หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler - บทที่ 1466 คว้าแก่นโลหิตเสมือนขั้นเซิ่ง
ด้านนอกสระยกเทพ
ขณะที่พายุเข้าปกคลุมพื้นที่ เสียงก็เงียบสนิทราวกับป่าช้า ทุกคนตกตะลึงเมื่อมองไปที่กระจก
ในกระจกร่างของหวงเฉวียนจือค่อยๆ ล้มลงโดยที่ร่างกายครึ่งหนึ่งแตกออกเป็นเสี่ยงๆ และหมดสติไป
ในที่สุดผลลัพธ์การต่อสู้ครั้งนี้ก็ปรากฏแล้ว…
แม้ว่าจะเหนือความคาดหมายของทุกคน แต่ก็เป็นความจริงที่โหดร้าย เมื่อมองไปที่สภาพปัจจุบันของหวงเฉวียนจือก็ไม่มีใครหาข้ออ้างให้ได้
“เป็นไปได้อย่างไร…”
จอมยุทธ์เผ่าเทพอสูรพึมพำพร้อมกับความหวาดหวั่นพล่านในดวงตา เพราะชื่อเสียงของหวงเฉวียนจือขจรขจายในเผ่าเทพอสูรและตัวเขาก็อยู่ในอันดับต้นๆ ของจอมยุทธ์รุ่นใหม่ ในอดีตหลายต่อหลายคนพ่ายแพ้ให้กับหวงเฉวียนจือซึ่งเป็นการเพิ่มชื่อเสียงให้เขา
แต่ใครจะคาดคิดว่าหวงเฉวียนจือจะพ่ายแพ้ให้กับมนุษย์ในวันนี้…
แม้จะมีความตกใจ แต่หลังจากที่ได้เห็นการปะทะ พวกเขาก็ต้องยอมรับว่ามู่เฉินน่ากลัวอย่างแท้จริง
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงพลิกคว่ำพลิกหงายเผ่าฝูถูได้…
ขณะที่ทุกคนกำลังถอนหายใจ เผ่าหงส์ฟ้าแท้จริงก็เงียบกริบ แม้แต่หวงจิงก็มีสีหน้าเขียวคล้ำ ส่วนผู้อาวุโสที่ยืนอยู่ข้างหลังเขาก็ตะลึงพรึงเพริด ชัดว่าไม่สามารถยอมรับผลลัพธ์นี้ได้
อัจฉริยะเผ่าหงส์ฟ้าแท้จริงแพ้?
ตอนแรกพวกเขายังหวังว่าหวงเฉวียนจือจะต่อต้านการโจมตีของมู่เฉินได้ ก่อนที่จะตอบกลับ แต่ใครจะคิดได้ว่ากระบวนท่าของมู่เฉินจะทรงพลังมากจนทำลายการป้องกันของหวงเฉวียนจือไปได้…
เมื่อเทียบกับความเงียบของเผ่าหงส์ฟ้า เทียนฮวงฉายความสุขบนใบหน้าขณะตัวสั่นเทิ้ม แม้แต่ผู้อาวุโสหลู่จากเผ่าวิหคโลกันตร์ที่อยู่ข้างหลังก็ยังอึ้งตะลึงงันพลางกลืนน้ำลายลงคอ
“มู่เฉินนั้นน่ากลัวจริงๆ…” เขาพึมพำ
เอาชนะหวงเฉวียนจือที่มีขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนระยะต้นด้วยขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นหลิงระยะกลาง หากข่าวนี้กระจายออกไปก็จะทำให้ชื่อเสียงของมู่เฉินพุ่งทะลุฟ้าไปอีกขั้น
เพราะพลังของหวงเฉวียนจือไม่ใช่สิ่งที่ผู้อาวุโสเผ่าฝูถูจะเทียบเคียงได้
“เป็นโชคดีที่สุดของจิ่วโยวที่ได้รู้จักกับมู่เฉิน” เทียนฮวงถอนหายใจ ตอนนั้นพวกเขาคัดค้านพันธะโลหิตระหว่างจิ่วโยวกับมู่เฉินหัวชนฝา เนื่องจากพวกเขารู้สึกว่ามู่เฉินจะลากจิ่วโยวลงมาที่ต่ำ แต่ใครจะคิดได้ว่าไม่เพียงแต่มู่เฉินจะไม่ลากจิ่วโยวลงมา เขายังกลายเป็นกองหนุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของนางอีกด้วย
หลังจากการศึกครั้งนี้แม้แต่สถานะของเผ่าวิหคโลกันตร์ก็จะเพิ่มขึ้นในหมู่เทพอสูร ในอดีตบรรดาคนที่หมายตาเผ่าวิหคโลกันตร์ก็จะปัดเป่าความคิดแตกซ่านออกไป
ทั้งหมดนี้เป็นเพราะมู่เฉิน
มู่เฉินปล่อยลมหายใจยาว
ก่อนที่เจดีย์จะกลายเป็นริ้วแสงกลับมาสถิตในร่าง แม้แต่กายาหลิงเทียนจุนก็ค่อยๆ จางหายไป
“ชายคนนี้คู่ควรกับการเป็นอัจฉริยะของเผ่าหงส์ฟ้าแท้จริง”
มู่เฉินพึมพำขณะมองไปที่หวงเฉวียนจือ นั่นเป็นเพราะหลังจากต่อสู้เขาก็สัมผัสว่าหวงเฉวียนจือทรงพลังเพียงใด เขาต้องใช้ทั้งวิชาสามพิสุทธิ์และวิชาเจดีย์แปดองค์เพื่อเอาชนะ
แม้ว่าหวงเฉวียนจือจะน่ารังเกียจ แต่ก็เป็นอัจฉริยะแท้จริง เมื่อเทียบกับชายคนนี้ จอมยุทธ์คนอื่นที่มู่เฉินพบในอดีตล้วนเทียบไม่ได้
อย่างไรก็ตามถึงหวงเฉวียนจือจะทรงพลัง แต่เขาไม่ใช่คนสุดท้ายที่ยืนหยัด…
มู่เฉินโบกมือแสงสามสายบินจากหวงเฉวียนจือเข้าสู่ฝ่ามือเขา นี่ก็คือแก่นโลหิตระดับเสมือนขั้นเซิ่งหกส่วนที่อีกฝ่ายได้มาจากพวกข่งหลิงเอ๋อ
“ได้มาสักที”
มู่เฉินยิ้มเมื่อเห็นเม็ดกลมทั้งสามนี้ ด้วยสิ่งนี้ตอนนี้เขามั่นใจแล้วว่าสามารถวิวัฒนาการให้กับจิตวิญญาณมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงในร่างของเขาได้
ฟิ้ว!
หลังจากที่มู่เฉินรับเม็ดยาทั้งสามแล้ว จู่ๆ ร่างหวงเฉวียนจือก็ถูกห่อหุ้มด้วยแสงสีทองทะยานออกจากสระยกเทพไป
มู่เฉินไม่ได้หยุดอีกฝ่าย เช่นเดียวกับที่หวงเฉวียนจือไม่กล้าฆ่าเขา เขาก็ไม่สามารถฆ่าหวงเฉวียนจือ ได้ เนื่องจากพวกเขามีจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งเป็นกองหนุน การต่อสู้เมื่อครู่ยังภายใต้กฎเกณฑ์ หากพวกเขาทำอะไรกันขึ้นมาจริงๆ ก็คงไม่ใช่เรื่องเล็กๆ
ตอนนี้มู่เฉินยังไม่มีความสามารถที่จะต่อกรกับจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่ง ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องการหาเรื่องเดือดร้อนให้มารดา
สำหรับหวงเฉวียนจือ มู่เฉินไม่กลัว อีกฝ่ายต้องใช้เวลานานในการฟื้นตัวจากการต่อสู้ครั้งนี้ เมื่อถึงเวลาที่ฟื้นตัวได้ มู่เฉินก็คงบรรลุระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซียนแล้วเรียบร้อย ในเวลานั้นก็เป็นเรื่องง่ายที่มู่เฉินจะเอาชนะเขาได้
เมื่อหวงเฉวียนจือจากไป จิ่วโยวก็เหินเข้ามาพร้อมกับมองไปที่มู่เฉินด้วยความตกตะลึง
“เจ้าสัตว์ประหลาด… เจ้าเอาชนะหวงเฉวียนจือได้จริงๆ…” จิ่วโยวกัดริมฝีปากมองไปที่มู่เฉินทั้งตกใจและมีความสุข
ผลลัพธ์ที่ได้เกินความคาดหมายของนาง แม้ว่านางจะเชื่อใจมู่เฉิน แต่นางก็รู้สึกว่ามู่เฉินมีพลังเพียงสามารถพานางหนีไปได้หากสู้ไม่ไหว
ทว่าใครจะคิดว่ามู่เฉินไม่ได้มีเจตนาหลบหนีไปพร้อมกับนางเลย ในทางตรงกันข้ามเขาใช้วิธีที่เด็ดขาดเพื่อเอาชนะหวงเฉวียนจือ เพื่อที่อีกฝ่ายจะไม่สามารถกลืนกินสายเลือดของนางได้…
“การเก็บเกี่ยวในครั้งนี้ดีเยี่ยมที่สุดเลย” มู่เฉินโยนเม็ดกลมทั้งสามพลางยิ้ม
ขณะที่พูดเขาก็เหลือบมองไปในระยะไกล เห็นกลุ่มข่งหลิงเอ๋อทะยานเข้ามาด้วยความตื่นระวัง สายตาของพวกเขาจับจ้องไปที่แก่นโลหิตในมือของมู่เฉิน
จนตอนนี้พวกเขาถึงได้ฟื้นคืนสติจากฉากที่หวงเฉวียนจือพ่ายแพ้ แต่อึดใจก็นึกถึงเรื่องแก่นโลหิต…
พี่มู่…”
ข่งหลิงเอ๋อเผยรอยยิ้มทรงเสน่ห์
“ฮ่าๆ ลาก่อน ไว้พบกันใหม่ถ้ามีโอกาส”
มู่เฉินไม่ได้ให้โอกาสนางได้พูด เขายิ้มพลางจูงมือจิ่วโยวกลายเป็นริ้วแสงบินออกจากสระยกเทพ
เขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าพวกข่งหลิงเอ๋อคิดอะไรอยู่ คนเหล่านี้คิดจะขอแก่นโลหิตกลับไป
ไม่ต้องพูดถึงว่าสิ่งนี้เป็นรางวัลจากการชนะ ทั้งสามคนไม่ได้มีเจตนาดีตั้งแต่เริ่มต้น พวกเขาแค่ต้องการใช้ประโยชน์จากเขาเพื่อดึงหวงเฉวียนจือ
ในเมื่อพวกเขามีแผนการเช่นนี้ มู่เฉินก็ไม่จำเป็นต้องสุภาพอะไร
รอยยิ้มบนใบหน้าของข่งหลิงเอ๋อแข็งค้าง นางมองการจากไปของมู่เฉินพลางขบฟัน แม้แต่หลินชางและเซียวเทียนก็ไม่เต็มใจ
ทว่าพวกเขาไม่กล้าที่จะขัดขวางมู่เฉิน ไม่เห็นว่าแม้แต่หวงเฉวียนจือยังแพ้อีกฝ่ายหรือ? หากพวกเขาต่อสู้กับมู่เฉิน พวกเขาก็มีแต่จะแสวงหาความทุกข์ทรมาน…
ดังนั้นทั้งสามคนจึงรู้สึกหดหู่ ถ้าพวกเขารู้ว่ามู่เฉินทรงพลังมากเพียงนี้จะไปคิดร้ายกับเขาได้ยังไง? พวกเขาแค่ติดตามมู่เฉิน หวงเฉวียนจือก็ไม่สามารถคว้าแก่นโลหิตจากพวกเขาได้แล้ว
น่าเสียดายสายเกินไปที่จะเสียใจ ในศึกสระยกเทพครั้งนี้ พวกเขาต้องกลับไปมือเปล่าแล้ว…
ปุ ปุ!
พื้นผิวของสระยกเทพแยกออกร่างเงาสองร่างก็ทะยานออกมา
เมื่อออกมามู่เฉินก็รู้สึกได้ถึงบรรยากาศผิดปกติทันที สายตาที่จ้องมาที่เขาดูผวานิดๆ ยิ่งเมื่อมู่เฉินมองตอบไป พวกเขาก็เลื่อนสายตาราวกับว่ามู่เฉินเป็นปีศาจ ทำให้เขาพูดไม่ออกเลยทีเดียว
มู่เฉินส่ายหัวไปมาไม่สนใจคนอื่น เขากับจิ่วโยวเดินไปหาเทียนฮวงด้วยรอยยิ้ม “ข้าไม่ทำให้ท่านผิดหวัง พาจิ่วโยวกลับมาได้แบบไม่บุบสลาย”
เทียนฮวงยิ้มด้วยความตื่นเต้น เขาตบไหล่มู่เฉินพลางกล่าวอย่างจริงจัง “มู่เฉิน เจ้าเป็นผู้มีพระคุณของเผ่าวิหคโลกันตร์ ในฐานะตัวแทนเผ่าข้าขอขอบคุณ”
เมื่อเห็นว่าเทียนฮวงกำลังจะโค้งคำนับให้ มู่เฉินก็รีบหยุดเขาไว้อย่างรวดเร็ว “ท่านประมุขกำลังพูดอะไร? จิ่วโยวคอยปกป้องข้าเมื่อในอดีต ถ้าไม่ใช่เพราะนางวันนี้ข้าจะประสบความสำเร็จได้งั้นเหรอ? เรื่องเล็กน้อยนี้ไม่มีอะไรเลย”
เทียนฮวงยิ้มอย่างพอใจแต่ก็รู้สึกผิดทันที “สายตาของจิ่วโยวนั้นดีกว่าพวกเราทุกคนจริงๆ”
มู่เฉินตอบด้วยรอยยิ้ม “ศึกสระยกเทพจบแล้ว พวกเราไปกันเถอะ”
สายตาโดยรอบทำให้เขารู้สึกอึดอัด ดังนั้นจึงรีบจากไปเถอะในเมื่อได้รับแก่นโลหิตชั้นยอดเสมือนขั้นเซิ่งมาแล้ว
“หึ คิดจะไปเรอะ? ไม่ง่ายแบบนั้นหรอก! ทิ้งแก่นโลหิตนั่นไว้ที่นี่!” แต่ทันใดนั้นเสียงเย็นเยือกก็ดังขึ้นจากด้านหลัง
มู่เฉินหรี่ตาหันไปมองผู้อาวุโสเผ่าหงส์ฟ้า “นี่เป็นความคิดเห็นของเผ่าหงส์ฟ้าหรือ?”
สายตาของผู้อาวุโสคนนั้นคมชัดขึ้นขณะที่คิดจะตอกกลับก็ถูกหวงจิงตวาด “หุบปาก!”
ผู้อาวุโสคนนั้นทำได้เพียงปิดปากโดยไม่เต็มใจ เขาสัมผัสได้ถึงสายตาเหยียดหยามจากโดยรอบ ในโลกของสัตว์อสูร กำปั้นใครใหญ่ที่สุดมีสิทธิ์พูด ในเมื่อมู่เฉินเอาชนะหวงเฉวียนจือได้แล้วแก่นโลหิตชั้นยอดเสมือนขั้นเซิ่งก็คือรางวัลของเขา ดังนั้นหากเผ่าหงส์ฟ้าคิดใช้อำนาจยับยั้งมู่เฉินก็คงจะหน้าหนามากเกินไป
แต่โชคดีที่หวงจิงไม่สูญเสียเหตุผล เขามองไปที่มู่เฉินด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ไม่มีอะไรที่เผ่าหงส์ฟ้าสูญเสียไปไม่ได้ ในเมื่อเจ้าเอาชนะเฉวียนจือได้ พวกข้าก็ยอมรับความพ่ายแพ้”
มู่เฉินประหลาดใจไปเล็กน้อยขณะมองไปที่หวงจิงก่อนที่จะหัวเราะ ถ้าไม่ใช่เพราะมารดาเขาเป็นหลิงเจิ้นต้าจงซือขั้นเซิ่ง หวงจิงคงไม่ปล่อยให้เรื่องนี้สงบลงง่ายๆ
อย่างไรก็ตามเขาไม่คิดที่จะพูดให้มากความ เขาประสานมือนำจิ่วโยวและคนอื่นๆ ออกไป
ตอนนี้เขาต้องการดูดซับแก่นโลหิตชั้นยอดนี้ เพื่อที่เขาจะทำให้จิตวิญญาณมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงมีพัฒนาการ…
เขาตั้งหน้าตั้งตารอเป็นอย่างยิ่ง
เผ่าเทพอสูรที่อยู่รอบสระก็มองมู่เฉินและถอนหายใจ พวกเขารู้ว่าหลังจากวันนี้ชื่อเสียงของมู่เฉินในมหาพันภพจะเพิ่มขึ้นไปอีกระดับ…