หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler - บทที่ 1499 เจ้าของคนใหม่เจดีย์วั้นกู่
ภายในเจดีย์วั้นกู่
ใบหน้าของหมัวเฮอโยวเคลือบด้วยความตกใจหวาดผวาขณะมองไปที่ร่างมหาเทพนิรันดร์ จากนั้นก็มองไปที่ตำแหน่งที่ร่างสีทองเข้มหายไปอีกครั้ง สีหน้าเขาเหวอไปแล้ว
ในที่สุดเขาก็เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้แล้ว ภาพเงาลึกลับเบื้องหน้าก็คือร่างมหาเทพนิรันดร์ของแท้!
ร่างสีทองเข้มที่เขาจ่ายราคาออกไปมหาศาลเพื่อควบคุมเป็นเพียงของปลอม!
คำตอบนี้ทำให้ใบหน้าของหมัวเฮอโยวกระตุก ดวงตาก็เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำเมื่อมองไปที่ร่างมหาเทพนิรันดร์ ความอิจฉาในแววตาได้ก่อตัวขึ้น
“เป็นไปได้ยังไง?! ร่างมหาเทพนิรันดร์ตกอยู่ในมือไอ้เด็กนั่นได้ยังไง?!” หมัวเฮอโยวพึมพำพร้อมกับดวงตาแดงฉาน เห็นได้ชัดว่าเขาไม่อยากยอมรับความจริงที่โหดร้ายที่ร่างมหาเทพนิรันดร์ถูกคว้าไปโดยมู่เฉิน
“ร่างมหาเทพนิรันดร์ เผ่าหมัวเฮอของข้าเฝ้าพิทักษ์เจ้ามาเป็นเวลาหลายหมื่นปี ทำไมเจ้าถึงไปเลือกคนนอก?!” หมัวเฮอโยวคำรามส่งไปยังภาพเงาลึกลับด้วยความไม่เต็มใจ
ทว่าร่างมหาเทพนิรันดร์กลับไม่ตอบสนองต่อเสียงคำรามนั่นเลย ร่างเทห์สวรรค์เป็นการดำรงอยู่ที่มีเอกลักษณ์ซึ่งมีใยแห่งสติปัญญา แต่มันไม่ได้มีจิตใต้สำนึก ในความคิดของมันแม้หมัวเฮอโยวจะแข็งแกร่งกว่ามู่เฉิน แต่เขาไม่ใช่เจ้าของที่เหมาะสม
มู่เฉินมองไปที่หมัวเฮอโยวอย่างสงบ จากนั้นก็เหยียดนิ้วออกมาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เอาแก่นอมตะของเขามา”
หมัวเฮอโยวไม่เพียงแต่วางแผนเล่นตุกติกกับเขาเท่านั้น แต่ยังบีบให้เขาต้องทำลายร่างเทพสุริยะนิรันดร์ของตนเอง มิหนำซ้ำยังพยายามที่จะเคลื่อนไหวจัดการเขา นี่เป็นหนี้ที่มู่เฉินจดเอาไว้ในใจ
ดังนั้นเมื่อสถานการณ์พลิกผันเช่นนี้ มู่เฉินก็ไม่มีเหตุผลที่จะปล่อยหมัวเฮอโยวไป
“แกบังอาจ!”
หมัวเฮอโยวร้องเสียงสูงพร้อมกับใบหน้าที่เปลี่ยนไปเมื่อได้ยินคำพูดของมู่เฉิน
วาบ!
ทว่าทันทีที่สิ้นเสียงมู่เฉิน ร่างมหาเทพนิรันดร์ก็ก้าวออกไปปรากฏตัวที่เบื้องหน้าหมัวเฮอโยว
ตู้ม!
ใบหน้าของหมัวเฮอโยวเขียวคล้ำ ขณะที่คลื่นหลิงรุนแรงไหลเวียนอยู่ภายในร่างกาย เขาถอยออกไปทันที ในพริบตาก็ไปไกลหลายหมื่นจั้งแล้ว
แต่เมื่อเขาถอยกลับ ร่างมหาเทพนิรันดร์ก็ไม่ได้ไล่ตามมา เพียงแค่ยื่นมือออกไปคว้าหมัวเฮอโยว
ท่าคว้าจับนั้นทำให้ฟ้าดินเหมือนหยุดชะงัก หมัวเฮอโยวก็คล้ายกับแมลงที่ถูกแช่แข็งเอาไว้ ไม่สามารถขยับร่างได้เลย มีเพียงความกลัวฉายบนใบหน้า
เมื่อร่างมหาเทพนิรันดร์ชี้มา รัศมีสีม่วงทองก็รวมตัวกันอยู่ข้างหลังหมัวเฮอโยว ร่างเทพสุริยะนิรันดร์ถูกเรียกขึ้นมาโดยไม่มีการควบคุม…
ยามนี้หมัวเฮอโยวรู้สึกกลัวจับใจ
ปัง!
เมื่อร่างมหาเทพนิรันดร์กำมือแน่นร่างเทพสุริยะนิรันดร์ของหมัวเฮอโยวก็ถูกปกคลุมด้วยรอยร้าวก่อนที่จะระเบิดออก
พร้อมกับแรงดูดจากปาก ร่างมหาเทพนิรันดร์ก็กลืนกินแก่นอมตะเข้าไปอย่างสมบูรณ์
อ็อก!
หมัวเฮอโยวได้รับอิสรภาพในเวลานี้ ทันใดนั้นก็กระอักเลือดออกมา คลื่นหลิงรอบตัวก็อ่อนกำลังลง เห็นได้ชัดว่าเขาได้รับบาดเจ็บหนัก!
“มู่เฉิน! แกบังอาจกล้าทำลายร่างเทพสุริยะนิรันดร์ของข้า!”
หมัวเฮอโยวคำรามพลางมองไปที่มู่เฉินอย่างดุร้าย เมื่อแก่นอมตะของร่างเทพสุริยะนิรันดร์ถูกเอาไป ร่างเวทสวรรค์ของเขาก็ถูกทำลาย ถ้าเขาไม่ได้เริ่มต้นฝึกฝนใหม่ก็เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะสร้างร่างเทพสุริยะนิรันดร์ขึ้นมาอีกครั้ง สำหรับเขาแล้วนี่เป็นการระเบิดครั้งใหญ่อย่างไม่ต้องสงสัย
“แกทำให้ข้าต้องทำลายร่างเทพสุริยะนิรันดร์ของตัวเอง ข้าก็เลยทำมั่งไง ก็เจ๊ากันดีนี่” มู่เฉินยิ้มอ่อน
ลูกตาของหมัวเฮอโยวแทบถลนออกมาด้วยความโกรธ ท่าทางน่ากลัวราวกับว่าเขาจะขบหัวมู่เฉินให้ขาดในครั้งเดียว
“ดูเหมือนว่าแกจะไม่พอใจนะ” พอเห็นท่าทางนั่น มู่เฉินก็หรี่ตาลงพลางชี้นิ้วไปที่หมัวเฮอโยวพร้อมกับจิตสังหารในดวงตา
“แล้วไง? แกกล้าฆ่าข้าเหรอ?!” แววตาของหมัวเฮอโยวเย็นเยือกลง ที่นี่คือเผ่าหมัวเฮอ ถ้ามู่เฉินกล้าที่จะฆ่าเขาก็จะตกที่นั่งลำบาก ดังนั้นเขาไม่เชื่อว่ามู่เฉินจะกล้าทำอะไร
“ฆ่ามันซะ”
ทว่าเมื่อหมัวเฮอโยวพูดจบ เสียงเฉยเมยของมู่เฉินก็ดังขึ้น
ดวงตาของร่างมหาเทพนิรันดร์เลื่อนไปมองที่หมัวเฮอโยว
ยามนี้หนังหัวของหมัวเฮอโยวชาหนึบไปหมด สายตาจ้องมองมู่เฉินด้วยความไม่เชื่อ เห็นได้ชัดเขาไม่คิดมาก่อนว่ามู่เฉินจะกล้าฆ่าเขาจริงๆ แต่จากน้ำเสียงแน่วแน่นั่น เขารู้ว่านี่ไม่ใช่มุกตลก
“แกบ้าไปแล้ว!”
หมัวเฮอโยวกัดฟันไม่กล้าอยู่ต่อไป “ข้าถอนตัว!”
เมื่อร่างสีทองเข้มถูกจัดการไปแล้ว เขาก็รู้สึกได้ว่าสามารถถอนตัวออกไปได้
มิติรอบร่างหมัวเฮอโยวบิดเบี้ยวก่อนที่เขาจะถูกส่งออกไปจากเจดีย์
แต่ก่อนที่เขาจะหายตัวไปก็เขม่นมองมู่เฉินอย่างเย็นชา “มู่เฉินอย่าเพิ่งดีใจไป แม้ว่าแกจะได้รับร่างมหาเทพนิรันดร์ แต่แกก็ต้องเอาออกจากเผ่าหมัวเฮอให้ได้ก่อน!”
เมื่อพูดจบเขาก็หายวับไปจากเจดีย์วั้นกู่
มู่เฉินมองไปที่หมัวเฮอโยวอย่างไม่แยแสพลางหัวเราะเยาะ “ทีตอนวิ่งหนีนี่เร็วจริงๆ”
ถ้าหมัวเฮอโยวยังคิดอยู่ที่นี่ต่อไป เขาก็ตั้งใจจะฆ่าอีกฝ่ายจริงๆ ถึงแม้ว่าเขาจะปล่อยให้หมัวเฮอโยว ออกไป แต่เผ่าหมัวเฮอก็ไม่ปล่อยเขาไปหรอก เนื่องจากเขาได้รับการสืบทอดร่างมหาเทพนิรันดร์แล้ว ในเมื่อเป็นแบบนี้ทำไมเขาต้องให้หน้าพวกมันด้วยล่ะ?
ดวงตาของมู่เฉินกะพริบ เขาก้มมองเยี่ยฉิงที่นอนอยู่บนพื้นไกลออกไป เมื่อเห็นสายตาของมู่เฉิน เยี่ยฉิงก็ยิ้มอย่างขมขื่น “ไม่คิดว่าร่างมหาเทพนิรันดร์จะตกอยู่ในมือเจ้า”
เยี่ยฉิงถอนหายใจหลับตาลง “แต่ก็ดีกว่ามอบให้กับไอ้หน้าด้านอย่างหมัวเฮอโยว เจ้าระวังตัวด้วย ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเอาร่างมหาเทพนิรันดร์ไป”
พูดเสร็จก็เงยหน้าไปบนฟ้า “ข้าถอนตัว”
มู่เฉินพยักหน้าตอบว่า “ขอบคุณสำหรับคำเตือน ข้าจะระวังตัว”
เยี่ยฉิงยิ้มไม่พูดต่อ ร่างถูกปกคลุมไปด้วยความผันผวนมิติหายตัวไป
หลังจากเยี่ยฉิงออกไป มู่เฉินก็อยู่ในเจดีย์วั้นกู่เพียงผู้เดียว
เมื่อทั้งหมัวเฮอโยวและเยี่ยฉิงออกไป กระจกทั้งสองบานก็แตกสลาย การมองเห็นภายในเจดีย์หายไป
กระจกหายไป ทว่าทุกคนนอกเจดีย์กลับเงียบกริบ พวกเขารู้สึกได้ถึงความกดดันในบรรยากาศ
ซึ่งมาจากหมัวเฮอเทียนที่หน้าตานิ่งเฉยบนแท่นสูง
หมัวเฮอเทียนมองไปที่หมัวเฮอโยวที่ปรากฏตัวข้างๆ อย่างเย็นชา เขาไม่พูดแค่ไพล่มือไว้ด้านหลังและหลับตาลง
ความเงียบทำให้คนอื่นรู้สึกไม่สบายใจ นี่ช่างคล้ายกับความสงบก่อนพายุจะมา
ทุกคนรู้ดีว่าหมัวเฮอเทียนไม่มีทางปล่อยให้มู่เฉินนำร่างมหาเทพนิรันดร์ออกไปจากเผ่าหมัวเฮอแน่นอน แม้เขาจะเป็นเจ้าของที่ร่างมหาเทพนิรันดร์เลือกก็ตาม!
เมื่อมองไปที่หมัวเฮอเทียนที่หลับตา ชิงเหยี่ยนจิ้งก็สัมผัสได้ถึงความผันผวนรุนแรงในสายตาของอีกฝ่าย
ทว่านางไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้มากนัก สายตากลับมองไปที่เจดีย์ด้วยความเฉียบคมและความเด็ดเดี่ยวในดวงตา
ถ้าหมัวเฮอเทียนกล้าทำอะไรกับลูกชายนางละก็ งานนี้นางไม่ถอยแน่ แม้ว่าจะหมายถึงสงครามเผ่าก็ตาม!
ส่วนฝูถูเฉวียนก็ขมวดคิ้วแน่นขณะมองไปที่ชิงเหยี่ยนจิ้งพลางถอนหายใจเบาๆ ความคิดของนางทำไมเขาจะไม่รู้ นางไม่ปล่อยให้เรื่องสงบลงแน่นอนถ้าหมัวเฮอเทียนกล้าแตะต้องบุตรชายนาง
ถึงเวลานั้นนี่จะไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยอีกต่อไป เหตุการณ์นี้จะเขย่าไปทั่วมหาพันภพ
แต่ตอนนี้นางเป็นผู้อาวุโสใหญ่ที่เป็นตัวแทนของเผ่าฝูถู ดังนั้นหากหมัวเฮอเทียนไม่ยอมไว้หน้าให้นาง นั่นก็หมายความว่าเขากำลังดูหมิ่นเผ่าฝูถู แม้ว่าเผ่าฝูถูจะด้อยกว่า แต่พวกเขาก็จะเผชิญหน้ากับเผ่าหมัวเฮอด้วยทุกสิ่งที่พวกเขามี หากอีกฝ่ายทำเกินไป
นอกจากนี้ฝูถูเฉวียนยังพอใจกับศักยภาพของมู่เฉิน ขณะนี้เขาเห็นควรแล้วว่าชายหนุ่มผู้นี้สมควรดำรงตำแหน่งประมุขเผ่าฝูถูสืบต่อไป ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ไม่มีทางที่เขาจะถอยหลัง…
ภายใต้ความกดดันของทั้งสองเผ่าโบราณ ทุกคนรู้สึกว่าหนังหัวลุกชันไปหมด พวกเขารู้ว่าช่วงเวลาที่มู่เฉินก้าวออกจากเจดีย์วั้นกู่ การต่อสู้สะเทือนปฐพีก็จะระเบิดออก…
นี่จะทำให้เกิดคลื่นยักษ์ในมหาพันภพเลยทีเดียว
ขณะที่บรรยากาศภายนอกตึงเครียดลอยอวล
ในเจดีย์ มู่เฉินก็มองเห็นแสงรวมตัวกันเป็นร่างพร่ามัว นี่คือจิตวิญญาณของเจดีย์วั้นกู่
“ยินดีด้วย ตอนนี้เจ้าคือเจ้าของคนใหม่ร่างมหาเทพนิรันดร์แล้ว” จิตวิญญาณเจดีย์วั้นกู่มองไปที่มู่เฉินและยิ้ม
ดวงตาของมู่เฉินกะพริบก่อนที่จะโค้งคำนับ ร่างเขาสั่นสะท้านซึ่งแสดงให้เห็นถึงความตื่นเต้นในใจ
เขาทำงานหนักวันนี้มานานแสนนาน
จากนั้นคำพูดประโยคถัดมาของจิตวิญญาณเจดีย์วั้นกู่ก็ทำให้เขาสนใจ
“นอกจากนี้เทพจักรพรรดินิรันดร์ยังเตรียมของขวัญไว้ให้กับเจ้าด้วย…”