพียงครึ่งวัน แต่โชคดีที่ไม่มีใครเทียบแม่ทัพเผ่าเหยียนหมัวได้ ดังนั้นกลุ่มปีศาจที่พวกนางพบจึงถูกจัดการจนอยู่หมัด
“เรากำลังเข้าใกล้ศูนย์กลาง” มู่เฉินเงยหน้าขึ้น เขารู้สึกได้ถึงความผันผวนเบาบางไร้ขอบเขตที่อยู่ในทิศทางนั้น
เห็นได้ชัดว่านั่นคือเป้าหมายของพวกเขา!
ใบหน้าของชิงซวงและชิงหลิงกลายเป็นเคร่งเครียดเมื่อได้ยินคำพูดของเขา พวกนางรู้ว่าจะต้องมีการต่อสู้ดุเดือดรออยู่แน่
“ไปกันเร็ว”
มู่เฉินโบกมือเร่งความเร็ว เขาไม่กลัวการปะทะดุเดือดซึ่งจะต้องเผชิญในไม่ช้านี้ ตรงกันข้ามเขาเป็นห่วงว่าบางคนอาจก้าวไปก่อนมากกว่า
เมื่อหญิงสาวทั้งสองเห็นว่ามู่เฉินใจร้อนเพียงใด พวกนางก็ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ทะยานตามไป
ขณะที่ทั้งสามเร่งรุด พวกเขาก็ไม่พบสมาชิกเผ่าปีศาจใดๆ อีกต่อไป แต่พวกเขากลับพบกลุ่มอื่นๆ ที่เข้ามา ส่วนใหญ่อยู่ในสภาพน่าสมเพชมาก ท่าทางคงผ่านการต่อสู้กับเผ่าปีศาจมาแบบรากเลือด
ทว่ามู่เฉินไม่สนใจกลุ่มคนเหล่านั้น แต่มุ่งเน้นไปที่การเดินทาง
ภายใต้ความเร็วสูงสุดอีกสี่ชั่วโมงต่อมาความเร็วของพวกเขาก็ลดลง มองไปที่สุดสายตาด้วยความเคร่งเครียด
ชิงซวงและชิงหลิงก็พุ่งสายตาไป
มองเห็นแท่นบูชาสีดำบนที่ราบซึ่งเป็นต้นกำเนิดของความผันผวนที่น่ากลัวนี้
“มีคนกำลังต่อสู้อยู่ที่นั่น!”
มู่เฉินดึงสายตาออกจากแท่นบูชา แต่อึดใจม่านตาของเขาก็หดลง แม้จะห่างกันไกลพอสมควร แต่เขาสามารถสัมผัสได้ชัดเจนถึงความผันผวนทรงพลังที่ระเบิดรอบแท่นบูชาที่ทำให้มิติสั่นสะเทือน
“ดูเหมือนว่ามีกลุ่มอื่นและเผ่าปีศาจมาถึงก่อนแล้ว”
มู่เฉินขมวดคิ้วจากนั้นร่างก็กลายเป็นลำแสงเคลื่อนออกไป
ไม่กี่นาทีต่อมาเขาก็ปรากฏตัวไม่ไกลจากแท่นบูชาสีดำ เมื่อเข้าใกล้ก็ได้รับรู้ถึงขนาดที่แท้จริงของแท่นบูชานี้
มีเสาหินโบราณสี่เสาอยู่บนยอดแท่นบูชาซึ่งลุกโชนด้วยเปลวไฟที่ราวกับของเหลวจื้อจุน ปลดปล่อยความรู้สึกน่าเกรงขามออกมา
สำหรับการจัดวางตำแหน่ง มีเสาหลักหนึ่งเสาอยู่ตรงกลางและอีกสามเสาอยู่รอบๆ มีโลงศพสีเทาอยู่ตรงหน้าเสาต้นกลางซึ่งล้อมรอบด้วยโซ่ที่ทำจากเปลวไฟพันรอบไว้แน่น
มู่เฉินรู้สึกว่าโลงศพราวกับหลุมดำสูบทุกสรรพสิ่ง อะไรก็ตามที่เข้าไปจะถูกกลืนกิน ช่างดูชั่วร้ายอย่างยิ่ง
“เศษวิญญาณของจอมปีศาจระดับเทียนอยู่ในโลงศพนั่นเรอะ?” มู่เฉินจ้องมองที่โลงศพ ความหวาดหวั่นวูบไหวในนัยน์ตา
“นั่นเฉวียนหลัว มั่วซินกับพรรคพวกนี่!”
ทันใดนั้นชิงหลิงก็อุทานออกมาขณะที่ชี้ไปยังอีกทิศทางหนึ่งของแท่นบูชาซึ่งมีคลื่นหลิงทรงพลังกำลังระเบิดออกมา
สภาพแวดล้อมของแท่นบูชากลายเป็นสนามรบที่วุ่นวาย ทั้งสองกลุ่มรวมตัวกันจากทุกทิศทาง ก่อนที่จะโรมรันพันตูกันดุเดือด
เฉวียนหลัวและมั่วซินดึงดูดความสนใจมากที่สุด ความผันผวนทรงพลังที่ระเบิดออกมาจากร่างกายของพวกเขาเหนือกว่าทุกคน
แต่ถึงกระนั้นพวกเขาก็ยังพบศัตรูที่ทรงพลัง
ศัตรูที่มั่วซินกำลังเผชิญอยู่นั้น พวกมู่เฉินคุ้นหน้ามาก นั่นก็คือแม่ทัพเผ่าเหยียนหมัวที่เคยปะทะกันมาก่อน ส่วนศัตรูของเฉวียนหลัวเป็นร่างผอมบาง ร่างกายของมันผิดแผกมาก แขนของมันเป็นใบมีดยาวสีดำสนิทสองใบ
บนใบมีดมีแสงเยือกเย็นแล่นอยู่ ทุกการฟาดฟันสามารถผ่ามิติออกได้ แสดงให้เห็นว่าคมขนาดไหน
“นั่นน่าจะเป็นหนึ่งในเผ่าปีศาจสามสิบสองเผ่าหลักในจักรวรรดิปีศาจต่างมิติ—เผ่าเตาหมัว!” ชิงซวงกล่าวเสียงเคร่งขรึม ในฐานะที่เป็นสมาชิกเผ่าฝูถู นางมีข้อมูลเกี่ยวกับเผ่าปีศาจไม่น้อย
“เผ่าปีศาจสามสิบสองเผ่าหลักเหรอ?”
มู่เฉินหรี่ตา ซือเทียนโยวเป็นองค์ชายจากเผ่าซือหมัวก็เหมือนจะเป็นหนึ่งในสามสิบสองเผ่าหลักด้วย
“จอมยุทธ์เผ่าเตาหมัวก็น่ากลัวเช่นกัน” สายตาของมู่เฉินเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด สามารถสู้กับเฉวียนหลัวแบบสูสีโดยไม่ถอยกลับ พลังของจอมยุทธ์เผ่าเตาหมัวคนนี้ไม่อ่อนแอกว่าแม่ทัพเผ่าเหยียนหมัวเลย!
ทั้งสองคนอยู่ที่ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มระยะปลายสุดแล้ว
“งั้นเราก็ลุยกันเถอะ!” ชิงซวงกล่าว แม้ว่าการต่อสู้จะเริ่มต้นแล้ว แต่ภารกิจของพวกนางก็คือปกป้องแท่นบูชา ไม่ปล่อยให้เผ่าปีศาจทำลายได้
มู่เฉินพยักหน้าพุ่งเข้าไปในสมรภูมิโดยไม่ลังเล ร่างรองทั้งสองปรากฏขึ้นข้างๆ จากนั้นทั้งสามก็พุ่งเข้าไปฆ่าฟันศัตรูราวกับพญาเสือลงจากเขา
ส่วนชิงซวงและชิงหลิงก็เข้าร่วมสังหารเผ่าปีศาจที่เล็ดลอดออกมา
มู่เฉินกวาดทุกอย่างที่เข้ามาในเส้นทาง ซึ่งสร้างความปั่นป่วนอย่างมาก ทำเอาทั้งสองฝ่ายต่างมองมาที่เขา
“หึ เจ้านั่นมาถึงนี่จนได้!”
มั่วซินเค้นเสียงเย็น ขณะที่จ้องมองไปที่ทิศทางของมู่เฉิน
“ไอ้เวรนั่น!” แม่ทัพเผ่าเหยียนหมัวสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ขณะมองมู่เฉินอย่างขยาด
“แกกล้าเบนความสนใจขณะที่สู้กับข้าเชียวเรอะ?”
ขณะที่แม่ทัพเผ่าเหยียนหมัววอกแวก เสียงเย่อหยิ่งเยือกเย็นก็ดังกึกก้องพร้อมกับฝ่ามือของมั่วซินที่ห่อหุ้มด้วยรัศมีสีดำเย็นเยือกครอบงำพุ่งเข้ามา ทำให้แม้แต่มิติโดยรอบก็ถูกแช่แข็งทันที
ตู้ม!
ฝ่ามือของมั่วซินกระแทกเข้าที่แผ่นอกของแม่ทัพเผ่าเหยียนหมัวอย่างรุนแรง ทำให้เขาถูกพัดกระเด็นออกไป ชั้นน้ำแข็งสีดำแผ่ออกไปทั่วร่างกาย
ปัง!
ทว่าน้ำแข็งก็กินเวลาอยู่ชั่วครู่ก่อนที่จะละลายโดยเปลวไฟสีดำที่พุ่งออกมาจากแม่ทัพเผ่าเหยียนหมัว ขณะเดียวกันเสียงคำรามก็สะท้อนออกมา
“ร่างอสูรเพลิง!”
เปลวไฟสีดำรวมตัวกันก่อเป็นร่างปีศาจขนาดมหึมาด้านหลังแม่ทัพเผ่าเหยียนหมัว เมื่อมองจากระยะไกลก็ราวกับปีศาจไฟล้างโลกที่เปล่งความกดดันที่น่าตกใจ
สัมผัสได้ถึงความผันผวนเหล่านั้นท่าทางของมั่วซินก็เปลี่ยนเป็นเย็นชา มือประสานเข้าด้วยกันวาดตราประทับเร็วรี่โดยไม่ลังเล “ร่างอเวจี!”
รัศมีสีดำเย็นเยือกครางหวีดหวิว ก่อร่างใหญ่โตขึ้นที่เบื้องหลังมั่วซิน เปล่งไอเย็นสุดขั้วที่สามารถแช่แข็งทุกสรรพสิ่งในโลก ไอเย็นน่าขนลุกสามารถทำให้แม้แต่คลื่นหลิงในร่างกายยังถูกแช่แข็งเมื่อถูกรุกราน
“ร่างอเวจีอันดับที่ยี่สิบห้าบนทำเนียบคัมภีร์ร่างเทห์สวรรค์เก้าสิบเก้าร่าง?”
สายตาของมู่เฉินสั่นไหวเมื่อรู้สึกถึงความผันผวน มั่วซินสมกับเป็นประมุขน้อยตระกูลมั่วเผ่าฝูถูแท้จริง ร่างเวทสวรรค์เช่นนี้ไม่ธรรมดาเลย
ตู้ม!
ขณะที่การต่อสู้ฝั่งมั่วซินขึ้นสู่จุดเดือด ในทิศทางอื่นก็มีคลื่นน่าสะพรึงกวาดคร่าออกไปเช่นกัน
ฮึ่ม ฮึ่ม
จอมยุทธ์เผ่าเตาหมัวที่กำลังเผชิญหน้ากับเฉวียนหลัวก็ปลดปล่อยรัศมีปีศาจเชี่ยวกรากที่ด้านหลัง ก่อตัวเป็นใบมีดสีดำที่มีความยาวราวหนึ่งพันจั้งลอยคว้าง
เมื่อดาบปีศาจปรากฏขึ้นก็กลืนกินจิตสังหารป่าเถื่อนในสมรภูมิ ในเวลาไม่กี่อึดใจใบมีดสีดำก็แสดงสัญญาณเปลี่ยนเป็นสีแดงโลหิต
“เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่แกจะได้ตายด้วยดาบปีศาจเผ่าเตาหมัว!” จอมยุทธ์เผ่าเตาหมัวมองไปที่เฉวียนหลัวด้วยสายตาคมกริบ เปล่งเสียงแหบพร่าออกมา
“ฮ่าๆ จริงเหรอ?”
เผชิญหน้ากับจอมยุทธ์เผ่าเตาหมัว เฉวียนหลัวก็ยิ้มอ่อน แสงจำนวนมหาศาลระเบิดออกจากร่างเขา ดูราวกับดวงอาทิตย์ลุกโชติช่วง
ขณะที่ดวงอาทิตย์สว่างจ้าละลายลงก็ก่อตัวขึ้นเป็นร่างเงาขนาดมหึมาหลายหมื่นจั้งที่ข้างหลังเขา
ร่างนั้นสร้างมาจากแสงดูพร่างพราวพร้อมกับเจดีย์ผลึกแก้วใสสูงร้อยจั้งเปล่งแสงศักดิ์สิทธิ์ออกมาบนฝ่ามือ
เมื่อมองไปที่ร่างนั่น มู่เฉินก็อดไม่ได้ที่จะหดม่านตาลงพลางพึมพำ “นี่คือ… ร่างมหาเจดีย์อันดับที่สิบเจ็ด?”
มีตำนานกล่าวว่าร่างมหาเจดีย์เกิดมาจากหนึ่งในห้าของร่างมหาเทพปฐมกาล—ร่างแสงนิรันดร์ซึ่งถูกเก็บไว้ในเผ่าฝูถู!
เฉวียนหลัวมักใหญ่ใฝ่สูงแท้จริง!