หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler - บทที่ 1423 ซัดหนัก
ครืนๆๆๆ!
ดวงดาวปิดกั้นเส้นทางหลบหนีของมู่เฉินไว้หมด การปะทะกันของคลื่นหลิงที่รุนแรงทำให้เกิดพลังทำลายล้างกระจายออกไป ไม่ต้องพูดถึงจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นหลิง แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนก็จะประสบปัญหากับการเผชิญหน้าสิ่งนี้
ทักษะลับที่เฮยกวางใช้ด้วยการทำร้ายตัวเองนั้นไม่ธรรมดาอย่างแท้จริง
ทุกคนฉายสีหน้าเคร่งเครียดกับฉากนี้ แม้ว่าวิธีของมู่เฉินจะน่ากลัว แต่การตอบโต้ของเฮยกวางก็ไร้ความปรานีเช่นกัน
หากมู่เฉินประมาทเพียงเล็กน้อย ชัยชนะที่แล้วมาก็จะสลายกลายเป็นอากาศธาตุ
เมื่อสมาชิกตระกูลชิงเห็นการไหลของดวงดาวที่เข้าปกคลุมดวงอาทิตย์ พวกเขาก็ฉายความกังวลบนใบหน้า แม้แต่ชิงเทียน ชิงเซวียนและชิงหยุนก็ขมวดคิ้วแน่น
“เยี่ยม เยี่ยมยอด! ผู้อาวุโสเฮยกวางเด็ดขาดนัก ยังไงมู่เฉินก็สู้ตามลำพัง แม้จะต้องจ่ายราคาแพงเพื่อขัดขวาง แต่ก็ทำให้เป้าหมายในวันนี้ของมันไม่ประสบผลสำเร็จ!” เฉวียนหลัวปรบมือฉาดพลางหัวเราะเยาะ
สมาชิกตระกูลเฉวียนก็ส่งเสียงประสาน การโจมตีของเฮยกวางน่ากลัวมาก ต่อให้เป็นมู่เฉินก็คงไม่สามารถรับได้อย่างง่ายดายหรอก
ฟู่ ฟู่!
ภายใต้การเฝ้ามองโดยไม่กะพริบตาของผู้คน การโจมตีก็ครอบร่างทั้งหมดของมู่เฉินไว้ภายใน
ทั่วพื้นดินพังทลายลงจากการโจมตีที่รุนแรง…
เมื่อเฮยกวางเห็นฉากนี้ก็รู้สึกโล่งใจอย่างมาก ร่างเวทสวรรค์ใต้ฝ่าเท้าเขาสลายลงแล้ว เห็นชัดว่าได้รับความเสียหายรุนแรง
ทว่าสิ่งนี้ก็คุ้มค่า ตอนนี้มู่เฉินไม่สามารถหลบหนีได้ ไม่ว่าจะมีอาวุธลับมากมายแค่ไหน ก็ต้องได้รับบาดเจ็บหนักอย่างไม่ต้องสงสัย
เมื่อมันได้รับบาดเจ็บก็จะไม่สามารถเอาชนะในยกสี่ได้แน่นอน ดังนั้นนี่หมายความว่าการช่วยตระกูลชิงคว้าตำแหน่งคืนก็เท่ากับล้มเหลว
“หึ ใครบอกให้แกได้ใจ? ตอนนี้ข้าจะให้แกลิ้มรสความรู้สึกเหมือนถูกถีบลงมาจากสวรรค์” เฮยกวางหัวเราะเยาะ
สายตาจำนวนมากมุ่งไปที่ทิศทางที่มิติพังทลาย ราวกับว่าสิ่งมีชีวิตในบริเวณนั้นสูญพันธุ์ไปเลยทีเดียว
ดวงดาวสร้างความหายนะทั่วบริเวณเป็นเวลานานก่อนที่จะเริ่มสลายลง
“คราวนี้มู่เฉินบาดเจ็บหนักแน่!” ผู้อาวุโสตระกูลเฉวียนพากันพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม ก่อนหน้านี้เมื่อมู่เฉินสามารถเอาชนะได้อย่างง่ายดายก็ทำให้พวกเขาอับอายนัก ในที่สุดพวกเขาก็คว้าหนึ่งยกมาได้จากการต่อสู้ครั้งนี้
จอมยุทธ์หลายคนถอนหายใจด้วยความเสียดาย ความกล้าหาญของมู่เฉินทำให้ผู้คนชื่นชม นอกจากนี้ตระกูลเฉวียนยังทรงพลัง ไม่ว่าผู้คนจะมีความคิดอย่างไรก็ต่างหวังว่ามู่เฉินจะแสดงปาฏิหาริย์ แต่เมื่อดูสถานการณ์ในตอนนี้โอกาสที่จะเกิดขึ้นไม่สูงนัก แต่ด้วยความสำเร็จที่ทำได้เพียงนี้ชื่อของมู่เฉินก็จะขจรขจายไปทั่วมหาพันภพแน่นอน
บนท้องฟ้า ในที่สุดความหายนะก็ค่อยๆ หายไป ทันใดนั้นทุกคนก็หดดวงตาก่อนที่จะอุทาน
“นั่นมันอะไรกัน?!”
ปฏิกิริยาของผู้อาวุโสตระกูลเฉวียนก็เปลี่ยนไปพลางเงยหน้าขึ้น พวกเขาเห็นดอกบัวสีม่วงทองปิดสนิทราวกับว่าไม่มีอะไรผ่านเข้าไปได้
ทันใดนั้นรอยแตกก็พล่านออกมาบนกลีบดอก ดูราวกับได้รับการล้างบาปจากพายุเฮอริเคน
แต่ถึงแม้ว่ามันจะใกล้พังทลาย แต่ดอกบัวสีม่วงทองก็ยังคงอดทนต่อไปจนถึงวินาทีสุดท้าย
ท่ามกลางดวงตาตกตะลึงของผู้คนมากมาย ดอกบัวก็ค่อยๆ เปิดขึ้น ร่างขนาดใหญ่ปรากฏในครรลองสายตาของทุกคน
ร่างสีม่วงทองยืนอยู่บนดอกบัวพร้อมรัศมีความเป็นอมตะแผ่ซ่านออกไป
“นั่นคือร่างเวทสวรรค์ของมู่เฉินรึ?!” เมื่อเห็นร่างสีม่วงทองความวุ่นวายก็กวนตัวระหว่างสวรรค์และโลก จากรัศมีอมตะทุกคนสามารถบอกได้ว่าร่างเวทสวรรค์นี้ไม่ธรรมดาแน่นอน
บนยอดเขาที่ใกล้ที่สุดชายคนหนึ่งที่มีม่านตาสีดำขาวกำลังยืนในเก๋งหินโดยเอามือไพล่หลัง เขาคือหมัวเฮอโยวแห่งเผ่าหมัวเฮอ!
เมื่อเขาเห็นร่างขนาดยักษ์ก็หรี่ตาลงพลางเอ่ยอย่างไม่แยแส “เจ้านั่นฝึกฝนร่างเทพสุริยะนิรันดร์จริงๆ”
จอมยุทธ์เผ่าหมัวเฮอก็เผยให้เห็นแววตาประหลาดใจกล่าวว่า “เมื่อครู่เขาน่าจะใช้ดอกบัวอมตะ ถึงสกัดกั้นการโจมตีของเฮยกวางได้”
ในมหาพันภพเผ่าหมัวเฮอเข้าใจเกี่ยวกับร่างเทพสุริยะนิรันดร์มากที่สุด เนื่องจากจอมยุทธ์ชั้นสูงทุกรุ่นต้องฝึกฝนร่างเทห์สวรรค์นี้และดูว่าพวกเขาจะได้รับร่างมหาเทพนิรันดร์หรือไม่!
แต่น่าเสียดายที่มีคนฝึกฝนร่างเทพสุริยะนิรันดร์ได้ไม่น้อย แต่กลับไม่มีใครสามารถบรรลุจนถึงร่างมหาเทพนิรันดร์ได้เลย
ดังนั้นเผ่าหมัวเฮอจึงรู้ถึงกระบวนท่าการป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุดของร่างเทพสุริยะนิรันดร์เป็นอย่างดี ซึ่งสามารถสรุปรายละเอียดเพิ่มเติมได้อย่างรวดเร็ว
“ในเมื่อเจ้าเด็กนั่นสามารถเรียกดอกบัวอมตะได้ เขาต้องมีความสำเร็จสูงแน่”
เมื่อหมัวเฮอโยวได้ยินเช่นนั้นก็ตอบอย่างคลุมเครือ “เขาเป็นแค่พวกกาฝาก แต่กระนั้นก็ไปได้ไกลแค่นี้แล้ว หากเขาต้องการก้าวไปอีกขั้นเพื่อรับร่างมหาเทพนิรันดร์ก็เป็นเพียงฝันกลางวันเท่านั้น”
จอมยุทธ์เผ่าหมัวเฮอพยักหน้า เผ่าหมัวเฮอพิทักษ์ร่างมหาเทพนิรันดร์เอาไว้ แม้ว่าจะอ้างว่าปกป้อง แต่เมื่อผ่านมานานพวกเขาก็ถือว่านี่เป็นหนึ่งในสมบัติประจำเผ่า แล้วจะปล่อยให้คนนอกเอาไปจากพวกเขาได้อย่างไร?
“ผู้อาวุโสใหญ่บอกข้าว่าร่างมหาเทพนิรันดร์แสดงสัญญาณในช่วงปีสองปีนี้ คงถึงช่วงเวลาที่จะเลือกผู้รับแล้ว ถ้าข้าเดาถูกมันจะเลือกผู้สืบทอดในชุมนุมเทพนิรันดร์ครั้งนี้”
ขณะที่พูดความโลภก็สั่นไหวในดวงตาของหมัวเฮอโยวขณะที่หมัดกำแน่น “ถ้าข้าสามารถฝึกฝนร่างมหาเทพนิรันดร์ได้ ข้าอาจจะสามารถใช้ประโยชน์นี้บรรลุระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่ง!”
“มีไม่กี่คนในเผ่าที่ประสบความสำเร็จเช่นท่านชาย ดูเหมือนว่ามีโอกาสสูงที่ท่านจะได้รับ” จอมยุทธ์เผ่าหมัวเฮอตอบอย่างประจบประแจง
“แต่มักมีคนนอกเข้ามามีส่วนร่วมทุกครั้งซึ่งน่ารำคาญ ไม่รู้จริงๆ ว่าเทพจักรพรรดินิรันดร์คิดอะไรอยู่ เขามอบร่างมหาเทพนิรันดร์ให้เราพิทักษ์ไว้แล้ว แต่ทำไมยังทิ้งทักษะการฝึกฝนไว้ที่โลกภายนอกด้วย?” มีคนพูดอย่างไม่พอใจ
หมัวเฮอโยวยิ้มบาง “ชุมนุมเทพนิรันดร์ถูกสร้างขึ้นโดยเทพจักรพรรดินิรันดร์ ทุกคนที่ฝึกฝนร่างเทพสุริยะนิรันดร์สามารถเข้าร่วมได้ แต่นั่นไม่สำคัญทักษะที่เผยแพร่สู่สาธารณะไม่สมบูรณ์ ไม่มีอะไรต้องกลัวเกี่ยวกับพวกกาฝากเหล่านี้ หลังจากการชุมนุมครั้งนี้ร่างมหาเทพนิรันดร์จะเป็นของเราโดยสมบูรณ์ แม้แต่เทพจักรพรรดินิรันดร์ไม่สามารถนำกลับไปได้ แม้ว่าเขาจะฟื้นคืนชีพก็ตาม!”
ทุกคนพยักหน้าเมื่อได้ยิน
ขณะที่ทุกคนตกตะลึงกับร่างเทพสุริยะนิรันดร์
มู่เฉินก็ปรากฏตัวบนไหล่ของร่างใหญ่โตสีม่วงทองอร่าม
เมื่อจอมยุทธ์ตระกูลเฉวียนเห็นภาพเงาของมู่เฉิน ใบหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนเป็นเขียวคล้ำ เนื่องจากพวกเขาไม่พบร่องรอยการบาดเจ็บบนตัวอีกฝ่ายสักนิด แม้แต่คลื่นหลิงที่อยู่รอบตัวเขาก็ไร้ขอบเขตเช่นเดิม
เห็นได้ชัดว่าการโจมตีของเฮยกวางเหลวเป๋ว
“เป็นไปได้ยังไง?!”
ใบหน้าของเฮยกวางเปลี่ยนเป็นสีขาวซีดขณะอุทานด้วยความสิ้นหวัง
มู่เฉินมองไปที่เฮยกวางอย่างไม่แยแสก่อนที่จะขยับ ร่างเขากลายเป็นลำแสงพุ่งเข้าหาเฮยกวาง
เมื่อเห็นความดุดันของมู่เฉิน ใบหน้าของเฮยกวางก็เปลี่ยนไปรุนแรง เขาได้รับบาดเจ็บหนักในตอนนี้แล้วจะปะทะกับมู่เฉินได้อย่างไร?
“หยุด!”
เฉวียนกวางก็สังเกตเห็นความตั้งใจของมู่เฉินจึงรีบตะโกนลั่น
วาบ!
ทว่ามู่เฉินไม่สนใจกับการตะโกนนั่น ร่างเขาไปปรากฏเบื้องหน้าเฮยกวาง ก่อนที่จะเหวี่ยงหมัดอย่างไม่แยแส หมัดทำให้มิติถึงกับพังทลาย
ตู้ม!
หมัดของมู่เฉินที่บรรจุด้วยคลื่นหลิงไร้ขอบเขตกระแทกกับหน้าอกของเฮยกวาง หมัดเดียวนี้ทำให้หน้าอกของเฮยกวางยุบลงทันที ร่างเขาถลากลับไปพร้อมกับเลือดพ่นออกมาจากปาก
วาบ!
แต่ขณะที่ยังไม่ตกลงพื้น มู่เฉินก็มาปรากฏตัวขึ้นข้างหลังอย่างลึกลับก็วาดลูกเตะซัดใส่ ทำให้เฮยกวางมุดเข้าไปในแท่นประลองราวกับลูกกระสุนปืนใหญ่
ปัง ปัง ปัง!
ต่อจากนั้นมู่เฉินก็ปล่อยชุดการโจมตีเฮยกวางไม่หยุด เผชิญหน้ากับการโจมตีรุนแรงเหล่านั้น เฮยกวางได้แต่กรีดร้องด้วยความเจ็บปวด จนสุดท้ายก็พังพาบลงไปกับพื้นเหมือนกองขี้โคลน
ทุกสายตามองไปที่มู่เฉินด้วยความกลัว สำหรับจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นหลิงระยะต้น การจะกระหน่ำใส่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นหลิงระยะปลายเหมือนกระสอบทรายได้ไม่ใช่เรื่องที่หาดูได้ง่าย
ฮา
ในที่สุดมู่เฉินก็หยุดลง ตอนนี้เฮยกวางอยู่ในสภาพขาดรุ่งริ่ง ถ้าไม่ใช่เพราะพลังทรงประสิทธิภาพของขุมพลังที่มีตอนนี้เขาคงตายคาที่ไปแล้ว
แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ได้รับบาดเจ็บหนัก ถ้าต้องการฟื้นตัว ก็ต้องฝึกหนักหลายปี มิฉะนั้นก็เป็นไปไม่ได้
เมื่อทุกคนเห็นว่ามู่เฉินโหดแค่ไหน พวกเขาก็สูดลมหายใจเย็นอัดปอด มู่เฉินไม่ใช่คนที่เคี้ยวง่ายอย่างแท้จริง เขาทำให้เฮยกวางร่อแร่โดยไม่สนใจหน้าตาของตระกูลเฉวียนเลย
สายตาบางส่วนมองไปที่ตระกูลเฉวียน ก็เห็นใบหน้าของเหล่าผู้อาวุโสดำมืดเป็นก้นกระทะ
เตะเฮยกวางที่หมดสติออกไป มู่เฉินก็เงยหน้าขึ้นโดยไม่มีการแสดงออกใดๆ และมองไปที่เฉวียนกวาง “ก็ยังขยะเหมือนเดิม”
“ไอ้หนู แกมันโหดจริงๆ” ท่าทางของเฉวียนกวางดูน่ากลัวนัก
ทว่ามู่เฉินก็ไม่ได้สนใจ เขาเหยียดนิ้วกระดิกออก ท่าทีดูถูกของเขาทำให้เส้นเลือดบนหน้าผากของผู้อาวุโสทุกคนเต้นตุบๆ
“อีกรอบเดียว”