หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler - บทที่ 1494 ทำลายร่างเทพสุริยะนิรันดร์
มิติเบื้องหน้าพังทลายลง
ร่างสีทองเข้มพุ่งออกมา เมื่อมองไปที่ม่านตาไร้อารมณ์นั่น ใบหน้าของมู่เฉินก็เปลี่ยนเป็นมืดครื้ม
แม้ว่าเขาจะเตรียมตัวไว้แล้ว แต่สิ่งนี้ก็ยังอยู่เหนือความคาดเหมาย ไอ้เจ้านั่นสามารถเปลี่ยนตำแหน่งของร่างสีทองเข้มและเคลื่อนย้ายมาที่เบื้องหน้าเขาได้…
ด้วยวิธีนี้หมัวเฮอโยวจะหลุดพ้นจากการไล่ล่าของร่างสีทองเข้ม แต่เป็นการส่งเขาไปตายแทน
อารมณ์หลากหลายตีกวนในหัวใจ ปีกหงส์ฟ้าก็กระพือที่เบื้องหลังมู่เฉินขณะร่างกลายเป็นภาพมายาและถอยกลับออกไป…
ฟิ้ว!
ร่างสีทองเข้มเล็งเป้ามาที่มู่เฉิน กลายเป็นแสงสีทองเข้มพุ่งออกไปฉีกภาพมายาอย่างต่อเนื่อง
แม้ว่ามู่เฉินจะเร่งความเร็วจนถึงขีดสุด เขาก็ยังไม่สามารถหลุดพ้นจากการไล่ล่า ใบหน้าของเขาดูเคร่งขรึมลงหลายส่วน
เมื่อหมัวเฮอโยวเฝ้ามองตามมู่เฉินที่กำลังถูกไล่ล่า มุมโค้งเยือกเย็นก็ผุดขึ้นที่ริมฝีปาก
วาบ!
มู่เฉินหลบหนีอย่างรวดเร็ว แรงกดดันจากเบื้องหลังใกล้เข้าเรื่อยๆ แต่ใบหน้าเขากลับค่อยๆ สงบนิ่ง
ดวงตาทั้งสองของเขากะพริบ ก่อนจะกวาดสายตาไปรอบๆ เป็นครั้งคราวโดยไตร่ตรองอย่างลึกซึ้ง
ตามความเร็วของร่างสีทองเข้ม เขาคงจะถูกตามมาทันในเวลาประมาณไม่กี่สิบลมหายใจ พลังที่น่ากลัวนั้นเป็นสิ่งที่เขาไม่สามารถต้านทานได้
นั่นเป็นเพราะความสามารถในการป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาก็คือดอกบัวอมตะ ซึ่งไม่แข็งแกร่งไปกว่าทัวป๋าชางเท่าไร ขณะคนอย่างทัวป๋าชางยังถูกสังหาร เขาก็คงลงเอยในสถานการณ์เดียวกัน
เมื่อเผชิญกับสถานการณ์นี้ เขาตกอยู่ในทางตันเนื่องจากไม่สามารถต่อสู้หรือหนีได้
ถ้าเป็นคนธรรมดาพวกเขาคงจะแตกตื่นไปหมดแล้ว แต่ประสบการณ์ที่มู่เฉินมีทำให้เขามีจิตใจที่เข้มแข็งและรู้ดีว่าไม่ควรตื่นตระหนกในสถานการณ์เช่นนี้ มิฉะนั้นเขาก็มีแต่เข้าตัวเอง
“ทำยังไงดี?”
กระแสโลหิตของมู่เฉินไหลเวียนเร็วจี๋ ครู่ต่อมาเขามองไปที่สภาพแวดล้อมพร้อมกับแสงบ้าคลั่งวูบไหวในดวงตา
โฮก!
เสียงคำรามดังก้องพร้อมกับคลื่นความกดดันที่น่ากลัวทำให้เขาสั่นสะท้าน เมื่อมองจากปลายหางตาก็เห็นร่างสีทองเข้มอยู่ในระยะเอื้อมมือคว้าเขาได้แล้ว
ขณะนี้หลังเขาชนฝาแล้ว
เมื่อหมัวเฮอโยวเห็นฉากนี้แสงเย็นก็วาบขึ้นในดวงตา ‘ข้าขอดูว่าแกจะรอดจากสิ่งนี้ได้ยังไง!’
ความตายปกคลุมไปทั่ว ทันใดนั้นมู่เฉินก็ประสานมือ ร่างขนาดใหญ่ปรากฏที่ข้างหลัง ทำให้ร่างสีทองเข้มฉายความโลภในดวงตามากขึ้น
ตอนนี้มู่เฉินหยุดเคลื่อนไหวและหันกลับขณะมองไปที่ร่างสีทองเข้ม อึดใจต่อมามือของเขาก็ประสานเข้าด้วยกัน เสียงคำรามลึกออกมาจากปาก
“ระเบิด!”
เมื่อเสียงดังก้องร่างสีม่วงทองที่อยู่ข้างหลังก็ปกคลุมไปด้วยรอยแตกก่อนที่จะระเบิดออกมาเป็นประกายแสงระยิบระยับ
ตู้ม!
เมื่อเสียงระเบิดดังกึกก้อง รัศมีสีม่วงทองก็อัดแน่นเต็มไปทั่ว คลื่นกระแทกมหึมากวาดออกไปทำให้ทุกอย่างที่ขวางทางกลายเป็นเถ้าถ่าน
แม้แต่ร่างสีทองเข้มที่พุ่งเข้าใส่มู่เฉินก็ยังถลากลับไปขณะที่แผดเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด
“เขาระเบิดร่างเทพสุริยะนิรันดร์ของตัวเองเรอะ?!”
ใบหน้าของเยี่ยฉิงเปลี่ยนไปเมื่อเห็นภาพนี้ ไม่คิดว่ามู่เฉินจะใจเด็ดยอมทำลายร่างเทห์สวรรค์ ต้องรู้ว่านี่เป็นการทำลายรากฐานแท้จริงของแก่นอมตะแท้จริง นั่นหมายความว่ามู่เฉินจะไม่สามารถเรียกร่างเทพสุริยะนิรันดร์ได้อีกในอนาคต เว้นแต่ว่าเขาจะฝึกฝนตั้งแต่เริ่มต้นอีกครั้ง
“ไอ้นั่น” หมัวเฮอโยวตกใจกับความใจเด็ดของมู่เฉินพร้อมกับหรี่ตาลง ตอนแรกเขาคิดว่าครั้งนี้มู่เฉินต้องตายแน่ แต่ไม่คิดว่ามู่เฉินจะหลีกเลี่ยงวิกฤตโดยการทำลายร่างเทพสุริยะนิรันดร์ทิ้ง
แต่เขาก็ไม่เอามาใส่ใจอะไรมาก แม้ว่ามู่เฉินจะสามารถรอดได้ด้วยการทำลายร่างเทพสุริยะนิรันดร์ แต่ก็จะได้รับบาดเจ็บสาหัสจนไม่เป็นภัยคุกคามอีกต่อไป
ต่อไปก็รอให้เยี่ยฉิงถูกจัดการ เขาก็จะลงมือได้แล้ว
เมื่อคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เสียงเยาะเย้ยก็เพิ่มขึ้นที่มุมริมฝีปาก เครื่องมือโบราณปรากฏขึ้นในมือซึ่งกำจายความผันผวนที่น่ากลัว
เผ่าหมัวเฮอของพวกเขาเตรียมการทั้งหมดที่จำเป็นเพื่อร่างมหาเทพนิรันดร์ แม้ว่าสถานการณ์นี้จะเกินการคาดหมาย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะหมดหนทาง…
แน่นอนว่าเขาต้องกำจัดคนที่เหลือก่อน
“เฉินเอ๋อ!”
เมื่อชิงเหยี่ยนจิ้งเห็นร่างเทพสุริยะนิรันดร์ของบุตรชายระเบิดออก ใบหน้าของนางก็ซีดเผือดลง อึดใจพายุคลื่นหลิงที่น่าสะพรึงกลัวก็กวาดออกมาจากร่างกายของนาง
ใบหน้าของนางเย็นชาลงพร้อมกับสายตาเยือกเย็นเสียดแทง ขณะที่พุ่งไปที่เจดีย์วั้นกู่
“ชิงเหยี่ยนจิ้ง เจ้าช่างกล้า!”
หมัวเฮอเทียนร้องเสียงหลงขณะที่ปรากฏตัวเบื้องหน้าเจดีย์พร้อมกับคลื่นหลิงที่น่าสะพรึงกลัว แรงกดดันของจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งแผ่ออกมา
“ไสหัวไป!”
ชิงเหยี่ยนจิ้งวาดตราประทับขึ้นทันใด ค่ายกลขนาดใหญ่ก็บีบดกดลงมาจากขอบฟ้า ราวกับว่ามิติกดทับลงมาห่อหุ้มหมัวเฮอเทียนเอาไว้
นี่เป็นโลกลาวาสีขาวที่มีอุณหภูมิน่าสะพรึงกลัวซึ่งสามารถกำจัดจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนได้เลยทีเดียว ลาวาอยู่ในรูปของมังกรทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าพุ่งเข้าหาหมัวเฮอเทียน
เมื่อหมัวเฮอเทียนเห็นฉากนี้ใบหน้าก็จมลง รัศมีสีดำขาวพวยพุ่งออกมาจากแขนเสื้อล้อมรอบตัว ทุกครั้งที่มังกรลาวาปะทะเข้ามาก็จะถูกทำลายโดยรัศมีสีดำขาว
“ชิงเหยี่ยนจิ้ง เจ้าบ้าไปแล้วรึ? คิดจะประกาศสงครามกับเผ่าหมัวเฮอที่นี่รึไง!” หมัวเฮอเทียนถามเสียงเย็นชา
“หมัวเฮอโยววางแผนร้ายลูกชายข้า เจ้าคิดว่าข้าจะปล่อยมันไปงั้นหรือ!” เสียงของชิงเหยี่ยนจิ้งสะท้อนไปทั่ว
หมัวเฮอเทียนตอบด้วยความเย็นชา “ในเจดีย์วั้นกู่สามารถพึ่งพาความสามารถของตนเองได้เท่านั้น มู่เฉินประมาทเองดังนั้นไม่สามารถตำหนิใครได้ การกระทำของเจ้าไม่เท่ากับทำให้เผ่าฝูถูต้องอับอายหรือ?”
“ไร้สาระ” ชิงเหยี่ยนจิ้งเค้นเสียงเย็นก่อนจะควบคุมมังกรลาวานับหมื่นตัวมาเผชิญหน้ากับหมัวเฮอเทียน
หมัวเฮอเทียนสายตาเคร่งขรึมตอบว่า “ตอนนี้มีปัญหาบางอย่างกับเจดีย์วั้นกู่ แน่ใจหรือว่าต้องการต่อสู้ตอนนี้? ลูกชายเจ้าแค่ระเบิดร่างเทพสุริยะนิรันดร์ไป ยังไม่ตายซะหน่อย ตราบใดที่หมัวเฮอโยวจัดการกับร่างสีทองเข้มได้ เขาก็จะปลอดภัยดี”
“แต่ถ้าหมัวเฮอโยวไม่สามารถจัดการกับมันได้ ก็ไม่มีใครช่วยลูกชายเจ้าได้!”
คำพูดของหมัวเฮอเทียนทำให้ชิงเหยี่ยนจิ้งชะงักไป สายตาของนางวูบไหวสุดท้ายกลับกลายเป็นเย็นชา นางโบกมือ โลกลาวาก็สลายหายไป
“ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับลูกชายข้า ทั้งสองเผ่าเตรียมระเบิดศึกได้เลย” ชิงเหยี่ยนจิ้งบอกอย่างเย็นชาก่อนที่จะสะบัดหน้ากลับไป
มองไปที่ชิงเหยี่ยนจิ้งดวงตาของหมัวเฮอเทียนก็เปล่งไอเย็นชาก่อนที่จะหันกลับ
เมื่อจอมยุทธ์สุดยอดทั้งสองหยุดการต่อสู้ ทุกคนที่อยู่นอกเจดีย์วั้นกู่ก็รู้สึกโล่งใจ แต่ละคนเช็ดเหงื่อออกจากหน้าผาก การเผชิญหน้าอย่างกะทันหันทำให้พวกเขาตกอกตกใจไปกันหมด
“นังชิงเหยี่ยนจิ้งทำเกินไปแล้ว!”
เมื่อหมัวเฮอเทียนกลับมา ผู้อาวุโสเผ่าหมัวเฮอก็วิจารณ์ทันที
หมัวเฮอเทียนหลุบตาตอบอย่างเย็นชา “ไม่ต้องสนใจนาง ร่างมหาเทพนิรันดร์มีความสำคัญกว่า ดังนั้นเราจะจัดการนางในภายหลัง”
ในภูมิภาคนี้
พายุทอร์นาโดรุนแรงสร้างความหายนะเป็นเวลานานก่อนจะสลายไป
พื้นทั้งหมดเต็มไปด้วยเหวลึกดูน่ากลัว
บนท้องฟ้าร่างของมู่เฉินหายไป ทว่าหมัวเฮอโยวและเยี่ยฉิงไม่ได้สนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ เนื่องจากพวกเขามองเห็นร่างสีทองเข้มพุ่งเข้ามาในทิศทางของตนเองแล้ว
เมื่อมู่เฉินระเบิดร่างเทพสุริยะนิรันดร์ทิ้ง ร่างสีทองเข้มก็ไม่ได้รับแก่นอมตะใดๆ เนื่องจากถูกทำลายไปแล้ว ดังนั้นมันจึงโกรธมากก่อนที่จะเหลือบมองไปที่หมัวเฮอโยวและเยี่ยฉิง
โดยไม่ลังเลใดๆ ทั้งสองคนก็หันหลังกลับเผ่นหนีทันที
ขณะนี้กลยุทธ์แมวไล่จับหนูเริ่มต้นอีกคครั้ง
ขณะที่พายุสร้างความหายนะอย่างต่อเนื่องระหว่างฟ้าดิน ร่างมู่เฉินซึ่งถูกปกคลุมไปด้วยเลือดนอนจมอยู่ในก้นเหวด้วยสีหน้าซีดเซียว ความผันผวนของคลื่นหลิงรอบตัวอ่อนแอลง ชัดว่าได้รับบาดเจ็บหนัก
เขาไม่เคยถูกบีบให้ต้องระเบิดร่างเทพสุริยะนิรันดร์
เพราะนั่นหมายถึงการทำลายแก่นอมตะที่มี ซึ่งแปลว่าเขาจะไม่สามารถเรียกร่างเทพสุริยะนิรันดร์ออกมาได้อีกต่อไป…
การทำงานหนักมาตลอดของเขาถูกทำลาย แม้แต่มู่เฉินก็รู้สึกปวดใจกับเรื่องนี้
แต่เขารู้ดีว่าไม่ใช่เวลาที่จะจมจ่อมอยู่กับความเจ็บปวดเพราะเขาต้องฝ่าฟันสถานการณ์นี้ไปให้ได้
ฮา
ขณะที่หน้าอกของมู่เฉินเริ่มยกสูงขึ้น เขาก็ปล่อยลมหายใจยาว ความเจ็บปวดที่มาจากร่างกายทำให้เขาขมวดคิ้ว อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้ใส่ใจเรื่องนั้นมากเกินไป เขามองไปที่มิตินี้และค่อยๆ หลับตาลง
ตอนนี้เป็นเวลาที่เขาจะทดสอบการคาดเดาของตัวเอง
ถ้าเขาเดาไม่ผิดการระเบิดร่างเทพสุริยะนิรันดร์ก็ไม่ได้ไร้ผลซะทีเดียว…