หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler - บทที่ 1463 วิชาเก้าเทพหมุนวน
ขณะที่ยืนอยู่บนหงส์ฟ้าทองคำ
วงแสงก็เริ่มปรากฏที่ด้านหลังหวงเฉวียนจือ มีวงแสงทั้งหมดแปดวงแต่ละวงมีความผันผวนลึกลับและเก่าแก่
ยามนี้หวงเฉวียนจือ ดูราวกับเทพภายใต้วงแสงสีทองที่ศักดิ์สิทธิ์และสง่างาม
แรงกดดันไม่อาจอธิบายได้แผ่ออกมา กระทั่งบริเวณใกล้เคียงก็เริ่มสั่นสะเทือนเล็กน้อย
เมื่อพวกข่งหลิงเอ๋อเห็นฉากนี้ ใบหน้าก็เปลี่ยนเป็นความหวาดกลัว
“นี่คือวิทยายุทธขั้นเทพในตำนานของเผ่าหงส์ฟ้า—วิชาเก้าเทพหมุนวน!” ข่งหลิงเอ๋อดูดอากาศเข้าในปากขณะที่เค้นคำพูดเหล่านั้นออกมาพร้อมกับความกลัวบนใบหน้า
วิชาเก้าเทพหมุนวนมีชื่อเสียงกระทั่งในมหาพันภพ ซึ่งเป็นหนึ่งในสามสิบหกกระบวนท่าของวิทยายุทธระดับเสินทงขั้นสุดยอดในตำนาน
มันอยู่ในอันดับเดียวกับวิชาสามพิสุทธิ์และเจดีย์แปดองค์ของมู่เฉิน
ว่ากันว่าเมื่อวิชาเก้าเทพหมุนวนไปถึงนิพพานที่เก้า ผู้ฝึกฝนจะบรรลุระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่ง ดังนั้นสามารถบอกได้ว่าวิชานี้น่ากลัวเพียงใด แต่วิทยายุทธระดับเสินทงนี้มีเงื่อนไขในการฝึกฝนที่เข้มงวดมาก ดังนั้นในเผ่าหงส์ฟ้าจึงมีจอมยุทธ์ไม่ถึงสามคนที่สามารถฝึกฝนได้ในช่วงหมื่นปีที่ผ่านมา
ดังนั้นทุกคนบอกได้เลยวิทยายุทธระดับเสินทงขั้นสุดยอดในตำนานทรงพลังเพียงใด
ภายใต้สายตาหวาดกลัวของทุกคน หวงเฉวียนจือก็มองไปที่มู่เฉินอย่างเย็นชาพร้อมกับไอสังหารวูบไหวในดวงตา เนื่องจากเขาไม่คิดว่าการดวลกับมู่เฉินจะไม่เป็นตามคาดขนาดนี้
เขาคิดว่าจะจัดการเรื่องนี้ได้อย่างง่ายดาย ที่ไหนได้กลับไม่ง่ายอย่างที่คิด มากจนกระทั่งเขาถูกบังคับให้นำไพ่ตายที่แข็งแกร่งที่สุดออกมา…
นี่ทำให้เขารู้สึกอับอายมาก
แค่เผชิญหน้ากับจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นหลิงระยะกลาง เขาถึงกับต้องงัดไพ่ตายทั้งหมดออกมา แบบนี้ไม่ได้หมายความว่าถ้ามู่เฉินอยู่ในระดับเดียวกับเขาจะทรงพลังมากกว่าเหรอ?
ด้วยความภาคภูมิใจที่มี นี่เป็นสิ่งที่เขาไม่อาจยอมรับได้
“ในเมื่อแกโดดเด่นนัก…งั้นข้าก็จะทำลายให้สิ้นซาก”
ใบหน้าของหวงเฉวียนจือถมึงทึง เขาค่อยๆ กางมืออกพร้อมกับเสียงเยือกเย็นสะท้อนออกมา “วิชาเก้าเทพหมุนวน นิพพานที่หนึ่ง ตราประทับทองคำวิญญาณ!”
วงแสงที่อยู่ด้านหลังเปล่งประกายออกมาก่อนที่ลำแสงสีทองจะยิงออกไป ก่อตัวเป็นตราประทับทองคำขนาดพันจั้ง
ตราประทับดูโบราณมากราวกับว่าประสบกับสงครามผันผวนครั้งใหญ่ที่ทำให้มิติสั่นสะเทือน
พลังที่อยู่เบื้องหลังตราประทับนี้ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าปีกหงส์สุริยันจันทราที่ใช้มาก่อนหน้าเลย
“ไป!”
เสียงเยือกเย็นของหวงเฉวียนจือดังก้อง ตราประทับก็ปรากฏขึ้นเหนือร่างมู่เฉิน กำจายไปด้วยพลังทำลายล้างราวกับว่าสามารถทำลายสรรพสิ่งทั้งหมดได้
มู่เฉินเงยหน้าขึ้นด้วยดวงตากะพริบวาบ ร่างเทพสุริยะนิรันดร์ส่งเสียงคำรามลึก รหัสเทพอมตะหลายร้อยรวมตัวกันเป็นหมัดขนาดใหญ่ปะทะกับตราประทับ
ครืน!
ทั่วมหรรณพสั่นสะท้านเลื่อนลั่นจากการปะทะกัน ก่อนที่ตราประทับสีทองจะถูกส่งออกไปและกำปั้นสีม่วงทองก็สลายไปเช่นกัน
ใบหน้าหวงเฉวียนจือไม่มีระลอกคลื่น เขาสร้างตราประทับด้วยมือข้างเดียว เสียงเยือกเย็นดังก้องอีกครั้ง “นิพพานที่สอง กระบี่หงส์ฟ้าผลาญ!”
“นิพพานที่สาม ปีกเทวะหงส์ฟ้า!”
“…”
“นิพพานที่เจ็ด ศิลาโลหิตวิญญาณหงส์ฟ้า!”
ทุกครั้งที่สิ้นเสียงของเขา วงแสงที่อยู่ข้างหลังก็ระเบิดออกมาพร้อมกับรัศมี ขณะที่แสงสีทองควบแน่นเป็นทักษะเทพที่น่าสะพรึง
นอกเหนือจากพลังอำนาจของทักษะเทพแล้ว พวกมันก็ดูราวกับอาวุธมหสวรรค์ขั้นยอดเยี่ยมแท้จริง
“เขานำกระบวนท่าทั้งเจ็ดออกมาใช้ในคราวเดียว!” ทุกคนที่อยู่นอกสระยกเทพมีสีหน้าเปลี่ยนไป กระบวนท่าทั้งเจ็ดนี้ล้วนทรงพลังมาก แต่ขณะเดียวกันก็ต้องใช้พลังมหาศาล จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนธรรมดาสามารถปลดปล่อยได้เพียงสามกระบวนท่าในครั้งเดียวเท่านั้น แต่หวงเฉวียนจือทำได้ถึงเจ็ดกระบวนท่า!
เห็นได้ชัดว่านี่เป็นความลึกซึ้งของวิชาเก้าเทพหมุนวน
กระบวนท่าทั้งเจ็ดลอยอยู่เบื้องหน้าหวงเฉวียนจือ พลังอันน่าสะพรึงกลัวที่เล็ดลอดออกมาทำให้มิติพังทลายลงอย่างต่อเนื่อง แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนยังรู้สึกว่าหนังหัวชาหนึบไปหมด เมื่อต้องเผชิญกับการโจมตีที่ดุร้ายนี้…
“ลองชิมอีกครั้งสิ!”
หวงเฉวียนจือโบกมือพร้อมกับเค้นเสียง กระบวนท่าที่น่ากลัวทั้งเจ็ดก็ทะยานออกไป
นอกสระยกเทพทุกคนรู้สึกประหม่ากับฉากนี้ แม้ว่ามู่เฉินจะมีร่างเทพสุริยะนิรันดร์ แต่การรับการโจมตีรวมกันทั้งเจ็ดกระบวนท่าย่อมส่งผลให้เขาได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก
แม้แต่เทียนฮวงก็ยังกำหมัดแน่น ขณะที่สายตาจ้องไปที่กระจกโดยไม่กะพริบ
ภายใต้สายตาทุกคู่ มู่เฉินก็เงยหน้ามองการโจมตีเจ็ดกระบวนท่าที่พุ่งมาที่เขา อำนาจการโจมตีเหล่านั้นทำให้เขาต้องหดตาลง
ทว่าท่าทางของเขายังคงสงบ
“ปริมาณมาก ก็ใช่ว่าจะชนะ” มู่เฉินยิ้มบางสร้างตราประทับด้วยมือข้างเดียว แสงพลุ่งพล่านยุ่งเหยิงก็พวยพุ่งขึ้นด้านหลัง
“ทักษะหลิงไม่เสินทง แสงพุทธมหานวดารา!”
การระเบิดดาวฤกษ์มวลมากยิงไปที่กระบวนท่าทั้งเจ็ด
วาบ!
ในเส้นทางของลำแสงกระบวนท่าหนึ่งก็หายไป ทว่ามู่เฉินก็ไม่มีสีหน้าใด ขณะที่วาดกระบวนท่าต่อ เพียงสิบลมหายใจสั้นๆ กระบวนท่าทั้งเจ็ดก็ถูกลบล้างออกไปภายใต้ดวงตานับไม่ถ้วนที่เบิกกว้าง…
“เป็นไปได้ยังไง?!”
“นั่น… เขาใช้ทักษะเทพอะไร?!”
ทุกคนมีสีหน้าตกตะลึง แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนยังไม่กล้าเผชิญหน้ากับการโจมตีของหวงเฉวียนจือ แต่มู่เฉินกลับจัดการได้อย่างง่ายดายเลยรึ?
รังสีมหานวดารานั่นคือทักษะเทพอะไรกัน?
ทว่าขณะที่ทุกคนตกตะลึง หวงเฉวียนจือก็หดดวงตามองไปที่แสงพลุ่งพล่านยุ่งเหยิงที่อยู่เบื้องหลังมู่เฉินพูดเบาๆ ว่า “นี่คงเป็นทักษะหลิงไม่เสินทงเก้าชีพจรที่เจ้าแสดงในเผ่าฝูถูสินะ?”
เห็นได้ชัดว่าหวงเฉวียนจือมีข้อมูลเกี่ยวกับมู่เฉินไม่น้อย
“ทักษะหลิงไม่เสินทงเก้าชีพจรของเจ้าเกินจินตนาการข้าอย่างแท้จริง กระทั่งข้ายังรู้สึกลำบาก แต่น่าเสียดายที่คลื่นหลิงของเจ้าคงจะอ่อนกำลังลงไปมากหลังจากที่ใช้ทักษะนี้”
เมื่อได้ยินคำพูดของหวงเฉวียนจือ แววอัศจรรย์ใจก็วาบขึ้นในดวงตาของมู่เฉิน “ดูเหมือนว่าเจ้าจะตรวจตราข้าอย่างละเอียดถี่ถ้วนจริงๆ”
แม้ว่าหวงเฉวียนจือจะมั่นใจในตัวเองมาก แต่ก็เป็นคนระมัดระวังตัวสูง มิฉะนั้นเขาจะไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับมู่เฉินมากนัก แม้แต่ความสามารถในการต่อสู้ด้วยก็ตาม
แท้จริงแล้วแสงพุทธมหานวดาราแปลกประหลาดอย่างที่หวงเฉวียนจือกล่าวไว้ แสงนี้สามารถปัดเป่าการโจมตีใดๆ ได้ แต่การใช้งานทุกครั้งจะต้องใช้คลื่นหลิงจำนวนมาก ยิ่งเป็นเป้าหมายที่แข็งแกร่งก็ยิ่งเสียแรงมากเท่านั้น
หลังจากยิงออกไปเจ็ดครั้ง แม้แต่มู่เฉินก็ยังรู้สึกว่าคลื่นหลิงหมดลงไปไม่น้อย
“ดูเหมือนว่าเจ้าจะตั้งใจให้ข้าใช้ทักษะนี้” มู่เฉินกล่าว
หวงเฉวียนจือยิ้มพลางประสานมือเข้าด้วยกัน วงแสงที่แปดด้านหลังศีรษะเปล่งประกาย แสงสีทองพุ่งออกมาก่อนที่จะรวบรวมไว้ในฝ่ามือเขา
เมื่อแสงสีทองสลายไปก็ก่อตัวเป็นพัดขนนกสีทองคำที่มีเปลวไฟสีทองวูบไหว บางครั้งก็พวยพุ่งเป็นเกลียวไฟรูปหงส์ฟ้าแท้จริง
“นิพพานที่แปด พัดเพลิงหงส์ฟ้าแท้จริง”
หวงเฉวียนจือค่อยๆ โบกพัดทองคำด้วยน้ำเสียงไม่แยแสก่อนที่อุณหภูมิในผืนน้ำจะเดือดและระเหยไป
“ครั้งหนึ่งข้าเคยสู้กับจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนระยะกลางและเขาก็ถูกไฟคลอกตายภายใต้พัดเพลิงของข้า” หวงเฉวียนจือมองไปที่มู่เฉินอย่างเฉยเมยพูดต่อว่า “และตอนนี้มันก็จะให้ผลลัพธ์เช่นเดียวกันกับเจ้า”
“งั้นข้าจะรอดูแล้วกัน” มู่เฉินกล่าวขณะที่จ้องมองไปที่พัดทองคำ
ทั้งสองคนยืนประจันหน้ากันด้วยสีหน้าสงบ แต่ทุกคนสัมผัสได้ถึงความหนาวเย็นในบรรยากาศ
“หนีเร็ว!”
ข่งหลิงเอ๋อดึงหลินชางและเซียวเทียนถอยออกไปอย่างเร็วรี่ ทุกคนบอกได้ว่าการต่อสู้กำลังมาถึงจุดสุดยอด ทักษะที่ทั้งสองใช้ก็จะยิ่งรุนแรงขึ้น
สายตาของหวงเฉวียนจือจ้องเขม็งไปที่มู่เฉิน ไม่ได้สนใจผู้อื่น เขาค่อยๆ ยกพัดในมือขึ้นโดยไร้อารมณ์ใดๆ
จากนั้นก็พัดลงฉับพลัน
ฟู่ ฟู่!
เมื่อพัดสะบัดลง เพลิงสีทองก็พุ่งออกมาทำให้มิติบิดเบี้ยวและพังทลาย ราวกับว่าอุณหภูมิที่น่าสะพรึงกลัวสามารถเผาผลาญอะไรก็ได้ แม้แต่อุณหภูมิของสระยกเทพก็พุ่งสูงขึ้น
พัดครั้งเดียวก็เดือดกลางมหาสมุทร
เพลิงสีทองพวยพุ่งออกมาอย่างหนาแน่น ห่อหุ้มมู่เฉินและร่างเทพสุริยะนิรันดร์จากทุกทิศทาง
เพลิงนี้สามารถเปลี่ยนร่างจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนระยะกลางให้กลายเป็นเถ้าถ่านได้เลยทีเดียว
เมื่อทุกคนเห็นไฟโหมใส่ร่างเทพสุริยะนิรันดร์ พวกเขาทั้งหมดก็รู้สึกโล่งอกในใจ
“มู่เฉินแพ้แน่แล้ว”