หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler - บทที่ 1443 หลิ่วไป่ฮวา
ตู้ม!
หลังคาโถงถูกฉีกออกจากกันด้วยมือที่มองไม่เห็น แสงแดดส่องลงมากระทบร่างทุกคนที่นี่ แต่ทุกคนกลับไม่รู้สึกถึงความอบอุ่นของดวงตะวันเลย ตรงกันข้ามพวกเขาสัมผัสได้ถึงความหนาวเหน็บที่น่ากลัว
นั่นเป็นเพราะที่สาดส่องลงมาพร้อมแสงตะวันก็คือไอสังหารเย็นเยือก
ดังนั้นทุกคนจึงได้แต่ตัวสั่นงันงกเมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นคลื่นหลิงไร้ขอบเขตรวมตัวกันในหมู่เมฆพร้อมกับสตรีสวมชุดชาววัง สายตาของนางเต็มไปด้วยความเย็นชาและเจตนาฆ่าที่ทำให้ทุกคนรู้สึกเจ็บปวดในดวงตา จนพวกเขาไม่กล้ามองนาง
แรงกดดันคลื่นหลิงทรงพลังกำจายออกมาจากร่างของนางอย่างต่อเนื่อง ล้อมรอบเมืองไป่หลิงทั้งหมดไว้ ทำให้ทุกคนตัวสั่นเทิ้มจากการบีบคั้นของระดับเทียนจื้อจุน
เมื่อมองไปที่สตรีคนนั้น ทุกคนก็รู้สึกว่าหัวใจเต้นไม่เป็นส่ำ พวกเขาจำได้ชัดเจนว่านางเป็นมารดาของราชันไป่หลิง ประมุขสำนักร้อยบุปผา—หลิ่วไป่ฮวา มิหนำซ้ำยังเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นหลิงอีกด้วย
“ท่านแม่! ท่านแม่! เร็ว ช่วยข้าด้วย!”
เมื่อเห็นการปรากฏตัวของหลิ่วไป่ฮวา ราชันไป่หลิงก็คำรามรุนแรง อารมณ์ที่อัดอั้นระเบิดออกเต็มที่ “ไอ้บ้านั่นตัดแขนข้าสองข้าง ท่านอย่าปล่อยมันไปนะ!”
เมื่อเห็นร่างบุตรชายโชกเลือกซ้ำยังไม่มีแขน หลิ่วไป่ฮวาก็รู้สึกว่าปอดกำลังจะระเบิดด้วยความโกรธ นางถนอมบุตรชายราวกับของแก้วล้ำค่า นี่คือเหตุผลว่าทำไมนางจึงยอมให้เขามาปกครองทวีปและกลายเป็นราชัน
ดังนั้นเมื่อเห็นลูกรักถูกตัดแขน ความโกรธของนางก็ระเบิดตูม
“ไม่ต้องกังวล พ่อเจ้ากำลังเร่งรุดมากับพรรคพวก วันนี้ข้าจะดูว่าไอ้หน้าโง่คนไหนกล้าทำร้ายลูกชายของข้าในทวีปไป่หลิงนี้!” เสียงเยือกเย็นของหลิ่วไป่ฮวาดังสะท้อนโดยปราศจากความอบอุ่นใดๆ
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้นพวกมู่เฟิงก็มีท่าทีเปลี่ยนไป พวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะไปตีรังผึ้งในครั้งนี้ ฟังจากคำพูดของนาง ประมุขตำหนักปลายเหนือไม่ได้มาแค่คนเดียวแต่มีผู้ช่วยมาด้วย
สายตาเย็นชาของหลิ่วไป่ฮวากวาดไปทั่วห้องโถง ก่อนที่เอ่ยด้วยเสียงเยือกเย็น “ใครเป็นคนทำ?”
ทุกสายตาจ้องมองไปที่มู่เฉินที่ตอนนี้กำลังคลึงถ้วยในมือเล่นก่อนที่เขาจะเงยหน้าขึ้นมองไปที่หลิ่วไป่ฮวา “ดูท่าว่าเจ้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อขอโทษนะ?”
พอได้ยินคำพูดของเขา หลิ่วไป่ฮวาก็หัวเราะออกมาด้วยความโกรธ “ขอโทษรึ? สมองแกเน่าไปแล้วมั้ง!”
มู่เฉินพูดต่อ “พวกเจ้าปล่อยให้ไอ้โง่นี้ทำตามอำเภอในในทวีปไป่หลิง ทำร้ายบิดาข้าและพยายามบังคับให้เพื่อนรักของข้าแต่งให้มัน ในเมื่อพวกเจ้าไม่สั่งสอน ข้าก็เลยจะจัดการให้เอง”
“แกคิดว่าตัวเองเป็นใคร?!” หลิ่วไป่ฮวารู้สึกแค้นเคืองกับคำพูดของมู่เฉินก่อนที่นางจะพูดต่อ “ทวีปไป่หลิงเป็นของสามีข้ามอบให้บุตรชาย เขาเป็นผู้ปกครองที่นี่ ถึงเขาจะทำเรื่องที่แกว่ามาแล้วจะยังไง”
“ดูเหมือนว่าตัวแม่ก็เป็นหญิงโง่ไม่มีเหตุผล”
มู่เฉินขมวดคิ้วพูดต่อ “งั้นตั้งแต่วินาทีนี้ทวีปไป่หลิงเป็นของข้าแล้ว”
“สามหาว ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ!”
หลิ่วไป่ฮวาก้าวออกไป คลื่นหลิงไร้ขอบเขตพวยพุ่งออกมาจากแขนเสื้อนางกลายเป็นพายุดอกไม้ห่อหุ้มไปที่ร่างมู่เฉิน
“ต้องการยึดทวีปไป่หลิงเรอะ? แกยังไม่มีความสามารถพอ!”
พายุดอกไม้ส่งเสียงหวีดหวิว แวววาวราวกับอัญมณี ดอกไม้ทุกดอกมีพลังหลิงที่ควบแน่นมากซึ่งสามารถสังหารจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มได้อย่างง่ายดาย ด้วยการรวมตัวกันเป็นจำนวนมาก ตราบใดที่หลิ่วไป่ฮวาต้องการ นางก็สามารถทำให้ทั้งเมืองไป่หลิงอาบไปด้วยเลือดทันที
ทว่าเมื่อมู่เฉินมองไปที่ดอกไม้ก็ไม่มีแม้แต่คลื่นกระเพื่อมในดวงตา เขาสามารถต่อกรกับจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนระยะต้นได้ตั้งแต่ตอนอยู่ในขั้นหลิงระยะต้น ยิ่งตอนนี้เขาบรรลุระยะกลางแล้ว หลิ่วไป่ฮวาที่มีขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นหลิงระยะต้นก็ไม่มีอะไรอยู่ในสายตาเขา
ดังนั้นเขาจึงเปิดปากพ่นพายุคลื่นหลิงไปปะทะกับพายุดอกไม้ ลบล้างออกไปอย่างสมบูรณ์
ฉากนี้ทำให้ใบหน้าของผู้คนเปลี่ยนไป แม้ว่าพวกเขาจะรู้ว่ามู่เฉินเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นหลิง แต่พวกเขาก็ไม่เคยคิดมาก่อนว่าเขาจะสามารถแก้ไขการโจมตีของหลิ่วไป่ฮวาได้อย่างง่ายดายแบบนี้
“แกมีความสามารถพอตัว มิน่าล่ะถึงกล้าอวดดีขนาดนี้!” หลิ่วไป่ฮวาหดตาลง ใบหน้าก็เย็นเยือกลง นางไม่รั้งรออีกต่อไป แสงหลิงพร่างพราวออกมาจากร่างกาย ตอนนี้นางเปิดใช้คลื่นหลิงเต็มกำลังแล้ว
“ทักษะหลิงไม่เสินทง ร้อยบุปผาสังหาร!”
หลิ่วไป่ฮวาชี้ไปทางมู่เฉินจากระยะไกลด้วยสายตาเย็นชา
ฮึ่ม!
ทันทีที่หลิ่วไป่ฮวาชี้นิ้วลง ทุกคนก็ต้องตกใจเมื่อเห็นดอกไม้สีแดงเข้มแปลกประหลาดงอกออกมารอบตัวมู่เฉิน ก่อนที่จะกลืนกินร่างมู่เฉินเข้าไป
“หึ ไอ้หนู คิดว่าบรรลุเทียนจื้อจุนแล้วจะอวดดีได้เรอะ ทักษะหลิงไม่เสินทงของข้าผิดแผก ตราบใดที่ถูกกลืนกิน กระทั่งจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นหลิงก็ต้องสูญสลาย!” เมื่อหลิ่วไป่ฮวาเห็นมู่เฉินถูกดอกไม้สีแดงเขมือบ นางก็เค้นเสียงเยาะเย้ยใส่
เมื่อมู่เฟิงและถังเชียนเอ๋อเห็นฉากนี้ ใบหน้าก็เปลี่ยนไป ส่วนชิงเหยี่ยนจิ้งยังมีสีหน้าสงบนิ่งพลางตบหลังมือมู่เฟิงเบาๆ เป็นการปลอบใจ
ผู้นำขั้วอำนาจอื่นๆ ต่างส่ายหัว ดูท่าหลิ่วไป่ฮวาจะมีไหวพริบในการเผชิญหน้ามากกว่า
“ฮ่าๆๆๆ!” ราชันไป่หลิงหัวเราะร่วน จากนั้นก็มองไปที่มู่เฟิง ถังเชียนเอ๋อและคนอื่นๆ ด้วยสายตาโหดเหี้ยม
“ก็แค่ทักษะหลิงไม่เสินทงจากเส้นหลิงขั้นเทียน ทรงพลังอย่างที่เจ้าพูดซะที่ไหน…”
ทว่าในขณะที่ราชันไป่หลิงหัวเราะสาแก่ใจ เสียงหนึ่งก็ดังก้องออกมาจากดอกไม้สีแดงเข้ม พริบตาทุกคนก็มองเห็นเพลิงสีม่วงลุกขึ้นจากภายในดอกไม้ ก่อนที่จะสลายดอกไม้สีแดงเข้มที่แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นหลิงก็ไม่อาจหลุดพ้นไปได้
หลิ่วไป่ฮวาตกตะลึงกับภาพนี้ นางรู้ชัดเกี่ยวกับทักษะหลิงไม่เสินทงของตนเองดี หากจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนที่อยู่ในระดับเดียวกันตกอยู่ในนั้น ต่อให้มีความสามารถก็ต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่าจะหลุดพ้น แต่ตอนนี้แค่ไม่กี่อึดใจยังยับยั้งมู่เฉินไว้ไม่ได้?
“ดูเหมือนจะพูดดีๆ กับผู้หญิงไร้สมองอย่างเจ้าไม่ได้แล้ว…” มู่เฉินเงยหน้ามองหลิ่วไป่ฮวาอย่างไม่แยแส “ในเมื่อเป็นแบบนี้ ก็คุยด้วยกำปั้นแล้วกัน”
เมื่อพูดจบเขาก็เปิดปากเพลิงสีม่วงลุกโชติช่วงกวาดออกมาในพริบตา กลายเป็นมังกรเพลิงสีม่วงพุ่งเข้าหาหลิ่วไป่ฮวา
มังกรม่วงทะยานเข้าไป หลิ่วไป่ฮวาก็หดดวงตา เนื่องจากนางได้เห็นว่าเปลวไฟสีม่วงทรงพลังเพียงใด ดังนั้นนางจึงไม่กล้าประมาท ฝ่ามือประสานกันทันที ทันใดนั้นคลื่นหลิงไร้ขอบเขตก็ระเบิดออกกลายเป็นกำแพงดอกไม้
แม้กำแพงจะดูอ่อนแอ แต่ก็เป็นการป้องกันทรงพลังที่สามารถต้านทานการโจมตีจากจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นหลิงได้อย่างเต็มที่
แต่เมื่อเปลวไฟสีม่วงสัมผัส กำแพงก็ไม่สามารถต้านทานได้เลยแม้แต่น้อย ลุกไหม้และพังทลายลงในพริบตา
ในที่สุดหลิ่วไป่ฮวาก็ฉายความหวาดผวาบนใบหน้า เนื่องจากกระทั่งการป้องกันแข็งแกร่งที่สุดของนางก็ไม่สามารถต้านทานการเคลื่อนที่ของเปลวไฟสีม่วงได้ ยามนี้นางตระหนักได้ถึงช่องว่างระหว่างตนเองกับมู่เฉินแล้ว
“ให้ตายเถอะ ประเมินเจ้าเด็กนั่นต่ำไป ข้าต้องถอยก่อนแล้วรอให้ตาแก่กับพรรคพวกมาจัดการกับเจ้าเด็กนี่!” หลิ่วไป่ฮวากัดฟัน ภาพเงากลายเป็นลำแสงถอยหนีออกไป
แต่เมื่อนางถอยออกไป ทุกคนก็สูดลมหายใจเย็น ไม่มีใครคิดว่าเจ้าสำนักร้อยบุปผาจะตกอยู่ในสถานะมีปัญหา หลังจากที่แลกกระบวนท่ากับมู่เฉินเพียงสองกระบวนท่าเท่านั้น
ทันใดนั้นทุกสายตาก็ฉายความกลัวและเคารพ ขณะมองไปที่มู่เฉิน พลังที่แสดงออกมาของชายหนุ่มเหนือกว่าหลิ่วไป่ฮวาหลายขุม
แม้แต่ราชันไป่หลิงก็ยังหุบปากด้วยสีหน้าเขียวคล้ำ
“ในเมื่อมาแล้ว คิดจะไปง่ายๆ เรอะ?”
ทว่ามู่เฉินไม่ได้สนใจใคร เขามองไปที่หลิ่วไป่ฮวา เค้นเสียงเย็นชาก่อนที่จะวาดตราประทับด้วยมือข้างเดียว ทันใดนั้นมังกรเพลิงม่วงก็ระเบิดขึ้น มือเพลิงม่วงซัดใส่ร่างของหลิ่วไป่ฮวา
ปัง!
หลิ่วไป่ฮวารับความทุกข์ทรมานหนักหน่วง ร่างทรุดลงทำให้เกิดปากปล่องบนพื้นขนาดใหญ่ รอยแตกพล่านออกไป ดูน่าอนาถยิ่งนัก
ตู้ม!
ทว่ามู่เฉินก็ไม่คิดที่จะไว้หน้าให้นาง มือเพลิงม่วงขนาดใหญ่กำเป็นหมัดซัดลงไป แม้ว่าหลิ่วไป่ฮวาจะเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นหลิง แต่กายาหลิงเทียนจุนของนางก็แตกเป็นเสี่ยงๆ แน่หากถูกโจมตี
ใบหน้าของหลิ่วไป่ฮวาซีดลงด้วยความกลัว นางไม่คิดว่ามู่เฉินจะโหดเหี้ยมขนาดนี้
ฟิ้ว!
หมัดชกลงมาท่ามกลางสายตาหวาดผวานับไม่ถ้วน เมืองไป่หลิงทั้งเมืองก็แผ่นดินพิโรธรุนแรง…
ควันพวยพุ่ง ทุกคนมองไปในพื้นที่นั้น ในใจก็สั่นไหว ‘อย่าบอกนะว่าหลิ่วไป่ฮวาถูกฆ่าด้วยหมัดของมู่เฉินแล้ว?’
มู่เฉินก็มองไปพลางหรี่ตาลง
เมื่อควันค่อยๆ สลายไป กำปั้นก็ยังคงท่าที่ชกลง แต่กลับมีกระดองเต่าสีฟ้าอมเขียวปรากฏขึ้นเบื้องบนปกป้องหลิ่วไป่ฮวาไว้
เมื่อมู่เฉินเห็นกระดองนั่น เขาก็เหยียดเอวโดยไม่มีระลอกคลื่นใดๆ ในดวงตา สายตามองไปที่ระยะไกลก็เห็นร่างเงาสี่ร่าง
แรงกดดันมหาศาลปลดปล่อยจากร่างกายพวกเขา
ในบรรดาทั้งสี่คน ชายสวมชุดสีฟ้าอมเขียวที่มีสายตาแหลมคมกำลังมองไปที่มู่เฉินก่อนที่จะตะเบ็งเสียงดังก้อง
“รังแกลูกเมียข้า แกไม่เห็นข้าฉิงเป่ยเฉวียนอยู่ในสายตาแล้วมั้ง?!”