หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler - บทที่ 1430 ต้านทั้งเผ่าด้วยตัวคนเดียว
ครืน!
ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์และดวงดาวพุ่งลงมาพร้อมกับค่ายกลขนาดมหึมา ทำให้ใบหน้าของจอมยุทธ์นับไม่ถ้วนเปลี่ยนไป
ทุกคนมีสีหน้าหวาดผวา ต่อให้เป็นจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุน ก็ยังรู้สึกหวาดกลัวค่ายกลมหึมาบนท้องฟ้าเลย
ใบหน้าของเฉวียนกวางและมั่วถงเปลี่ยนไป พวกเขาอุทานด้วยความกลัว “ค่ายกลพิทักษ์?!”
ทั้งสองคนฉายสีหน้าตกใจกลัว พวกเขารู้ชัดเกี่ยวกับค่ายกลที่อยู่เบื้องหน้าดี นี่คือค่ายกลพิทักษ์ของเผ่าฝูถู ซึ่งเป็นโครงสร้างพิถีพิถันที่ส่งต่อกันมาหลายชั่วอายุคนเพื่อปกป้องสมาชิกเผ่าทั้งหมดเอาไว้ มากจนแม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งก็ไม่สามารถทำลายได้
ทว่าค่ายกลพิทักษ์ที่เป็นเกราะป้องกันของพวกเขากลับถูกเปิดใช้งานโดยไม่มีคำสั่งจากพวกเขา แล้วพวกเขาจะไม่กลัวได้อย่างไร?
“ใครเป็นคนกระตุ้นค่ายกลพิทักษ์?!”
เฉวียนกวางและมั่วถงมองไปที่มู่เฉินที่ยืนอยู่บนท้องฟ้าด้วยความไม่อยากจะเชื่อ เนื่องจากตอนนี้มีการเชื่อมโยงที่ลึกซึ้งระหว่างอีกฝ่ายกับค่ายกล
“เป็นไปได้ยังไง?!” ทั้งสองคนตะลึงพรึงเพริดกับภาพนี้ พวกเขาไม่เข้าใจว่าทำไมมู่เฉินถึงสามารถควบคุมค่ายกลของเผ่าได้
“นี่…นี่…”
ชิงเทียนและสมาชิกตระกูลชิงก็ฉายความตกใจบนใบหน้า แม้แต่ท่าทางของชิงเซวียนก็เปลี่ยนไปเนื่องจากนางเป็นคนที่วางแถบหยกที่มีแก่นแท้เลือดของมู่เฉินไว้ในค่ายกล แต่นางไม่คิดมาก่อนว่ามู่เฉินจะสามารถควบคุมได้
“อย่างนี้นี่เอง…”
เย่าเฉินหัวเราะร่วน เขาเข้าใจที่มาของความมั่นใจมู่เฉินแล้ว ที่แท้ชายหนุ่มสามารถเข้าควบคุมค่ายกลพิทักษ์ของเผ่าฝูถูได้โดยไม่มีใครรู้
ด้วยค่ายกลนี้ตราบใดที่ไม่ใช่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่ง ก็ไม่มีใครสามารถทำอะไรกับมู่เฉิน ได้
“ไม่เลว รู้จักวางแผนก่อนเคลื่อนไหว ซ่อนไม้เด็ดทรงพลังโดยไม่มีใครรู้” หลินเตียวเอ่ยชื่นชม
หลินจิ้งเบิกตากว้างขณะที่หัวเราะเบาๆ “ใช้ค่ายกลเผ่าฝูถูจัดการกับพวกมันเอง มู่เฉินนี่ยอดเยี่ยมจริงๆ”
เซียวเซียวพยักหน้า การเดินทางมายังเผ่าฝูถูของมู่เฉินก็เพื่อช่วยมารดา การทำเช่นนี้ช่วยคลายความโกรธแค้นได้ดีจริงๆ
ครืน!
ขณะที่ทุกคนตกใจ มู่เฉินก็กวาดสายตาเย็นชามองลง มือข้างหนึ่งวาดตราประทับเร็วรี่ ทันใดนั้นค่ายกลมหึมาก็เริ่มหมุนคว้าง รังสีแสงขนาดหมื่นจั้งสิบกว่าสายก็ยิงลงมา
ตู้ม ตู้ม!
เมื่อรังสีพุ่งลงมาก็ทำลายการโจมตีของเหล่าผู้อาวุโสอย่างง่ายดาย สมกับเป็นค่ายกลพิทักษ์เผ่าโบราณจริงๆ
พอเห็นการโจมตีสลายไปอย่างง่ายดาย ผู้อาวุโสของทั้งสองตระกูลก็อดไม่ได้ที่จะมีปฏิกิริยาเปลี่ยนไป แต่ละคนอยากจะถอยหนีจริงๆ เผชิญหน้ากับมู่เฉินที่ควบคุมค่ายกล พวกเขาไม่ได้เปรียบใดๆ ทั้งสิ้น
“คิดหนีเหรอ?”
แต่ความคิดของพวกเขาถูกมองผ่านโดยมู่เฉิน ชายหนุ่มเค้นเสียงเย็น ผีแก่ที่มั่นใจมากเมื่อครู่ด้วยความคิดว่าสามารถจัดการกับเขาได้ กำลังพยายามจะหนีออกไป จะง่ายขนาดนั้นได้อย่างไร?
เมื่อนึกถึงเกี่ยวกับเรื่องนี้ มือของมู่เฉินก็ประสานเข้าด้วยกันและเชื่อมต่อกับค่ายกล ทันใดนั้นแสงไร้ขอบเขตก็รวมตัวกันในค่ายกล ได้ยินเสียงอื้ออึงดังสนั่นก่อนที่ภูเขาขนาดใหญ่สิบกว่าลูกที่สร้างจากคลื่นหลิงจะถูกก่อตัวขึ้น ภูเขาเหล่านั้นดูแวววาว หนักราวล้านตัน เมื่อพวกมันปรากฏแม้แต่มิติก็รับน้ำหนักไม่ไหวและพังทลายลง
ตู้ม!
มู่เฉินสะบัดแขนเสื้อ ภูเขาเหล่านั้นก็กดลง ก่อนที่จะตกใส่ผู้อาวุโสของทั้งสองตระกูล
เมื่อผู้อาวุโสเหล่านั้นเห็นฉากนี้ ใบหน้าก็หมดสีสัน พวกเขารู้สึกได้ถึงพลังน่ากลัวจากภูเขาเหล่านั้น
ด้วยพลังของค่ายกลพิทักษ์ มู่เฉินกลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าสะพรึงกลัวในขณะนี้ เขาสามารถทำให้แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนยังหนังหัวชาหนึบ
“ถอยเร็ว!”
เหล่าผู้อาวุโสรู้สึกหวาดกลัวและไม่กล้าเผชิญหน้าโดยตรง ดังนั้นพวกเขาจึงเร่งความเร็วไม่กี่ลมหายใจก็ปรากฏตัวห่างออกไปหลายร้อยลี้
ครืน!
แต่ไม่ว่าพวกเขาจะหลบหนีอย่างไร ภูเขาเหล่านั้นก็มาปรากฏขึ้นราวกับว่าทะลุผ่านมิติกระแทกลงมาทำให้แต่ละคนถูกทับเป็นกล้วยปิ้ง
ผู้ชมอ้าปากตาค้างเมื่อมองไปที่ภูเขาที่กำลังปราบปรามผู้อาวุโสเผ่าฝูถู
“ซี้ด!”
ทุกคนอดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเย็น ใครจะคิดได้ว่าเพียงสิบกว่าลมหายใจผู้อาวุโสที่ปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนเหยื่อจะถูกระงับอย่างไร้ประโยชน์
สมาชิกในเผ่าฝูถูก็พูดไม่ออก ทั้งเฉวียนหลัว มั่วซินและพรรคพวกก็ตกตะลึง ตอนแรกพวกเขาคิดว่ามู่เฉินจะไม่สามารถหลบหนีได้ แต่ใครจะคิดว่าอีกฝ่ายจะสามารถควบคุมค่ายกลและปราบปรามผู้อาวุโสของเผ่าได้ในพริบตา
ใบหน้าของเฉวียนกวางและมั่วถงเขียวคล้ำ วันนี้ตระกูลของตนได้รับความอับอายอย่างที่สุด จอมยุทธ์ทั้งสองตระกูลออกโรง ไม่เพียงแต่จะจับมู่เฉินไม่สำเร็จ แต่กลับยังถูกปราบปรามแทน
“มู่เฉิน เวลานี้ยังคิดจะต่อต้านอยู่รึ? แกคิดว่าเผ่าฝูถูไม่สามารถทำอะไรแกได้ใช่ไหม?!” เฉวียนกวางแผดเสียงตะโกน
พอได้ยินเสียงเห่านั่น มู่เฉินก็กวาดสายตาไปมองอย่างไม่แยแส มือวาดตราประทับ ทันใดนั้นค่ายกลก็เริ่มหมุนคว้าง ก่อตัวเป็นมือขนาดใหญ่ตบลงมายังทิศของเฉวียนกวาง
ฝ่ามือทำให้มิติแตกสลาย เทือกเขาลดระดับถึงพื้นกลายเป็นปากปล่องภูเขาไฟดูราวกับเหวนรก
“อวดดี!”
เฉวียนกวางตะโกนลั่น ร่างกำจายรัศมีหลิงขณะที่เงาร่างใหญ่โตก่อตัวขึ้นราวกับท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวโคจร
เฉวียนกวางเร้าร่างเวทสวรรค์ออกมา
ร่างเงาขนาดใหญ่ผลักมือขึ้นปะทะกับมือที่พุ่งลงมา
ครืนๆ!
เกิดการระเบิดขนาดใหญ่ ทำให้แก้วหูแทบแตก หลายคนก็ตกใจเมื่อเห็นร่างเวทสวรรค์ขนาดใหญ่ถูกทุบลงมาจากท้องฟ้า ทำให้พื้นดินพังทลาย
เฉวียนกวางยืนอยู่บนไหล่ร่างเวทสวรรค์ด้วยใบหน้าเขียวคล้ำ เขาอยู่ในตำแหน่งเสียเปรียบในการต่อสู้กับมู่เฉิน
“มั่วถงลงมือพร้อมกัน! ค่ายกลพิทักษ์ต้องใช้พลังมหาศาล ไอ้เด็กนั่นอยู่ได้ไม่นานหรอก!” หมดเวลาที่เฉวียนกวางจะกังวลเกี่ยวกับชื่อเสียง เขาต้องการร่วมมือกับมั่วถงเพื่อจัดการกับมู่เฉิน
“ตกลง!”
มั่วถงตัดสินใจเด็ดขาดพลางพยักหน้า ตอนนี้มู่เฉินควบคุมค่ายกลพิทักษ์ พวกเขาต้องพ่ายแพ้แน่หากไม่ร่วมมือกัน
ตู้ม ตู้ม!
ดังนั้นเมื่อมีการเร้าร่างเวทสวรรค์ใหญ่โตสองร่าง แรงกดดันของของจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนระยะปลายสุดก็กวาดไปหามู่เฉิน
ทว่าเผชิญหน้ากับความร่วมมือของพวกเขา ไม่เพียงแต่มู่เฉินจะไม่กลัวยังเค้นเสียงใส่ ขณะที่ตราประทับเปลี่ยนแปลงไปมา ค่ายกลเริ่มหมุนคว้าง มือขนาดใหญ่พุ่งลงมาจากท้องฟ้าไม่หยุด ช่างดูราวกับมือเทพ ทุกสรรพสิ่งต้องแตกสลายภายใต้การโจมตีนี้
ตู้ม ตู้ม!
การต่อสู้สะเทือนโลกากวาดข้ามขอบฟ้า ทำให้หัวใจของผู้คนกระเด้งกระดอน แต่เมื่อเวลาผ่านไปทุกคนก็บอกได้ว่าเฉวียนกวางและมั่วถงเริ่มตกอยู่ในสถานะเสียเปรียบ
ค่ายกลพิทักษ์เผ่าฝูถูทรงพลังมากเกินไป ถึงยังไงค่ายกลนี่เผ่าฝูถูโบราณก็พึ่งพาในช่วงวิกฤตมิหนำซ้ำยังสามารถต้านจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งได้ แม้ว่ามู่เฉินจะไม่สามารถนำพลังที่แท้จริงออกมาได้ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะจัดการกับจอมยุทธ์ทั้งสองนี้
“ดูเหมือนเฉวียนกวางและมั่วถงจะถูกปราบแล้ว” หลินจิ้งยิ้มให้กับฉากนี้
“ไม่แยแสอัจฉริยะปล่อยไปตามยถากรรม เผ่าฝูถูดื้อรั้นอย่างแท้จริง ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมถึงค่อยๆ กลายเป็นเผ่าที่อ่อนแอที่สุดในบรรดาห้าเผ่าโบราณ” เซียวเซียวส่ายหน้าพลางเอ่ย
หลินเตียวและเย่าเฉินพยักหน้าและถอนหายใจ ใครจะคิดว่ามู่เฉินสามารถพลิกเผ่าฝูถูคว่ำลงด้วยตัวคนเดียว?
ขณะนี้เองมู่เฉินก็สังเกตเห็นเฉวียนกวางและมั่วถงเริ่มหมดแรง เขาจึงเค้นเสียง ตราประทับเปลี่ยนแปลง ภูเขาขนาดใหญ่สองลูกก็ตกลงมาจากท้องฟ้า
ภูเขาทั้งสองลูกบดบังแสงของดวงอาทิตย์ ราวกับดวงดาว พลังที่แผ่ซ่านออกมาน่ากลัวกว่าที่เคยใช้ในการปราบปรามผู้อาวุโสคนอื่น
ใบหน้าของเฉวียนกวางและมั่วถงเปลี่ยนไปเมื่อเห็นสิ่งนี้ พวกเขารีบเร้าร่างเวทสวรรค์อย่างเต็มที่เพื่อต่อต้านภูเขา
ตู้ม!
แต่เห็นได้ชัดว่าพวกเขาประเมินขอบเขตค่ายกลพิทักษ์ต่ำเกินไป เมื่อภูเขาบีบเข้ามา ร่างเวทสวรรค์ก็แตกเป็นเสี่ยงๆ
อ็อก
ทันใดนั้นใบหน้าของเฉวียนกวางและมั่วถงก็ซีดลง พวกเขากระอักเลือดออกมาพร้อมกับแววสยดสยองพล่านในดวงตา
ตู้ม!
แต่ก่อนที่พวกเขาจะหลบหนีได้ ภูเขาก็กระแทกอย่างหนักหน่วงกดร่างพวกเขาลงไปกับพื้นดิน
ตึง ตึง!
พื้นดินสั่นสะเทือน ภูเขาวาวแสงสองลูกตั้งตระหง่าน ภายใต้ภูเขาใบหน้าของเฉวียนกวางและมั่วถงก็ไร้สีเลือด พวกเขากระอักเลือดจากการปราบปรามของภูเขา
คลื่นหลิงค่อยๆ สงบลง ทว่าความเงียบงันกลับปกคลุมไปทั่วบริเวณ ทุกคนตกตะลึงมองไปที่ร่างอ่อนเยาว์ด้วยความหวาดหวั่น
ร่างนั้นเหยียดตรงเปล่งรัศมีคมชัด
สมาชิกเผ่าฝูถูต่างกลืนน้ำลายลงคอด้วยความกลัว แม้แต่ผู้อาวุโสตระกูลชิงก็ยังตกใจกับความสำเร็จของมู่เฉิน
“สวรรค์ สัตว์ประหลาดนั่น…”
บางคนพึมพำออกมา ใครจะจินตนาการได้ว่าชายหนุ่มอ่อนเยาว์จะจัดการผู้อาวุโสตระกูลเฉวียนและมั่วด้วยตัวคนเดียว
เขาเผชิญหน้ากับเผ่าฝูถูทั้งหมดด้วยตัวเองอย่างแท้จริง!
ทว่ามู่เฉินไม่ได้ให้ความสนใจกับสายตาเหล่านั้น แต่จ้องมองไปที่ฝูถูเฉวียนก่อนเสียงเย็นชาของเขาจะดังขึ้น
“ฝูถูเฉวียน วันนี้แกจะปล่อยหรือไม่ปล่อย?!”