หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler - บทที่ 1426 ดวลด้วยเส้นหลิงขั้นเสิน
ซ่าๆๆ!
เมื่อเสียงของเฉวียนจุนดังก้อง เสียงน้ำกระเซ็นก็สะท้อนออกมา จากนั้นผู้คนก็ต้องตกใจเมื่อเห็นแม่น้ำสีดำขนาดใหญ่พุ่งออกมาจากร่างเฉวียนจุนปกคลุมขอบฟ้าครึ่งหนึ่งทันที
แม้ว่าน้ำเหล่านั้นจะดูเบาบาง แต่กลับให้ความรู้สึกหนาแน่นราวกับภูเขาพร้อมกับรัศมีเย็นยะเยือกที่ทำให้ความชื้นในชั้นบรรยากาศกลายเป็นน้ำแข็ง กลั่นตัวเป็นเกล็ดหิมะลงมา
เฉวียนจุนยืนอยู่บนร่างเทพโลกันตร์ยิ่งใหญ่ มองไปที่มู่เฉินอย่างเย็นชาพร้อมกับมวลน้ำสีดำม้วนตัวอยู่โดยรอบ ดูราวกับมังกรตัวมหึมาที่เอิบอาบไปด้วยแรงกดดันที่น่ากลัว
เส้นหลิงขั้นเสินของเฉวียนจุนดึงพลังทั้งหมดออกมา เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีนี้แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนก็ยังเกรงกลัว
ยามนี้ทุกคนบอกได้เลยว่าเฉวียนจุนคลั่งแล้ว
“แพะแก่ตัวนี้มีเส้นหลิงขั้นเสินเหมือนกันเรอะ?” สายตาของมู่เฉินเคร่งเครียดลงหลายส่วนขณะมองไปที่แม่น้ำ เห็นได้ชัดว่าเขารู้สึกได้ถึงพลังที่อยู่ภายใน
“ไป!”
ขณะที่มู่เฉินกำลังจดจ่อ เฉวียนจุนก็ไม่พูดพล่ามทำเพียงชี้นิ้วลงไป
ซ่าๆๆ!
แม่น้ำสายใหญ่ม้วนตัวขึ้นแล้วบีบกดลงมาจากท้องฟ้าพุ่งใส่มู่เฉิน ทันใดนั้นมิติก็ยุบลง ความแข็งแกร่งของมันสามารถบดขยี้กายาหลิงเทียนจุนของจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นหลิงได้ในทันที
หลายคนปาดเหงื่อขณะดูการโจมตีนี้ แม้ว่ามู่เฉินจะมีไพ่ตายมากมาย แต่ถ้าไม่สามารถต้านทานแม่น้ำสายนี้ได้ แม้แต่วิชาสามพิสุทธิ์ก็จะถูกยับยั้งได้
ภายใต้สายตาของทุกคน มู่เฉินก็เงยหน้าขึ้นมองแม่น้ำที่ลดระดับลงมาพลางหายใจเข้าลึกๆ ก่อนที่ลวดลายโบราณสีม่วงจะเริ่มโชติช่วงขึ้นบนร่างกายของเขา
หนึ่ง สอง สาม… รวมทั้งหมดแปด!
เมื่อลวดลายสีม่วงแปดลายสว่างขึ้น เพลิงสีม่วงก็รวมตัวกันในปากของมู่เฉิน เขาพ่นออกไปยังแม่น้ำสีดำ
ฟู่ ฟู่!
สายเพลิงสีม่วงสายหนึ่งพ่นออกจากปากมู่เฉิน ราวกับเป็นมังกรเพลิงสีม่วงปล่อยเสียงคำรามขณะปะทะเข้ากับแม่น้ำสีดำ
ชี่ ชี่!
เมื่อเปลวไฟและแม่น้ำปะทะกัน เสียงฉ่าก็ดังขึ้นพร้อมกับควันพวยพุ่งไปทางดวงอาทิตย์
ทว่าทุกคนก็ต้องตกตะลึงกับเปลวไฟสีม่วง เนื่องจากไม่ว่าแม่น้ำสีดำจะพยายามเทลงมาอย่างไรก็ไม่สามารถขยับเขยื้อนได้
“ไม่น่าแปลกใจที่เพลิงสีม่วงครอบงำขนาดนั้น เพราะนั่นคือเส้นหลิงขั้นเสินแปดชีพจรของมู่เฉิน!”
ในที่สุดทุกคนก็เข้าใจที่มาของเปลวไฟสีม่วงเหล่านั้น เนื่องจากก่อนหน้ามู่เฉินใช้เพียงเล็กน้อย ดังนั้นจึงไม่มีใครสามารถเห็นเส้นหลิงขั้นเสินแปดชีพจรของมู่เฉินได้ แต่ภายใต้อำนาจเต็มมันก็ถูกเปิดเผยออกมา
เมื่อตระกูลเฉวียนเห็นเส้นหลิงขั้นเสินแปดชีพจรของมู่เฉิน พวกเขาต่างก็แสดงออกอย่างน่ากลัวโดยเฉพาะเฉวียนกวาง เนื่องจากในช่วงหลายปีภายในเผ่าฝูถูมีเพียงชิงเหยี่ยนจิ้งเท่านั้นที่มีเส้นหลิงขั้นเสินแปดชีพจร แต่ตอนนี้ดันมาปรากฏขึ้นที่มู่เฉินเป็นคนที่สอง
นั่นไม่ได้หมายความว่าความบริสุทธิ์ของสายเลือดของชิงเหยี่ยนจิ้งและมู่เฉินแข็งแกร่งที่สุดในเผ่าฝูถูหรือ?
เมื่อเทียบกับความอิจฉาริษยาของตระกูลเฉวียน ตระกูลชิงก็ส่งเสียงโห่ร้องโดยเฉพาะผู้อาวุโส พวกเขาทั้งหมดรู้สึกโล่งใจมู่เฉินสมกับเป็นลูกของชิงเหยี่ยนจิ้ง เขามีพรสวรรค์อย่างแท้จริง
ขณะที่ตระกูลต่างๆ ของเผ่าฝูถูมีอารมณ์ที่แตกต่างกัน ฝูถูเฉวียนก็จ้องมองมู่เฉินด้วยดวงตาคมกริบ สายตาของเขาจ้องไปที่ลวดลายสีม่วงของมู่เฉิน เพียงชั่วครู่ก่เขาก็เค้นสียงออกมาด้วยความโกรธ “หึ เส้นหลิงขั้นเสินแปดชีพจรอะไรกัน นี่เป็นของชิงเหยี่ยนจิ้ง นางสกัดออกมาจากตัวตอนที่ตั้งครรภ์และฝังลงในตัวบุตรชาย”
ฝูถูเฉวียนสมกับเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่ง และเข้าใจชิงเหยี่ยนจิ้งดีที่สุด ดังนั้นเขาจึงมองเห็นเล่ห์เหลี่ยมบางอย่างเมื่อมู่เฉินใช้ออกมา
ทุกคนตะลึงเมื่อได้ยินคำพูดนั่น หลายคนรู้สึกอิจฉา “เป็นแม่ที่ดีจริงๆ!”
เฉวียนหลัวก็รู้สึกอิจฉา แต่กลับพูดออกมาว่า “มิน่าพรสวรรค์ของมู่เฉินถึงน่าตกใจมาก ที่แท้ก็เป็นเพราะเส้นหลิงขั้นเสินแปดชีพจรที่ชิงเหยี่ยนจิ้งมอบให้เขา”
“ถ้าไม่มีเส้นหลิงขั้นเสินแปดชีพจร ไอ้กาลกิณีจะแข่งขันกับเราได้อย่างไร?”
พรรคพวกรอบๆ พยักหน้า ตอนแรกพวกเขายังคิดว่ามู่เฉินพึ่งพาตัวเองในการเติบโต แต่เมื่อพิจารณาจากที่เห็นในตอนนี้ชิงเหยี่ยนจิ้งวางรากฐานไว้ให้เขาตั้งแต่เกิดแล้ว
ถึงแม้จะไม่ได้หมายความว่าการครอบครองเส้นหลิงขั้นเส้นแปดชีพจรจะประสบความสำเร็จอย่างน่าตกใจ แต่อย่างน้อยก็สามารถเพิ่มโอกาส เส้นทางการฝึกของพวกเขาจะทิ้งห่างเมื่อเทียบกับคนอื่นๆ
การมีอคติต่อมู่เฉิน ทำให้พวกเขาชี้ชัดว่ามู่เฉินประสบความสำเร็จเพราะเส้นหลิงที่ชิงเหยี่ยนจิ้งปลูกฝังไว้ให้
มู่เฉินก็ได้ยินเสียงของฝูถูเฉวียนเช่นกัน ทว่าสายตาไม่ได้มีความผันผวนแต่อย่างใด เขามุ่งเน้นไปที่การเผชิญหน้าระหว่างเพลิงม่วงและแม่น้ำสีดำ
แม้ว่าทั้งสองฝ่ายจะตกอยู่ในภาวะสูสี แต่มู่เฉินกลับหรี่ตาลง เนื่องจากสัมผัสได้ว่าแม่น้ำสีดำยังคงมีพลังซ่อนอยู่และยังไม่ระเบิดออกมา
เขากวาดสายตามองไปที่เฉวียนจุนก็เห็นความเฉยเมยบนใบหน้าโดยไม่มีความโกรธใดๆ กับสถานการณ์นี้
เมื่อรู้สึกถึงสายตาอีกฝ่าย เฉวียนจุนก็มองมาพลางยิ้มอย่างไม่แยแสก่อนที่จะเอ่ยเยาะ “เส้นหลิงขั้นเสินแปดชีพจรของชิงเหยี่ยนจิ้งน่าเกรงขามอย่างแท้จริง”
ทว่ามู่เฉินไม่ได้ตอบสนองอะไร ราวกับว่าไม่ได้ยิน
เฉวียนจุนยืนเอามือไพล่หลัง “เพลิงสีม่วงของเจ้าไม่ง่ายเลยที่จะต้านทานแม่น้ำใต้พิภพของข้าได้ ถ้าเจ้าอยู่ในระดับเดียวกับข้า แม่น้ำของข้าคงไม่สามารถต้านทานได้”
แม้ว่าแม่น้ำนี่จะเป็นทักษะของเส้นหลิงขั้นเสินเจ็ดชีพจร แต่ไม่ว่าอย่างไรก็มีช่องว่างระหว่างขุมพลังของพวกเขาอยู่
“แต่น่าเสียดายโลกนี้ไม่มีความยุติธรรมแท้จริง ในเมื่อแกท้าทายตระกูลเฉวียนของข้า ดังนั้นก็ต้องเตรียมใจรับความล้มเหลวไป”
เฉวียนจุนส่ายหัวก่อนที่จะหายใจเข้าลึก เลือดกลั่นพรมลงบนแม่น้ำสีดำ
ตู้ม ตู้ม ตู้ม!
ทันใดนั้นแม่น้ำสีดำก็เริ่มหมุนคว้างแล้วหดตัวลงอย่างรวดเร็ว มิหนำซ้ำยังมีริ้วสีแดงเข้มปรากฏในแม่น้ำสีดำ
ชี่ ชี่!
เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ เปลวไฟสีม่วงที่ตอนแรกสามารถต้านไว้ได้ก็ระเบิดควันขาวขึ้นทันที เปลวไฟสลายหายไปอย่างรวดเร็วภายใต้การกัดกร่อนของแม่น้ำสีดำ
ฉากนี้ทำให้เกิดความโกลาหลในบริเวณโดยรอบ ขณะที่สมาชิกตระกูลชิงมีการเปลี่ยนแปลงในการแสดงออกรุนแรง
ทุกคนบอกได้ว่าความได้เปรียบของเฉวียนจุนเริ่มเพิ่มขึ้น ขณะที่มู่เฉินกำลังทนทุกข์จากขุมพลังที่ด้อยกว่า แม้แต่เส้นหลิงขั้นเสินแปดชีพจรก็ไม่สามารถชดเชยช่องว่างได้
แม่น้ำสีดำส่งเสียงลั่น ผลักเปลวไฟสีม่วงกลับมาอย่างต่อเนื่อง
“มู่เฉินแพ้แล้ว”
หลายคนส่ายหัวด้วยความเสียดายกับฉากนี้ ความได้เปรียบตกอยู่ในมือของเฉวียนจุนแล้ว ตราบใดที่ปราบปรามได้มู่เฉินก็ต้องแพ้อย่างแน่นอน
เหล่าผู้อาวุโสตระกูลชิงก็มีสีหน้าซีดเซียว พวกเขาไม่คิดว่าเส้นทางของมู่เฉินจะหยุดลงตรงนี้
แต่พวกเขารู้ดีว่ามู่เฉินได้ทำเต็มที่แล้ว การสู้ถึงระดับนี้ด้วยขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นหลิงระยะต้น แสดงให้เห็นแล้วว่าเขาไม่ธรรมดาเพียงใด
“จากวันนี้ไปตระกูลชิงจะต้องปกป้องมู่เฉินด้วยทั้งหมดที่มี” ชิงเทียนประกาศด้วยสีหน้าเคร่งขรึม เขารู้ว่าตระกูลเฉวียนจะไม่ปล่อยให้เรื่องนี้ให้สงบลงได้ ดังนั้นตระกูลชิงก็ไม่สามารถนั่งมองเฉยๆ ได้อีกต่อไป
ชิงเซวียนและชิงหยุนพยักหน้า
“ผลลัพธ์ถูกกำหนดแล้ว” เฉวียนกวางรู้สึกโล่งใจ ก่อนที่แสงเย็นจะฉายในดวงตา ในเมื่อมู่เฉินไม่สามารถบรรลุเป้าหมายได้ หลังจากนี้เมื่อตระกูลเฉวียนและมั่วเข้าควบคุมสภาผู้อาวุโส พวกเขาจะให้ไอ้เด็กนี่ชดใช้จนกระอักตาย!
ตู้ม ตู้ม!
เมื่อเปลวไฟสีม่วงสลายไป เฉวียนจุนก็มองไปที่มู่เฉิน เสียงไม่แยแสดังสะท้อนออกมาว่า “เจ้าแพ้แล้ว”
“ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนได้เปรียบอย่างแท้จริง”
มู่เฉินไม่ได้สนใจเขา หากพวกเขาอยู่ในระดับเดียวกัน เขามั่นใจว่าจะสามารถทำลายแม่น้ำใต้พิภพคร่าชีวิตได้ด้วยเพลิงม่วงของเขา
เมื่อเฉวียนจุนเห็นว่ามู่เฉินไม่มีความกลัวในสายตา เขาก็รู้สึกตะขิดตะขวงใจพลางคิดว่าชายหนุ่มคงจะทำตัวเป็นเข้มแข็ง ดังนั้นเขาจึงสะบัดแขนเสื้อพร้อมกับเค้นเสียงขึ้นจมูก
ตู้ม!
แม่น้ำสีดำไหลลงมาและดับเปลวไฟสีม่วงก่อนที่จะห่อหุ้มมู่เฉิน
“ข้าจะขังเจ้าไว้ ให้เจ้าคร่ำครวญถึงความโง่เขลาของตัวเอง!”
ซ่าๆๆๆ!
แม่น้ำสีดำโอบล้อมมู่เฉินภายใต้ความสนใจทั้งหมด เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์มู่เฉินหมดท่าแล้ว
หลายคนส่ายหัว ช่างน่าเสียดายเนื่องจากเขาอยู่ห่างจากความสำเร็จอีกก้าวเดียวเท่านั้น ทว่าก็ถูกยับยั้ง ตระกูลเฉวียนสมกับเป็นตระกูลที่แข็งแกร่งในเผ่าฝูถูอย่างแท้จริง
แม่น้ำสีดำสะท้อนในม่านตา ทว่าเผชิญกับสถานการณ์สิ้นหวังมู่เฉินก็ไม่แสดงอารมณ์ใดๆ พลางพึมพำ “ในเมื่อเส้นหลิงขั้นเสินแปดชีพจรยังไม่สามารถชดเชยช่องว่างได้… งั้นก็ปลี่ยนเป็นอีกขั้นแล้วกัน”
มือของเขาประสานเข้าด้วยกัน ก่อนที่ร่างกายจะเปล่งรัศมีกระจ่างใส
ในเวลาเดียวกันลวดลายสีม่วงทั้งแปดก็กลายเป็นสีแรกเริ่ม ลวดลายที่เก้าค่อยๆ ก่อตัวขึ้น…
เมื่อลวดลายที่เก้าถูกสร้างขึ้น แม้แต่ฝูถูเฉวียนก็มีท่าทางเปลี่ยนแปลง เขาลุกขึ้นทันทีพลางมองร่างที่ไกลออกไปบนท้องฟ้าจากยอดเขาด้วยความไม่เชื่อ